ตอนที่ 25 : 21 : ความจริง
21
ความจริง
มูกลับคืนร่างจริงหอบตัวโยนด้วยความเหนื่อยอ่อนพลางมองไปยังจุดที่ตนจัดการโจมตีเซลีนีเมื่อครู่ ทุกอย่างตกสู่ความเงียบฝุ่นที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณไม่นานก็เริ่มจางหาย
ภาพเบื้องหน้าคือเซลีนีที่นอนแน่นิ่งพิงโขดหินที่เกิดจากการระเบิดศึกต่อสู้ ผมกลับเป็นสีแดงเช่นเดิม แต่การโจมตีเมื่อครู่ทำให้ผมของเธอถูกตัดจนเหลือแค่ถุงช่วงไหล่ เกราะสีทองแตกร้าวและมีรอยแตกหัก ชุดกระโปรงสีดำมีรอยขีดข่วนจากการโดนฟันในแนวเฉียงยาวจนถึงแขนทั้งสองข้างฟาดฟันลงบนดวงตราวงแหวนดาวห้าแฉกกลับหัวทั้งตัวแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงที่ไหลออกจากบาดแผลลึก
โซ่ตรวนที่พันธนาการร่างของเหล่าภาชนะราชา บอร์กที่คลุมร่างของฮาคุเอย์กับฮาคุริว และวงแหวนเวทย์ที่กักขังเหล่าเฟอร์นาลิสสลายหายไป
บ่งบอกว่าศึกครั้งนี้จบลงแล้ว....รึเปล่านะ
มูรอนและเหล่ากองกำลังเฟอร์นาลิสรีบวิ่งออกมาหามูที่ทรุดอยู่บนพื้น น้ำตาสีใสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเลือดซึ่งเกิดจากการใช้มะโก่ยเกินกำลัง
“จูดัลจัง!!”
โคเกียคุวิ่งไปหาจูดัลที่นอนพิงโขดหินและพูดด้วยน้ำเสียงที่ลนลาน
“บะๆๆๆๆ บาดแผลเป็นไงบ้าง!!! เจ็บมากไหม!!!”
“หนวกหูน่าป้า...เธอสภาพแย่กว่าฉันซะอีก”
ยังไม่วายแซวองค์หญิงคนเล็กด้วยรอยยิ้มปกติ ทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างหนัก โคฮาเองที่พอจะขยับตัวได้แล้วก็เดินมาหาเฟอิซา ส่วนโคเอนและโคเมย์เดินไปดูฮาคุเอย์และฮาคุริว พอรู้ว่าแค่สลบไปก็ค่อยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ความโล่งใจนั้นก็หายไปในแทบจะทันทีเมื่อ...
“ดู...สบายใจกันจังนะ”
“!!!!” ทุกคนหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน มันไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นของเซลีนี!!!
“ทำไม..ทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะหืม...”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นช่างแผ่วเบา บ่งบอกว่าเธอเหนื่อยอ่อนมากขนาดไหน แต่ทุกคนยังตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้งจนทำให้อดยิ้มขำไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง...ข้าขยับไม่ไหวแล้วล่ะ....” ว่าพลางพยายามขยับตัว แต่ไร้ประโยชน์ “ก็....มูเล่นทำลายแหล่งพลังสำคัญของข้าไปแล้ว...ตอนนี้พลังในร่างเกือบจะหายไปหมดแล้ว...”
“คิดว่าพวกเราจะเชื่อเธออีกรึไงยัยคนหลอกลวง!!!”
มูยกมือขึ้นมาขวางน้องสาวตนไว้
“ใจเย็นๆมูรอน...นางขยับไม่ได้จริงๆแล้วล่ะ...”
เพียงแค่นั้นเหล่าเฟอร์นาลิสจึงยอมลดการ์ดต่อสู้ลงแม้จะไม่ค่อยไว้ใจอีกฝ่าย แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่ฟังคำพูดเดินไปกระชากผมของเซลีนีให้เงยขึ้นมาจ้องหน้าตัวเอง
แน่นอนว่าไม่มีใครอื่นนอกจากเขาคนนี้...เร็น โคเอน
“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลย์ลาอยู่ที่ไหน!!!!”
“ทะ...ท่านพี่ใจเย็นๆก่อนครับ!” โคเมย์รีบเข้าไปห้ามพี่ชายตนเอง เพราะคิดว่ายังไงอีกฝ่ายคงไม่ยอมบอกแน่
ถึงแม้เธอจะถูกจิกหัวก็ยังคงยิ้ม...
“อุโมงค์ด้านขวา...เดินตรงไปเรื่อยๆ ราชาของพวกเราอยู่ที่นั่น...”
เป็นอีกครั้งที่หลายๆคนคิดผิด เซลีนียอมบอก...
“แล้วพวกเราจะเชื่อได้ยังไงว่าเจ้าพูดจริง!” เฟอิซาค้านเสียงดังและเดินตรงไปหาเซลีนีกระชากผมของเธอจากมือโคเอนให้หันไปมองตัวเอง “เจ้าหลอกเรามานับไม่ถ้วน!!แถมยังคิดจะฆ่าพวกเราอีก!!แต่ครั้งนี้กลับยอมบอกเพราะว่ารู้ตัวว่าแพ้งั้นเหรอ!!"
“.....นั่นสินะ...” แค่นหัวเราะเบาๆ “คงเป็นเพราะ....โดนทำลายวงแหวนนี่ล่ะมั๊งถึงพูดได้”
“หมายความว่ายังไง!!!” เฟอิซาเพิ่มแรงกระชากผมมากกว่าเดิม
จนตอนนี้หลายๆคนเริ่มกลัวแม่ค้าสุดซึน(หรือยัน?)อย่างเฟอิซาตอนโมโหกันหมดแล้ว
แต่เจ้าทุกข์ที่โดนทึ้งผมยังคงยิ้ม “รักแรก...เขาว่ามันช่างน่าขื่นขม...” คำพูดนั้นทำให้เฟอิซาชะงักทันที “รู้ไหม.. แม้จะขยับไม่ได้แต่ถ้าปากยังใช้ได้อยู่นะเฟอิซา.... ว่าไง... อยากให้ข้าพูดเรื่องเจ้ามากกว่านี้ไหม...”
“....ฮึ่ย!!!”
ยอมปล่อยมือจากผมของอีกฝ่ายและไปนั่งอยู่แถวนั้น
“หมายความว่ายังไง??” โคฮามองเฟอิซาสลับกับเซลีนี
“ก็เปล่านี่...”
โคเมย์ลุกขึ้นเดินไปยืนข้างพี่ชายตน “เล่าเรื่องทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้...”
เซลีนีหลับตาลงและนิ่งไปจนทุกสิ่งตกสู่ความเงียบ ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“แน่นอน... เพราะตอนนี้เวลาเหลือประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่ทุกสิ่งจะจบลงด้วยฝีมือของราชาพวกเรา ว่าไงองค์ชายโคเอน... จะอยู่ฟังหรือจะไปหาราชาข้าล่ะ...”
“.......ข้าจะไปช่วยเลย์ลาแน่อยู่แล้ว!”
“....ถ้างั้น...ข้าจะให้ของขวัญก่อนเจ้าจะไป”
คลี่ยิ้มบางและพูดพึมพำภาษประหลาดออกมา
“!” โคเอนก้มลงมองร่างของตนเองที่แผลเริ่มหายไปและมะโก่ยเริ่มกลับมา
“พวกลูฟดำขาวของยัยเซลีนี...กำลังรักษาโคเอนอยู่” จูดัลพูดออกมาให้คนอื่นรับรู้ก่อนจะเกิดเรื่อง
ไม่นานบาดแผลบนร่างของเขาก็หายไปจนหมด
“อึก...” กัดฟันนิดๆเพื่อทนความเจ็บปวดในร่าง พลังที่เหลืออยู่หมดลงเสียแล้ว “นี่คือ...ของขวัญสุดท้ายที่มอบให้เจ้าเพื่อช่วยเหลือนายของข้า... ไปซะสิ.....ไปช่วยนาง...”
โคเอนนิ่งไปแต่สุดท้ายเขาก็วิ่งไปทางอุโมงค์ที่เซลีนีบอกทันที โคฮาตั้งใจจะวิ่งตามไปแต่ชะงักฝีเท้าไว้เมื่อเห็นวงแหวนเวทย์ดาวห้าแฉกกลับหัวขึ้นมาขวางทางเข้าไว้
“นี่มันเหมือนตอนจะเข้าไปในห้องของเลย์ลาเลย!”
“ถ้าเข้าไป...คราวนี้ตายแน่ๆเลยล่ะ...”
“หมายความว่ายังไง” โคฮาหันไปมองเซลีนี
“ก็หมายความว่าราชาของข้าต้องการให้องค์ชายโคเอนเข้าไปเพียงลำพังยังไงล่ะ.....อึก..” อดทนกับความเจ็บปวดที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่ออีกฝ่ายเข้าไปภายในนั้น
“แล้วทำไมต้องเป็นองค์ชายโคเอนไม่ทราบ” เฟอิซาจ้องเขม็ง
“เรื่องนี้ข้าจะไปรู้รึ ก็ราชาข้าเป็นคนเลือก”
(พูดกวนประสาทเฟอิซาซักนิดชีวิตของเซลีนีแจ่มใส.../ไรท์)
“เอาล่ะ เล่ามาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันและเจ้าเป็นใครกันแน่ เท่าที่ข้าดูเมื่อครู่เจ้าเองก็เป็นผู้ถือครองภาชนะโลหะเหมือนกันแต่ร่างเมื่อครู่มันไม่ใช่ภูษาเวทย์”
โคเมย์รีบพูดขัดก่อนที่เฟอิซาจะไม่ทนแล้วพุ่งไปต่อย...
“ก็จะไปใช่ยังไงล่ะ... นั่นน่ะคือร่างจริงข้าเอง”
“ร่างจริง!!?”
“ใช่... ร่างที่เจ้าเห็นอยู่นี่คือร่างมนุษย์ของข้าบนโลกใบนี้... การที่ข้าคืนร่างจริงได้เพราะข้าปลดพันธนาการที่ราชาของข้าผนึกไว้”
“และยัยเลย์ลาก็คือราชาของยัยนี่” จูดัลพูดขึ้นจนทำให้ทุกคนหันไปมอง
“เป็นไปไม่ได้... เลย์ลาจังน่ะเหรอ”
“มันเป็นไปแล้วป้า” ปาดเลือดมุมปากออก “ตอนนั้นที่ฉันเข้าไปในห้องแล้วโดนยัยเลย์ลาทำร้ายจนสลบ แล้วไอ้ที่เพิ่งมาเนี่ยเพราะเพิ่งตื่น มัวแต่วนเวียนอยู่ในต่างมิติยัยนั่นแล้วหาทางออกไม่ได้”
“ต่างมิติ??” ทุกคนทำหน้าฉงนกับสิ่งที่จูดัลพูด
“เอาเป็นว่ามันคือความทรงจำของยัยนั่น”
“งั้นหมายความว่าจูดัลจังรู้เรื่องหมดทุกอย่างเลยใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิง แต่ก็พอรู้อยู่ว่า...” เหล่มองเซลีนี “ยัยบ้านี่อยู่มานานก่อนยัยแก่ที่เรมซะอีก”
เงียบกริบ....
“หา!!!!!!!!!!!”
“ท่านพี่รู้รึเปล่าคะ!!” มูรอนหันไปถามพี่ชายตนเองแต่ปรากฏว่าส่ายหัววืด
“ฮะๆ ข้าอายุมากกว่านั้นซะอีก ประมาณ..... พันกว่า ไม่สิ...อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ มากจนข้าจำไม่ได้แล้วล่ะ...”
“นั่นมันรุ่นทวดของทวดเลยนะ!!!” เฟอิซาและโคฮาโวยทันที
‘ใช่แล้วล่ะ...’ เซเฮราซาดเอ่ยขึ้นเมื่อเธอสามารถใช้เวทย์มองอีกฝ่ายได้แล้ว
“ท่านเซเฮราซาดรู้เรื่องนี้เหรอครับ?”
‘ใช่แล้วมู... ’
“คิก.... เอาเถอะ... ข้าขอบอกเลยนะว่าเดิมทีแล้วข้าไม่คิดจะทำอะไรพวกเจ้าด้วยซ้ำ แต่เพราะมันเป็นคำสั่งของราชาข้า...ว่าให้ฆ่าพวกเจ้าซะ”
“เลย์ลาจัง..เป็นคนสั่ง” โคเกียคุหน้าหมองลงเล็กน้อย
“ไม่หรอก... ถึงนางจะเป็นคนสั่งแต่ก็ไม่ใช่ราชาตัวจริงของข้า”
โคเมย์มองอย่างสงสัย “หมายความว่ายังไง?”
“ตอนที่ยังคงเป็นเลย์ลา...นางโดนใครบางคนควบคุมให้ใช้พลังที่แท้จริง จนกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนที่ล่ำลือกันทุกอาณาจักรที่พวกเจ้าตามจับกัน จนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อนที่เรื่องพวกนั้นสิ้นสุดลงนั่นคือชีวิตของนางจบลงและโดนจับมาที่นี่... พวกเจ้าทุกคนจำตอนที่เข้ามาได้ไหมที่พื้นมันมีน้ำน่ะ?”
“จำได้อยู่แล้วย่ะ ก็ยังสมองไม่เสื่อมนี่” มูรอนกอดอก
หญิงสาวขำเล็กๆ “น้ำนั่นน่ะจริงๆแล้วมันมาจากลูกบอลน้ำที่ขังร่างของท่านเลย์ลาที่ข้าทำลายมันทิ้ง ซึ่งคนที่ทำก็คือพวกอัลซาเมน”
“อัลซาเมน!!!”
ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน ยิ่งรู้ว่าเป็นพวกองค์กรนั้นด้วยแล้วยิ่งทำให้โมโหกว่าเดิมนัก
“และตอนที่ข้าทำลายลูกแก้วนั่นแล้ว ท่านก็ได้บอกข้าว่า... ‘...หากเจ้ายังคงจงรักภักดีกับข้า จงไปฆ่าทุกคนที่คิดจะขัดขวาง... ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม.....ฆ่าพวกมันซะ’ น่ะ... แต่สุดท้ายก็โดนขัดขวางจนได้...อา... เจ็บแผลชะมัดเลย” หลับตาเชิดหน้าพูดออกมา
“แล้ว... ไอ้ที่ว่าโดนทำลายวงแหวนแล้วถึงพูดได้นี่หมายความว่ายังไง”
“เพราะว่าวงแหวนที่แขนนั้นเชื่อมต่อกับราชา หากข้าพูดอะไรออกไปราชาข้าก็จะได้ยินทุกถ้อยคำ....และเมื่อใดที่ข้าทรยศก็จะต้องถูกกำจัดทิ้งซะ”
“......” มูจ้องมองเซลีนีนิ่งๆ
“ละ...แล้วทำไมถึงต้องเป็นเลย์ลาจังด้วยล่ะ!คนอื่นก็ได้นี่!!”
“คำถามโง่ๆน่าป้า ก็รู้คำตอบอยู่แล้วแท้ๆนี่”
“เอ๊ะ!?”
“ถ้ายังไม่รู้ข้าจะตอบแทนเอง... ก็เพราะว่านางผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะยังไงล่ะ... จำที่นางเล่าไม่ได้รึไงกันว่านางจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ แถมตอนเด็กก็ยังเกิดเรื่องแบบนั้นด้วย .......แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่เหตุผลข้อที่ 2 เท่านั้นล่ะนะ”
“แล้วข้อแรกคืออะไร” โคเมย์ถามต่อในทันที
เธอลืมตาขึ้นแล้วก้มหน้าลงมาเล็กน้อยมองทุกคนและยิ้มให้ “เพราะว่า...นางคือหุ่นเชิดบรรจุลูฟของราชาพวกข้าไงล่ะ”
“หุ่นเชิด!!”
“เดิมทีนางไม่มีความรู้สึกไม่มีอะไร และพวกเจ้าเป็นคนสอน.... หุ่นตัวนี้ดีใช่ไหมล่ะ สอนได้ด้วยนะ”
“โกหก!!เลย์ลาจังน่ะมีชีวิตนะ! เธอไม่ใช่หุ่น!!”
“ไม่หรอก... สำหรับราชาข้าแล้วมนุษย์ทุกคนมันก็เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น สมัยตอนอยู่ที่นั่นก่อนล่มสลายก็เหมือนกันมนุษย์มันก็แค่ของเล่นสำหรับพวกข้าเท่านั้น”
“มะ...ไม่จริง...” โคเกียคุหน้าเริ่มซีดเพราะรับไม่ได้
จูดัลนิ่งไปเมื่อได้ยินว่า ‘ที่นั่นก่อนล่มสลาย’ เขาก็แทบรู้ได้เลยว่าต้องเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พวกอัลซาเมนพูดถึงเป็นแน่แท้...
ที่ซึ่งล่มสลายไปเมื่อนานมาแล้ว.....
‘อัลม่า ทรัน’
“งะ...งั้นข้าขอถามบ้าง...ได้ไหม” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง ซึ่งคนคนนั้นก็คือฮาคุเอย์นั่นเอง เพราะได้พลังของไปม่อนทำให้ได้สติ แต่ฮาคุริวที่ไม่มีจินช่วยจึงทำให้ยังสลบอยู่
“ไหวไหมท่านฮาคุเอย์” โคเมย์เข้าไปดูอีกฝ่าย
“อืม ข้ายังไหวอยู่... ท่านไปดูฮาคุริวเถอะ”
องค์หญิงคนโตยิ้มให้โคเมย์และหันมองไปทางเซลีนี
“ข้าอยากรู้ว่าในเมื่อท่านเป็นถึงปีศาจและยังรู้ว่าเลย์ลาก็คือราชาของเจ้าด้วยแล้วทำไมถึงไม่มาที่จักรวรรดิเจิดจรัส และอีกอย่างหนึ่งก็คือ....เรื่องแหวนหยกขาวลายมังกรวงนี้ว่ามันเป็นของท่านพี่ฮาคุยูใช่ไหม?”
“....... ช่างเป็นคำถามที่เชื่อมโยงกันจริงๆ... ถ้าให้พูดมันจะยาวเพราะงั้นข้าจะย่อเรื่องให้ละกัน ....แต่มันก็ถูกอย่างที่พูด มันเป็นของที่เขามอบให้ข้าเพื่อขอให้ไปเป็นมเหสี... รู้ไหม.......ตอนที่เขาขอข้าตอนนั้นข้าท้องอยู่ด้วยนะ”
คำตอบนั้นทำให้ทุกสายตาของชาวเฟอร์นาลิสหันไปมองกัปตันของตัวเองที่กำลังอึ้งอยู่พร้อมกัน
“ทะ......ท้อง!?”
“ใช่แล้วองค์หญิงฮาคุเอย์... แต่ว่าก็แค่ตอนนั้นน่ะนะ”
ด้วยการที่เห็นหลายๆคนทำหน้างงจึงพูดต่อ...
“เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย...แต่ตอนที่ข้าอยู่คือหลังจากที่องค์ชายฮาคุริวออกมาจากที่เกิดเหตุ ข้าไม่เห็นว่าฮาคุยูอยู่จึงเข้าไปข้างในนั้น...”
ฮาคุเอย์ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ระ...หรือว่าท่านจะเห็น!”
“ใช่...เต็มๆตาเลยล่ะ..ร่างของพี่ทั้ง 2 คนของท่านที่ถูกไฟไหม้นั่นน่ะ... ข้าช็อกมาก ช็อกจนทำอะไรไม่ถูก...ข้าอยากคืนชีพให้ก็ทำไม่ได้เพราะข้าไม่มีพลังมากพอเหมือนสมัยก่อน จึงได้แต่ร้องไห้..... และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไม่ไปจักรวรรดิเจิดจรัสอีกเพราะกลัวภาพพวกนั้นตามหลอกหลอนน่ะสิ...”
“ละ...แล้วเด็กล่ะ...ลูกของเจ้าน่ะ”
เซลีนีมองโคฮาแล้วคลี่ยิ้มสิ่งที่เขาได้ยินต่อจากนี้สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
“ช่วงที่ข้าเห็นร่างของ 2 คนนั้น... ด้วยอาการช็อกนั่นทำให้ข้าควบคุมพลังจริงที่ถูกปิดผนึกของตัวเองไม่ได้ เด็กคนนั้นก็เลย....ถูกข้ากลืนกินจนหายไปหมด...”
ทุกสิ่งทุกอย่างตกลงสู่ความเงียบเมื่อเธอพูดจบ...
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือกด้วยความช็อก....
ยกเว้นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้น...
“งั้นฉันขอถามต่อละกันว่าเจ้าราชาที่เธอพูดถึงนั่นน่ะจะเป็นคนอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า....”
“...ก็ว่ามาสิ ข้าจะได้ตอบใ... ! อั่ก!!!” ขณะที่พูดอยู่ดีๆเซลีนีก็กระอักเลือดออกมายิ่งทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิม
ทน...ได้แค่นี้รึเนี่ย... เธอคิดในใจ
“กะ...เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” มูรอนมองเธอด้วยตกใจ
“อึก...มะ...หมอนั่นผ่านไปครึ่งทางแล้วสินะ...”
“หมอนั่น? ....ที่เจ้าพูดหมายถึงองค์ชายโคเอนใช่ไหม!”
หญิงสาวพยักหน้าให้เฟอิซา “ตลอดทางเดินนั่นราชาของข้าได้วางกัปดักไว้ ซึ่งมันจะเชื่อมต่อกับร่างกายของข้า... อึก...ยิ่ง...ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่... ข้าจะยิ่งทรมานมากขึ้นเท่านั้น...แค่ก...!” กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“ถ้างั้นก็รีบบอกฉันมาเลย!!!” จูดัลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถามในทันที “ว่าเจ้าราชาที่พูดถึงนั่นน่ะเกี่ยวข้องกับไอ้เจ้าตำนานราชาแห่งความมืดผู้หยิ่งยะโสโอหังนั่นเกี่ยวข้องกับพวกเธอใช่ไหม!!”
สิ่งที่จูดัลพูดทำให้เธอถึงกับนิ่งไป
หากเธอพูดออกไป... ก็เท่ากับเธอทรยศนายของตนเอง
แต่หากไม่พูดเธอก็จะ...
“.......” ทางเลือกที่มีเพียงสองอย่างนี้ทำให้เธอลำบากใจไม่น้อยเลย
‘...บอกไปซะสิเซลีนี...’
ชั่วขณะที่เธอกำลังลังเลใจอยู่เสียงของใครบางคนที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นมาในหัว เพียงแค่นั้นก็ทำให้จิตใจของเธอก็เริ่มสงบลง
สุดท้ายเซลีนีก็ยอมบอกชื่อให้พวกเขารู้...
“ใช่แล้ว... ราชาของข้าก็คือคนที่เจ้าพูดถึง นามของท่านผู้นั้นก็คือ.....”
สิ่งที่เซลีนีพูดทำให้จูดัลถึงกับหน้าซีดเหงื่อตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปล่อยมือจากร่างของเซลีนีหันไปมองทางอุโมงค์นั้น
“โคเอนซวยแล้ว!!!” ตะโกนเสียงดังพลางวิ่งไปที่ปากทางอุโมงค์และร่ายเวทย์เพื่อจัดการข่ายมนต์นั่น
....นี่มันแย่กว่าที่ยัยป้าเกียคุเอ็นพูดไว้ซะอีกนะเนี่ย!! ถ้าปล่อยเอาไว้อย่างนี้มีหวังแผนการของฉันก็ผิดพลาดน่ะสิ!!!เสียคนเก่งๆอย่างโคเอนนี่แย่เลยนะเฟ้ย!!!!.... จูดัลคิดในใจ
“ทะ...ทำไมเหรอจูดัลจัง!!? เกิดอะไรขึ้นกับท่านพี่โคเอนกันน่ะ!!!”
“พวกคนเจ็บอย่างป้าน่ะนั่งไปเลย!! ตอนนี้น่ะยังไม่เกิดแต่มันกำลังจะเกิด! โดยเฉพาะถ้าเกิดโคเอนไปถึงตัวยัยเลย์ลาเมื่อไหร่ล่ะก็ซวยแน่!!”
“ทำไมงั้นล่ะจูดัลคุง!พี่เอนน่ะเก่งมากนะ!!”
จูดัลหันไปมองโคฮา “ถึงจะเก่งมากแค่ไหนโคเอนก็ไม่มีทางที่จะสู้ชนะอีกฝ่ายได้ เพราะว่าคนที่หมอนั่นสู้ด้วยไม่ใช่คนธรรมดาๆ!! และไม่แน่ว่า.......โคเอนอาจะได้ตายจริงก็คราวนี้!!!”
และยิ่งนึกถึงชื่อที่เซลีนีพูดด้วยแล้วยิ่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
เมื่อชื่อที่ตนได้ยินนั้นก็คือ...
ทางด้านโคเอนที่วิ่งอยู่ในอุโมงค์อยู่นานจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ตลอดทางเจอกับดักชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นห่าธนูอาบยาพิษ เวทย์กับดักที่ถ้าเหยียบเข้าไปจะถูกแช่แข็ง แต่ส่วนใหญ่เป็นพวกปีศาจตัวเล็กที่ดูไร้พิษสงแต่กลับร้ายกาจ
ถึงอย่างนั้นสำหรับตัวเขาที่แรงกลับมาดีแล้วสามารถผ่านออกมาได้ง่ายดาย
“ลึกชะมัด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ
...คิกๆ..... เสียงหัวเราะที่ชวนขนลุกทำให้ต้องเหลียวไปมองด้านหลังตนเอง แต่กลับไม่พบใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย...
สุดท้ายก็เดินตรงไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ยิ่งลึกขึ้นทางเดินก็เริ่มมืดขึ้นจนไม่มีแสงส่องออกมาจึงต้องคลำไปตามผนังถ้ำแทนที่จะเลือกใช้พลังไฟของจินตนเองเพื่อสะสมพลังมะโก่ยไว้ให้มากที่สุด
ไม่นาน...ก็เห็นแสงที่ส่องออกมาจากมุมหนึ่ง
“ตรงนั้นสินะ...”
พึมพำเบาๆก่อนจะรีบเดินขึ้น ใจอยากจะวิ่งไปแต่เพราะรอบข้างยังมืดอยู่จึงไม่สมควรบุ่มบ่ามวิ่งไปในทันที
และในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายแสงที่ส่องสว่างออกมาถึงกับทำให้ต้องยกมือขึ้นมาบังตา แต่มันก็ยังคงลอดเข้ามาจนต้องหลับตาแน่น
เวลาผ่านไปแสงที่ลอดเข้ามาเริ่มหายไปช้าๆทำให้ลืมตาขึ้นมาได้ ภาพเบื้องหน้าคือใครบางคนยืนหันหลังอยู่บนเนินพื้นลาดชันที่เต็มไปด้วยน้ำ ใต้เท้าเรืองแสงขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ด้าวห้าแฉกกลับหัวคริสตัลที่ประดับอยู่รอบๆผนังส่องประกายสีขาวบริสุทธิ์
คนคนนั้นมีเรือนผมสีดำยาวลากพื้นเปล่งประกายด้วยละอองน้ำ มือเรียวกำด้ามคฑารูปร่างแปลกประหลาดคล้ายพระจันทร์เสี้ยวตรงกลางเชื่อมต่อกันดูเหมือนตรีศูล ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าขนาดใหญ่และสีแดงขนาดเล็ก มีวงแหวนทั้งด้านหน้า-หลังเชื่อมต่อผ่านตัวหอกแหลมคม ตัววงแหวนมีรูปสามเหลี่ยมเล็กๆต่อติดกันจนเป็นสายยาว เป็นสีดำด้านนอกสีขาวด้านใน
คฑานั่นไม่มีความคล้ายคลึงกับคฑาของพวกเมไจเลยแม้แต่น้อย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
แต่ของพวกนั้นไม่อยู่ในสายตาของโคเอนเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่เห็นคนแปลกหน้าที่ยืนหันหลังให้อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาจากปากเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ว่าคนที่ยืนอยู่นั่นคือใคร
ฝ่ายผู้ยืนหันหลังรับรู้การมาถึงของอีกฝ่ายได้จึงหันไปมองเขาอย่างช้าๆ แววตาที่จ้องมองเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ตาขาวกลายเป็นสีดำขับให้สีแดงดูน่ากลัวและเด่นชัดขึ้น เสื้อผ้าที่ดูคุ้นเคยนั่นกลับเปียกชื้นไปด้วยน้ำ
โคเอนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สิ่งที่ขยับมีเพียงปากเท่านั้น เอ่ยเพียงแค่ชื่อของคนตรงหน้าออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย
แต่ใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น...
“........เลย์...ลา...”
เรียกชื่อไปพลางก้าวเท้าเดินไปหาอีกฝ่าย แต่ชั่ววินาทีนั้นเอง
ฉัวะ!!!....
“!!!”
ความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมาจากช่วงท้องทำให้ต้องก้มลงไปดู สิ่งที่เห็นคือเงาของตนกลายเป็นหนามแหลมคมพุ่งขึ้นแทงเข้าที่ท้องอย่างรุนแรงจนเซล้มลงไปนอนกองที่พื้น
และรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้า...ไม่ใช่คนที่ตนรู้จักอีกต่อไป
.
.
.
.
‘....นามของท่านผู้นั้นก็คือ..... ราชาแห่งความมืด ลูซิเฟอร์’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกมากคะ>w<