ตอนที่ 17 : 14 : ครั้งสุดท้าย
14
ครั้งสุดท้าย
“เลย์ลา! นี่มันอะไรกัน!!”
“มะ...ไม่รู้ข้าไม่รู้!!”
“ฮึ่ย!” เด็กหนุ่มรีบหยิบคฑาของตนขึ้นมา ทว่าตอนนั้นเอง.... “!!!!”
โครม!!!! เหล่าลูฟสีดำรวมตัวกันผลักจูดัลให้กระเด็นออกไปจากตรงนั้นไปกระแทกเข้ากำแพงอย่างรุนแรง ไม่พอยังเหวี่ยงกระแทกอย่างอื่นหลายต่อหลายครั้ง สำหรับจูดัลแล้วเขาไม่เคยคาดคิดว่าลูฟสีดำพวกนี้จะทำร้ายเมไจ แถมเขาเป็นถึงเมไจที่ตกอยู่ในความเสื่อม ลูฟสีดำก็ควรที่จะเชื่อฟังเขา แต่นี่กลับไม่ใช่เลย!
โครมม!!!! โครมม!!!! โครมม!!!!
“อั่ก!!!” เด็กหนุ่มกระเด็นไปกระแทกเข้าที่เสาข้างๆห้องจนต้องทรุดลงมากองกับพื้น พวกลูฟดำที่มองเห็นและมองไม่เห็นก็ยังจะพุ่งเข้าไปทำร้ายอีกระลอกหนึ่ง
จนกระทั่ง...
“ยะ...หยุดนะ! หยุดได้แล้ว! หยุดซักที!!!”
เสียงเล็กๆที่แหบแห้งตะโกนออกมาลั่นห้องทำให้พวกมันหยุดอาละวาดแต่พุ่งกลับไปบินล้อมรอบเลย์ลาอีกครั้ง พวกมันไม่ได้ปกป้อง ไม่ได้คุ้มกันเธอ...
แต่กำลังทำร้ายเธอด้วยเสียงเหล่านั้น...
“จะ...จูดัล....” เธอมองเมไจของจักรวรรดิเจิดจรัสอย่างหวาดๆ
แขนสั่นๆของอีกฝ่ายยันพื้นไว้ไม่ให้เซ น้ำที่ไหลลงมากจากศีรษะหยดลงสู่พื้น....... น้ำที่มีสีแดงเข้มเหมือนกับเลือด
“ชิ... หัวแตกงั้นเหรอเนี่ย...” สบถเบาๆและยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองที่แตก เมื่อก้มลงสำรวจร่างตนเอง พบว่ามีรอยช้ำจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่น้อยเลย สายตาจ้องเขม็งไปที่เลย์ลากับเหล่าลูฟสีดำ “เล่ามาให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้! เกิดอะไรขึ้น!”
เธอส่ายหัวจน “มะ....ไม่ได้....ข้าเล่าไม่ได้!”
“บอกให้เล่าไง!!!”
“!! ตะ.... ‘ตอนนี้พลังในร่างข้ามากขึ้นกว่าเดิมจนรับไม่ไหว!!! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จู่ๆลูฟพวกนี้กลับมากขึ้นกว่าเดิมทั้งๆที่ข้าไม่ได้ทำอะไร!!!!’....”
เธอตะโกนออกไปสุดเสียง แต่ทว่า...
“เอ้า!! ‘ตะ’ อะไรล่ะ! พูดมาให้จบสิ จะอ้าปากพะงาบๆทำไม!!”
กลับไม่ได้ยินเสียงที่เธอตะโกนออกมานอกจากคำว่า ‘ตะ’....
“ว่าไงเลย์ลา!!!... !!!”
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อจูดัลก็ต้องชะงักอีกรอบเมื่อลูฟสีดำรวมตัวเข้าไปในตุ๊กตาดินเผาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง มันกลายสภาพกลายเป็นตัวประหลาดขนาดใหญ่สีดำ รูปร่างคล้ายกับจินแห่งความมืดที่บัลแบดแต่ตอนนี้ตัวมันมีเพียงครึ่งร่าง ฝ่ามือขนาดใหญ่ฟาดเข้าที่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกไปนอกห้อง
โครมมม!!! ประตูกระเด็นออกมาพร้อมกับร่างของจูดัลเสี่ยงดังสนั่นจนสร้างความตกใจให้แก่พวกคนที่อยู่ข้างนอกห้องเป็นอย่างมาก
“จูดัล/จัง!!!!” องค์ชายและองค์หญิงรีบวิ่งเข้าไปดูร่างของนักบวชหนุ่มที่นอนสลบคาซากประตูที่กระเด็นออกมาด้วยสภาพที่ดูไม่ได้
“คะโคบุนรีบมารักษาจูดัลจังที!!!!”
“ครับองค์หญิง!”
เฟอิซาหันกลับไปมองทาทิศที่ประตูลอยมา “เกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่!!!”
“ข้าเข้าไปดูเอง!” องค์ชายอันดับสามวิ่งไปทางประตูนั่น แต่ทว่าทันทีเขาก้าวขาผ่านเข้าประตูนั้นไป...
เปรี๊ยะๆๆๆ!!!!
“ว้ากกกก!!” ประจุไฟฟ้าสีดำสลับแดงช็อตร่างของเขาและผลักกระเด็นออกมาจากทางเข้านั้น
“องค์ชายโคฮา!!!” เฟอิซารีบพุ่งไปรับร่างของโคฮา “เป็นอะไรรึเปล่า!!เฮ้!!” มือบางตบใบหน้าอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ผลเมื่อโคฮาโดนช็อตจนสลบไปแล้ว
“นะ...นั่นมันอะไรกัน”
องค์หญิงคนเล็กมองไปทางประตูนั้นหวาดๆ ในใจนึกเป็นห่วงเพื่อนที่อยู่ในห้อง แต่ตอนนี้เธอเป็นห่วงคนบาดเจ็บอย่างจูดัลและพี่ชายของเธอมากกว่า ดังนั้นแล้วจึงออกคำสั่งห้ามใครเข้าไปภายในห้องจนกว่าองค์ชายคนโตกลับมา และสั่งให้พานักบวชและพี่ชายไปรักษา
ดวงสีทับทิมหันกลับไปมองห้องของเลย์ลา เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากอธิษฐานให้เลย์ลาปลอดภัย...
ภายในห้องเล็กๆที่เต็มไปด้วยของพังเละเทะ บนกำแพงมีรอยกรงเล็บจากตัวประหลาดเมื่อครู่นี้ ลูฟสีดำบินว่อนไปทั่วห้องหญิงสาว เลย์ลานั่งกอดเข่าตัวเองเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงท้องฟ้ายามราตรีอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ทั่วทั้งร่างตอนนี้โดนความมืดกลืนกินไปเกือบทั้งหมด เหลือเพียงแค่ใบหน้าซีกซ้าย...
“จะ...ทำไงดี... หากเป็นแบบนี้ต่อไป...ต้องเกิดเหตุร้ายเป็นแน่.....ข้าควรทำยังไงดี”
ทำได้เพียงแค่พูดให้ตนเองฟัง เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งและปิดลงช้าๆ
.....เหนื่อย..จังเลย......ขอพักซักหน่อยละกัน.... เธอคิดในใจและผล็อยหลับไป...
.
.
.
.
.
‘เล....’
‘เลย์....’
‘เลย์ลา....’
‘เลย์ลา เลย์ลา!’
เสียงตะโกนดังขึ้นจนต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่เห็นไม่ใช่ห้องที่ดูคุ้นเคยแต่ตัวเธอยืนอยู่บนพื้นผิวน้ำที่ส่องสะท้อนท้องฟ้ายามราตรี แต่แสงของเหล่าดวงดาวเริ่มมืดหม่นเหมือนกับกำลังดับลงไป
“ที่นี่..ที่ไหนกัน”
‘ที่แห่งนี้คือ...ภายในตัวเจ้ายังไงล่ะ’
“! เสียงใครน่ะ”
‘ข้าเองเลย์ลา...’ เหล่าลูฟสีดำที่จูดัลมองไม่เห็นได้รวมตัวกันกลายเป็นร่างเงาของใครบางคนที่ดูคุ้นเคย
ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้าแต่ก็รับรู้ได้ว่าเป็นใคร...
“.....เจ้าคือ...ผู้ชายคนนั้น...”
‘ใช่’
“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้...”
‘ตัวจริงของเจ้ากำลังออกฆ่าคนไงล่ะ...’
“...อีกแล้วสินะ.....แล้วเจ้าล่ะมีธุระอะไรอีก”
‘ข้าต้องการมาพูดกับเจ้า...เพราะทั้งเจ้าทั้งข้าก็เป็นคนเดียวกัน’
“.....ข้ายังไม่อยากไปจากพวกเขา” เธอพูดด้วยเสียงที่แสนสั่นเครือ “แต่ข้าก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเช่นกัน... ข้าควร.. ทำยังไงดี”
‘เลย์ลา... ข้าเองก็อยากช่วยเจ้าแต่มันสายไป เจ้าไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมนี้ได้อีก ทั้งเจ้าและข้าตอนนี้ก็ตกเป็นเครื่องมือของเร็น เกียคุเอ็นแล้ว..’
“แล้วข้าควรทำยังไง! ข้าต้องนั่งเฉยๆอยู่เช่นนี้งั้นเหรอ!!”
‘ทำไมถึงยังอยากมีชีวิตอยู่อีกล่ะ’
“....อะ...อะไรนะ?”
‘เมื่อก่อน...เจ้าปรารถนาความตาย แต่ตอนนี้กลับปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และเหตุผลที่เจ้าเคยตั้งมั่นไว้คือการชดใช้ความผิดที่ได้ทำไว้ ในยามนี้...เจ้ายังคิดเช่นนั้นอยู่หรือไม่’
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไร้เสียงใดสอดแทรกเข้ามา หญิงสาวนิ่งเงียบไปเสียจนเขานึกว่าคำตอบจะมีเพียงเช่นนั้น
“ตอนนี้ข้าก็ยังคงคิดเช่นนั้น...”
จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาทำให้เขาต้องนิ่งเงียบไปบ้าง
“ข้าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยได้ทำไว้... แต่ในตอนนี้ข้ามีบางความต้องการเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้ว...”
‘มันคืออะไร...’
“ข้าต้องการ....ปกป้องทุกคนค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นคลี่รอยยิ้มแสนเศร้า น้ำตาไหลอาบใบหน้าหวานที่ซูบซีดลงเล็กน้อย “....ตอนที่ได้อยู่ที่นี่... ข้าได้เรียนรู้เรื่องต่างๆมากขึ้น.. ได้รับความสุขจากโคเกียคุจัง... ความไว้วางใจจากองค์หญิงฮาคุเอย์กับจูดัล... และได้รับการดูแลจากท่านโคเอ็น ท่านโคเมย์ ท่านโคฮา และฮาคุริว... พวกเขาไม่นึกรังเกียจข้า นั่นทำให้ข้ามีความสุขมากจริงๆ เพราะงั้นแล้ว... ข้าถึงได้อยากปกป้องพวกเขา ไม่อยาก...ให้ได้รับความเดือดร้อนจากข้าที่เปลี่ยนไป”
‘.....ข้าดีใจนะที่เจ้าคิดได้เช่นนั้น แต่ถึงยังไงก็หนีไม่พ้นชะตากรรมนั้น’
“ค่ะ...”
‘เลย์ลา... ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้ไว้ สาเหตุที่ลูฟสีดำเพิ่มมากขึ้นนั้นเกิดจากตัวเจ้าที่โดนลูฟสีดำที่เกียคุเอ็นใส่เข้ามาในร่างเมื่อตอนที่เธอนอนครั้งนั้น... เมื่อตกดึกและเจ้าเข้าสู่ห้วงนิทรา ตัวเจ้าอีกคนก็จะตื่นแล้วออกไปฆ่าคน ทำให้ลูฟสีดำพวกนั้นเพิ่มขึ้นมากจนเธอหวาดกลัวขนาดนี้ยังไงล่ะ...’
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ท่านเกียคุเอ็น...เป็นคนทำงั้นรึ...” มือเล็กที่สั่นเทายกขึ้นมาแตะที่กลางอกตัวเอง “ทะ...ทำไงดี... หากเป็นเช่นนี้ต่อไปล่ะก็”
‘ข้าจะให้ยืมพลัง’
“พลังอะไ ....อ๊ะ!”
ไม่ทันที่พูดจบ เธอก็สะดุ้งตกใจเมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้มาก และยกมือขึ้นมา นิ้วของเขาแตะลงตรงกลางหน้าผากของเธอ แสงสีขาวอ่อนๆส่องออกมาจากปลายนิ้ว เหล่าลูฟทั้งหลายที่บินอยู่หายไปจากบริเวณนั้น ร่างกายส่วนที่โดนความมืดกลืนกินเริ่มกลับเป็นสีเนื้ออย่างเช่นเคย...
เขาผละออกมาจากตัวเธอ และมีแสงส่องออกมาจากหลังฝ่ามือขวาเป็นตรารูปดาวห้าแฉกกลับหัว...
‘ตอนนี้ข้าใช้พลังส่วนหนึ่งของข้าช่วยห้ามเจ้าไว้... แต่มันก็ทำได้เพียงคืนนี้เท่านั้น...เพราะพลังของข้าตอนนี้ไม่สามารถใช้ได้มากเหมือนในอดีตกาล... เลย์ลา ข้ามีเวลาให้เจ้าเพียงแค่คืนนี้คืนเดียว เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายที่เจ้าจะสามารถครองสติได้ก่อนจะสูญสิ้นทุกอย่าง...’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้างงเขาจึงอธิบายต่อ ‘หากคืนพรุ่งนี้มาถึงเจ้าจะต้องเจ็บปวดทรมานกับบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงในร่างของเจ้า พลังในร่างทั้งหมดจะถูกปลุกขึ้น สติสัมปชัญญะจะไม่สามารถ’
“ทำไม...ถึงทำเพื่อข้าขนาดนี้....”
ชายหนุ่มยิ้มออกมา ‘เมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง.... เอาล่ะหลับตาลงแล้ว ไปทำสิ่งที่เจ้าต้องการซะ...’
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง “...ขอบคุณเจ้ามากนะ...” เธอหลับตาลงช้าๆ...
.
.
.
กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!
เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิง กลิ่นคาวกับความเหนียวหนืดในลำคอและบนริมฝีปากชวนให้ฉงนจนต้องยกมือขึ้นมาแตะ... ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อฝ่ามือเต็มไปด้วยสีแดงฉาน และร่างที่เปลือยเปล่าของตนเองถูกปิดด้วยผ้าสีดำนั่งอยู่บนร่างของเหยื่อ เมื่อก้มลงไปมองมืออีกข้างที่รู้สึกเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างดูดกลืนก็ได้พบว่ามือตัวเองเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของหญิงสาว ซึ่งมันอยู่ในท้องที่แหวกออกของอีกฝ่าย
ใบหน้าที่ซีดเผือกของเหยื่อผู้น่าสงสารบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เหล่าลูฟสีดำที่รายล้อมบ่งบอกให้เห็นว่าหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นสิ้นใจแล้ว
“อุ๊บ!...อ้วก!!!”
มือบางยกขึ้นมาปิดปากแต่ไม่อาจกันของเหลวในร่างที่ถูกขับออกมา ทางปาก เธอผละออกมาจากร่างของเหยื่อมาอาเจียนข้างๆกัน เรือนผมยังคงเป็นสีดำไม่กลับคืนเป็นสีเงิน
“แฮ่ก...แฮ่ก....”
“เสียงดังมาจากทางนี้!!!รีบมาเร็ว!!!”
ร่างบางรีบลุกขึ้นด้วยความตกใจหลังจากอาเจียนออกมา วิ่งจากบริเวณนั้นแทบทันทีแต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมหาศาลวิ่งตามมา แทนที่จะเหนื่อยแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายเบาเหมือนกับจะลอยได้...
ไม่ต้องคิดให้เปลืองเวลา เท้าซ้ายเหยียบพื้นให้มั่น เพิ่มแรงออกตัวกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางความตกใจของพวกทหาร เธอตอนนี้...กำลังลอยตัวอยู่บนอากาศ บนท้องฟ้ากว้างในคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์
“สุด...ยอดเลย...” เธอพึมพำเบาๆ แต่ก็แค่ไม่นาน “! นะ...นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตื่นเต้นนะเลย์ลา...”
ย้ำคำพูดอีกครั้งเมื่อตกลงสู่บ้านเรือน เธอกระโดดไปมาระหว่างบ้านต่อบ้าน จากการกระโดดเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่จักรวรรดิเจิดจรัส แต่คล้ายคลึงกัน หรืออีกความหมายก็คือ ที่นี่คือบัลแบด...
ที่วังของบัลแบดซึ่งเปลี่ยนเป็นของจักรวรรดิเจิดจรัส ภายในห้องที่เต็มไปด้วยม้วนเอกสาร โคเอนยังคงนั่งทำงานอยู่ที่นั่นหลังจากวางแผนจับต้นตอของเรื่องทั้งหมด
ตึก.... เสียงบางอย่างดังขึ้นข้างหลังเขาทำให้เอะใจเล็กน้อย มือหนาจับฝักดาบที่วางอยู่ข้างๆตน ด้วยการที่ตนเป็นคนมีประสบการณ์เรื่องสงครามและมักจะโดนลอบฆ่าจึงใจเย็นอยู่เสมอ ยิ่งฝีเท้าเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ตัวดาบก็เริ่มถูกดึงออกมาช้าๆ แต่จู่ๆเสียงนั้นก็เงียบลงไป
“เจ้าเป็นใคร...”
ชายหนุ่มพูดโดยไม่หันมามอง แต่ผู้บุกรุกก็ยังคงเงียบจนเขาเริ่มโมโห และจะอ้าปากต่อว่า ผู้บุกรุกก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วย....
“...ท่านโคเอน...” น้ำเสียงที่ดูคุ้นเคย...
โคเอนลุกขึ้นออกจากเก้าอี้หันไปมองในแทบทันที แต่ภาพที่เห็นทำเขานิ่งไปเมื่อเธอนั้นเปลี่ยนไป แม้ตามตัวจะไม่เปื้อนเลือดแล้วก็ตาม แต่ผมสีเงินที่กลายเป็นสีดำ และทั้งตัวมีเพียงแค่ผ้าคลุมสีดำปกปิดนั้น...
ทำให้เขาเองตกใจไม่น้อยเช่นกัน....
“เลย์..ลา....?”
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเลย์ลาวิ่งมากอดอีกฝ่ายแน่น ความปรารถนาตอนนี้มีเพียงต้องการเห็นหน้าคนที่ตนรักอีกครั้ง
ก่อนที่จะต้องลาจากกัน...
“ข้าอยากเจอท่าน...”
“เลย์ลา...” มือแกร่งดันร่างอีกฝ่ายออกเล็กน้อย “เจ้า....เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึง...?”
ร่างบางยกนิ้วขึ้นมาแตะปากอีกฝ่ายเบาๆแล้วส่ายหัวยิ้มเศร้า
“ได้โปรด...อย่าถามอะไรข้าเลยค่ะท่านโคเอน... ได้โปรด”
พอได้ยินเช่นนั้นเขาถึงกับนิ่งไปและถอนหายใจออกมา โคเอนยอมทำตามที่เธอขอ เขาไม่ถามว่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ได้โดยคิดว่าอาจจะเป็นพลังของเธอ ยอมเก็บคำถามเรื่องสิผมที่ต้องการพูดเพื่อเธอสบายใจ แต่เขากลับรู้สึกแย่เหมือนกับมีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับหญิงสาวตรงหน้า
เลย์ลาเข้ามาช่วยคนรักตนเองทำงาน เมื่องานเสร็จก็พูดคุยกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน พอเขาให้ดาบที่สั่งทำเธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจจนกระโดดกอดเขา
“ขอบคุณมากนะคะท่านโคเอน... เป็นดาบที่สวยมากเลยล่ะค่ะ”
“ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว...”
“ค่ะ!” เธอคลี่ยิ้มหวานออกมา ตอนนี้เธอนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก ที่มองไม่เห็นเหล่าลูฟสีดำกลุ่มนั้น ไม่ได้ยินเสียงสาปแช่งตน... เธอมีความสุขมากจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
‘เลย์ลา....เวลากำลังหมดลงแล้ว’
เสียงของชายคนนั้นดังก้องอยู่ในหัว เธอนิ่งไปในทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้โคเอ็น
“ข้าคง... ต้องไปแล้วค่ะ”
ยิ่งได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้นโคเอ็นกลับรู้สึกแย่กว่าเดิม... ราวกับว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าของเธอ ขณะที่ร่างบางกำลังลุกออกจากเตียงมือหยาบกร้านกระชากแขนเธอดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ทะ...ท่านโคเอน?”
“.......ข้าขอเอาแต่ใจซักครั้ง...เลย์ลา...ได้โปรดอยู่ต่ออีกสักพัก... อย่าพึ่งไปจากข้าเลย”
อ้อมแขนแกร่งกระชับร่างเล็กนั้นแน่น แน่นเสียจนไม่อยากปล่อยเธอให้หายไป เลย์ลาถึงกับนิ่งเงียบไป น้ำตาเริ่มเอ่อคลอดวงตาสีแดงชาด ความอบอุ่นที่เธอได้รับอยู่นี้เธอไม่อยากไปจากมันเลยแม้แต่น้อย แขนเล็กๆกอดตอบอย่างสั่นเทา ร้องไห้ซุกที่เนินไหล่กว้างของโคเอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา
เขาผละออกมาจากเธอมือหนาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มสีชมพู น้ำตาเริ่มไหลลงจากดวงตาคู่งามที่ปิดลง
....ได้โปรด...ขอเวลาให้ข้าอีกสักนิด....ขอให้ข้าได้อยู่กับเขามากกว่านี้ด้วย......ได้โปรดเถอะ...
เธอร้องไห้อ้อนวอนขอร้องต่อดวงชะตาของตนเองที่ไม่อาจเป็นจริงได้ หลังเล็กถูกดันให้นอนลงบนเตียงกว้างทาบทับด้วยร่างสูง เธอไม่คิดจะขัดขืนอีกฝ่ายทำได้เพียงแค่เอนอ่อนผ่อนตาม และปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการ กับการชักนำของเขา แม้ความรู้สึกที่เหมือนกับร่างบางที่อยู่ใต้ร่างของเขากำลังจะหายจากเขาไปตลอดกาลยังคงอยู่ก็ตามที ตลอดการร่วมรักของทั้งคู่มือทั้งสองสอดประสานกันราวกับว่าหากปล่อยมือนั้นออกจะไม่ได้พบกันอีกครั้ง...
ความปรารถนาที่ตัวโคเอนต้องการคือเป็นราชาของโลก แต่ในตอนนี้มีความปรารถนาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเช่นกัน คือเขาจะปกป้องพี่น้องและคนรักของตนเอง
จะไม่ยอม...ให้ใครมาทำร้ายอย่างแน่นอน
.
.
.
ในที่สุดรุ่งเช้าของวันใหม่ก็มาถึง... เลย์ลานั่งอยู่บนเตียงหลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว มือเรียวบางลูบหัวของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง เธอคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา รูปดาวห้าแฉกบ่นฝ่ามือเริ่มจางหายไป ความมืดเริ่มกลับมากลืนกินร่างหญิงสาวจนเหลือเพียงใบหน้าซีกซ้ายอีกครั้ง...
“ท่านโคเอน....” ร่างบางก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาทั้งน้ำตาก่อนจะผละออกมา “ข้ารักท่านมากจริงๆ...ขอบคุณ... สำหรับทุกอย่างนะค่ะ”
สิ้นคำความมืดก็กัดกินร่างของเธอจนกลายเป็นสีดำจนหมดและสลบลงข้างๆโคเอ็น วงแหวนเวทย์โผล่ขึ้นมาบนร่างของเลย์ลาและหายไปจากตรงนั้นด้วยเวทย์เคลื่อนย้ายกลับไปยังจักรวรรดิเจิดจรัส
แสงของแดดเริ่มแยงตาจนทำให้เขาต้องลืมตาตื่น เมื่อลุกขึ้นกลับไม่พบร่างของหญิงสาวคนรักของตน ยิ่งทำให้ใจเริ่มเสีย สัมผัสที่แผ่วเบาบนริมฝีปากตนยังคงรู้สึกได้ โคเอนลุกขึ้นไปแต่งตัวประกาศเรียกประชุมน้องชายและพวกขุนพลของตัวเองในทันที
“กลับจักรวรรดิ!!!!!!!!!!”
**********************
ในห้องโถงของจักรวรรดิเจิดจรัสที่เต็มไปด้วยเหล่าอัลซาเมนยืนเรียงล้อม บนบัลลังก์นั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ นางก็คือเกียคุเอ็นนั่นเอง เธอนั่งยิ้มอย่างเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ...
ลูกแก้วขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุร่างของเลย์ลาที่โดนความมืดกัดกินจนสิ้น..
“ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของเรา”
“ลูฟสีดำช่างมหาศาลเหลือเกิน...”
“นางคือผู้เป็นที่รักของเหล่าลูฟแห่งความมืดตัวจริง”
อีกนานาคำพูดจากปากของเหล่าอัลซาเมน เกียคุเอ็นหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“อีกไม่นาน.... ทุกสิ่งก็จะตกลงอยู่ในความมืดและท่านพ่อของเราก็จะฟื้นคืนชีพ.... อา... ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”
“โอ... ท่านเกียคุเอ็น ตอนนี้องค์ชายโคเอ็นกำลังกลับมาที่นี่ครับ”
“คิก... ไม่เป็นไร เพราะกว่าจะกลับมาก็สายเกินไปแล้ว” จักรพรรดินีเงยหน้ามองเลย์ลาที่หลับใหลอยู่ในลูกแก้วและลุกขึ้นจากบัลลังก์ตนเอง “เอาล่ะทุกคน! ได้เวลาแห่งการแก้แค้น!กันแล้ว!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำซึ้งเบย เลย์ล่าจางงง แง