ตอนที่ 16 : 13 : ลูฟสีดำ
13
ลูฟสีดำ
เรื่องราวอันแสนแปลกประหลาดยังคงมีมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา สร้างความระส่ำระส่ายให้แก่หลายประเทศ ทั้งซินเดรีย จักรวรรดิเรม จีซาน และบัลแบดเป็นอย่างมาก
ต่างคนต่างพยายามหาต้นตอของเรื่องนี้กันอย่างขะมักเขม้น แต่ก็ไร้ร่องรอยของหญิงสาวปริศนานั้น เป็นเหตุที่ทำให้โคเอ็นไม่สามารถกลับมายังจักรวรรดิเจิดจรัสได้ในตอนนี้จนงานแต่งต้องเลื่อนออกไปอีก 2 อาทิตย์
บนทางเดินของวังที่กลายเป็นแบบจีนในตอนกลางคืน ขณะนี้องค์ชายอันดับ 2 เร็น โคเมย์กำลังถือห่อผ้าอะไรบางอย่างและตรงไปที่ห้องทำงานของพี่ชายตน
ก๊อกๆ แอ๊ดด.... เมื่อเคาะประตูบอกเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปภายใน
“ท่านพี่โคเอ็น ตอนนี้พวกเราจัดการเปลี่ยนแปลงบัลแบดกลายเป็นของเราเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี” เขาละสายตามาจากม้วนงาน “ของที่สั่งล่ะ”
“นี่ครับ ข้าตรวจดูแล้ว แข็งแรงและทนทานตามที่ท่านพี่สั่งเลยครับ”
โคเมย์ยื่นห่อผ้าให้พี่ชายของตน ชายหนุ่มรับมาวางบนโต๊ะและแกะห่อผ้านั้นออกดู สิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั่นคือดาบยาวแนวจีนขนาดกลาง ไม่มีการตกแต่งมากนักเพื่อให้เหมาะแก่การต่อสู้ ตัวฝักดาบเป็นสีดำ เมื่อชักดาบออกมาจะเห็นถึงความเงาของตัวดาบได้เป็นอย่างดี น้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินกำลังทำให้แม้แต่ผู้หญิงก็ยังถือได้
ตอนแรกที่โคเอ็นสั่งไปเป็นอีกแบบที่ดูแปลกเกินไปจนโคเมย์ต้องเข้ามาช่วยแก้ไขแบบให้ช่างตีดาบ ไม่งั้นคงได้ดาบที่ออกแบบเฉิ่มๆแถมเชยไร้รสนิยมแน่นอน
“ใช้ได้เลย...”
“ตอนแรกที่ข้าเห็นก็ประทับใจเช่นกัน นักตีดาบประจำจักรวรรดิของเราไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ”
“หึ นั่นสินะ ลองทำให้ตามที่ต้องการไม่ได้ดูสิ ข้าจะตัดหัวซะ” มือเก็บดาบเข้าฝักและห่อยื่นกลับไปให้น้องชายตนอีกครั้ง “เก็บไว้ดีๆล่ะโคเมย์”
“ครับท่านพี่ แต่...จะให้นางตอนไหนรึครับ”
“หลังจากจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้วตอนกลับไปค่อยให้...” หยิบแผนที่ขึ้นมากางบนโต๊ะ “ตอนนี้ทั้งเรม มัคโนซุสตัส ซินเดรีย ต่ากง็ประสบปัญหาเหมือนกันคือโดนผู้หญิงลึกลับบุกไปฆ่าผู้คน ถึงที่นี่จะยังไม่เกิดเรื่องขึ้น แต่ก็อย่ามั่นใจ บอกพวกทหารให้เดินตรวจตราตอนกลางคืนเข้มขึ้นกว่าเดิม”
“ครับท่านพี่”
องค์ชายลำดับสองก้มโค้งให้พี่ชายตนและเดินออกไปนอกห้อง ชายหนุ่มนั่งอ่านเอกสารต่างๆอย่างเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไป เหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่จักรวรรดิเจิดจรัส ม้วนเอกสารถูกวางลงบนโต๊ะ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ท้องฟ้ายามกลางคืนแต่เป็นหญิงสาวผมสีดำตาสีแดงตัวเปลือยเปล่าที่บางส่วนเลอะเลือดและถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมสีดำตามคำที่ได้ยินมาจากที่อื่นๆ
ดวงตาสีแดงของหญิงสาวเหลือบหันมามองเขา ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆให้ก่อนที่จะกระโดดหายไปจากสายตาเขา
ตึกๆๆๆๆ!! “ท่านพี่!!!!เกิดเรื่องแล้วครับ!”
“.....ข้ารู้แล้ว”
ผู้บัญชาการหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปจากห้องนิ่งๆ ตัวเขารู้ว่าเรื่องร้ายที่น้องชายกำลังจะมาบอกคือเรื่องอะไร
ในเมื่อภาพที่เห็นเมื่อกี้บอกเขาได้อย่างดี..
*******************
[ณ ประเทศซินเดรีย]
“ฟู่วววว...”
ริมฝีปากบางเป่าไอร้อนจากเนื้อย่างเบาๆ และเอาใส่ปากขณะกำลังเดินไปมาในกลางตลาดบาร์ซ่า ฮัลวามองพวกชาวบ้านที่ยังคงอยู่ดีมีสุขไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น
ทำให้เธอมั่นใจได้เลยว่าที่นี่เชื่อใจในตัวราชาและขุนพลมากขนาดไหน
“เบื่อจังเลยน๊าาาา...”
ปากบ่นพึมพำอย่างเบื่อหน่าย เธอว่างซะจนต้องออกมาเดินเล่น เซลีนีจากเอาของกินมาให้แล้วก็หายไปไหนอีกแถมไม่ยอมบอก
ฮัลวากำลังเดินเล่นอยู่ดีๆนั้นก็โดนลากเข้าไปในตรอกซอย!!
“อะไรน่ะ! ปล่อยนะ!” สะบัดแขนแล้วหันไปมองผู้ที่กระชากแขนตนเข้ามา “นายมันเจ้าราชาบ๊อง!!”
“อีก 2 วันที่พูดเมื่อครั้งนั้นคืออะไร!?” ซินแบดถามเป็นอย่างแรก
“นี่ยังสงสัยอยู่อีกเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอพูดถึงอะไรกันแน่....เดี๋ยวนะ ในมือนั่นมันเนื้ออะไรย่างน่ะ?”
ฮัลวาก้มลงมองในมือตัวเอง “อ๋อ นี่น่ะเหรอ เซลีนีเป็นคนทำให้น่ะ เห็นว่าเป็นเนื้อปาปากอส”
“ปาปากอสงั้นเหรอ!!?”
“ก็ใช่น่ะสิ มันแปลกรึไง??”
“.....ปาปากอสน่ะเนื้อของมันอร่อยก็จริงแต่ว่าจงอยของมันน่ะสามารถทำลายได้แม้แต่หิน การจับมันน่ะยากนะ”
“เหหหห..... ไม่เห็นแปลกเลยนี่ก็เพราะนางเก่งไง” เด็กสาวยืนหัวเราะเบาๆ “งั้นมาเข้าเรื่องกันดีกว่านะ เจ้าอยากรู้ความหมายของ ‘2 วัน’ ที่ข้าพูดถึงสินะ งั้น....ทำตามที่ข้าพูดก่อนละกัน”
“ห๊ะ??”
และแล้วราชาของเราก็กลายเป็นเบ๊ชั่วคราวของเด็กสาวแปลกประหลาดคนนี้เสียแล้ว ตลอดทั้งวันซินแบดต้องมาถือของกินเล่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อีกทั้งคนที่จ่ายก็คือเขาเอง ตัวเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่กับเด็กอย่างเธอมากนัก แต่เพราะต้องการข้อมูลถึงได้ยอมทำขนาดนี้
ซินแบดไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าที่อัดอั้นความโกรธไว้นั้นทำให้เธอต้องกลั้นหัวเราะมากขนาดไหน ยิ่งเห็นยิ่งทำให้นึกถึงพี่ชายคนโตของตน ถึงแม้อีกฝ่ายจะใจร้ายกับพี่สาวคนเล็กแต่ใจดีกับเธอมาก
เท้าทั้งสองที่เดินตามหลังชะงักลงทันทีเมื่อนึกถึงอดีต
ราชาหันไปมองฮัลวาที่หยุดเดิน “? เป็นอะไรไปน่ะ?”
“ราชาบ๊อง... เราไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ!” ร่างเล็กดึงแขนซินแบดวิ่งตามตนเองไป
ซึ่งที่ๆเธอพามาคือป่าที่ตั้งอยู่ข้างสมาคมแห่งการค้าและวังของตนเอง เด็กสาวเดินเข้าไปนั่งพิงต้นเบาบาโรบุ มันคือพืชที่นิยมในทะเลใต้ ลำต้นขยายออกไปแบบคดเคี้ยวเพื่อรับให้มากที่สุด
ฮัลวาเดินไปนั่งที่ต้นเบาบาโรบุต้นหนึ่ง “ราชาบ๊องนายอายุเท่าไหร่เหรอ?”
“30 ปีน่ะ...” เขาเดินตามมานั่งข้างๆ ส่วนของวางไว้ใกล้ๆกัน
“เห... เยอะกว่าข้าสุดๆเลย!”
ยิ่งได้ยินยิ่งสงสัย “.......เจ้าอายุเท่าไหร่ แล้วผู้หญิงที่ชื่อเซลีนีล่ะ”
“อายุเซลีนีน่ะข้าไม่ค่อยมั่นใจหรอก คงประมาณ 30 กว่าๆ แต่ข้าอายุ 16 ปีน่ะ น้อยใช่ไหมล่ะ”
แค่นั้นแหล่ะถึงกับชะงักในทันทีเมื่อรู้ว่าฮัลวาอายุน้อยกว่าตนประมาณรอบหนึ่งได้ ถ้าเกิดตอนนี้ขุนพลของเขาอยู่คงโดนหาว่าล่อลวงเด็กเป็นแน่แท้ ไม่แน่คราวนี้คงได้หมดความศรัทธาอีกรอบแน่
“แล้วทำไมจู่ๆถึงถามซะล่ะ?”
“ก็นะ.... นึกถึงพี่ชายคนโตที่ตายไปแล้วน่ะ เห้นงี้นะข้าเองก็เคยเป็นเจ้าหญิงนะ”
“ดูไม่ออกแฮะ”
“เสียมารยาท!”
“ขอโทษๆอย่างร้องนะเด็กดี” หัวเราะพลางลูบหัวเด็กเบาๆ
“อย่ามาทำว่าข้าเป็นเด็กขนาดนั้นสิ เอาล่ะข้าเล่าต่อเลยละกัน เพราะดูแล้วเจ้าคงจะงงล่ะสิว่าทำไมองค์หญิงอย่างข้ามาอยู่ที่นี่”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายิ่งทำให้หัวเราะออกมา
“ประเทศของข้าล่มสลายน่ะ ฝีมือของพี่สาวข้าเอง อ๊ะๆหยุดเลย ฟังข้าเล่าต่อก่อนค่อยถาม .....ข้าเป็นลูกคนสุดท้อง พี่สาวคนเล็กของข้านางโดนกล่าวหาว่าจะนำภัยมาให้ประเทศเลยทำให้โดนขังในห้องใต้ดิน ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านพี่โดนกักขังแบบนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จนกระทั่งวันนั้นที่ทุกอย่างล่มสลายลงข้าโดนพาตัวออกจากที่นั่นและโดนพาไปเรม”
“หืม.... ใครเป็นคนพาหนีออกมางั้นเหรอ”
“ทหารคนสนิทน่ะ เขาเป็นคนที่ปกป้องข้าตลอดแต่ก็มาตายตอนกำลังเดินทางไปเรม เกือบโดนจับไปขายเป็นทาสด้วยนะแต่เซลีนีมาช่วยไว้ทันน่ะ นางเก่งสุดๆไปเลยล่ะ!!” หันไปยิ้มหวานให้ “ข้านึกว่านางเป็นแค่กลาดิเอเตอร์ธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้นางเก่งทั้งการต่อสู้และเวทย์มนตร์เลยด้วยนะ!แถมยังรู้เรื่องพี่สาวข้าทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกด้วยนะ!”
“นางเก่งเวทย์มนตร์ด้วยงั้นเหรอ...”
“อื้ม!!”
“แล้วหลังจากนั้นเป็นไงต่อล่ะ?”
“อ้อ ข้าก็ได้รับการฝึกเวทย์มนตร์มาจากนางน่ะนะ ข้าถนัดเวทย์ทุกชนิด แต่ถนัดมากที่สุดก็คือน้ำแข็ง ไฟ ไฟฟ้าน่ะ”
“เอาตรงๆนะฮัลวา....เธอถนัดเวทย์น้ำแข็งเหมือนจูดัลเลยล่ะ”
“พูดถึงจูดงจูดัลอยู่นั่นแหล่ะ แฟนรึไงกัน”
“บ้าเรอะ!!!!! ชั้นไม่ใช่พวกชอบเพศเดียวกัน! ....เออใช่! เข้าเรื่องได้แล้ว!!!”
“แหม กว่าจะรู้ตัวว่าเป้าหมายคืออะไรก็ฟังข้าเล่าจนจบเลยนะ เอาเถอะ เรื่องที่ข้าเล่าก็เกี่ยวข้องอยู่บ้างแหล่ะ ก็ไอ้คดีที่ถูกเผานั่นน่ะข้าคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของพี่สาวข้าน่ะ”
“ฝีมือของพี่เธองั้นเหรอ”
“ใช่ เพราะอาณาจักรข้าน่ะไฟไหม้จนวอดวายด้วยฝีมือของพี่สาวข้าน่ะสิ พอลองถามเซลีนีนางก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรข้าเลยคิดว่าน่าจะใช่”
“....แล้วเจ้า ‘2 วัน’ นั่นล่ะหมายถึงอะไร”
เธอมองใบหน้าที่ดูเครียดของอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมา “2 วันนั่นก็คือวันที่ตัวตนที่แท้จริงของท่านพี่ข้าจะตื่นขึ้นไงล่ะ ซึ่งมันก็ผ่านมาแล้วด้วย...” ฮัลวาลุกขึ้นใช้เวทย์ให้พวกของที่ซินแบดซื้อให้ลอยขึ้น “ข้าบอกแล้วนะ ไปก่อนล่ะ”
“เดี๋ยว!! พี่สาวเธอชื่ออะไร!?”
เท้าที่กำลังก้าวเดินไปกลับถูกหยุดลง เด็กสาวถอนหายใจและหันไปมองราชาซินเดรีย
“เลย์ลา พี่สาวของข้าชื่อว่า... เลย์ลา”
*******************
จักรวรรดิเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อว่าที่มเหสีขององค์ชายโคเอ็นนั้นไม่ยอมย่างก้าวออกมาจากห้องนอน ไม่ยอมทานอะไรจนหลายคนเริ่มเป็นกังวล สองขุนพลเองก็พยายามพูดให้เธอออกมาจากห้อง สิ่งที่ได้รับมามีเพียงความเงียบก็ยิ่งสร้างความเครียดมากขึ้น พอจะเข้าทางหน้าต่างปรากฏว่าเข้าไม่ได้เหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางไว้ ทั้งยังมองไม่เห็นภายในอีก
แม้แต่องค์หญิงโคเกียคุเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้จนต้องไปนั่งร้องไห้ให้นักบวชของจักรวรรดิฟัง...
“จูดัลจัง...ชั้นควรทำไงดี เป็นห่วงเลย์ลาจังจังเลย...ฮึก”
“โหยป้า ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า”
“ฮึก..แต่ว่า...”
จูดัลถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน หลายวันมานี้เขาต้องมานั่งปลอบโคเกียคุที่นั่งร้องไห้เป็นห่วงเลย์ลาตลอดเวลา ถึงมีน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมเป็นห่วงตนบ้างแต่ทำไงได้ ก็อีกฝ่ายเป็นเพื่อนคนแรกของเธอ
“นางไม่เป็นไรง่ายๆหรอกน่าองค์หญิง” เฟอิซาเดินมากับโคฮา
“ใช่ อย่างที่เฟอิซาพูด เลย์ลาเองก็เคยเป็นทาสมาก่อนคงไม่อ่อนแอขนาดนั้น แถมอาจจะกลัวเรื่องแต่งงานก็ได้ ถึงจะเคยเป็นองค์หญิงแต่เธอก็เคยเป็นทาสมาก่อนเหมือนกัน”
“ท่านพี่โคฮา... เฟอิซาจัง......”
“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นข้าจะยอมเข้าไปคุยด้วยก็ได้นะ”
เด็กสาวหันไฟมองอีกฝ่าย “จูดัลจังจะเข้าไปคุยกับเลย์ลาจังเหรอ!?”
“เออ ถ้ามันมีปัญหานักก็เข้าไปเลยสิ”
นักบวชหนุ่มโบกไม้โบกมือให้แล้วเดินไปที่หน้าห้องเลย์ลา ไม่แม้แต่จะเคาะประตูบอกคนที่อยู่ในห้อง มือจับที่เปิดประตูและเปิดออก
“!!!!”
ในทันทีที่เปิดประตูห้อง ถึงแม้จะไม่เห็นอะไรแต่เขาสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณมากมายมหาศาลทั้งยังเป็นพวกที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ความเจ็บปวดทรมาน เขาปิดประตูลงนิ่งๆและเดินตรงเข้าไปภายใน สิ่งที่เห็นคือห้องที่พังเละเทะ ข้าวของแตกกระจายไปทั่ว พวกผ้าม่านและของต่างๆที่ฮาคุเอย์ทำให้พังยับเยินชนิดซ่อมไม่ได้ ม้วนตำรากระจัดกระจายอยู่บนพื้นโดยตัว
เป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้ด้วยซ้ำไปยิ่งรู้ว่าเจ้าของห้องนี้เป็นคนยังไง...
“เลย์ลา”
เอ่ยเรียกชื่อเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งกอดขาซุกหน้าลงกับหัวเข่าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา สภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิงที่คาดว่าคงไม่ได้หวีมาหลายวันตั้งแต่อยู่ในห้องนี้
“จู...ดัล...เหรอ”
เสียงที่แหบแห้งนั่นพอจะทำให้เขารู้ได้ว่าคงร้องไห้โวยวายจนไม่มีเสียงจะพูด
“ใช่ ข้าเอง เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ ตอนนี้หลายๆคนเป็นห่วงเจ้ากันหมดแล้ว”
“....ขอโทษ แต่ไม่ต้องห่วง...ข้าสบายดี”
“ถ้าสบายดีก็ออกไปข้างนอกกับข้า” ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้
“อย่าเข้ามานะ!!!!” หญิงสาวตะโกนลั่นจนอีกฝ่ายชะงัก “ถ้าเข้ามาจะได้รับบาดเจ็บนะ!!!อย่าเข้ามา!”
“นะ....นี่ยัยบ้า รู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย อย่างเธอน่ะเหรอจะทำให้ข้....”
คำพูดถูกกลืนกลับเข้าลำคอไปแทบทันทีกับสิ่งที่สายตาเห็น ใบหน้าซีกขวาและมือขวาของเลย์ลากลายเป็นสีดำ เหล่าลูฟสีดำจำนวนมหาศาลมากเกินกว่าที่เขาเคยเห็นบินไปมารอบห้องเต็มไปหมดแต่ก็มีบางส่วนที่สัมผัสได้แต่กลับมองไม่เห็น ถึงจะเป็นเมไจที่ตกลงสู่ความเสื่อมก็ตาม ลูฟสีดำพวกนี้มันก็มากเกินไปสำหรับเขา
แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจในตอนนี้คือ... ลูฟดำที่สัมผัสถึงความเคียดแค้นได้นั่นแต่กลับมองไม่เห็นมันหมายความว่ายังไงกันแน่!!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โคเอ็นรีบกลับมานะ เลย์ลากำลังแย่แล้ว!
เรื่องราวเริ่มดราม่าแล้วไง!
การี๊สสสสสสสสสสสสสสส!!!!!! รอตอนต่อไป!
นิสัยแม่มคนละขั้วเลย