ตอนที่ 15 : 12 : ความงามในยามราตรี
12
ความงามในยามราตรี
จากคำพูดของอาละดิน ทำให้หลายๆคนเริ่มมีความเครียดมากขึ้น เงาแห่งหายนะที่เริ่มคืบคลานเข้ามาที่นี่ที่พูดถึงมันคืออะไรกัน ซินเดรียจะต้องล่มสลายอีกครั้งงั้นหรือ ต้นตอของห้วงแห่งความสิ้นหวังและอะไรทั้งหลายนั่นมันคือใครกัน คำถามมากมายเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดในหัวของราชาแห่งซินเดรีย
การปกป้องประชาชนที่เปรียบเหมือนกับลูกและประเทศที่เปรียบเหมือนกับบ้านแห่งนี้คือสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่ยอมให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นเหมือนในอดีตแน่นอน ซินแบดตั้งใจไว้เช่นนั้น
ดังนั้นหลังจากวันเกิดเหตุเขาจึงต้องออกมาเดินตรวจตราช่วงกลางดึกกับพวกขุนพลทั้ง 8 ของเขาตลอด
“เดี๋ยวพวกผมแยกไปตรวจที่เดิมก่อนนะครับ” จาฟาลและเหล่าขุนพลทั้งเจ็ดแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ
ปล่อยให้ราชายืนอยู่เพียงลำพัง...
“ถึงจะบอกว่าชินแล้วก็เถอะน๊า” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ต้องออกเดินตรวจอยู่คนเดียว
บรรยากาศที่เงียบสงบของประเทศตนเองในช่วงค่ำคืนที่ไร้งานเทศกาลต่างๆมันชวนให้ขนหัวลุกหัวพอง และรู้สึกเหมือนกับกำลังทดสอบความกล้าในป่าช้าไม่ใช่น้อย ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกภูมิใจอยู่ดีที่ตนสามารถสร้างประเทศที่ประชาชนต่างก็มีความสุขนี้ขึ้นได้
วูบ... “!!!” นกสีดำบินผ่านหน้าของเขาไปเช่นเดียวกับจังหวะที่ใครบางคนในผ้าคลุมสีน้ำตาลเดินสวนทางไปเมื่อครู่ ซินแบดหันไปมองในแทบจะทันที กับสัมผัส
ลูฟสีดำนี่...แถมความรู้สึกนี่มัน......จูดัล!!? เขาคิดเสียงดังในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงศัตรูคู่อาฆาตของตน
เมไจแห่งจักรวรรดิเจิดจรัส! จูดัล!
“เดี๋ยวก่อนจูดัล!!!” ราชาซินเดรียคว้าตนแขนของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า...
“ว้าย!”
“!?”
คำอุทานของอีกฝ่ายกลับเป็นคำที่ทำให้เขาชะงักไป คนใต้ผ้าคลุมหันมามองผู้ที่กระชากแขนของตนเอง ดวงตาสีทองเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่เขาจับตัวไว้กลับไม่ใช่จูดัลแต่กลายเป็นคนหน้าคล้ายกัน...
แถมยังเป็นเด็กผู้หญิง!!
เด็กสาวผมสีน้ำเงินเข้มโทนดำปล่อยยาวจนถึงสะโพก ถักเปียทั้งสองมัดรวบไว้ด้านหลัง ดวงตากลมโตสีแดงงดงาม ผิวขาวนวลผ่องใส่ชุดเกาะอกสีดำที่เชื่อมส่วนแขน กระโปรงสีดำยาวแหวกข้างขวา สวมสร้อยคอ กำไลข้อมือยาว กำไลข้อเท้าสีทองที่มีอัญมณีสีแดงประดับไว้
“เธอ...เป็นใครน่ะ?”
“ก่อนที่จะถามคนอื่นน่ะ...ช่วยปล่อยมือก่อนได้รึเปล่า!ข้าเจ็บนะ!” เด็กสาวโวยวายใส่ซินแบดจนอีกฝ่ายสะดุ้งและปล่อยมือเธอ
“ขอโทษๆ พอดีเธอเหมือนกับคนที่รู้จักน่ะ เอ้อ ชั้นชื่อซินแบด เป็นราชาของประเทศนี้”
ร่างบางมองชายหนุ่มนิ่งๆ “ฮัลวา... ข้าชื่อฮัลวา อีกอย่างข้าเพิ่งเคยพบท่านเป็นครั้งแรกคงไม่ใช่คนที่รู้จักหรอก”
“อืม แค่ดูก็รู้ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายน่ะ”
“....เจ้าจะบอกว่าเห็นข้าเป็นผู้ชายงั้นเหรอ!!!” มือเรียวคว้าขอเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “เจ้าเห็นว่าไอ้ตรงหน้าอกข้ามันแบนราบขนาดนั้นเลยรึยังไงกันห๊ะเจ้าราชาบ๊อง!!”
“ปะ เปล่า! แค่เห็นพวกลูฟรอบๆเธอเลยนึกว่าใช่น่ะ!” รีบแก้ตัวทันทีก่อนจะโดนผู้หญิงตบ
“งี่เง่าที่สุดเลย!” ฮัลวาผละออกมาจากร่างสูงมายืนกอดอก
“แหะๆ โทษทีนะ... ”
“คิดได้ก็ดีย่ะ!”
ราชาถึงกับหัวเราะแห้งๆแต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ทั้งลักษณะท่าทางคำพูดคำจา ทั้งใบหน้าต่างก็ดูคล้ายกับจูดัลไม่มีผิด ถ้าบอกว่าเป็นน้องสาว เขาก็คงจะเชื่อโดยปฏิเสธไม่ได้แน่นอน แต่จริงๆแล้วน่าจะดูก่อนจะไปจับแขนเด็กสาวเสียด้วยซ้ำไป
ก็ออกจะเห็นเจ้าหน้าอกชัดซะขนาดนี้... [ราชาลามก.../ไรท์]
“เจ้านี่มะโก่ยเยอะดีนะ แถมดูเป็นที่รักของลูฟด้วย”
“หืม?” ซินแบดชะงักไปนิดๆ “เธอมองเห็นด้วยงั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าเห็นมันมาตลอดตั้งแต่จำความได้เลยล่ะ มันอยู่ข้างๆมาตลอดเลย”
ปริศนาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเสียแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ที่เห็นลูฟได้ชัดเจนและเข้าใจพวกมันก็มีแค่เมไจ พวกจอมเวทย์ หรือพวกภาชนะราชาเท่านั้น แต่เด็กคนนี้กลับรับรู้ได้อย่างชัดเจน...
“เธอเป็นใครกันแน่”
“ข้าน่ะเหรอ? ข้าเป็น...” “ท่านฮัลวาคะ...” เสียงของใครอีกคนพูดแทรกขึ้นมา ทั้งคู่หันไปมองเสียงนั้น และผู้ที่พูดกลับเป็นสาวงามที่สวมฮู้ดอยู่จนราชาซินแบดเผลอใจเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนจะส่ายหัวสะบัดความคิดนั้นออกไป...
ไม่ใช่เวลาที่จะมาหน้าม่อนะเฮ้ย! ประเทศต้องมาก่อน!!! ชายหนุ่มประกาศก้องในหัว
“เซลีนี? เจ้าออกมาทำอะไรแถวนี้น่ะ?”
“ข้าก็ออกมาตามหาท่านนั่นแหล่ะค่ะท่านฮัลวา ออกมาเดินเล่นกลางค่ำกลางคืนแบบนี้มันอันตรายนะคะ.... กลับกันได้แล้วค่ะ” เธอยิ้มให้เด็กสาว
“อืม โทษทีนะ” ฮัลวามองซินแบดนิดๆ “อีก 2 วัน”
“หือ?” เขาหันกลับไปมองเด็กสาว แต่พอจะถามอีกครั้งเธอกลับวิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่และเดินไปพร้อมกันแทน ทิ้งคำพูดไว้ให้เขาสงสัยว่า ‘อีก 2 วัน’ ที่ฮัลวาหมายถึงนั้นคืออะไร
“ทำไมไปบอกชายคนนั้นซะล่ะคะท่านฮัลวา” เซลีนีเอ่ยถามระหว่างเดินกลับด้วยกัน
“บอกไปพวกราชาบ๊องก็ไม่รู้หรอกน่าว่าหมายถึงอะไร”
“.....นั่นสินะคะ”
“นี่ แล้วอีก 2 วันข้าจะได้พบท่านพี่จริงๆรึเปล่า”
“แน่นอนสิคะ...” เซลีนีเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี “แต่...นายท่านจะจำท่านได้รึเปล่านี่ก็อีกเรื่องค่ะ...”
*******************
ข่าวลือเกี่ยวกับซินเดรียที่พวกอัลซาเมนทราบมาได้นำมาบอกให้จักรพรรดินีเกียคุเอ็นฟังต่อ ซึ่งข่าวนั้นทำให้เธอหัวเราะร่าอย่างมีความสุขเป็นที่สุดเพราะเธอรู้ว่าเป็นฝีมือใคร และสั่งให้พวกอัลซาเมนปิดปากเรื่องนี้ไม่ให้บอกคนอื่นแม้แต่จูดัลเองก็ตาม
สายตามองออกไปนอกหน้าต่างพบว่าที่มเหสีของลูกชายของตนแล้วถึงกับเหยียดยิ้มเมื่อเห็นว่ากำลังเดินกอดตัวเองไปที่ต้นไม้ต้นเดิมนั้น...
ในตอนนี้โคเอนและโคเมย์ต้องไปอยู่ที่บัลแบดจนกว่าจะถึงวันแต่งงานที่เหลือเวลาอีก 5 วัน และเหล่าองค์ชายองค์หญิงที่ตอนนี้ไม่อยู่ ยิ่งทำให้เป็นโอกาสของแก่เธอมากยิ่งขึ้น
“ยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ ความทุกข์ที่จะได้รับมาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ใช่แล้ว... ถึงในอดีตของเธอจะไม่เคยมีมัน แต่ตอนนี้เธอก็ได้รับความสุขมาแล้ว มากพอจนจะทำให้บาดแผลในใจนั้นหายไป แต่ว่า...ถ้าเกิดบาดแผลในใจเกิดเรื้อรังไม่ยอมหาย เมื่อได้รับเรื่องกระทบกระเทือนใจก็จะยิ่งทำให้เจ็บปวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม....ใช่แล้ว หากเป็นอย่างนี้อีกไม่นานความมืดของเธอก็จะมากขึ้นและเมื่อนั้นความปรารถนาของเราก็จะเป็นจริง!!!”
“โอ ความปรารถนาของเรา!!”
ความหวาดกลัวทั้งหมดของหญิงสาวเริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อมะรืนนี้ปริมาณของลูฟสีดำก็มากพอแล้ว แต่เมื่อคืนกับวันนี้กลับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นนัก ลูฟสีขาวทั้งหมดเริ่มหายทีละน้อย...ทีละน้อย...จนตอนนี้เกือบหายไปจนหมด
จนเธอเดินโซเซมานั่งใต้ต้นไม้ต้นเดิม และนั่งกอดตัวเองอย่างเคย
“อึก....... พอทีเถอะ... ข้าบอกให้หยุดพูดไง”
ปากบ่นพึมพำๆ มือเล็กๆที่แสนสั่นเทาปิดหูของตัวเอง ไม่ต้องการได้ยินเสียงเหล่านั้นจากพวกลูฟสีดำที่ไม่มีใครเห็นแม้แต่จูดัลเอง ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นมาว่าทำไมมีแค่ตนเองที่เห็นลูฟสีดำพวกนี้ ลูฟ...ที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความอาฆาตแค้นต่อตัวเธอ คำด่าทอสาปแช่งของผู้คนในอดีตที่หายไป ก็ได้กลับมาหาตัวเธออีกครั้ง
บ้างก็เป็นเสียงของคนอื่นที่เธอไม่ทราบว่ามาจากไหนอีกมากมาย...
กะ....กลัว...ข้ากลัว....ใครก็ได้...ช่วยด้วย... เลย์ลาคิดในใจ
“เป็นอะไรไปน่ะครับองค์หญิง?” ชายผู้มีผมคล้ายกับงู ลี เซย์ชูเดินมา
“นั่นสิครับ สีหน้าไม่ค่อยดีซะด้วย” ผู้มีลักษณะคล้ายมังกร แต่ตัวสีฟ้า เอ็นโช ย่อตัวลง (แบบสุดๆ) มามองดูสีหน้าอีกฝ่าย
หากเป็นหลายๆคนคงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เลย์ลาที่พึ่งเคยเห็นขุนพลของโคเอ็นนั้นถึงกับนิ่งเงียบไป...
“พะ.... พวกท่านคือ...”
“ข้าลี เซย์ชู 1 ในขุนพลขององค์ชายโคเอน”
“เช่นเดียวกับอีกคน ข้าเอ็นโชครับ” เขายิ้มให้เลย์ลา “ท่านไม่สบายรึเปล่าครับ สีหน้าของม่านไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ”
“มะ...ไม่หรอกค่ะ ...ข้าไม่ได้เป็นอะไร” มือเล็กๆปาดน้ำตาออก
“ไม่เป็นไรแล้วร้องไห้ทำไม เมื่อวานนี้องค์ชายโคเอนก็สงสัยว่าท่านจะเป็นอะไรไปเลยให้พวกข้ามาดูแลท่านเนี่ย”
“เซย์ชูพูดดีๆกับท่านหน่อยสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ....ข้าชินแล้ว... พูดแบบเป็นกันเองจะดีกว่านะคะ... เรียกข้าว่าเลย์ลาก็ได้ค่ะ... อีกอย่างข้าก็ยังไม่ได้เป็นภรรยาท่านโคเอนเสียหน่อย...”
เซย์ชูนั่งลงข้างๆเลย์ลา “ถ้างั้นก็ดีแล้ว! เห็นไหมท่านเอ็นโชข้าบอกแล้วนางไม่คิดอะไรหรอก!”
“แต่ยังไงท่านก็เป็นว่าที่ว่าที่ภรรยาขององค์ชาย...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านเอ็นโช” เลย์ลายิ้มให้
“อ่า... ถ้าเช่นนั้นขอล่วงเกินด้วยครับท่านเลย์ลา แต่ข้าขอเรียกท่านตอนที่องค์ชายไม่อยู่นะครับ ถ้าเกิดรู้เข้าพวกข้าแย่แน่”
“ได้สิคะ... ข้าไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว..”
เลย์ลายิ้มให้เอ็นโชและเซย์ชู ในตอนนี้เธอทำได้แค่ตีหน้ายิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ โดยเก็บความทรมานไว้เพียงผู้เดียว ปรารถนาต้องการเล่าให้ผู้อื่นฟัง แต่ใครกันที่จะยอมฟังตน เฟอร์นาลิสคนสนิทอย่างมาเซนที่ตอนนี้โดนสั่งห้ามเข้ามาในตัววังตามคำสั่งของโคเอ็น...
จริงแล้วนั้นเธอควรจะเล่าให้โคเอ็นฟัง แต่เมื่อคืนก่อนตอนที่เธอจะเล่ากลับไม่มีเสียงออกมาจึงไม่สามารถพูดออกมาให้ฟังได้ และพอจะไปหาโคเกียคุและคนอื่นเธอก็ไม่มีเสียงจะพูดออกมาเช่นกัน
ตอนนี้พลังในร่างมากขึ้นเสียจนเธอเริ่มที่จะกลัวตัวเอง เดิมทีมันไม่มากมายขนาดนี้มาก่อน แต่หลังจากเมื่อคืนนี้กลับรับรู้ได้ว่ามันเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจ...
หากเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนอาจจะต้องได้รับอันตรายจากเธอเป็นแน่
ดังนั้นแล้ว...
“.....ท่านเซย์ชู ท่านเอ็นโช”
“ครับท่านเลย์ลา?”
“ข้า... ต้องการเรียนต่อสู้ค่ะ... ได้โปรดสอนข้าด้วยนะคะ”
เป็นอีกครั้งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่องค์ชายคนโตอย่างเร็น โคเอนที่ต้องอยู่มาอยู่ที่บัลแบด เมื่อรู้ว่าภรรยาตัวเล็กของเขาขอเรียนการต่อสู้จากขุนพลทั้งสอง ที่ส่งข่าวมา พวกเอ็นโชตอนแรกก็นึกว่าจะโดนสั่งห้าม แต่ทว่าโคเอนกลับอนุญาตให้สอน ไม่ใช่เพราะไม่เป็นห่วงเธอ แต่เมื่อคิดว่าจะต้องเห็นใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยของเลย์ลาแล้วก็ขัดไม่ได้
ถึงจะไม่รู้ว่าภรรยาเขาช่วงนี้เป็นอะไร ตั้งแต่ก่อนที่จะมาที่บัลแบด ทำเหมือนจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมาจนทำหน้าเศร้า เพราะงั้นแล้ว...หากมันทำให้เธอยิ้มได้ ไม่ว่าเธอจะขออะไรก็ยอมทำทั้งนั้น...
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งเขาก็เรียกหา “....โคเมย์ ไปตามช่างตีดาบมาซะ”
*******************
กลางดึกคืนนั้นของจักรวรรดิเรมที่เงียบสงัดเหมือนอย่างทุกวัน ซึ่งวิหารของเซเฮราซาดคืนนี้ไร้เสียงเฮฮาเนื่องจากไม่มีงานเลี้ยงใดๆ จึงทำให้ตัวนักบวชหญิงเองรู้สึกสบายใจ...
รึเปล่านะ...
“มาครบแล้วสินะ... มู โรโร่ มูรอน”
“ครับ/ค่ะท่านเซเฮราซาด พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว” เฟอร์นาลิสทั้งสามขานรับนักบวชหญิง
“ที่เรียกพวกเรามาตอนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับท่านเซเฮราซาด”
“....ไม่หรอกมู ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น”
“ตอนนี้??” โรโร่งงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“อีกไม่นานเงาแห่งหายนะที่ไปก่อเหตุขึ้นที่ซินเดรียกำลังจะตรงมาทางนี้แล้ว เพราะงั้นพวกเธอทั้งสามคนจงเรียกกองกำลังเฟอร์นาลิสและพวกทหารเพื่อไปเฝ้าประชาชนซะนะ ส่วนข้าจะเฝ้าดูและบอกจุดที่เงานั้นอยู่ให้เอง”
“ครับ/ค่ะ!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วทั้งสามคนจึงรีบไปบอกแก่ชาวเฟอร์นาลิสและทหารคนอื่นๆ แบ่งหน้าไปเฝ้าทางทิศต่างๆของตัวเมือง ส่วนกองกำลังเฟอร์นาลิสจะแบ่งจำนวนคนไปตามจุดต่างๆ
ความมุ่งมั่นในการปกป้องจักรวรรดิซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเป็นตัวกระตุ้นพวกทหารได้อย่างดี
เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงบ...
เหล่าทหารแห่งเรมยังคงเดินตรวจตราอย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็งเพื่อเหล่าประชาชนของจักรวรรดิและเพื่อครอบครัวของตน สายตาก็มองไปรอบๆเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ณ บริเวณนั้น มือกำอาวุธให้แน่นเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ลงมือทัน
จนผ่านไป 3 ชั่วโมง... ทุกสิ่งก็ยังคงสงบ
บางคนเริ่มวางใจลงบ้างแล้วแต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงรุ่งเช้า แม้มีความง่วงมาเป็นอุปสรรคก็ยังคงยืนหยัดเดินตรวจตราต่อไป
ซึ่งขณะที่ทหารทั้งห้าคนของเรมเดินไปตรวจทางตรอกซอยมืดมิดนั่นเอง...
ตึก.... เสียงฝีเท้าของคนที่นอกเหนือจากพวกตนที่ดังขึ้นทำให้หันไปมองฉับพลัน แต่ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมสีดำมืด...
“สาวน้อยเธอออกมาเดินคนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะ...!!” ทันทีพูดจบปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นหายไปจากตรงนั้น แต่กลับมายืนอยู่ต่อหน้าตัวเองในระยะประชิดเสียแล้ว
“...ระ...หรือว่าเธอ!!”
ฉัวะ!!! อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!
“!!”
มูและเหล่าเฟอร์นาลิสที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบวิ่งออกจากบริเวณที่ตัวเองตรวจตราอยู่ไปยังที่ต้นตอของเสียง
“ท่านเซเฮราซาดทำไมไม่บอกพวกเราล่ะครับ!!” มูตะโกนขณะวิ่งไป
‘ขะ...ข้าไม่รู้จริงๆ ข้าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย’
“สัมผัสไม่ได้งั้นเหรอคะ!!” มูรอนตะโกนย้ำอีกครั้ง
‘อืม’
การที่เซเฮราซาดสัมผัสไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาด อีกทั้งเฟอร์นาลิสเองก็ไม่ได้กลิ่นของคนแปลกหน้า นอกจากกลิ่นเลือดที่เริ่มลอยออกมาจากบริเวณเกิดเหตุ
เมื่อไปถึงสิ่งที่เห็นคือทหารทั้งห้าคนกลายเป็นศพ สภาพดูไม่ได้ โดยบนร่างของทหารคนหนึ่งมีหญิงสาวที่ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำนั่งอยู่ ซึ่งมือของเธอข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาเลียเลือด ส่วนอีกข้างอยู่ในท้องของทหารคนนั้นที่แหวกออก!
“กะ....แก!!ไอ้ปีศาจ!!!”
มูรอนพุ่งเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้น แต่ทว่า...อีกฝ่ายกลับผละออกมาจากศพและกระโดดขึ้นไปบนบ้านหลังหนึ่ง แสงจากดวงจันทร์ทำให้เห็นร่างนั้นชัดมากยิ่งขึ้น หญิงสาวเรือนผมเป็นลอนยาวละต้นขาสีดำที่แทบจะกลืนไปกับท้องฟ้ายามราตรี ดวงตาสีแดงชาดราวกับหยาดโลหิตส่องประกายในเงามืดอย่างเห็นได้ชัด ที่ริมฝีปากและมือของเธอเต็มไปด้วยเลือด
มันช่างเป็นความงดงามที่น่ากลัวจนหาดูที่ไหนไม่ได้จริงๆ...
“!! หายไปแล้ว!”
พวกทหารโวยวายและชี้ไปข้างบน เมื่อจู่ๆหญิงสาวคนนั้นยิ้มและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แค่คราบเลือดและความหวาดกลัวในจิตใจแก่ผู้คนที่ได้พบเห็นมัน....
เซเฮราซาดที่มองผ่านวงกลมเวทย์มนตร์ถึงกับนิ่งเงียบไป
“ท่านเซเฮราซาดครับ ผู้หญิงคนนั้นคือ....”
“นางคือ.... เงาแห่งหายนะ... ผู้ที่จะทำให้ทุกสิ่งกลับกลายเป็นความมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างส่องมาบนโลก...”
.
.
.
.
แสงแดดยามเช้าที่ส่องสว่างผ่านเข้ามาตามรูหน้าต่างและเสียงของนกร้องยามเช้าราวกับเป็นเสียงสัญญาณในการตื่นจากห้วงนิทรา ร่างของหญิงสาวที่นอนคดคู้อยู่บนเตียงค่อยๆลุกขึ้นนั่งเพื่อปรับความชัดของสายตาและพยายามขยับตัวหลังจากรับรู้ถึงความล้าหลังการฝึกดาบเมื่อวานนี้
“......เช้าแล้ว...เหรอเนี่ย.....”
วูบบ... “!!!!” ความเย็นวาบที่แล่นเข้ามาในร่างทำให้ต้องกอดตัวเองแน่นมองไปรอบๆห้องเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ต้องการเห็น...
ภาพตรงหน้าของเธอคือปริมาณของลูฟสีดำที่มากขึ้นกว่าเดิมจากเมื่อวานหลายเท่านัก ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปด้วยความกลัว สัมผัสเหนียวเหนอะหนะที่มือทำให้ต้องก้มลงไปมอง ยิ่งทำให้ต้องช็อกยิ่งกว่าเดิมเมื่อมือทั้งคู่เต็มไปด้วยสีแดงและกลิ่นคาวของเลือดที่เปรอะอยู่ริมฝีปากของตน...
“มะ...ไม่นะ....ฮึก.....ไม่.....ไม่!!!!!!!!”
มือเล็กๆที่แสนสั่นเทากุมหูแน่นเสียจนแทบจะจิกเล็บลงไป ไม่สนใจว่าจะร้องไห้เสียงดังเพียงไหน ภายในใจกู่ร้องขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะบอกมันออกไปให้ใครรู้ได้....
นอกจากเก็บเงียบความเศร้านั้นไว้ในใจของตนเอง...เพียงเดียวดาย
ใครก็ได้....ใครก็ได้ช่วยข้าที ฮึก... ท่านโคเอน...มาเซน... เฟอิซา โคเกียคุจัง ท่านฮาคุเอย์....ฮึก...ใครก็ได้....ได้โปรด...ช่วยข้าด้วย!...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอตอนต่อไป
แม่นางเลย์ลาสู้ๆ!
เกิดเป็นนางเอกต้องทน อุปสรรคมาชนต้องไม่ตาย