คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แข่งชิงตำแหน่ง
แสงแดดกว้างสาดส่องลงมากระทบกับดวงหน้านวลที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข บนหลังมังกรจันทราที่บินฉิวบนน่านฟ้าเอดินเบิร์ก เฟรินพลิกตัวน้อยๆบนหลังมังกร ทำให้โรเวนต้องละมือจากบังเหียนบนตัวมังกรมาจับชายเสื้อเอาไว้
นัยน์เนตรสีน้ำเงินเข้มดูกังวลอย่างเห็นได้ชัดอยู่ชั่วครู่แล้ว ร่างสูงก็ตัดสินใจร่ายมนต์เสียงเบา แล้วพลันเส้นใยสีน้ำเงินใสก็พุ่งออกมาจากอากาศมารัดตัวคนขี้เซาไว้กับหลังมังกรอย่างแน่นหนา โรเวนถอนหายใจยาวแล้วขยับนิ้วเรียวไปจิ้มกลางหน้าผากนวลของคนที่ไม่รู้สึกตัวเบาๆ
“รู้ตัวไหมนี่ว่าทำให้คนเขาเป็นห่วง”
แล้วโรเวนก็ระบายยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก ก่อนจะละมือมาคุมบังเหียนบังคับมังกรให้บินตรงไปยังโรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบิร์ก เพื่อเข้าร่วมการแข่งชิงตำแหน่งภายในป้อมที่ถูกเลื่อนออกไป เมื่อรอตัวเก็งทั้งหลายที่ไม่อยู่ที่ป้อมกลับมาแข่งขันด้วย
ร่างสูงเหลือบนัยน์ตาทรงเสน่ห์ลงไปข้างล่าง ก่อนจะกระตุกบังเหียนหนังอย่างแรงเพื่อให้มังกรร่อนลงจอด ที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
ตุ้บ
ปลายเท้าของมังกรทั้งสามตัวแตะลงสู่พื้นพร้อมๆกัน แล้วโรเวนก็เอื้อมมือไปแตะบนแก้มนวลแล้วหยิกเบาๆ
“เฟริน ถึงเอดินเบิร์กแล้ว”
“เฟริน”
โรเวนละมือออกเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังขยับตัวตื่น ทำให้แก้มนวลที่โดนหยิกกลายเป็นสีชมพูเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือตื่นขึ้นมา ก่อนจะร้องโวยวายเสียงดังถึงเส้นใยบางที่พันธนาการร่างของตนไว้กับมังกรจันทราอย่างแน่นหนา
โรเวนส่ายหน้าเบาๆ แล้วแตะปลายนิ้วทั้งห้าลงบนเส้นใยก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววอบอุ่นชั่วครู่ก่อนจะแปรเป็นนัยน์ตาที่จริงจังและเปี่ยมด้วยอำนาจเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อ่า...พวกเธอกลับมาแล้วหรือ”
“ครับ มหาปราชญ์”
เสียงตอบรับไม่ได้ดังมาจากผู้นำคณะ ที่วุ่นอยู่กับการเอาคนที่ยุ่งที่สุดลงจากหลังมังกร ไธนอสจึงตอบแทนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อืม จับมือพี่ไว้แล้วค่อยๆลงมา”
โรเวนยิ้มบางแล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปด้านหน้า ให้คนที่ดูเหมือนกล้าเสมอๆแต่กลับกลัวการหลงจากหลังมังกรทั้งที่มันเป็นเรื่องธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง
“ระวังหน่อย ค่อยๆลง เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
เฟรินยื่นมือมาจับไว้แน่นแล้วไถลตัวลงมา ร่างบางหลับตาปี๋ด้วยความกลัวอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
เธอลงมาโดยสวัสดิภาพ...
ใช่...ลงมาโดยสวัสดิภาพ...
แต่...ตัวของเธออยู่ในอ้อมแขนของเจ้าชายแห่งเจมิไน....
แล้วความร้อนก็พุ่งขึ้นไปที่หน้าทำให้คนไม่เคยอาย หน้าแดงก่ำแล้วผละตัวออก โรเวนเพียงกระตุกยิ้มบางๆแล้วส่งรายงานไปให้มหาปราชญ์เลโมธีด้วยดวงหน้าเรียบเฉย ที่ขึ้นสีจางๆ
“เทสต์สาวน้อยของนายหรอโรเวน”
ลูคัสกระเช้าหยอก ทำให้โรเวนปรายนัยน์ตาทรงอำนาจมามองเล็กน้อย แล้วถอนหายใจยาวแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำให้คนหยอกยิ่งได้ใจ
“อะฮ้า ไม่ปฏิเสธแสดงว่าใช่”
โรเวนยิ้มเหยียด ก่อนที่ร่างของ’คนถูกหยอก’ที่เดินนำอยู่จะเลือนหายไปกับอากาศธาตุแล้วค่อยๆปรากฏชัดขึ้นที่ด้านหลังของ’คนหยอก’แล้ว...
ปึก
โรเวนใช้มือนุ่มตบหัวลูคัสเบาๆ แล้วหัวเราะร่า ก่อนจะกลับไปเดินนำอีกครั้ง ทิ้งให้ลูคัสคลำหัวตัวเองป้อยๆแล้วรีบสาวท้าวเดินตามไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อายโคตร”
เฟรินพึมพำเบาๆ เมื่อทั้งคิลและโร ที่เดินขนาบข้างหัวเราะกันเสียงดังแบบไม่เกรงใจใคร ก่อนที่คนหน้าแดงจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ แล้วสรุปนี่พวกนาย ลงอะไรกันเนี่ย”
“สามขุนพล”
โรเปรยพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ผู้คุมกฎดูแลความเรียบร้อยภายใน มีแต่เรื่องน่าเบื่อ”
“แล้วนาย คิล”เฟรินหันหน้าผละจากนายขอทานกิตติมศักดิ์แล้วหันไปทางคิลที่นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ยังจ้องที่โรนิ่ง ก่อนคิลจะถอนหายใจยาว
“ฉันอุตส่าห์นึกว่าจะได้ ประลองฝีมือกับนาย
“เฮ้ย นายลงผู้คุมกฎจริงดิ คิล”
กลับเป็นเฟรินที่โพล่งออกมาเสียงดัง
“ฉันก็ลงผู้คุมกฎ”
เฟรินขยับยิ้มกว้าง แล้ววิ่งไปด้านหน้า ก่อนจะคุยอะไรกับลูคัส แล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ร่างบางเดินกลับมา รอยยิ้มเมื่อครู่พลันหายไปเหลือแต่เหงื่อที่เกะพราวบนหน้าซีดเซียว
“พวกลูคัสลงเหมือนเดิมหมดเลย โรเวนลงเสธซ้าย ไธนอสเสธขวา ลูคัสลอเรนซ์ ผู้คุมกฎ”
เสียงห่อเหี่ยวดังขึ้นจากคนที่หน้าไม่เคยขาดรอยยิ้ม แล้วต่อด้วยเสียงสบถเบาๆอย่างที่กุลสตรีและราชนิกูลที่ดีไม่ควรทำ แล้วเจ้าตัวก็สาปแช่งตัวเองเสร็จสรรพ
“ตาย ตายแน่ๆเลยคิล”
“นายจะตายอะไรอีก”
คิลยักคิ้วข้างซ้ายแล้วยิ้มเหยียดยาว เมื่อได้ยินคำพูดตอบกลับของผู้เป็นเพื่อน
“ก็พวกแผนปวดหัว ปวดท้อง ถ่ายท้องอะไรใช้ไปหมดแล้ว คราวนี้จะป่วยเป็นโรคอะไรดี”
ลมเย็นพัดแรง ทำให้ธงประจำป้อมอัศวินที่ทางเอดินเบิร์กปักไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ทางป้อมที่จัดการแข่งขันชิงตำแหน่งขึ้น โบกสะบัดไปตามแรงลมต้อนรับผู้มาเยือนต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นพวกต่างป้อมอย่างปราสาทขุนนาง ปราการปราชญ์หรือแผ่นดินประชาชนที่มาเก็บรายละเอียดสำหรับคู่ต่อสู้ในการแข่งขันหมากกระดานเกียรติยศในปลายปีการศึกษา หรือจะเป็นเหล่าราชนิกูลที่เดินทางมาชมด้วยความสำราญใจ
เหล่าอัศวินของป้อมอัศวินเดินออกมาจากการทดสอบภาคเช้าด้วยท่าทางอ่อนเพลีย การทดสอบหฤโหดที่เรียกว่า...สอบข้อเขียน
เฟรินเดินยิ้มร่า เอามือไพล่หลังออกมา ก่อนจะก้มหัวน้อยๆมือเรนอนส่งข้าวกล่องให้ พร้อมกับถามผลการสอบ
“การสอบเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”
“ง่า...สบายมากเลยครับ เขียนชื่อ แล้วก็สับหงก”
แล้วคนนอนหลับในห้องสอบก็หัวเราะร่า เมื่อเห็นเพื่อนอีกคนที่ทรงผมยุ่งเหยิงบ่งบอกถึงวีรกรรมในห้องสอบที่ไม่ต่างกันมากนัก
“แย่สุดๆเลย เฟริน”
“ทำไมละ” เฟรินเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ฝันร้าย”
คำตอบสั้นๆ เรียกเสียงหัวเราะดังก้องจากเฟลิโอน่า เกรเดเวลได้เป็นอย่างดีทำให้คาโลที่เพิ่งออกมาส่งสายตาดุๆมาปรามเล็กน้อย
ไม่นานนัก ผลการทดสอบก็ถูกประกาศเป็นไปตามคาดพวกคนที่เข้าไปหลับในห้องสอบผ่านกันทุกคน รวมทั้งคาโลที่ลงหัวหน้าป้อม ซึ่งเฟรินคิดว่าเป็นคนเดียวที่ไม่ได้หลับในห้องสอบ
“เฮ้อ สอบปฏิบัติ ตายสถานเดียว”
แล้วผู้สมัครลงผู้คุมกฎก็ถูกเรียกออกมายืนโชว์ตัวให้ผู้สมัครเสนาธิการฝ่ายซ้ายได้ดู แล้วเสียงจากมิสแรมเซิลก็ประกาศเรียกผู้สมัครเสธซ้ายแต่ละคนเรียงตามคะแนนสอบออกมาเขย่าลูกเต๋าเช่นเคย
โรเวนมุ่นหัวคิ้วลงเมื่อเห็นการคัดเลือกเป็นรูปแบบเดิม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ชื่อผู้สมัครถูกเรียกขานออกมาเรื่อยๆ ทำให้รุ่นน้องหลายคนที่ถูกเรียกชื่อหันมามองโรเวนเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
...คะแนนของพี่โรเวนแย่สุดอีกแล้ว และก็...
ยังไม่ทันคิดจบ โรเวนก็ทำในสิ่งที่กำลังจะคิด ร่างสูงวาดวิถีดาบแห่งจิตเข้าใส่กระบอกไม้ไผ่ ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่กระชากใจสาวๆปราสาทขุนนางหลายๆคน ในมาดเท่ๆ
“ป้อมอัศวินไม่เคยสนับสนุนการพนัน”
แม้ว่าภาพเหตุการณ์อย่างนี้จะเคยเกิดขึ้นแล้วเหมือนภาพรีเพลย์ แต่สาวๆบน อัฒจรรย์ก็ยังส่งเสียงวี้ดว้ายกันไม่หยุด
“อ่า...เอาละ เอาเป็นว่าคนที่ได้แต้มน้อยที่สุดในครั้งนี้ก็ยังเป็น โรเวน ฮาเวิร์ด เดอะ ปรินซ์ ออฟ เจมิไน เช่นเดิม เชิญเลือกก่อนเลยจ้ะ โรเวน”
“ครับๆ”
โรเวนเดินออกมาด้านหน้าแล้วกวาดตามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้เลือกลูคัส ลอเรนซ์แล้วนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก็เลื่อนมาหยุดอยู่ที่โซมาเนียชั่วครู่แล้วละผ่านไปเลือกคิลที่อยู่ด้านข้าง หัวคิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยแล้วจิ้มเลือกเฟรินเป็นคนสุดท้าย
คณะของปรินซ์โรเวนแยกออกไปวางแผนเป็นกลุ่มแรก โดยที่โรเวนจัดให้ลูคัสและลอเรนซ์ไปหาเหรียญสัญลักษณ์ทั้งสี่มาให้มากที่สุดแล้วค่อยมาเฉลี่ยกันภายหลัง ส่วนเฟรินและคิลให้ตามหาป้ายทองคำ
ไม่นานมากนักทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปภายในปราสาทเอดินเบิร์กที่ถูกเวทมายาทำให้เป็นเขาวงกตที่มืดทึบและก็เป็นเฟรินที่พูดออกมาเป็นคนแรก
“ยังกับปราสาทผีสิงเลย คราวนี้ที่แล้วก็เป็นอย่างนี้หรอวะ คิล”
คิลพยักหน้ารับแล้วเอ่ยหยอก
“เอ้อ ฉันลืมไปสนิทว่าแกกลัวผี”
เฟรินแยกเขี้ยววาวให้นักฆ่าข้างๆ ก่อนจะโบกมือลาลูคัสและลอเรนซ์ที่แยกไปอีกทาง
“โรเวนนี่ก็น่ารักจริง เลือกเฟรี่แทนโซมี่”
ลูคัสกล่าวกลั้วหัวเราะเมื่อเดินห่างมาพอสมควร ทำให้ลอเรนซ์ยิ้มบางในความมืด แล้วเอ่ยเบาๆ
“ดูเหมือนจะมีอาคันตุกะ”
แล้วคบเพลงรอบข้างก็ถูกจุดให้สว่างขึ้นด้วยฝีมือนักบวชแห่งป้อมอัศวิน เผยให้เห็นร่างสูงที่เดินย่างเข้ามา
“เป็นนาย
ลูคัสยิ้ม แล้วโยนป้ายฟีนิกซ์ในมือเบาๆ ก่อนที่คบเพลิงจะดับลงอีกครั้ง
ในความมืด เสียงดาบคมวาดแหวกอากาศเข้ามาลูคัสถอดแว่นตาออกมาถือไว้ข้างเดียวกับป้ายทอง แต่ก่อนที่จะทำอะไรเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นเสียก่อน
“คัมภีร์มนต์สวรรค์”
“อ๊ากก”
แล้วคบเพลิงก็ถูกจุดอีกครั้ง ลูคัสถอนหายใจยาวขณะใส่แว่นตาแล้วบ่นอุบ ใส่คนที่กำลังก้มลงไปหยิบป้ายดรากอนในมือของชิวาส
“โดนแย่งซะได้”
“คิลอากาศมันหนาวๆนะ ว่าไหม”
“มันเป็นเพราะเวทของฝ่ายสถานที่”
คิลตอบอย่างใจเย็นขณะหรี่ตาไปรอบๆเพื่อค้นหาป้ายทองคำ ลมหนาวพัดเอื่อยๆหอบเอากลิ่นอับชื้นในปราสาทมาเข้าจมูก คิลชะงักเท้าไว้ก้าวหนึ่งทำให้เฟรินหันมามองด้วยความสงสัย แล้วร่างสมส่วนของทายาทตระกูลนักฆ่าก็พุ่งไปยังความมืดด้านหลัง
เปรี๊ยะๆ
เสียงประหลาดลอยแวบเข้ามาในหูทำให้เฟรินตัดสินใจตะโกนถามคนที่กลืนไปกับความมืด
“คิล นายทำอะไร”
“ป้ายเว้ย ป้ายสฟิงซ์ ไว้เอาไปรวมกับของลูคัส”
“รุ่นพี่โรเวน”
“หืม เธอคือ…” โรเวนสะดุ้งจากภวังค์แล้วหันหน้าไปยังเสียงเรียก และก็ได้พบกับนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างที่จ้องตรงมา
“ปี2ครับ ไพเออร์ ออร์มีต เดอะวิทช์ออฟวิชท์”
“อ่า..มีอะไรหรือ”
“คือ ถึงตาพี่โรเวนเดินหมากแล้วครับ”
“อะ อ้อ โทษที”
โรเวนเอ่ยยิ้มๆแล้วจ้องลงไปที่กระดานหมากข้างหน้าก่อนจะขยับม้าเดินสวบเข้าไปกินควีนของฝั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย
“รุก”
“อ๊า ลืมคิดไปเลย”
โรเวนเสยผมขึ้นเล็กน้อยแล้วถอนหายใจยาว การเดินหมากปีนี้ ไม่มีความตื่นเต้นเท่าปีที่แล้วเลย คิดพลางก็หยิบบิชอบของตัวเองเข้าไปกินบิชอบของอีกฝั่งอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ซึ่งอีกฝั่งเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่ก็ดูได้ไม่ยาก ที่ขยับคิงออกมาล่อควีนของเขาหน้าตาเฉยทำให้โรเวนเลื่อนควีนไปกินคิงพร้อมกับเอ่ยเนือยๆว่า
“รุกฆาต”
“เฟรินๆ เห็นแสงนั่นป่ะ”
“แสงไหน”
“ทางซ้ายๆ ใช่ๆใต้ม่านหน้าต่าง”
“แสงสีทองๆ?”
“อือใช่”
“อย่าบอกนะว่ามันคือ”
“ป้ายที่เราตามหากัน”
แล้วคิลก็เดินช้าๆเข้าไปหา พร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ แล้วร่างสูงก็กระชากม่านหน้าต่างออกพร้อมกับส่งเสียงดังด้วยความดีใจ
“ใช่จริงๆด้วย”
แล้วพลันเงามืดก็พุ่งตรงมายังป้ายทองแวววับในมือคิล จนคิลสะบัดหลบแล้วโยนป้ายไปให้เฟริน พร้อมกับเอ่ยเบาๆ
“นายอีกแล้ว วิถีดาบนั่น”
“อ้าว เจ้าหนูคนนั้น”
แล้วคิลก็วาดวิถีดาบแห่งจิตที่ฝึกได้ไม่นาน ใส่ชายคนนั้นจนสลบเหมือดไปกองกับพื้น คิลขยับเท้าไปเขี่ยๆให้พลิกหงาย ก่อนจะเอามือล้วงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบป้ายออกมา กริฟฟิน...
“ว้ากก”
แล้วเสียงของเฟรินก็ดังขึ้นทำให้คิลหันขวับไปด้านหลังทันที นัยน์ตาสีม่วงทอประกายกราดเกรี้ยวเมื่อสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย
ร่างสูงกำลังเอามือปิดปากเฟรินแน่น ขณะที่มืออีกข้างก็จับที่คอเสื้อเอาไว้ ทำให้เฟรินดิ้นพยายามที่จะออกมา
“ปล่อยเพื่อนผม”
คิลพูดลอดไรฟันออกมา ทำให้ชายคนนั้นหัวเราะร่า แล้วตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“ป้ายกริฟฟินนั่น เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อย”
คิลเหลือบมองป้ายในมือเล็กน้อยแล้วโยนเบาๆ ในมือ คิ้วบางเลิกขึ้นสูงก่อนจะโยนให้โดยไม่ลังเล ร่างนั้นรับไว้ในมือขวาแล้วปล่อยเฟรินหลุดจากพันธนาการ พลันเมื่อเฟรินวิ่งออกมา
ร่างสูงก็ล้มตึงลงไปกับพื้นหิน ทำให้คิลเลิกคิ้วขึ้น ใครทำอะไร... แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมา
“เจ็บชะมัด”
เฟรินบ่นขณะเอามือถูแขนที่แดงเป็นจ้ำๆเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบกับคิลที่ยิ้มพรายอย่างขบขัน ก่อนที่เสียงคุ้นหูจะดังขึ้น ที่ข้างหู
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เฟรินมุ่นหัวคิ้วแล้วมองไปรอบๆ ทั่วบริเวณเงียบสนิทมีเพียงเธอและคิลที่ยังยิ้มกว้างเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยถามคิลเบาๆ
“นายได้ยินเสียงอะไรไหม เมื่อกี้นี่”
“ได้ยินเสียงคนแถวนี่บ่น”
คิลยักไหล่อย่างอารมณ์ดี แล้วเดินนำลงไปยังหน้าปราสาทแล้วล้มตัวลงนั่ง
“เหลือแค่รอลูคัสกับลอเรนซ์”
เฟรินนั่งตาม แล้วมุ่นคิ้วเล็กน้อย ขณะคิดถึงเสียงคุ้นเมื่อครู่
...คุ้นแต่จำไม่ได้ ... เสียงนั้นคุ้นมาก...
เสียงของใคร...
“โอ้โห ทำงานเร็วกันดีจริง มาก่อนเราอีกเนาะ ลอรี่”
เฟี้ยว! ฉึก!
มีดบินพุ่งผ่านอากาศไปปักข้างๆหน้าของลูคัสที่ยังประดับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยเครียดๆ
“ป้ายไม่ครบ”
“ฝั่งพวกผมได้มาสองอันรวมกับที่มีอยู่ก็เป็นสี่”
เฟรินเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่ลูคัสพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดเสียงเบา
“งั้นก็ครบพอดี”
ว่าพลางก็จัดแจงแบ่งป้าย โดยที่ป้ายที่หมายถึงตำแหน่งของโรเวน ที่รออยู่ข้างนอกอยู่ในมือของลูคัสที่ดันประตูปราสาทเปิดออก แสงแดดจ้าภายนอกส่องเข้ามาในพลันแล้วภาพเขาวงกตที่เห็นเมื่อครู่ก็ค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงแค่ปราสาทเอดินเบิร์กที่สว่างไปด้วยแสงอาทิตย์
“การแข่งขันชิงตำแหน่ง สิ้นสุดลง บัดนี้โรเวน ฮาเวิร์ดได้ดำรงตำแหน่งเสนาธิการฝ่ายซ้ายต่อไป”
แล้วเสียงเฮก็ดังขึ้นจากด้านนอก พร้อมๆกับที่ร่างสูงเดินตรงเข้ามา ด้วยแสงแดดที่ส่องแยงตาทำให้เฟรินต้องหรี่ตามอง
ดวงหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นทุกครั้งแม้ว่าดวงตาคู่นั้นยังแฝงไปด้วยอำนาจ เรือนผมสง่าสะบัดไปด้านหลังแรงๆ ชวนให้นึกถึงเจ้าชายในเทพนิยายโรมัน
โรเวนรับป้ายจากลูคัสแล้วชูขึ้นไปเหนือหัวท่ามกลางเสียงเฮลั่นจากรุ่นน้องและเพื่อนร่วมป้อม
ร่างสูงก้มหน้าลงมาแทบจะชิดกับหน้านวลของเฟริน ที่ขึ้นสีระเรื่อแล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่มแต่แผ่วเบาและก้องสะท้อนในใจของคนที่ฟังอยู่
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”........
ความคิดเห็น