คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : หลังสงคราม
“ในการต่อสู้ ไม่มีสกปรก หรือใสสะอาด ทุกอย่างจำเป็นสำหรับชัยชนะ”
เสียงสุดท้ายแล่นเข้ามาในโสต ก่อนที่อาเธอร์จะชูดาบอัศวินดำขึ้นเหนือหัวแล้วขยับยิ้มเหี้ยม แล้วเปรยเบาๆ
“ขอบคุณมาก เวสแล้วค่าจ้างจะตามไปภายหลัง ...” อาเธอร์หยุดเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “และลาก่อนโรเวน”
ดาบอัศวินดำถูกวาดลงสู่ร่างเบื้องหน้าดังความปรารถนาของผู้เป็นนาย พร้อมๆกับที่ลูคัสกู่ร้องเสียงดังก้อง
“โรเวน!!”
เสียงนั้นดังก้องไปทั่วสมรภูมิทำให้ทหารน้อยใหญ่หยุดการสู้รบของตัวเองในพลัน เสียงดังไปถึงกระโจมค่ายพัก ร่างของเฟรินเรืองแสงสีทองอ่อนเล็กน้อย
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางจะกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเท่าได้ ใจดวงน้อยไหวเบาๆ ...ไม่น่า พี่เค้าดวงแข็งคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ...
ม้าสีขาวสะอาดพุ่งผ่านเสียงอื้ออึงของเหล่าทหาร ลมแรงพัดสะบัดตามแรงโต้ของอากาศ เสียงและภาพทุกอย่างมัวไปหมด ในนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นสะท้อนแต่ภาพของบุรุษบนหลังม้าที่กำลังจะต้องจบชีวิตลง
“พี่โรเวนนน”
แล้วม้าตัวนั้นก็ทำอะไรที่ไม่คาดฝัน อาชาปราดเปรียววิ่งแหวกอากาศ เร็วดังแสง แล้วพลันร่างบางก็กระโดดไปแทรกระหว่างคมดาบกับร่างสูง
ฟึ่บ!
ดาบคมตวัดผ่านร่างบางจากไหล่ซ้ายจนถึงสะโพกขวาเป็นแผลยาว
เฟรินปรือนัยน์ตาลง ... เราคงต้องตายก็งานนี้ ... แล้วความเจ็บปวดก็แล่นปราดเข้ามาจนเธอข่มความเจ็บปวดไม่ไหวแล้วหลับตาลง ก่อนสติจะหลุดหายไป
เหนื่อย...
ใครบอกตายแล้วไม่เหนื่อย...
นัยน์ตาสีน้ำตาลปรือขึ้นเล็กน้อย เมื่อเสียงคุ้นเคยแล่นเข้ามาในโสต แต่ก็ทนความเพลียไม่ไหวหลับตาลงไปอีกครั้งเหลือเพียงแต่ประสาทหูที่ยังสดับรับฟังอยู่
“แล้วทีนี้นะ พี่โรเวนก็กระโดดลงจากม้า ใช่ๆสละม้าเลยเว้ย ลงมาอุ้มไอ้เฟรินมันไว้ก่อนมันจะตกพื้น แล้วพี่แกก็ท่องคาถาอะไรก็ไม่รู้แผลเฟรินหายไปหมดเลย แล้วก็มาอยู่บนตัวพี่เขาเอง”
“อะแฮ่ม”
อีกเสียงกระแอมขัด แต่เสียงเดิมก็ยังไม่หยุดพูด
“แล้วพี่เขาก็วาดดาบผ่ามิติวูบ อาเธอร์กับทหารซาเรสก็ปลิวไปหมดเลย ฟ้าร้องดังก้องเลย ใช่ๆฉันกับไอ้โรตกใจแทบแย่ แล้วฟ้าก็ผ่าลงมาที่ยอดปราสาทซาเรส อื้อ เท่มาก”
เฟรินมุ่นหัวคิ้วลง แล้วลืมตาขึ้นมามองเจ้าของเสียง นัยน์ตาสีม่วงเข้มพราวระยับ อย่างชอบใจเมื่อเห็นบุรุษอีกคนผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มหน้าขึ้นสีเล็กน้อย แต่คนนั้นก็ยังจ้อไม่หยุดปาก
“แล้วเท่านั้นศึกก็สงบใช่มะ พอหมอหลวงเข้ามาจะรักษาพี่เค้า พี่เค้าไม่เอาเว้ย บอกให้ไปดูอาการเฟรินก่อน ทั้งๆที่เฟรินแค่สลบไป สุภาพบุรุษสุดๆ อ๊ะ เฟรินตื่นแล้วหรอ”
“ตื่นเพราะเสียงแกนั่นแหละ คิล”
เฟรินแยกเขี้ยววาวแล้วพูดต่อ
“แล้วที่เล่ามันนิทานเรื่องไหน ทำไมฉันยังไม่ตาย”
“ไม่ใช่นิทานหรอก เฟรี่”
ลูคัสเอ่ยเสียงขบขัน นัยน์ตาสีดำสนิทที่ดูใจดีอยู่เสมอมองผ่านแว่นสายตาเข้ามา แล้วอีกเสียงจากโรก็ขัดขึ้น
“ก็ฉันกับคิล ดูเรื่องพวกนี้ผ่านเวทย์ของแม่ทัพใหญ่ในทัพเสริม ชัดทุกตอน”
แล้วขอทานแห่งทริสทอร์ก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วที่นายไม่ตายก็ขอบคุณพี่โรเวนเขาซะ”
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มไหววูบ ก่อนวิชาหน้ากากฟาโรห์จะถูกยกขึ้นมาใช้ ร่างสูงสง่านั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปลายเตียง ที่แปลกไปจากเมื่อก่อนก็มีแค่ผ้าพันแผลที่พันคาดรอบศีรษะ เอวและแขนเท่านั้น
“เราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันไปเรียกคนมาตรวจอีกสักทีก็แล้วกัน”
โรเวนยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป อย่างไม่ทันฟังเสียงคัดค้านของคนที่นอนอยู่บนเตียง
“สรุปก็คือ เจมิไนชนะศึก แล้วพวกเราที่มาจากเอดินเบิร์กก็ไม่มีใครเป็นอะไร”
เฟรินเปรยถาม
“ยกเว้น โรเวน”
ไธนอสเอ่ยยิ้มๆ แล้วเอนเก้าอี้ไปด้านหลังก่อนจะหลับตาลงนอน
“แล้วเฟริน นายไปเรียนขี่ม้ามาจากไหนพูดจริงๆ ฉันกับโรมองไม่ทันเลย”
เฟรินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะดีดนิ้วเปาะเมื่อนึกได้ ร่างบางยิ้มกว้างก่อนจะตอบอย่างวางมาด
“เทคนิกส่วนตัวเฟ้ย”
ทางฝั่งโรเวนที่ผลุนผลันออกมาจากห้องก่อนก็ยืนเอนหลังพิงกับประตูห้องแล้วหอบหายใจอย่างรุนแรง มือหนาเลื่อนมาแตะที่หัวใจที่เต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมานอกอก
...ดีใจ ...ดีใจมาก ที่เธอไม่เป็นอะไร...
แล้วร่างสูงก็สาวเท้ายาวไปที่สุดระเบียงแล้วเคาะประตูไม้เบาแผ่ว
“ใคร”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านใน ก่อนที่โรเวนจะเอ่ยตอบเสียงเบา
“โรเวน กระหม่อม”
“เข้ามาสิ”
แล้วโรเวนก็ผลักประตูเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่สลักเป็นลวดลายวิจิตรสีทองสว่าง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มพิมพ์เดียวกันสองคู่เลื่อนมาสบกันก่อนผู้สูงวัยกว่าจะเอ่ยขึ้นก่อน
“นั่งก่อนสิ”
แล้วคิงเซทก็ผายมือมายังเก้าอี้แบบเดียวกันที่ฝั่งตรงข้าม โรเวนก้มหัวเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่ง
“แล้วร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง โรเวน”
“ด้วยพระบารมีหม่อมฉันหายดีทุกประการ”
ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วสูง ทำให้โรเวนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ก็มีเจ็บนิดหน่อยเวลาขยับตัวกระหม่อม”
“พ่อเสียใจที่ต้องส่งเจ้าไปรบเพียงลำพัง”
“หม่อมฉันไม่ได้รบเพียงลำพัง”
โรเวนขยับยิ้มบาง ที่แฝงบางอย่างเอาไว้ ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจะหลุบลงต่ำ
“อ้อ แล้วสหายคนอื่นๆ มีใครเป็นอะไรบ้างไหม”
“มีเพียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าที่อ่อนเพลีย นอกนั้นแข็งแรงสมบูรณ์ ท่านพ่อควรจะไปเยี่ยมพลทหารราบที่ร่วมรบ”
“มีแค่เจ้าที่ฝีมือไม่ถึงขั้นได้แผลกลับมาหรือโรเวน”
แล้วผู้เป็นบิดาก็หัวเราะก้อง แล้วขยับยิ้มกว้างเมื่อได้หยอกลูกชายคนเดียวของตน เซทนิ่งไปชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ
“แล้วมีใครต้องการรางวัลอะไรบ้างไหม”
“ไม่เลยฝ่าบาท พวกเขามาด้วยใจ”
เซทขยับตัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะขยับยิ้มบางแล้วออกคำสั่งเสียงเบา
“พาข้าไปที่ห้องพักที”
โรเวนเพียงลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับก่อนจะเดินนำผู้เป็นพ่อไปยังห้องที่เมื่อครู่เขาเดินออกมา ร่างสูงถอนหายใจกับตัวเองบาๆ แล้วงัดหน้ากากฟาโรห์ขึ้นมาใช้อีกครั้งแม้ว่ามันจะหวั่นไหวได้ง่ายๆเมื่อสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น
โรเวนเปิดประตูแล้วหยุดรอให้ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปก่อน แล้วจึงเดินตามเข้าไป
ภาพที่เห็นทำเอาเขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เจ้าหญิงที่เขาทูลท่านพ่อว่ายังอ่อนเพลียกำลังหัวเราะร่า แล้วขยับม้าเดินสวบๆขึ้นไปกินคิงของโรหน้าตาเฉย
แล้วคำพูดที่ตามมานั่น ไม่ได้ทิ้งความเป็นหญิงเอาไว้เลย
“ฮ่าๆๆ” ร่างบางหัวเราะเสียงดัง “แกแพ้ฉันอีกแล้วโร เซวาเรส”
เซทหันกลับมามองโรเวนที่ยืนหน้าซีดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปในห้องที่เพิ่งรู้สึกกันถึงการมาถึงของผู้เป็นใหญ่ ผู้กุมอำนาจของเจมิไน
“ง่า...”
เฟรินที่หัวเราะอยู่อ้าปากค้าง ก่อนจะหุบปากลงแล้วยิ้มประจบ
“นี่หรอคนที่นายเรียกมาตรวจ โรเวน”
เสียงเอ่ยขบขันดังจากคนที่ยังหลับตาพริ้มบนเก้าอี้เอนหลัง ไธนอสเอ่ยพร้อมขยับยิ้มกว้างอย่างไม่กลัวในอาญาของคนตรงหน้า
โรเวนสะดุ้งเฮือก ...เออใช่ เราบอกไปว่าจะเอาคนมาตรวจนี่นา...
เซทมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เอ่ยเสียงนุ่ม
“ข้าต้องขอขอบใจพวกท่านอีกครั้งสำหรับการรบครั้งนี้ แล้วก็ต้องขอแสดงความเสียใจที่ทางเจมิไนไม่มีเวลาพอที่จะจัดงานเฉลิมฉลองให้พวกท่าน มหาปราชญ์ส่งสารแสดงความยินดีมาเมื่อเช้านี้ และเรียกตัวพวกท่านกลับโรงเรียน เห็นว่าพวกท่านยังติดภาระการชิงตำแหน่งภายในป้อมอยู่”
“เอ้อ ลืมไปเลย”
เฟรินโพล่งขึ้นเสียงดัง แล้วหัวเราะแห้งๆมีเซทปรายตามาเล็กน้อย
“หวังว่าท่านคงไม่เป็นอะไรมาก เจ้าหญิงเฟลิโอน่า ขอเสียใจที่ทางเราคุ้มกันท่านได้ไม่ดีพอ”
“อ่า...ไม่เป็นไรฮะ เอ้ย กระหม่อม เอ้ยย เพคะ”
คิลหัวเราะเสียงเบาในลำคอ แม้ว่าตัวเองจะติดค้างอะไรเล็กน้อยกับเจ้าชายโรเวนที่โดนพ่อของตนลอบทำร้าย แต่ด้วยความที่เจ้าชายโรเวนยังไม่ได้พูดอะไร คิลก็ยังนิ่งเงียบเรื่องนี้ต่อไป... ไว้ต้องไปบอกไม่ให้พ่อรับงานพร่ำเพรื่ออีก...
“ตอนนี้มังกรจากเอดินเบิร์กมาแล้ว แต่ก่อนไปขอให้พวกท่านเข้ามาคุยอะไรกับข้านิดๆหน่อยๆที่ห้องข้างๆนี้ก่อน”
แล้วกษัตริย์แห่งเจมิไนก็เดินออกไป โดยมีโรเวนเดินเข้าไปในห้องนั้นเป็นคนแรก
“โรเวน เจ้าเหลือเวลาอีกปีเดียวที่เอดินเบิร์ก ทำทุกนาทีให้มีค่า ไม่ว่าเมื่อไรเจ้าก็ยังเป็นความหวังของเจมิไนเสมอ ระลึกถึงหน้าที่ของตัวเองไว้ตลอดเวลา โรเวน ...และหน้าที่เก่า เก่ามาก ตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ที่ข้าส่งเจ้าไปเจริญสัมพันธไมตรีกับทางเวนอล ยกเลิกด้วย”
โรเวนเลิกคิ้ว ภารกิจที่ให้หม่อมฉันไปตีสนิทกับทางราชวงศ์เวนอล แสร้งอบอุ่น อ่อนโยนกับวิเวียนนานีย่า สำหรับความสนใจที่เวนอลยังคงสงบร่มเย็น แม้มีกษัตริย์ก็เหมือนไม่มี ความสนใจที่ท่านพ่อต้องการสืบจากจักรพรรดิวิลเลี่ยมที่สามแห่งเวนอล
“กระหม่อม”
หม่อมฉันก็คงมีค่าแค่เป็นเจ้าชายคนหนึ่งของเจมิไน...
โรเวนค้อมตัวทำความเคารพ แล้วหมุนตัวกลับ แต่เมื่อมือนุ่มสัมผัสที่ลูกบิดประตู เสียงอ่อนโยนก็ดังมาจากด้านหลัง เสียงที่ทำให้ทั่วทั้งร่างอบอุ่น
“ดูแลตัวเองดีๆด้วย พ่อเป็นห่วงลูกเสมอ โรเวน”
หน้ากากที่แท้จริงของกษัตริย์แห่งเจมิไน ...
ไธนอสเดินตามเข้าไปเป็นคนที่สอง และไม่นานก็เดินกลับออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเดียวกลับลูคัสที่ตามเข้าไป
ลอเรนซ์ยังคงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ร่างสูงปิดประตูแล้วค้อมตัวทำความเคารพก่อนจะนั่งลงคุกเข่ารอฟังดำริ
“ไม่ต้องๆ ลอเรนซ์”
สุรเสียงนุ่มดังขึ้น ก่อนที่หัตถ์ทรงอำนาจจะกวักเรียกผู้คุมกฎหน้าบูดคนนี้เข้าไปเพ่งพินิจ ใกล้ๆ
“เหมือนแม่มาก เสียดายที่ไม่เหมือนริชาร์ดเลยแม้แต่นิดเดียว”
ลอเรนซ์ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่นัยน์ตาสีอเมธิสต์จะเลื่อนขึ้นเป็นสบกับบุรุษด้านหน้าแล้วริมฝีปากบางก็เผยอเบาๆ
“ฝ่าบาททราบ”
“แน่นอน ฝากความคิดถึงไปถึงริชาร์ดด้วย ลอเรนซ์ โมนาโรค”
ลอเรนซ์ยังคงทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะทิ้งคำพูดเบาๆเอาไว้
“แต่ฝ่าบาทยังคงไม่ทราบที่หม่อมฉัน ไม่ต้องการที่จะใช้ราชสกุลนั้น”
ลอเรนซ์เดินทำหน้าบึ้งออกมาจากห้องจนลูคัสอดที่จะหยอกเบาๆไม่ได้
“ขนาดคิงเซทยังทำให้ลอรี่ของเรายิ้มไม่ได้หรือนี่”
เฟี้ยว ... ฉึก
ลูคัสหลบเฉียดฉิว แต่ทำให้โรเวนเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะเดินไปดึงมีดสั้นที่ปักอยู่บนผนังออก
“ระวังหน่อยลอเรนซ์ เจมิไนไม่ได้มั่งคั่งเหมือนแอเรียส”
โรเวนกระซิบเสียงแผ่วพอให้ได้ยินกันแค่สองคนขณะส่งมีดสั้นกลับให้ลอเรนซ์ ส่งผลให้ดวงหน้าที่กระด้างอยู่แล้วทวีความกระด้างขึ้นไปอีก
“โรเวน...นายก็อย่าเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆไปทั่ว เจ้าหญิงเดมอสไม่ได้ใจเย็นเหมือนจักรพรรดินีเวนอล “
คำตอกกลับจะลอเรนซ์ที่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทำให้โรเวนช็อคค้างงงง... ดวงหน้าคมคายซีดลงถนัดตา ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ว่า
...คนไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าคารมมันไม่ดี ...
ความคิดเห็น