ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic : Baramos]หัวขโมยแห่งบารามอส !!>เฟริน-โรเวน

    ลำดับตอนที่ #7 : สงคราม

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 51


     

     

     

     

     

     

                ลมร้อนพัดกรรโชกแรง ทำเอากระโจมที่ตั้งเป็นที่พักชั่วคราวแทบจะปลิวไปกับแรงลมจนทหารกล้าหลายคนต้องมาช่วยกันยึดตัวกระโจมเอาไว้

     

                    ดวงอาทิตย์ฉายแสงกล้าราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งบนโลก ทำให้พื้นดินแห้งที่กั้นชายแดนเจมิไน-ซาเรส ร้อนระอุ

     

                    อาชาศึกนับพันตัวอยู่ในเกราะสีเงินแวววาวเช่นเดียวกับนักรบบนหลังของมัน

     

                    และเมื่อร่างสูงเดินออกมาจากกระโจมสีขาว ทหารกล้าทุกคนก็ก้มหน้าลงรับฟังคำสั่ง เรือนผมสีน้ำเงินเข้มโบกสะบัดไปด้านหลังตามแรงลมที่พัดหอบเอาความร้อนเข้ามา โรเวนเพียงยิ้มบางแล้วเอ่ยเสียงดังก้อง คำสั้นๆที่มีความหมายธรรมดา แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพละกำลังมากมาย

     

                    บุก!!”

     

                    โรเวนชักดาบผ่ามิติออกมา แล้ววาดวูบตวัดอากาศไปเบื้องหน้า เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ พลันทหารร่วมแสนนายก็โห่ร้องกึกก้องออกมา

     

                    เสียงโห่ดังกึกก้องทำให้เฟรินลูบแขนของตัวเอง เสียงที่ทำให้ขนแขนลุกซู่อย่างแปลกประหลาด สักพักเสียงก็เงียบหายลง แล้วอีกเสียงก็ดังออกมาจากฝั่งของซาเรส

     

                    โรเวนกระโดดขึ้นบนหลังอาชาศึกสีขาวสะอาดตัดกับสีดำ น้ำตาลของทหารคนอื่นแล้วควบตะบึงไปที่กลางสมรภูมิ

     

                    ลูคัสและลอเรนซ์ขึ้นบนหลังม้าแล้ววิ่งขนาบโรเวนไปคนละข้าง ไธนอสเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะควบม้าตามไปอีกคน ปล่อยให้รุ่นน้องอีกสามคนยืนเงอะงะอยู่หน้ากระโจม

     

                    ไม่นานนักอาชาศึกสามตัวก็ถูกนำมาส่ง ทหารที่จูงม้ามา ค้อมหัวทำความเคารพแล้วเอ่ยด้วยเสียงเข้มว่า

     

                    เจ้าชายโรเวน ให้หม่อมฉันนำม้าสามตัวนี้มาให้ และทรงมีรับสั่งให้ ท่านคิล และ ท่านโร ไปประจำที่ทัพเสริม

     

                    อืม

     

                    คิลและโรตอบพร้อมกันในลำคอก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้า อย่างรวดเร็วแล้วขี่ไปทางด้านซ้าย เฟรินยืนมองเพื่อนสองคนจนลับสายตาแล้วหันกลับมาถามทหารคนนั้นว่า

     

                    แล้วฉันประจำกองไหนละ

     

                    เจ้าชายโรเวนมีรับสั่งว่า การรบเป็นหน้าที่ของบุรุษ ม้าตัวนี้สำหรับภาวะฉุกเฉิน หากเกิดเหตุการณ์เหมือนที่เจ้าชายบอกพระองค์ในกระโจมแล้วให้ขี่ม้าหนีไปทางใต้ของเจมิไน จะมีคนจากเอดินเบิร์กมารอรับกลับ

     

                    เฮ้ย ไหงงั้นละ

     

                    กระหม่อมทูลลา

     

                    ว่าพลางนายทหารคนนั้นก็เดินจากไปปล่อยให้ร่างบางยืนอารมณ์เสียอยู่คนเดียว

     

                    คำพูดที่พี่โรเวนบอกในกระโจม

     

                    ...พี่ร่ายเวทย์ปกปักษ์ตัวเราไว้ ซึ่งเวทนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ เอ่อ...พี่ตาย หรือ อยู่ในภาวะคับขันจริงๆ ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจะมีแสงสีทองคลุมรอบตัวเราแล้วทหารฝั่งซาเรสจะมองไม่เห็นเรา แต่พี่คิดว่าคงจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ง่ายๆหรอก แต่ก็ป้องกันไว้ก่อนก็ดี...

     

                    บ้าบอ แล้วเราจะมาที่เจมิไนนี่ทำไม มาก็ได้แต่เป็นตัวถ่วง

     

                    เฟรินบ่นอุบ แล้วหยิบขนมปังกรอบในจานทองขึ้นมาเคี้ยวกรุบๆระบายโทสะ จนคนในกระโจมรอบข้างได้แต่มองหวาดๆ

     

                   

     

                    วันนี้สินะ ที่อาเธอร์ เลโอนาท บริสตั้น คนนี้จะได้มีชัยเหนือโรเวน ฮาเวิร์ดอีกครั้ง

     

                    เสียงทุ้มกล่าวกลั้วหัวเราะ จากหลังม้าอีกตัว ร่างสูงอยู่ในชุดเกราะทรงศักดิ์ พร้อมด้วยดาบอัศวินดำในมือขวา นัยน์ตาสีดำสนิทปรายตามามองบุรุษฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย

     

                    หรือจะเป็นวันที่พญาสิงห์จะดับดิ้นใต้มือของหม่อมฉัน

     

                    โรเวนเปรยเบาๆ แต่ด้วยบรรยากาศเงียบสงัดทำให้เสียงเบาดังก้องประหลาด ดวงหน้าของอาเธอร์แดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะยกดาบอัศวินดำขึ้นเหนือหัว แล้วประกาศกร้าว

     

                    รับมือ โรเวน

     

                    โรเวนเพียงยิ้มบางแล้วเอี้ยวตัวหลบอัศวินดำที่ฟันเข้าทางด้านซ้าย ผ่ามิติตวัดวูบเข้ามารับ เจ้าเกิดเสียงสนั่นไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางเสียงฟันดาบประปรายของเหล่าทหารกล้าเบื้องล่าง

     

    ลูคัสถอดแว่นสายตาออกก่อนจะเผยอยิ้มเหี้ยม ร่างสูงตวัดมือวูบ เหยี่ยวประหลาดก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ไอสังหารแผ่ไปทั่วบริเวณ เหยี่ยวประหลาดบินวูบไปจิกเข้าที่ตาของทหารซาเรสด้านหลัง ลูคัสดีดนิ้วเสียงดังเปาะ ตะขาบยักษ์มากมายก็โผล่ออกมาแล้วลอยวูบไปยังทหารหลายคนในรัศมีห้าร้อยเมตรรอบตัวอร์แดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะยกดาบอัศวินดำขึ้นเหนือหัว แล้วประกาศก

     

                    ตะขาบตัวโตรัด เกราะเหล็กจนแตกเป็นเสี่ยงๆก่อนจะพ่นพิษเข้าที่นัยน์ตาของอัศวินที่หาญกล้ามาลองดีกับซาตานแห่งป้อมอัศวิน ลูคัส ซาโดเรีย

     

                    หลายร่างล้มตึงไปกับพื้นแล้วชักดิ้นชักงอ ด้วยความปวดแสบปวดร้อนก่อนจะหยุดนิ่งไปพร้อมๆกับลมหายใจที่หมดไป

     

                    ร้ายเกินไป ร้ายกาจเกินไป...

     

                    ความกลัวแล่นวูบเข้ากลางใจของทหารแห่งซาเรส บางคนถึงกับผงะถอยหลังเมื่อลูคัสเดินโปรยยิ้มเข้ามาใกล้

     

                    ชัยชนะกำลังจะตกเป็นของเจมิไน...

     

                    อาเธอร์กัดฟันกรอดเมื่อมองลงไปเบื้องล่าง แล้วยกอัศวินดำขึ้นมากันดาบของโรเวนที่วาดวูบอย่างรุนแรง ประกายไฟกระเด็นไปรอบๆ

     

                    อัศวินดำ

     

                    พลันนักรบมากมายก็ปรากฏขึ้นจากพื้นพิภพ ตรงเข้าโจมตีเหล่าทหารฝั่งเจมิไน กองทัพที่ฟันเท่าไรก็ไม่ตาย

     

                    กองทัพอัศวินดำ เข้าโจมตีทหารอีกฝั่ง อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนทหารเจมิไนล้มตายราวกับใบไม้ร่วง แล้วความได้เปรียบก็กลับมาสู่มือของอาเธอร์ บริสตั้นอีกครั้ง

     

                    ชัยชนะที่กำลังจะเป็นของซาเรส กองทัพที่ไม่มีใครทำลายได้...

     

                    โรเวนขยับยิ้มเหี้ยมขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีน้ำเงินที่ดูสุขุมตลอดเวลากำลังจะแปรเป็นสีเลือด เช่นเดียวกับพื้นดินเบื้องล่างที่เปรอะไปด้วยเลือดเข้มที่กำลังไหลทะลักออกจากร่างอัศวินแห่งเจมิไน

     

                    ผ่ามิติที่กำลังจะเฉือนร่างของคู่ต่อสู้เบื้องหน้าถูกชักกลับ และไม่คิดจะตั้งรับเพลงดาบของอัศวินดำที่วาดวูบเข้ามา

     

                    หลบ

     

                    โรเวนตะโกนเสียงดังก้อง ทำให้ทหารฝั่งเจมิไนแตกกระจาย แล้วผ่ามิติก็วาดวูบผ่าอากาศเบื้องหน้า ดูดกองทัพอัศวินดำเข้าไปอีกมิติหนึ่ง

     

                    โรเวนชักดาบกลับเตรียมจะมารับดาบอัศวินดำแต่ก็ ไม่ทันเสียแล้วดาบคมกริบวาดวูบ เฉือนแขนบางของโรเวนเป็นแผลลึก เลือดสีแดงคล้ำทะลักออกมาเป็นสาย ความเจ็บแล่นวูบจนโรเวนต้องเบ้ปาก แต่ก็ไม่มีเสียงร้องโอดครวญใดๆออกมาจากริมฝีปากอันนั้น

     

                    ลอเรนซ์ผงะเมื่อเห็นเลือดสดๆกำลังไหลรินลงมาจากผู้บังคับบัญชา

     

                    คัมภีร์มนต์สวรรค์

     

                    คัมภีร์จำนวนมหาศาลลอยพุ่งตรงเข้าหาอาเธอร์อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องสลายไปเมื่อเจอกับเขตอาคม ลอเรนซ์หรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย

     

                    เขตอาคมของบุรุษที่ชื่อ โรเวน ฮาเวิร์ด

     

                    ไม่เป็นไรลอเรนซ์ ฉันสู้เองได้

     

                    โรเวนเพียงเอ่ยเสียงเบาก่อนจะตะโกนก้อง

     

                    หกดาราพิฆาต

     

                    เพลงดาบแรกจากโรเวน เรียกเลือดสดๆจากบาดแผลบางมากมายบนตัวกษัตริย์คนใหม่แห่งซาเรส อาเธอร์พ่นเลือดในปากลงบนพื้น ก่อนจะหันมาสนใจการต่อสู้อีกครั้ง

     

                    ตอนนี้ทหารของซาเรสล้มตายไปจำนวนมาก ด้วยคมดาบของไธนอส สุดยอดอัศวินแห่งบารามอส และคัมภีร์มนต์สวรรค์ของนักบวชจากแอเรียส

     

                    แต่จำนวนที่ทหารเจมิไนตายจากอัศวินดำเมื่อครู่ก็ไม่ใช่น้อยทำให้ ลูคัสเริ่มเกร็งกับการต่อสู้ ร่างสูงลอยขึ้นบนอากาศ ก่อนจะตวัดมือวูบ สร้างลูกไฟหลายลูกที่พุ่งตรงไปยังทหารซาเรสที่อยู่ด้านหลัง

     

                    ความเสียหายมหาศาลที่เกิดขึ้นทำให้อาเธอร์ เริ่มวาดดาบอย่างรุนแรงมากขึ้น แล้วพลันเจ้าของฉายาเจ้าชายใจสิงห์ก็โยนกริชสีเงินลงบนพื้น

     

                    โรเวนมุ่นหัวคิ้วลง สัญญาณงั้นหรือ สัญญาณอะไร

     

                    แล้วดาบวงพระจันทร์ก็พุ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง มาตวัดเข้ากลางหลังของเจ้าชายแห่งเจมิไน โรเวนสะดุ้งเฮือก ก่อนจะสำลักลิ่มเลือดเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยเสียงกราดเกรี้ยว

     

                    ท่านเล่นสกปรก อาเธอร์

     

                    ในการต่อสู้ ไม่มีสกปรก หรือใสสะอาด ทุกอย่างจำเป็นสำหรับชัยชนะ

     

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×