คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : (ว่าที่)พ่อสามี กะ (ว่าที่) ลูกสะใภ้
ย้อนกลับไปในช่วงรับเสด็จกษัตริย์อีกครั้ง...
“น่าเบื่อจริงๆ”
ร่างบางบ่นพึมพำเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้กับตัวเองเบาๆ แล้วก้มหน้าลงไปมองเท้าทั้งคู่ของตัวเองที่ใส่รองเท้าส้นสูงสีชมพูอ่อนๆอยู่ นิ้วเรียวถอดมันออกอย่างไม่สนใจนักแล้วโยนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี
นัยน์ตากลมโตเลื่อนไปจับอยู่ที่นาฬิกาติดผนังเรือนย่อมๆที่ติดอยู่ในปราสาทเอดินเบิร์ก แล้วบ่นต่อ
“นี่ก็รอมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ ขบวนเสด็จยังไม่มา ทำไมไม่เตรียมขนมนมเนยอะไรมาก่อนก็ไม่รู้”
“ขนมมาแล้ว ฝ่าบาท”
น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เฟรินหันขวับไปทางต้นเสียงแทบจะทันที ร่างบางแสยะยิ้มให้คนข้างหน้า เมื่อสบกับนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่พราวระยับ
โร เซวาเรส เจ้าชายขอทานคนนั้นในชุดสีขาวงาช้างกำลังยกถาดขนมขบเคี้ยวมา ร่างสูงดูดีขึ้นโขเมื่ออยู่ในชุดเต็มยศเช่นนี้
“นายไม่กลัวคนจะรู้ยศจริงหรือ โร เซวาเรส”
โรเพียงยิ้มบางแล้วตอบกลับเบาๆ
“ไม่จำเป็นที่เจ้าชาย เจ้าหญิงจะได้รับเสด็จเสมอไป ฉันก็แค่ขอทานโชคดีคนหนึ่งที่มีโอกาส”
เฟรินแค่นหัวเราะก่อนจะหยิบขนมในถาดขึ้นมาเคี้ยวกรวมๆอย่างไม่สนใจห้องสมุดเคลื่อนที่ข้างหน้า ที่กำลังวางกระดานหมากรุกลงตรงกลาง
ไม่นานนักเสียงแตรก็ดังขึ้น โรเงยหน้าขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นคนข้างหน้ายังไม่เตรียมตัวออกไปรับเสด็จก็เลิกคิ้วขึ้นสูง
“ไม่ใช่ตานาย
“ฮะ? ตาอะไร ฉันพึ่งเดินไปเมื่อกี้”
เฟรินยังคงวกเรื่องกลับไปยังหมากรุกหน้าตาเฉย ทำให้โร หัวเราะเบาๆ
“ฉันหมายถึงรับเสด็จคิงเซท”
“รับเสด็จอะไรวะ เฮ้ย!”
เฟรินลุกขึ้นยืนแล้วสบถเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกปราสาททันที นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับนัยน์เนตรเคร่งของกษัตริย์แห่งเจมิไนที่จ้องตรงมา ก่อนที่จะเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อคิงเซทเลื่อนดวงตาลงมาจับอยู่ที่ขาของเธอ
“เอ่อ ถวายพระพร ฝ่าบาท”
ยังคงไม่มีคำตอบกลับมา ก่อนที่นัยน์ตาหลายคู่ของประชาชนที่รับเสด็จจะจ้องตามลงมาบนข้อเท้าเรียว ทำให้เฟรินค่อยๆก้มลงดู
อืม ก็ไม่มีอะไรแปลกนี่
แล้วนัยน์ตากลมก็เบิกขึ้นทันใด
ซวยแล้ว
ลืมสนิท
ไอ้โรบ้าก็ไม่เตือน
ไม่ได้ใส่รองเท้า!!
เฟรินเงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะแห้งๆ เมื่อรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า
น่าขายหน้าที่สุด!!
“เอ่อ งั้นเดี๋ยวหม่อมฉันจะนำฝ่าบาทไปยังห้องพัก”
คิงเซทเพียงพยักหน้า แล้วเดินตามหลังคนที่รีบจ้ำอ้าวเข้าไปข้างใน เฟรินก้มลงหยิบรองเท้าข้างที่พึ่งโยนทิ้งขึ้นมาใส่ลวกๆ แล้วย่อตัวเล็กน้อย
“เชิญเสด็จฝ่าบาท”
เมื่อร่างบางหันหลังเดินนำไป คิงเซทก็คลายพระพักตร์เคร่งออก แล้วแย้มพระโอษฐ์บางๆ อย่างอ่อนโยน ก่อนจะสาวพระบาทตามไปอย่างไม่รีบเร่ง
“แล้วโรเวน”
“อ้อ รุ่นพี่โรเวนไปรับพ่อหม่อมฉัน กระหม่อม”
“อืม ก็พอจะเข้าใจอยู่”
แล้วความเงียบก็ทิ้งตัวลงอีกครั้ง แต่ไม่ยาวนานนัก เมื่อคนข้างหลังเริ่มเปิดคำถามตอบยากขึ้นมา
“เจ้าคิดอย่างไร กับโรเวนลูกชายเรา”
ดวงหน้างามร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบตอบกลับ
“ง่า..ตอบยาก กระหม่อม”
“งั้นหรอ ไม่เป็นไร ลองตอบๆมา”
เซทสรวลเบาๆในลำคอ เมื่อคนข้างหน้าเริ่มทำสีหน้าปั้นยากข้นทุกขณะ
“มีหลายสถานะ ฝ่าบาท”
เฟรินตอบเสียงแผ่วเบา แล้วเริ่มก้าวเดินต่อ
“ถ้าในสถานะเจ้าชายแห่งเจมิไน พระองค์ก็ทรงเป็นที่น่ายกย่องยิ่ง ไม่ว่าในด้านพระปรีชาสามารถ หรือด้านการรบ”
“ถ้าในฐานะรุ่นพี่ร่วมป้อม พี่เขาก็เป็นรุ่นพี่ที่ใจดี แล้วก็น่าไว้ใจคนหนึ่ง”
“และในสถานะ...เอ่อ...หมดแล้วฝ่าบาท”
“งั้นหรือ ข้าคิดว่าน่าจะมีอีกสักหนึ่งหรือสองสถานะ”
คิงเซทแย้มพระโอษฐ์บางอย่างพอพระทัย แล้วตรัสกลับอย่างอารมณ์ดี
ไม่นานนัก ก็ถึงห้องพัก เฟรินเปิดประตูห้องให้แล้วกล่าวเชิญผู้มียศสูงกว่าเข้าไปก่อน แล้วถือวิสาสะเดินตามเข้าไป
“เรื่องขบขันสักหน่อยไหม ฝ่าบาท”
“ก็ดี”
เฟรินค่อยๆเล่าเรื่องตลกมากมายเท่าที่จะสรรหาได้ไปเรื่อยๆ แต่คนตรงข้ามก็เพียงยิ้มเท่านั้น ทำให้คนเล่าชักรู้สึกแปลกๆ
“ไม่ตลกหรือ กระหม่อม”
“ก็ตลกดี ทำไมหรือ”
“หม่อมฉันไม่เห็นฝ่าบาท สรวลเลย”
“คนเป็นกษัตริย์ เฟลิโอน่า” เซทเปรยเบาๆ “เราต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เราไม่ควรแสดงกิริยาต่ออะไรมากจนเกินไป ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ”
เฟรินเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามต่อ
“แล้วเวลาฝ่าบาทอยู่กับครอบครัว ฝ่าบาทก็ทรงสวมหน้ากากด้วยหรือ”
“บางที แต่กลับโรเวน เกือบจะทั้งหมด”
“ขอทราบเหตุผล กระหม่อม”
“โรเวนจะต้องเป็นกษัตริย์แห่งเจมิไน เขาจะต้องสวมหน้ากากเช่นกัน”
“ง่า..แต่หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องเป็นกษัตริย์ ไม่ต้องสวมก็ได้ ฝ่าบาท”
เซทแย้มรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ไปห้องอาหารกันเถอะ ข้าหิวแล้ว”
เฟรินหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย เมื่อคนตรงหน้ายังไม่เลิกสวมหน้ากาก เซทมองหน้าเฟรินแล้วหัวเราะเบาๆ
“ไปกินข้าวกันไหม เฟลิโอน่า”
“กระหม่อม” ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วตอบอย่างอารมณ์ดี แต่ทำให้เซทหน้ามุ่ยลงสลับกัน
“ต้องบอกว่าค่ะ พ่อ สิ”
“ง่า ค่ะ พ่อ”
เฟรินหน้าแดงก่ำ เมื่อเอ่ยคำว่าพ่อออกมา
หมายความว่ายังไงนี่
ให้เราเรียกว่า พ่อ
ช่างเถอะ หนูตกถังข้าวสารแล้ว เฟรินเอ๊ย เขาจะรับเราเป็นลูกบุญธรรม
เฟรินคิดในใจ แม้ว่าจะมีอีกเสียงตอบกลับมาเบาๆว่า
...นายก็รู้ มันไม่ได้หมายความอย่างนั้นเฟริน...
ความคิดเห็น