คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : (ว่าที่) พ่อตา VS (ว่าที่) ราชบุตรเขยแห่งเจมิไน
เสียงแตรยาวเป่าดังสนั่นดังขึ้นหลายครั้งของวัน เพื่อเป็นการต้อนรับเหล่ากษัตริย์ของแต่ละประเทศที่เดินทางกันมายังเอดินเบิร์กเพื่อประชุมคัดเลือกไฮคิง
และขบวนเสด็จที่ห้า เป็นการมาของมหากษัตริย์แห่งดินแดนทางทิศประจิม ท่านเจ้าปิศาจเอวิเดสแห่งเดมอส ด้วยสัญญาสงบศึกทำให้คนส่วนใหญ่ไม่หวาดกลัวกับการเสด็จครั้งนี้เท่าไร แถมคนจำนวนมากก็ยังมาออกันด้านหน้าปราสาทเอดินเบิร์กเพื่อจะยลพระบารมีของเอวิเดสแห่งเดมอส จนนักเรียนของป้อมอัศวินหลายคนต้องออกมากันประชาชนเอาไว้เพื่อเปิดทางเสด็จ
โรเวนถอนหายใจยาวก่อนจะก้มลงดูชุดราชอิสริยยศของตน มือหนาก็ปัดตามเสื้อสีขาวสะอาดเล็กน้อย ดวงหน้างามเงยขึ้นสบกับเงาสีดำทะมึนที่ค่อยๆชัดขึ้นทุกขณะ โรเวนสูดลมหายใจลึกแล้วยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
คณะเสด็จแห่งจ้าวปิศาจเอวิเดสค่อยๆปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า จากเงาเลือนๆค่อยๆคมชัดขึ้น เผยให้เห็นร่างใหญ่ที่ทรงอำนาจ นัยน์ตาสีดำคมกริบเลื่อนมาสบกับร่างของโรเวนก่อนที่คิ้วเรียวจะเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ โกโดมที่เดินอยู่ข้างๆจึงรีบทูล
“เจ้าชายโรเวน แห่งเจมิไน กระหม่อม คนที่มาพร้อมกับเจ้าหญิงในพิธีชุบตัว”
“อืม”
จ้าวปิศาจตอบรับในลำคอ ก่อนจะมองร่างสูงเบื้องหน้าที่กำลังค้อมตัวถวายความเคารพ โรเวนค้อมตัวนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มแต่ดังฟังชัด
“ถวายพระพร กษัตริย์เอวิเดส เกรเดเวล”
“เช่นกัน เจ้าชายโรเวน”
เอวิเดสเอ่ยเบาๆ แล้วเดินตามโรเวนเข้าไปภายในตัวปราสาทเก่าแก่ของเอดินเบิร์ก นัยน์เนตรสีดำขวับเลื่อนซ้ายขวามองตามสิ่งที่โรเวนแนะนำ เงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสุรเสียงทรงอำนาจ
“ทำไม เฟลิโอน่าถึงไม่ออกมารับข้า”
โรเวนหยุดฝีเท้าของตัวเองก่อนจะหันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มบาง
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า ต้องไปรับเสด็จ เสด็จพ่อของหม่อมฉัน”
จ้าวปิศาจเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตรัสถามต่อ อย่างพอพระทัย
“แล้วทำไมคนที่มารับข้าไม่ใช่ ปรินซ์คาโล”
“รายนั้นต้องไปรับคิงบาโร กระหม่อม หรือพระองค์เห็นหม่อมฉันไม่ดีเท่าปรินซ์คาโล”
แม้น้ำเสียงจะยังราบเรียบ แต่ก็ย้อนกลับอย่างเจ็บแสบ ทำให้เอวิเดสสรวลดังอย่างชอบใจ
“นานๆที จะมีคนมาต่อปากต่อคำข้า”
“ขอหม่อมฉันทราบว่านานเท่าไร”
“ตั้งแต่ ศึกกระดานเกียรติยศหลายสิบปีก่อน จอมปราชญ์คนหนึ่งก็เช่นเดียวกับเจ้า ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด”
โรเวนขยับยิ้มแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงผายมือไปยังประตูไม้สักสีน้ำตาลแดงที่ตกแต่งด้วยขลิบสีทองสว่างเป็นลวดลายวิจิตร แล้วทูลเบาๆ
“ห้องพัก ฝ่าบาท”
“เปิดประตูให้ท่านจ้าวสิ” เสียงแหลมเล็กของโกโดมทำให้โรเวนหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วเปิดประตูให้ตามคำบอก เผยให้เห็นห้องขนาดใหญ่ในโทนสีน้ำตาลอุ่น
เอวิเดสเดินนำเข้าไป พร้อมๆกับโกโดม ขณะที่ขบวนเสด็จหน้าตาประหลาดจะแยกเข้าไปในห้องข้างๆตามคำบอกของโรเวน ที่กำลังจะดึงประตูปิด
แต่เสียงหนึ่งก็ขัดเอาไว้ก่อน
“เข้ามาสิ จะปิดประตูทำไม”
โรเวนก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตแล้วเดินเข้าไปภายในห้อง ร่างสูงทิ้งตัวนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลไหม้ที่ฝั่งตรงข้ามของเอวิเดส ก่อนจะถามเบาๆ
“ฝ่าบาทมีธุระกับหม่อมฉันหรือ กระหม่อม”
เอวิเดสนิ่งไปชั่วครู่ โกโดมวิ่งหายไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระดานหมากรุกเล็กๆ
“ข้าว่าง อยู่เป็นเพื่อนคุยหน่อย”
โรเวนแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ยังคงเป็นปิศาจหนุ่มจริงๆ ก่อนจะเอ่ยเบาๆหลังจากขยับเบี้ยสีขาวสะอาดในมือ
“คุยเรื่องใดหรือ หม่อมฉันคงคุยไม่สนุกเท่าจอมปราชญ์วิลเลี่ยม”
“เรื่องเฟลิโอน่า”
เอวิเดสตอบสั้นๆ ทำให้โรเวนชะงักมือที่กำลังจะเลื่อนเบี้ยอีกตัวทันที ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวต่อ
“ไม่คุยกับเจ้าชายคาโลละฝ่าบาท”
“เฟลิโอน่า ส่งจดหมายมาทุกเดือน และเรื่องในจดหมาย ส่วนใหญ่เธอจะพูดถึงเจ้า มากกว่าราชบุตรเขยแห่งคาโนวาลเสียอีก”
ราชบุตรเขย...
โรเวนเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะขยับม้าไปกินเบี้ยของจ้าวปิศาจอย่างไม่เกรงอาญา
“รุก” โรเวนเอ่ยพร้อมยิ้มกระหยิ่ม แล้วเอ่ยต่อ
“จะให้หม่อมฉันทูลเรื่องอะไร พะยะค่ะ”
“ทุกเรื่อง เวลาที่เฟลิโอน่าอยู่โรงเรียนเป็นเช่นไร”
โรเวนเริ่มเล่าเรื่อง ตั้งแต่เริ่มแรกที่เดินทางไปในศึกที่เจมิไน จนถึงเรื่องปกติทุกๆวัน แต่ละเรื่องหลังจากการชิงตำแหน่งและเวทลบความทรงจำไว้
ยิ่งเล่ารอยยิ้มงามที่ประดับบนดวงหน้าคมก็ยิ่งแย้มกว้างขึ้นทุกที สลับกับเสียงหัวเราะของเอวิเดส แต่ทันทีที่เล่าเรื่องจบ โรเวนก็เอ่ยพร้อมๆกับรอยยิ้ม ขณะที่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววแห่งอำนาจเต็มเปี่ยม
“รุกฆาต ฝ่าบาท”
นัยน์เนตรสีดำสนิทฉายแววประหลาดพระทัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตรัสอะไรออกมา โรเวนจึงค่อยๆเก็บตัวหมากบนกระดานออก เอวิเดสถอนพระทัยเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนดวงเนตรขึ้นมาจ้องหน้าโรเวนเขม็ง
...หน้าตา ใช่ได้ เสน่ห์เปี่ยมล้น...
...คารมนี่ยิ่งเหลือรับ...
..ถ่อมตัว แต่นัยน์ตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจ...
..นักรบที่เก่งกาจ ที่เคยเอาชนะคาโลครั้งศึกเอเดน-เดมอส...
..ยศถาบรรดาศักดิ์ เจ้าชายคนที่ลูน่าเคยทำนายไว้ว่าจะเป็นมหาราชแห่งเจมิไน...
โรเวนหันหน้าออกมองไปด้านนอกที่ฟ้าเริ่มมืด ก่อนหันกลับมาดูนาฬิกาติดผนังภายในห้อง แล้วร่างสูงก็ค่อยๆลุกจากโซฟานุ่มพร้อมกล่าวลาด้วยเสียงนุ่ม
“ตอนนี้มืดมากแล้วหม่อมฉันขอทูลเชิญฝ่าบาทไปร่วมโต๊ะอาหารที่กลางปราสาทร่วมกับกษัตริย์จากประเทศอื่นๆ”
เอวิเดสสะดุ้งจากภวังค์เล็กน้อย แล้วหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะรับสั่งด้วยสุรเสียงกลั้วหัวเราะ
“อืม ไปสิ คุยเพลินจนลืมเวลาไปเลย”
โรเวนเดินนำเอวิเดสออกมาจากห้อง ด้วยกิริยาอ่อนน้อม จนเอวิเดสมองตามด้วยสายตาชื่นชม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะออกเดินตรงไปยังโถงกลางซึ่งถูกจัดไว้เป็นห้องเสวยพระกายาหารชั่วคราว
แต่ก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูห้องออก เสียงเปิดประตูเบาๆก็ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทั้งเขาและเอวิเดสหันกลับไป และภาพที่เห็นก็คือ
เฟรินในชุดราตรีสีขาวสกาวที่ขับให้ผิวนวลที่ขาวอยู่แล้วดูขาวมากขึ้น เรือนผมสีน้ำตาลไหม้ถูกปล่อยสยายให้ยาวเคลียไหล่ ดวงหน้าหวานจัดมีรอยยิ้มประปรายอยู่เช่นเดียวกับคนที่ตามออกมา
คิงเซทในชุดเต็มยศหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องเบิกตากว้างแล้วรีบถลามาข้างหน้าเมื่อร่างบางกำลังจะล้มลงไป
นัยน์ตาของโรเวนเบิกกว้างก่อนมือขวาจะถูกสะบัดแรงๆอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พลันลูกไฟสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ แล้ว...
เวลาก็ถูกหยุด!
โรเวนถอนหายใจยาว ในที่สุดก็ต้องใช้จนได้ ความสามารถพิเศษที่เขาไม่เคยบอกใครรวมทั้งผู้เป็นพ่อ แล้วร่างสูงก็ปราดเข้าไปเอามือหนารองรับร่างบางที่อยู่ในท่าแปลกประหลาด
ขาข้างหนึ่งยังติดอยู่บนพื้น ส่วนอีกข้างยกขึ้นไปในอากาศด้านบน นัยน์ตากลมเบิกกว้าง แขนทั้งสองยื่นไปข้างหน้าตามสัญชาติญาณ
เพราะรองเท้าสินะ...
โรเวนคิดในใจ ขณะเหลือบไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีชมพูอ่อนที่เจ้าตัวไม่เคยและไม่คิดจะใส่ ก่อนจะสะบัดมืออีกครั้งทำให้มิติที่บิดเบือนเมื่อครู่กลับมาเป็นเช่นเดิม
ร่างบางของเฟรินล้มลงบนมือหนาพอดี เฟรินสบถก่นด่าแองจี้ที่จัดชุดบ้าๆอย่างนี้มาให้ในใจก่อนจะ รู้สึกประหลาด
ดวงหน้างามเงยขึ้นสบกับหน้าของโรเวนที่ยิ้มอบอุ่น อุณหภูมิในกายแล่นสูงปรี๊ด หน้านวลก็พลันแดงก่ำก่อนจะผละถอยหลังออกมา
“ง่า...เป็นพี่โรเวนอีกแล้ว เอ่อ...ขอบคุณฮะ”
โรเวนเพียงยิ้มบาง ก่อนจะก้มหัวนิ่งเพื่อถวายความเคารพผู้เป็นพ่อ
และในเวลาเดียวกันเอวิเดสก็รีบปราดมาหาลูกสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจทันที มือหนาขยับมาจับร่างบางของผู้เป็นลูกเข้ามาโอบก่อนอย่างอบอุ่นพร้อมกับถามเบาๆ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เฟลิโอน่า”
“ง่า..งานนี้ต้องขอบคุณพี่โรเวนเขาละครับ เข้ามาทันเวลาพอดี”
เอวิเดสเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำสนิทเลื่อนไปจับอยู่กับดวงหน้าสง่าที่กำลังคุยกับผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีสุภาพเรียบร้อย
...แต่เมื่อครู่นี้ คนๆนี้ยังอยู่ตรงประตูนั่น ทำไม ...
...เร็วอะไรอย่างนี้ เร็วจนเรามองไม่ทัน ทั้งๆที่เขาอยู่ไกลกว่าเรา...
“อ่า ถวายบังคม ฝ่าบาท”
คิงเซทที่เพิ่งจะอบรมลูกชายที่ริอาจไปจับต้องตัวลูกสาวต่อหน้าผู้เป็นพ่อเขาเสร็จก็ก้มหัวน้อยๆให้เอวิเดสทันที
“เช่นกัน คิงเซท แห่งเจมิไน”
“แล้วเจ้าเป็นอะไรไหม เฟลิโอน่า”
เซทหันมาทางคนที่เกือบจะล้มลงไปเมื่อครู่ ซึ่งกำลังส่งยิ้มแหยๆมา
“ไม่เลยฝ่าบาท ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง”
“ต้องขอบคุณลูกชายของท่าน ที่ช่วยลูกของเราไว้ทันพอดี”
เอวิเดสเปรยเบาๆทำให้โรเวนก้มหน้ารับคำชม แล้วตอบกลับ
“ไม่หรอกฝ่าบาท ต้องถือว่าโชคดีของหม่อมฉันที่มารับองค์หญิงทันเวลา”
เอวิเดสไม่ได้ว่าอะไรต่อเมื่อคนตรงหน้าไม่คิดจะเอ่ยเรื่องความเร็วผิดมนุษย์เมื่อครู่ แต่พยายามจะนำเสด็จตนไปยังห้องอาหารอีกครั้ง
เฟรินก็ยังคุยเล่นสนุกสนานกับคิงเซท ขณะเดินนำไปยังห้องอาหาร
แล้วประตูห้องก็เปิดออก เผยให้เห็นกษัตริย์หลายพระองค์ที่ประทับอยู่บนเก้าอี้บุหนัง สายพระเนตรทุกคู่จ้องตรงมา เมื่อทหารหน้าห้องประกาศเสียงดังว่า
“กษัตริย์เอวิเดส เกรเดเวล แห่งเดมอส และกษัตริย์เซท ฮาเวิร์ด แห่งเจมิไน เสด็จจจ”
นัยน์ตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เอวิเดสครู่หนึ่งก่อนจะละมาสบกับร่างของคิงเซท และสุดท้ายสบกับร่างของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน คนตัวสูงกว่ากำลังเอ่ยล้อคนซุ่มซ่ามเมื่อครุ่อย่างอารมณ์ดี ขณะที่คนถูกล้อก็หน้าม้านหลบออกไป
เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล
และ
เจ้าชาย
นัยน์เนตรสีเขียวมรกตของจักรพรรดินีแห่งเวนอล จ้องอยู่กับภาพนั้นนิ่ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากงามลงอย่างขุ่นเคืองใจ
...ไม่ว่าอย่างไร หญิงก็ยังคงไม่ดีพอสำหรับท่านใช่ไหม เจ้าพี่...
ความคิดเห็น