คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ความทรงจำที่หายไป...
ในที่สุดก็พูดไปจนได้...
คาโลเอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างจะหลุบลงต่ำอย่างรู้สึกผิด
...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไป
...แค่เพียงอยากจะเอาชนะ
ชนะคนๆนั้น โรเวน ฮาเวิร์ด...
คิดพลางก็ตบหัวตัวเองเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ กับนิสัยบ้าๆบอๆของตัวเอง จนทำให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องปวดไปทั้งใจ
...ขอโทษ...
หวังแต่ว่าเฟรินจะฟังคำอธิบาย...
แล้วร่างสูงก็เขยิบไปทางด้านซ้าย ยืดแนบชิดติดกับกำแพง แล้วทอดมองไปยังภาพเบื้องหน้า ภาพที่ร่างบางกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง โดยมีคนๆนั้นนั่งกุมมืออยู่
ทำไม...
ทั้งๆที่ตำแหน่งตรงนั้นสมควรจะเป็นของเขา...
แค่เพียงไม่ต้องการจะเอาชนะ...
ขอเพียงเวลาย้อนกลับไปให้เขาได้แก้ไขอีกครั้ง...
แต่...มันไม่ทันเสียแล้ว
แล้วคาโลก็เดินออกจากห้องเงียบๆ ขณะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ นัยน์ตาสีฟ้าดูกังวลยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แล้วสักพักเสียงหวานก็เอ่ยเจื้อยแจ้วดังเข้ามาในหู
...มองให้เห็นถึงโอกาส...
คาโลหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาตัวคนพูด แต่ก็พบเพียงเงาของตัวเองเท่านั้น โอกาส...เขายังมีโอกาสอะไรอีกอย่างนั้นหรือ...
ใช่...
โอกาสมันหมดลงไปแล้ว...
นอกเสียจากว่า...
แล้วคาโลก็ยื่นมือออกไปด้านหน้า ก่อนที่คถาด้ามยาวจะปรากฏขึ้นในมือ หัวลูกแก้วส่องสว่างราวกับรับรู้ปรารถนาของผู้ใช้
...ลบความทรงจำ...
ออกจะโหดร้ายไปสักนิด...ขอแค่ลบความทรงจำที่เขาพูดไปเมื่อไม่นานมานี้และ ลบความทรงจำของเธอ เกี่ยวกับ
...คนที่ชื่อ โรเวน ฮาเวิร์ด...
คถาลอยขึ้นเหนือฝ่ามือแล้วหมุนติ้ว ก่อนจะสำแดงฤทธิ์เดชพ่อมดแห่งคาโนวาล ก่อนจะสูบเอาอากาศเบื้องหน้าไปอย่างรุนแรงจะกลายเป็นพายุหมุนขนาดย่อมแล้วพลัน แสงสว่างก็ส่องจ้าไปทั้งห้อง
ตามด้วยแสงเรืองๆจากร่างของ...
เฟลิโอน่า เกรเดเวล
คาโลหอบน้อยๆ มือหนาแตะที่หน้าอกซึ่งสั่นอย่างรุนแรง
...เหนื่อย
...แต่อย่างน้อย ก็สำเร็จ
...ใช่ สำเร็จ...
ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลยังคงดูใสบริสุทธิ์เช่นคราก่อนๆ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะสะดุดอยู่ที่ดวงหน้าคมที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างเตียงโดยที่กุมมือของเธอเอาไว้!
“เฮ้ยย”
เสียงร้องลั่นทำให้คนๆนั้นสะดุ้งตื่นนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลืมขึ้นมองมาที่เธอก่อนที่ริมฝีปางบางจะขยับยิ้มอย่างดีอกดีใจ
“ฟื้นแล้วหรือ”
“คุณเป็นใคร”
เฟรินเอ่ยเบาๆอย่างไม่แน่ใจนัก คนข้างหน้าเธอตอนนี้คือใคร แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงมาอยู่ในห้องพยาบาล แล้วคิลกับคาโลมันหายหัวไปไหนกันหมด
ร่างสูงข้างหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างเป็นกันเองแล้วแย้มรอยยิ้มอบอุ่นก่อนเอ่ยนุ่มกลั้วหัวเราะ
“ตื่นมาก็เล่นมุขเลยหรอ เฟริน เดอเบอโรว์”
คำกล่าวที่ทำให้คิ้วเรียวผูกเข้าหากันทันที มุข ใครเล่นมุขอะไร แล้วรู้ชื่อเราได้ยังไง...
แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมๆกับการมาของว่าที่ผู้คุมกฎคนใหม่ คิล ฟีลมัส ที่เดินเข้ามาด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม
“ตื่นแล้วก็เอะอะเสียงดังเลยนะเฟริน”
“ไม่ให้เอะอะได้ไง แล้วคนนี้มันเป็นใคร”
เฟรินโวยวายอย่างอารมณ์เสียแล้วชี้ไปที่หน้าของโรเวนที่ผงะเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววสงสัยเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางคิลเหมือนต้องการคำตอบจากเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน
“สมองกระทบกระเทือนด้วยรึ เฟริน”
“ประสาท”
เฟรินด่ากลับคนที่กำลังส่งเสียงหัวเราะลอดไรฟันออกมาอย่างไม่เกรงใจเจ้าชายแห่งเจมิไนที่นั่งเครียดอยู่ข้างเตียงเลยสักนิด
“โรเวนไง อย่าบอกนะว่าแกจำพี่โรเวนไม่ได้”
“จะให้จำได้ ได้ยังไง เกิดมาตั้งนานยังไม่ยักจะเห็นหน้า”
คิลมุ่นหัวคิ้วลงเล็กน้อย แล้วเดินอ้อมมานั่งอีกฝั่งของเตียง ก่อนจะพูดเสียงเข้ม
“หวังว่านายคงจะไม่บอกอีกว่า นายไม่รู้จักเจ้าชายแห่งเจมิไน”
“เจมิไนมีเจ้าชายด้วยหรอวะ”
คำตอบกลับทำให้คิลแทบยกมือขึ้นกุมขมับแทนโรเวนที่ก้มหน้าซุกอยู่กับผ้าปูเตียงไปเรียบร้อยแล้ว คิลมองหน้าคนสมองเสื่อมสักพักก่อนจะเอ่ยต่อ
“ฉันจะไปเรียกคาโลมาดูอาการแก”
“คนที่ต้องดูมันแกต่างหาก คิล”
เฟรินย้อนกลับทำให้คิลยกมือขึ้นตบหัวเฟรินเบาๆก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางเสียงด่าที่ตามมาด้านหลัง
...มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย...
แล้วนัยน์ตาสีอเมธิสต์ก็สบกับเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่เหงื่อเกาะพราวอยู่ทั่วใบหน้าพอดี
...แล้ว มันเป็นอะไรกันหมด...
“คาโล”
คาโลสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคิล นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างสบกับนัยน์ตาสีม่วงสักพักก่อนที่คาโลจะเป็นฝ่ายละสายตาออก แล้วถามเบาๆ
“มีอะไร”
“มาดูเฟรินมันหน่อย เป็นอะไรก็ไม่รู้”
“อืม”
แล้วร่างสูงก็เดินตามคิลเข้าไปในห้อง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ดวงหน้าขาวซีดลงเรื่อยๆเมื่อสบกับสายตาของโรเวนที่มองมาอย่างสมเพช ก่อนที่คาโลจะถามขึ้นเบาๆ
“แล้วเฟรินเป็นอะไร”
ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วถือวิสาสะยกมือหนาขึ้นอังหน้าผากเฟรินเบาๆ ทำให้เฟรินหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที คาโลจึงรีบสรุป
“สงสัยจะเป็นไข้ นอนสักพักก็หาย”
แล้วก็รีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะงักกับเสียงที่ตามมาของคิล
“เดี๋ยวก่อนคาโล ไม่ใช่เรื่องนั้น”
คาโลหมุนตัวกลับ ขณะสบถด่าคิลในใจ แล้วตีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“แล้วมีอะไรอีก”
“เฟรินจำฉันไม่ได้”
เสียงทุ้มดังมาจากปรินซ์โรเวนที่นั่งเงียบมานาน ทำให้คาโลนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ผมก็ไม่เห็นว่ามันสำคัญตรงไหน”
ทันใดนั้นโรเวนก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียงทันทีพร้อมกับกระชากคอเสื้อของคาโลขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูดุดันจนคาโลต้องละนัยน์ตาออก ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ
“รุ่นพี่กำลังทำผิดกฎของป้อม”
“ฉันไม่สน” โรเวนเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะกระชับมือข้างที่จับคอเสื้อของคาโลแน่นขึ้นอีก แล้วพูดต่อ “เป็นนาย
คาโลนิ่งไปสักครู่
“ถ้าผมขอใช้อำนาจของหัวหน้าป้อม สั่งให้รุ่นพี่ปล่อยตัวผมลงเดี๋ยวนี้”
เสียงเย็นเอ่ยนิ่ง แม้ว่าหัวใจกำลังตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำให้โรเวนหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นพอกัน
“อย่าคิดว่านายออกคำสั่งได้เสมอ คาโล นายยังไม่ให้คำตอบฉัน”
คิลปรี่เข้ามาแยกตัวทั้งคู่ออก มือเล็กพยายามแกะมือของโรเวนออก ทำให้โรเวนสะบัดหลบอย่างรำคาญใจ
“คำตอบละ คาโล วาเนบลี”
คาโลสะบัดมือเล็กน้อย ทำให้เฟรินที่นั่งฟังอยู่สลบไป ก่อนจะขยับยิ้มเยาะนข้างหน้าที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
“ถ้าผมบอกว่าใช่ พี่จะทำไม”
พลันโรเวนก็ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ต่อยหน้าคาโลเต็มแรง ทำให้คนโดนต่อยร่วงลงไปกองกับพื้นห้อง โรเวนหอบเล็กน้อยด้วยความโกรธ คิลปราดมายืนกั้นทั้งคู่ทันที
“พี่โรเวนใจเย็นๆฮะ”
คาโลปาดเลือดที่มุมปากทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ดวงหน้าขาวมีรอยปื้นแดงๆปรากฎขึ้นคาโลถูเบาๆ แล้วเอ่ยต่ออีกด้วยเสียงเย็นๆ
“ผมพึ่งจะรู้ว่าคนของเจมิไนเป็นพวกชอบใช้กำลัง”
โรเวนหรี่ตามองคนข้างหน้าอย่างสมเพช ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ฉันก็พึ่งรู้ว่าคนของคาโนวาล เป็นพวกขี้ขลาดชอบทำร้ายผู้หญิง”
คาโลผุดลุกขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีฟ้าจ้องประสานกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดูดุดันแม้ว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นจะยังมีสีหน้าเรียบเฉย
“พอเถอะครับพี่โรเวน คาโลออกไปได้แล้ว”
คิลเอ่ยปรามๆทั้งสองฝ่าย และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครฟัง จึงเอ่ยเสียงแผ่วเบา พร้อมถอนหายใจยาว
“ถือว่าเห็นแก่เฟรินมันก็ได้”
โรเวนได้ฟังแล้วก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนมือที่กำหมัดแน่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม แล้วเปรยเบาๆ
“อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกคาโล นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
คาโลที่กำลังหมุนตัวกลับ หยุดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ผมรู้ว่าผมขี้ขลาด ผมใช้วิธีสกปรกเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ แต่มันก็เป็นไปเพราะผมรักเฟริน”
“อย่างนั้นไม่ได้เรียกว่ารัก คาโล วาเนบลี มันแค่การต้องการจะเอาชนะ”
คาโลเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ตามด้วยสายตาของโรเวนที่มองด้วยความเวทนา แล้วโรเวนก็ถอนหายใจเบาๆ
มือหนาเอื้อมมาลูบหน้าผากนวลของคนที่นอนหลับอยู่เบาๆ แล้วเลื่อนขึ้นไปแตะอยู่ที่เรือนผมนุ่มก่อนจะทอดถอนใจ
“ไม่รับรู้อะไรยังจะดีซะกว่า เฟลิโอน่า เกรเดเวล ความจริงมันโหดร้ายยิ่งนัก”
“ก็ยังดีที่คาโลลบความทรงจำบางส่วนไป ยังเหลือเวลาอีกมาก ที่จะสรรสร้างหลายๆอย่างขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะ...ความทรงจำที่ร้ายกาจนั่น”
ความคิดเห็น