ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic : Baramos]หัวขโมยแห่งบารามอส !!>เฟริน-โรเวน

    ลำดับตอนที่ #10 : การแตกหัก

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 51


     

     

     

     

     

     

     

                   

     

     

                    คำกล่าวนุ่มทุ้มของเจ้าชายแห่งเจมิไน ทำให้ใจคนที่ฟังหวั่นไหว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกมองคนเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายคนนี้ ใช่คนที่คิลแอบได้ยินโซมาเนียเรียกว่าคนเลือดเย็นในปีก่อนหรือเปล่านะ พลันดวงหน้านวลก็ขึ้นสีเรื่อเมื่อนัยน์ตาอีกคู่ที่ทรงเสน่ห์จ้องกลับมาสบ

     

                    แล้วโรเวนก็หัวเราะออกมาเบาๆ ทำให้เฟรินเลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างแปลกใจ แล้วร่างสูงก็เอื้อมมือมารวบตัวเธอไปกอดอย่างแนบแน่น และรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวท่ามกลางสายตาหลายคู่ ที่จ้องตรงมาด้วยความรู้สึกต่างๆกันรวมทั้ง

     

                    สายตาของ...

     

                    ว่าที่หัวหน้าป้อมคนใหม่...

     

                    เจ้าชายคาโล แห่งคาโนวาลคนนั้น...

     

                    นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างที่จ้องตรงมาดูเย็นชา เย็นชา และดุดัน ราวกับปิศาจ จนเฟรินต้องผลักอกโรเวนออกอย่างรวดเร็ว และเมื่อหันกลับไปอีกทีคนๆนั้นก็หายไปเสียแล้ว

     

                    ดวงหน้านวลซีดเผือกในทันที ร่างบางรีบวิ่งตามออกไปในทิศทางที่เห็นหลังของคนๆนั้นไวๆอยู่ ทิ้งให้คนทีเหลือได้แต่ขยี้ผมของตัวเองแก้เก้อ แม้ว่าภายในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่จ้องตามหลังร่างบางไปยังฉายแววปวดร้าวลึกๆอยู่ด้านใน

     

                    ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ โรเวน ฮาเวิร์ด ความรักไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากนายไม่เลือกที่จะรักจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่า

     

                    เสียงของลอเรนซ์เปรยมาเบาๆกับสายลม ราวกับต้องการให้คนที่ยังคงมองไล่หลังได้ยินแม้ว่าคนที่วิ่งออกไปได้ลับสายตาไปแล้วก็ตาม

     

                    เฮ้ คาโล นายเป็นอะไรของนายน่ะ

     

                    ถามออกไปแม้ว่าจะรู้แก่ใจแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ร่างเบื้องหน้าที่หยุดฝีเท้าลงหันกลับมามองได้ ทำให้เฟรินเอ่ยต่อ

     

                    พี่โรเวนเขาแค่ดีใจ ที่ไม่มีใครเป็นอะไร

     

                    คราวนี้ได้ผลชะงัด คาโลหันมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างยังคงเย็นชา เย็นชามากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ดูแล้วหนาวเหน็บไปทั้งใจ แล้วร่างสูงก็พูดออกมาเสียงเย็น

     

                    ดีใจ ดีใจอะไร คนอื่นมีเยอะแยะ

     

                    ง่า คาโลฉันรู้ว่านายหึงแต่อย่าพาลสิ

     

                    ฉันก็พาลอย่างนี้ของฉันไม่ต้องมาใส่ใจก็ได้

     

                    แล้วคาโลก็ออกเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง อีกคนที่ร้องเรียกอยู่เลย

     

                    คาโล!”

     

                    คาโล!!”

     

                    เฟรินร้องเรียกสุดเสียง แต่ก็ไม่ทำให้คนที่เดินไปหันมาสนใจได้ ลำคอก็พาลแห้งผาก กลืนน้ำลายได้อย่างยากเย็น แล้วนัยน์ตากลมก็ร้อนผ่าวก่อนที่น้ำตาใสจะคลออยู่ที่เบ้าแล้วค่อยๆไหลรินลงมาบนดวงหน้างามที่ซีดเผือก

     

                    อย่ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก ไม่ว่านายจะเป็น เฟริน เดอเบอโรว์หรือเฟลิโอน่า เกรเดเวลก็ตาม

     

                    คาโลหันมาเปรยเย็นๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วขยับยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังสะท้านไปทั้งใจ

     

                    ฉันเกลียดนาย

     

                    สิ้นเสียงเฟรินก็แทบเอามือกุมขมับ หัวทั้งหัวตื้อไปหมด ภาพทั้งหมดพรั่งพรูเข้ามาในหัวอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่การทดสอบในวันเปิดภาคเรียนแรกของเธอและเขาในโรงเรียนพระราชา คำพูดดีๆต่างๆไหลเข้ามาและจบที่คำสุดท้ายที่เธอไม่อยากฟังมากที่สุด ...ฉันเกลียดนาย...

     

                    แล้วร่างบางก็ทรุดไปกับพื้น ทำให้ใครบางคนที่วิ่งตามมารีบเร่งฝีเท้าแล้วเข้ามาประคองตัวเอาไว้ มือแข็งแรงเขย่าร่างไร้สติแรงๆพร้อมกับเรียกชื่อของคนในอ้อมแขนซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนที่ไร้สติ

     

                    ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจะฉายแววกราดเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน แล้วน้ำตาใสก็ไหลคลออยู่ในตา ร่างสูงกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่มันออกไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

     

                    คาโล วาเนบลี ฉันไม่ต้องการเป็นเจ้าของเธอ ฉันขอแค่ทำให้เธอมีความสุข แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ฉันก็คงยกเธอให้คนไม่มีหัวใจอย่างนายไม่ได้อีกแล้ว แล้วนายจะได้เห็นดีแน่

     

                    คาโล วาเนบลี ฉันไม่ต้องการเป็นเจ้าของเธอ ฉันขอแค่ทำให้เธอมีความสุข แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ฉันก็คงยกเธอให้คนไม่มีหัวใจอย่างนายไม่ได้อีกแล้ว แล้วนายจะได้เห็นดีแน่

     

                    ฉันไม่ต้องการเป็นเจ้าของเธอ

     

                    ฉันขอแค่ทำให้เธอมีความสุข

     

                    แล้วนายจะได้เห็นดีแน่

     

                    เป้นสามประโยคสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบลงไป ไม่ได้ยินทุกสรรพสิ่ง โลกที่มืดมิดอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความมืดขึ้นอีก ราวกับจมลงไปในรัตติกาลที่หนาวเหน็บ

     

                    แล้วก็มีมือนุ่มของใครบางคนมาฉุดกระชากเธอขึ้นจากความมืดแล้วมาพบกับแสงสว่าง

     

                    ใครกัน...














    ว้าววว ครบสิบตอนแล้ว~

    สั้นไปนิดนะคะ แต่ทำตอนที่9ชดเชย11หน้าไปแล้วนะคะ อย่าโกรธกันเลยน๊า เดี๋ยวตอนที่11จะแต่งยาวๆให้อีก^^


    และที่สำคัญ ต้องขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ ที่ให้กำลังใจมาตลอด ถ้าเห็นข้อผิดพลาดก็ช่วยบอกเราด้วยนะคะ

    จะรีบแก้ไขให้ทันทีค่ะ >w< ถ้าแต่งฟิคนี้จบเมื่อไร เราคิดว่าจะแต่งนิยายออริจินัลอ่าค่ะ แต่คงอีกนาน(ฟิคยาวแหงๆ

    อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ) ช่วยกันติดตามต่อไปด้วยนะคะ(_ /I\ _)

    รักคนอ่าน>w<
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×