ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic : Baramos]หัวขโมยแห่งบารามอส !!>เฟริน-โรเวน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตกบันได TT [rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 54


    แสงสีทองอ่อนของแดดยามเช้าส่องลอดบานหน้าต่างใสเข้ามากระทบดวงหน้านวลที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง แผงขนตางอนขยับเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงแสงแดดที่ส่องเข้ามาแยงตา ร่างบางส่งเสียงครางเบาๆในลำคอ แล้วพลิกตัวหลบแสงที่ส่องเข้ามา ลมเย็นพัดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามากระทบ ทำให้เรือนผมสีน้ำตาลไหม้ไหวน้อยๆตามแรงลม นิ้วเรียวกระชับผ้าห่มอีกเล็กน้อยเพื่อป้องกันความหนาวเย็นที่มากับสายลม

    “เฟริน”

    “เฟริน เดอเบอโรว์”

    “เฟลิโอน่า เกรเดเวล”

    เจ้าของเสียงมุ่นหัวคิ้วลงอย่างไม่ชอบใจ ที่ร่างบางตรงหน้ายังคงนอนหลับสนิทโดยไม่สนใจเสียงปลุกของเขา เรือนผมสีดำสะบัดไปด้านหลังเบาๆตามแรงลมที่หอบเอากลิ่นอายของฤดูหนาวเข้ามา ขณะที่เจ้าของร่างก้มลงไปหยิบหมอนนุ่มบนเตียงขึ้นมาโยนในมือสองสามรอบ นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์คู่สวยพราวระยับกับความคิดที่แวบเข้ามาในหัวก่อนจะจ้องไปยังใบหน้างามของเพื่อนรัก แล้วทันใดนั้นหมอนนุ่มในมือก็ได้หน้าที่ใหม่ของมันเสียแล้ว

    ตุ้บ!


    เป็นเสียงของหมอนที่ตกลงกระแทกเตียงเบาๆแล้วเด้งขึ้นเล็กน้อยตามแรงกระแทก ก่อนที่มันจะตกลงไปนิ่งสนิท ห่างจากเป้าหมายเพียงนิดเดียว เมื่อเจ้าของร่างพลิกตัวหลบทันอย่างฉิวเฉียด ทำให้คิล ฟีลมัสส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคออย่างรำคาญใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาแอบเห็นเป้าหมายของตัวเองเผยรอยยิ้มบางออกมาแวบหนึ่งขณะพลิกตัวหลบหมอนของเขา

    คิลส่ายหน้าเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ใจหนึ่งก็อยากกระโจนลงไปปลุกคนบนเตียงโดยใช้กำลังเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันคงไม่เหมาะสมเพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง ถึงแม้จะไม่ใช่สาวน้อยบอบบางเหมือนคนอื่นเขาก็เถอะ...

    ระหว่างที่กำลังคิดวิธีจัดการคนที่แกล้งหลับอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คิลกลับหลังหันแล้วสาวเท้าเดินไปเปิดประตู แต่ก่อนที่มือจะเอื้อมไปถึงลูกบิด ประตูก็เปิดออกมาเฉียดหน้าของเขาไปนิดเดียว เผยให้เห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของโร เซวาเรสขอทานแห่งทริสทอร์ นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองมาทางเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับยิ้มน้อยๆอย่างที่ทำเป็นประจำ

    “อรุณสวัสดิ์คิล เฟรินยังไม่ตื่นอีกหรอ”

    “อืม กำลังคิดวิธีปลุกมันอยู่ ตื่นยากชะมัด”

    โร เซวาเรสยิ้มกว้าง นิ้วเรียวของขอทานชี้ไปทางแจกันดอกไม้บนหัวเตียง ก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะเลื่อนมาสบกับนัยน์ตาสีอเมธิสต์อย่างพยายามจะสื่ออะไรบางอย่าง คิลมุ่นหัวคิ้วลงเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าอย่างงุนงงเป็นการบอกว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าพยายามจะสื่อ โรเลยขยับเข้าไปใกล้ๆแล้วกระซิบถึงแผนการของเขาให้ฟัง คิลพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงตกลงแล้วกระซิบกลับไปเบาๆว่า

    “เออ แผนการแกก็ใช้ได้ แต่วันหลังไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้นะเว้ย แกไม่ใช่สเป็คหว่ะ”

    โร เซวาเรสเบ้หน้ากับคำพูดที่ได้ยิน แล้วพูดต่อเสียงดังว่า

    “อ้าว คิล นายจะเอาคถาขึ้นมาทำไมหน่ะ”
     

    “แก คอยดูละกัน”

    “เห แล้วนายจะเรียกน้ำออกมาทำไมเนี่ยๆ เห่ยๆๆ เดี๋ยวห้องก็เปียกหรอก”

    ทางด้านคนที่แกล้งนอนอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินบทสนทนาของสองคนตรงหน้า ...อย่าบอกนะว่า ไอ้คิลมันคิดจะเอาน้ำมาสาดใส่เรา...

    “เห้ยๆๆ ตื่นแล้วๆๆ”

    เฟรินแล้วสะบัดผ้าห่มออก ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที แล้วตะโกนเสียงดัง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลไหม้กวาดไปมองชายหนุ่มอีกสองคนในห้องที่กำลังยืนส่งรอยยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยนและชวนให้ถีบหน้าหงายสักครั้งสองครั้ง

    “อ้าว เฟริน ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์นะ” เสียงมาจากขอทานแห่งทริสทอร์ที่กำลังยืนยิ้มกว้าง

    “อือ” เฟรินตอบรับในลำคอเบาๆ ก่อนจะตวัดนัยน์ตาคู่สวยมองไปยังคิลที่ยืนถือคถาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและส่งรอยยิ้มกวนๆมาให้ แล้วแกล้งถามด้วยเสียงเครียด “ว่าแต่คิล คถาในมือนายจะเอามาทำอะไรเหรอ”

    “หืม...” คิลส่งเสียงในลำคอเบาๆ แล้วชูคถาในมือขึ้นเป็นเชิงถาม “คถานี่นะเหรอ”

    “มันมีคถาอื่นอีกไหมละ” เฟรินขู่ฟ่อ พยายามไล่คิลให้จนมุม เพื่อที่จะเล่นงานพวกมันที่จะเอาน้ำมาสาดเธอเมื่อกี้

    “อ่อ.. ก็โรมันบอกว่าในดอกไม้ในแจกันมันดูเหี่ยวๆ ฉันก็เลยจะเติมน้ำเพิ่มสักหน่อยนะ ทำไมเหรอ” คิลตอบคำถามพร้อมกับเดินมาเติมน้ำในแจกัน แล้วหันมาแสยะยิ้มกว้าง อย่างที่เฟรินเห็นแล้วอยากจะบีบคอตัวเองตาย

    ... โว้ยยย! หัวขโมยตระกูลเดอเบอโรว์ต้องมาเสียท่าให้ไอ้สองคนนี้หลอกเหรอเนี่ย!! ...

    คิดพลางก็อารมณ์เสีย เฟรินเดินกระแทกเท้าลงจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้าเดินตรงเข้าห้องอาบน้ำไป แต่ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำ คิลและโรก็หันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง ทำให้เฟรินต้องหันมาแยกเขี้ยวคาดโทษให้สองคนที่หลอกให้เธอลุกจากเตียงอย่างเสียไม่ได้

    “ฉันอาบน้ำเสร็จเมื่อไร พวกแกตายแน่”


    คิลทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงที่เฟรินเพิ่งลุกออกมา แล้วเงยหน้ามองโร ก่อนจะเอ่ยปากถาม

    “จะว่าไป นายมีธุระอะไรหรือเปล่า”

    “มาเยี่ยมห้องนอนเพื่อนนี่ผิดด้วยเหรอ” โรตอบกลับยิ้มๆ แต่เมื่อตาของเขาสบกับนัยน์ตาจริงจังของคนตรงหน้า เขาก็ได้แต่ยักไหล่เล็กน้อย แล้วถอนหายใจยาว “ก็แค่มีข่าวมาบอก”

    “เกี่ยวกับฉัน หรือเฟริน?”

    “ไม่เกี่ยวกับทั้งแกทั้งเฟริน” โรหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วรีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าเมื่อได้รับคำตอบ “เห้ อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อโลกสิ จริงๆมันก็เกี่ยวกับพวกนายทั้งสองคนนิดหน่อย”

    คิลเลิกคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงให้โรเล่าต่อ

    “คาโล วาเนบลี เดอะพรินซ์ออฟคาโนวาล ถูกตัดสินโทษให้กักบริเวณที่คุกใต้ดินปราสาทเอดินเบิร์กเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ มันไปทำอะไรผิดฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่สิ่งที่ฉันอยากบอกนายก็คือ คนที่ลงโทษคาโล ก็คือโรเวน ฮาเวิร์ด เดอะพรินซ์ออฟเจมิไน”

    “หืม.. โรเวนงั้นเหรอ” คิลเลียริมฝีปากอย่างใช้ความคิด 

    “นายคิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่าล่ะ” โรยิ้มกว้างแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคิล

    “โรเวนมันอาจจะแค่หลอกใช้คาโลให้เป็นยามเฝ้าคุกใต้ดินก็ได้” คิลหัวเราะเบาๆ ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าจุดมุ่งหมายของโรเวน ฮาเวิร์ดไม่ใช่เรื่องนี้แน่ๆ

    “ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเหมือนนายนั่นแหละ ถ้าโรเวนไม่ใช้ให้ฉันมาตามเฟรินไปหาที่ห้อง” โรพูดจบประโยคก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ถ้าสิ่งที่เขาและคิลคิดเป็นจริงละก็... ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น

    “ถ้าอย่างนั้นก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะ การสันนิษฐานของนายถูกต้องจริงๆแล้วแหละ” คิลล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างๆโร แล้วถอนหายใจเช่นกัน ก่อนที่นัยน์ตาทั้งสองคู่จะมองขึ้นไปบนเพดานห้องอย่างครุ่นคิด


    “คิล โร พวกแกมานอนทำอะไรกันบนเตียงฉัน!!” เฟรินที่เพิ่งออกจากห้องน้ำตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้สองคนที่ถูกพูดถึงกระโดดหนีออกจากกันแทบไม่ทัน 

    ร่างบางอยู่ในชุดนักเรียนชายตัวหลวมโคร่งที่ปกปิดเรือนร่างอรชรอย่างมิดชิด เรือนผมสีน้ำตาลสวยถูกมัดลวกๆไว้ด้านหลัง แผลเป็นใต้ตาซ้ายจางจนแทบมองไม่เห็นแต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงตัวตนของเฟริน เดอเบอโรว์ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในร่างของธิดาแห่งความมืดผู้มีความงามเป็นเลิศอย่าง เฟลิโอน่า เกรเดเวลก็ตาม

    คิลมองร่างงามตรงหน้าแล้วส่ายหัวเบาๆ เมื่อปากของมันไม่งามสมกับใบหน้าเลยสักนิด นักฆ่าหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วตะคอกใส่ไอ้เพื่อนตัวดี

    “แกพูดอะไรของแกออกมาเฟริน ถ้าคนอื่นได้ยินเขาจะคิดยังไง!”

    โรทำหน้าเหวอๆกับสิ่งที่เฟรินพูดออกมา แต่ก็เปลี่ยนมายิ้มบางๆเหมือนเคยอย่างรวดเร็วก่อนจะแจ้งคำสั่งที่ได้รับมาให้เฟรินรู้

    “เฟริน พี่โรเวนบอกให้นายไปหาที่ห้องน่ะ”

    “หา.. ฉันเนี่ยนะ ทำไมอะ”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รีบไปเถอะ พี่เขาคงไม่ชอบรอนาน” โร เซวาเรสทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไป

    เฟรินมองหน้าคิลอย่างงุนงง แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่พูดอะไรต่อ เฟรินเลยฝากซื้อข้าวเช้า แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

    ร่างบางกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นแปดอย่างรวดเร็ว ในใจก็บ่นเจ้าชายจากเจมิไนที่เรียกให้เธอต้องถ่อสังขารวิ่งขึ้นไปถึงชั้นแปด

    เธอหอบหายใจเล็กน้อย ขณะที่ยืนเกาะราวบันไดชั้นเจ็ด ดวงหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อและมีเม็ดเหงื่อเกาะพราวอยู่ เฟรินสูดลมหายใจเข้าไปในปอดก่อนจะเตรียมตัวขึ้นบันไดต่อ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ก็เบิกกว้างเมื่อสบกับอะไรบางอย่าง

    “ว๊ากกกก”

    เฟรินตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อพบว่าตัวเองกำลังหงายหลังตกลงมาจากขั้นบันไดที่สูงชัน เธอหลับตาปี๋เตรียมรอหลับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะตกลงไปถึงพื้น บุรุษร่างสูงเจ้าของใบหน้าที่ก้มลงมาแทบจะแนบชิดกับเธอเมื่อครู่ก็ผงะไปด้านหลังด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างเมื่อพบว่าร่างบางกำลังจะตกบันได ก่อนจะรีบกระโดดออกมาคว้าตัวเฟรินเอาไว้

    โครมมม!!

    “อุ๊บ”

    เสียงทุ้มอุทานขึ้นข้างหูอย่างแผ่วเบา เฟรินขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างประหลาดใจ ทำไมเธอไม่เจ็บทั้งที่ควรจะรู้สึกเจ็บ เธอพยายามยันตัวขึ้นจากพื้นแต่ก็พบว่ามีอ้อมแขนอันทรงพลังรั้งตัวเอาไว้อยู่่

    ดวงหน้างามแดงระเรื่อ เมื่อพอจะเดาได้ว่าแขนที่รั้งตัวเธอเอาไว้เป็นของใคร เธอรีบหันไปมองด้านหลังทันที นัยน์ตากลมโตสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่กำลังมองมา ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดให้เห็นก่อนจะหายไปในชั่วพริบตาแล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นดวงตาที่ดูอ่อนโยนและอบอุ่นเช่นเดิม เรือนผมสีน้ำเงินสยายไปตามพื้นหินข้างบันได ก่อนที่ริมฝีปากบางของบุรุษผู้นั้นจะแย้มรอยยิ้มอย่างนุ่มนวล

    “ตัวหนักใช่ย่อยนะเรานี่”


    โรเวนหยอกอย่างเป็นกันเอง ทำให้ความรู้สึกผิดของเฟรินแล่นวูบขึ้นมาทันที เธอผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆพยุงร่างสูงขึ้นมานั่งพิงราวบันไดอย่างแผ่วเบา

    “พี่โรเวน เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ”

    “เราน่ะสิ เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ขอโทษนะ ว่าจะแกล้งเล่นๆเฉยๆ ไม่นึกว่าเราจะหงายหลังตกบันไดมาอย่างนี้”

    “เอ่อ.. ผมไม่เป็นอะไรฮะ ต้องขอบคุณพี่โรเวนนั่นแหละที่ช่วยเอาไว้”

    โรเวนระบายรอยยิ้มบางออกมาบนใบหน้าที่งดงามราวกับรูปสลัก ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้น ทำให้เฟรินเห็นเลือดที่ไหลออกซิบๆตามแขนและหลัง ความเจ็บปวดแล่นวูบเข้ามาใส่ แต่โรเวนยังคงตีหน้าเรียบ จนความมึนงงของศีรษะแล่นเข้ามาเล่นงาน ทำให้โรเวนยกมือขึ้นมากุมขมับแน่นก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเหมือนเดิม

    “รุ่นพี่!”

    โรเวนยิ้มตอบ ก่อนจะลดมือลงแล้วยืนขึ้นอีกครั้ง เขาส่ายหน้าเบาๆเพื่อบอกคนตรงหน้าว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงนุ่ม

    “ตามมาสิ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

    เฟรินพยักหน้าก่อนจะออกเดินตามคนตรงหน้าโดยดี แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ส่อแววกังวลใจต่ออาการของคนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด 

    โรเวนชะงักราวกับรู้ถึงอาการผิดปกติของคนด้านหลัง เขาหยุดเดินแล้วหันกลับมาหาเฟรินพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง ก่อนที่มือนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาลูบผมเฟรินเบาๆอย่างเอ็นดู

    “พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกหน่ะ :) ”









    ชอบ-ไม่ชอบใจยังไงอย่าลืมเม้นบอกกันด้วยน๊าาา XD















    Free Monkey 1 MySpace Cursors at www.totallyfreecursors.com

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×