ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@ รักรั่วๆ..พรต&รัน

    ลำดับตอนที่ #25 : เปิดโอนจองหนังสือ ตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. 56

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 625
      1
      23 มิ.ย. 56

    “รัน..กูเข้าไปนะ” ไอ้รั่วเรียกหน้าห้องเบาๆ ตื่นเช้านี่หว่า นึกว่าต้องเป็นผมไปปลุกมันเสียอีก
     “อืม..เข้ามาดิ” อนุญาตปุ๊บ ประตูเลื่อนเปิดปั๊บ
     “เพิ่งตื่นเหรอมึง” มันถาม คงเห็นหัวผมกระเซิงอยู่มั้ง
     “อืม..อาบน้ำแล้ว” ดูมันหน้าตาสดชื่นเหมือนอาบน้ำเรียบร้อย แต่ยังสวมยูกาตะใส่นอนอยู่ ผมจึงไม่แน่ใจ
     “เออ..กูอาบแล้ว กะมาปลุกมึงเห็นว่ายังเช้าอยู่มาก เปลี่ยนใจให้มึงนอนต่อ อาบเสร็จมึงยังไม่มีทีท่าโผล่หัวออกห้อง กูต้องมาเรียก” มันตื่นเช้าจริงๆ ก่อนหน้าผมดูเวลาเพิ่งจะหกโมง แสดงว่ามันตื่นก่อนนั้นอีก
     “เป็นอะไร..นอนไม่หลับเหรอ แหกขี้ตาตื่นแต่ไก่โห่” ผมเป็นห่วง
     “หลับปกติ..ปวดเยี่ยวเลยลุก ห้องน้ำดันเดินไปห้องแช่น้ำร้อน พานตาสว่างหายง่วงเลยกู เปลี่ยนใจอาบน้ำแม่งเลยจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบ สงสัยเป็นกุศโลบายคนโบราณให้ลูกหลานตื่นเช้า ถึงได้สร้างห้องน้ำไว้แบบนี้” คิดไปนั่น
     “คนไทยก็ไม่ต่าง บ้านต่างจังหวัดสร้างห้องน้ำอยู่นอกบ้านเยอะแยะ แปลว่าเขาคิดกุศโลบายเดียวกันกับคนญี่ปุ่นงั้นดิ” ผมย้อน
     “มั้ง..คนรุ่นใหม่กลายเป็นคนขี้เกียจ มีห้องน้ำในห้องนอนซ้า! จะว่าไปสมัยนี้เวลาเป็นเงินเป็นทอง สมัยก่อนไม่ต้องรีบร้อนแข่งขัน เช้าไปทำไร่ไถนาเย็นพระอาทิตย์ตกก็กลับเข้าบ้าน ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างเดิมๆ นึกสร้างอะไรก็เอื้อต่อวิถีชีวิตประจำวัน สำคัญกูว่าส้วมสมัยโบราณคงเก็บกลิ่นไม่ได้ดีเหมือนปัจจุบัน ระบบสุขาภิบาลยังไม่ได้มาตรฐาน กลิ่นอาจไปรบกวนคนอาศัยภายในบ้านมากกว่า ถึงได้สร้างซะห่าง แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่บ้านโซไดเสือกให้แขกเดินไปใช้ห้องน้ำเนี่ยะแหละ” บ่นใหญ่เชียวไอ้รั่วมันเคยชินกับการทำธุระส่วนตัวในห้องนอนมากกว่า มันจึงมีปัญหามากกว่าผม..เป็นเรื่องปกติ
     “เอาน่า..อีกสามวันก็กลับแล้ว นอนที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้มึงไปเล่นสกีค้างแรมไม่ใช่ ที่พักคงปกติไม่เป็นแบบนี้หรอก” ผมเตือนความจำโปรแกรมที่แพลนกันเอาไว้
     “อืม..จริงของมึง แต่กูมีเรื่องชื่นชมนะโว้ย! โถฉี่ที่นี่แม่งโคตรฉลาดเลยวะ!” มันพูดทิ้งค้างให้ผมอยากรู้
     “ยังไง..กูเห็นปกติ” ผมไปใช้มาแล้ว ไม่เห็นแปลกประหลาดพิเศษพิสดารตรงไหน
     “ที่กูตาสว่างหายง่วงส่วนหนึ่งมาจากโถฉี่แหละมึง” ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ หรือผมพลาดรายละเอียดอะไรไป
     “อะไรที่มึงบอกโถฉี่ฉลาด” เอากับมันหน่อย คงไม่รั่วอย่างที่คิดไว้ล่ะ
     “ตอนกูยืนฉี่อย่างงง? ฉี่อยู่ดีดี..ตาเหลือบไปเห็นที่โถมันบอก ‘โต๊โต’(TOTO) มันรู้ได้ไงวะ! อายอ่ะ พอเปลี่ยนไปอีกโถงงเข้าไปใหญ่ ดันบอกว่า ‘โคตรโต’ (Cotto) นี่กูไม่เคยบอกใครเลยทำไมมันรู้ เปลี่ยนอีกโถเจอเข้าอีก มันบอกขนาดมาตรฐานคนอเมริกัน (American Standard) เดี๋ยวนี้โถฉี่มันฉลาดนะเว้ยรู้ของกูอีก แต่กูโกรธตอนไปล้างมือตรงก๊อกน้ำดันบอก ‘สั้นว่ะ’(Sanwa) เซ็งเบย..หายง่วงในทันที..ถือโอกาสอาบน้ำแม่งเลย”
     “ผลั๊ว!..ตบหัวกูไมเนี่ยะ” เบิดกะโหลกไปที เสือกเล่นมุกรั่วแต่เช้า ทำเอาผมหัวเราะเพราะกลั้นไม่อยู่ คิดได้..รั่วไม่มีลิมิต..เฮ้อ!
     “เกริ่นจนกูอยากรู้ มึงพูดมาทำอย่างกับเมืองไทยไม่มี” เหน็บไปที ทำหน้าสำออยคลำหัวป้อยๆ ทั้งที่ไม่ได้เจ็บอะไรสักหน่อย ผมแค่เบิดเบาๆ
     “กูอุตส่าห์ทำให้มึงตื่นเต็มตา ไม่นึกว่าทำคุณบูชาโทษ ไปอาบน้ำเลยสัด..กูแต่งตัวรอ” พูดจบ..งอนตุ๊บป่องหันหลังเดินกลับห้องหน้าตาเฉย ผมได้แต่ส่ายหน้าตามขำๆ มันช่างสรรหาวิธีการจริงๆ แบบนี้ไม่ให้รักได้ไง เล่นซะผมตื่นเต็มตาอย่างมันพูดแหละ ไปทำธุระส่วนตัวดีกว่า...
     “โซไดจังห้ายผมมาตามคับ” จุงเบโผล่มา จังหวะแต่งตัวเซ็ตผมกันเสร็จเรียบร้อย ไอ้รั่วใส่สูทสีดำเหมือนผม เชิ้ตตัวในสีขาวดูเป็นทางการเพราะต้องพบปะคนมีสีมีระดับของญี่ปุ่นที่มาร่วมพิธีเปิดงาน รวมถึงการประมูลสินค้าในวันนี้
     “นำไปเลยครับ..จุงเบ” ไอ้รั่วผายมือ ก่อนล่ามคนคุ้นหน้าจะเดินนำออกไป เขาสวมสูทสากลเช่นกัน ผมกับมันตามจุงเบไปติดๆ
     มาถึงหน้าทางเข้าบ้าน รถลีมูซีนสีขาวจอดรออยู่แล้ว เจ้าของบ้านโซไดกับคุณคิมยืนเคียงข้างกัน เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีครีมขับผิวขาวละออดูมีประกายขึ้นไปอีก ห้อยสร้อยไข่มุกบนคอระหง มวยผมสูงปักปิ่นฝังทับทิมล้อมเพชร สวมถุงมือขาวสะพายกระเป๋ายี่ห้อหรูราคาแพง รวมทรัพย์สินบนตัวคุณคิมมูลค่าไม่ธรรมดา
     ส่วนโซไดสวมสูทสากลสีเดียวกับพวกผม ใส่นาฬิกาล้อมเพชรข้อมือซ้ายเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียว แต่กลับดูภูมิฐานราศีจับสมเป็นนักธุรกิจ
     “โอฮะโย โกะไซมัส” คำทักทายพร้อมยื่นมือเช็คแฮนด์แบบสากล ผมกับไอ้รั่วปฏิบัติตอบแบบเดียวกัน จับมือทั้งโซไดและคุณคิม
     “ขึ้นรถเถอะครับ ได้เวลาเดินทางแล้ว” โซไดบอกด้วยภาษาอังกฤษ คนขับและจุงเบทำหน้าที่เปิดประตูให้พวกเราเข้าไปนั่งส่วนผู้โดยสาร  ภายในรถโอ่อ่าสมราคา จุงเบขึ้นนั่งตีคู่คนขับซึ่งมีส่วนกั้นมิดชิด รถเคลื่อนตัวออกจากบ้านอย่างนุ่มนวลเงียบกริบไร้เสียงเล็ดลอดให้ได้ยิน
     “หลับสบายไหมครับ” โซไดถามเราสองคน
     “สบายมากครับ..ขอบคุณสำหรับการเทคแคร์ดีเยี่ยม” ไอ้รั่วตอบ
     “ผมจะพาทานมื้อเช้าที่ภัตตาคารxxx ก่อนเข้างาน ไปถึงงานคงยุ่งจนไม่มีเวลาทาน” ความคิดไม่เลว ผมกับไอ้รั่วพยักหน้าเห็นด้วย คำว่ามื้อเช้าคงเป็นอาหารอ่อนสบายท้องทั่วไป
     “คนญี่ปุ่นทานหมูย่างหรือเปล่าครับ” จู่ๆ ไอ้รั่วมันเกิดถามขึ้นมา
     “หมายถึงหมูสะเต๊ะเหรอครับ” โซไดย้ำ หลังฟังคำอธิบายจากคุณคิมเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกที
     “เปล่า..ไม่เหมือนครับ หมูย่างเรียกอีกอย่างว่าอะไร คุณคิมรู้ไหม?” เปลี่ยนหันไปถามคุณคิมแทน เมื่อเธอพยายามตีความให้โซไดเข้าใจเป็นหมูสะเต๊ะ ซึ่งแตกต่างจากหมูย่างในความหมายไอ้รั่วมัน
     “คุณพรตหมายถึงหมูปิ้งข้าวเหนียวหรือเปล่าค่ะ” เป็นการเปิดปากคุยกับมันครั้งแรกตั้งแต่เจอหน้าในเช้านี้ ไอ้รั่วยิ้มหล่อกระชากใจ
     “คุณคิมกำลังบอกผมเรียกอีกชื่อว่า ‘หมูปิ้ง’” มันย้ำเธอให้แน่ใจ
     “ค่ะ..นอกจากหมูปิ้งฉันนึกไม่ออกมีชื่ออย่างอื่น ปิ้งย่างความหมายไม่ต่างกัน” เธอตอบอย่างมั่นใจ
     “แต่กรณีนี้ผิดครับ ‘หมูย่าง’ คือหมูเดินอย่างช้าๆ ค่อยๆ ย่างก้าว” ผมเบือนหน้าเกร็งกรามแทบตายไม่ให้หลุดหัวเราะพรืดออกมา บ้าชะมัด!ดันรั่วใส่เธอเฉย แอบเห็นคุณคิมหน้าเหวอ ก่อนปิดปากหัวเราะไหล่สั่น ส่งผลให้โซไดยิ้มร่ามองเธอสลับมันไปมาอย่างไม่เข้าใจ รอจนเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองดีขึ้น เป็นคนอธิบายด้วยภาษาญี่ปุ่นให้เขาฟัง ว่าเธอกับมันคุยอะไรกัน ผลสุดท้ายโซไดก็ระเบิดเสียงหัวเราะหลังฟังเธอเล่าจบ
     “ฮะฮ่าๆๆ..คุณโจ๊กเกอร์มากๆ” โซไดพูดทั้งที่หัวเราะไปด้วย ไอ้รั่วมันระบายยิ้มยอมรับหน้าชื่นตาบาน ก่อนหันมายิ้มให้ผม มุมนี้ผมถึงบางอ้อว่ามันเจตนาสร้างบรรยากาศภายในรถ เจาะจงคุณคิมไม่ให้อึมครึมปล่อยตัวสบายๆ และก็ได้ผลดีเสียด้วย
     หลังจากนั้นเป็นการคุยปกติ ปนฮาตามประสาของไอ้รั่วนั่นแหละ ทำให้ภายในรถมีเสียงหัวเราะตลอดการเดินทาง
     “ทหารไทยแบ่งเหล่าทัพตามนี้ รุงรังคือทหารราบ ตีนตะขาบพวกรถถัง ใส่กีบเท้าทหารม้า รักษาทหารหมอ ติดต่อหน่วยสื่อสาร บำนาญหน่วยการเงิน เที่ยวเพลิดเพลินพวกขนส่ง กันหลงกลุ่มแผนที่ พวกหนีเมียคือสห.  ตัวพ่อคือปืนใหญ่  ร้องเล่นเต้นไปกลุ่มดุริยางค์ ก่อสร้างทหารช่าง อิ่มกันจังหน่วยพลาธิการ ยอดคนงานการสัตว์ ชอบกัดการข่าว งานหนาวหนาวสรรพาวุธ น่าเบื่อสุดกลุ่มสารบัญ..ฮะฮ่าๆๆ” มันท่องเป็นควุ้งเป็นแควสร้างเสียงหัวเราะให้คุณคิมเธอตลอด ผมเองพลอยขำไปด้วย แม้โซไดจะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ แต่อาศัยสังเกตรอยยิ้มและอาการขำของว่าที่ภรรยา  ใบหน้าหล่อสไตล์ญี่ปุ่นก็ยิ้มตามอย่างมีความสุข
     มาถึงภัตตาคารหรูย่านดัง เจ้าบ้านจองโต๊ะเรียบร้อย ไม่เสียเวลาพอนั่งเรียบร้อย ชุดอาหารเช้าก็เสิร์ฟตรงหน้าพวกเราของใครของมัน นึกว่าจะเป็นของอ่อนๆ พวกโจ๊กเสียอีก ตรงข้ามที่คิดไว้สิ้นเชิง คงเพราะอาการทางสีหน้าแสดงความสงสัยของไอ้รั่ว คุณคิมเธอสังเกตเห็น ลงมือทำหน้าที่อธิบายให้ฟังทันที
     “อาหารเช้าแบบญี่ปุ่น โบราณมาชาวญี่ปุ่นกินข้าวเป็นหลัก พร้อมด้วยอาหารทะเลและเครื่องเคียงจำพวกผักดอง เช่น แตงกวาดองเป็นต้น ที่ขาดไม่ได้เลยคือมิโสะซุป นอกจากนี้อาหารเช้าของคนญี่ปุ่นคืออาหารที่เหลือจากมื้อเย็นเมื่อวาน เขาฝึกวินัยให้คนรักประหยัด” เธอพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้ ผมพยักหน้าเข้าใจ ดูเธอตอนนี้วางตัวปกติเป็นกันเองมากขึ้น ดูไม่ค่อยอึดอัดสักเท่าไหร่

     มื้อเช้าจึงเป็นไปแบบสบายๆ ผมกับไอ้รั่วไม่ปฏิเสธถึงแม้ไม่ชินกับการทานข้าวเป็นมื้อเช้ามาก่อน พอลองชิมดันอร่อยจนหยุดไม่อยู่ โซ้ยจนหมดอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นโซไดก็จัดการเคลียร์ค่าใช้จ่าย ก่อนพาพวกเราตรงมายังหอศิลป์สถานที่จัดงาน
     เหลือเวลายี่สิบนาที ประธานกำลังเดินทางมาที่นี่ ฟังรายงานที่โซไดรับแจ้งจากลูกน้อง บรรยากาศในงานคึกคักด้วยผู้คนรวมทั้งสื่อมวลชนซึ่งมาทำข่าว ชนชั้นมีอันจะกินแสดงตัวกันอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างเดินชมอัญมณี บัดนี้อวดโฉมในฝาครอบแก้วตั้งให้เห็นเด่นชัด โดยเฉพาะชุดตะเกียงมูลค่ากว่า 80 ล้าน ประกายเพชรวิบวับเล่นไฟวูบวาบตลอดเวลา น่าทึ่งคือลายซากุระที่เพ้นท์รอบคริสตัล เหมือนภาพสามมิติมีชีวิตชีวาอย่างกับไม่ใช่การเพ้นท์งาน เหมือนหักกิ่งซากุระมาประดับยังไงยังงั้น
     “ss##$$$..xx บลาๆๆ” เสียงซุบซิบพูดคุยทั่วบริเวณ ลูกค้าอุ่นหนาฝาคั่งแบบนี้ ผมกับไอ้รั่วพลอยชื่นใจ ถือว่างานนี้ประสบความสำเร็จ พนักงานเราและทีมงานของโซไดยุ่งเป็นระวิง ไม่มีเวลาได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ แม้แต่พลัสก็ต้องแสตนบายด์จุดที่ได้รับมอบหมาย คอยประสานงานกับทีมออร์แกไนซ์ให้เป็นไปตามตารางไม่ผิดพลาด
     ผมกับไอ้รั่วได้รับการแนะนำให้ทักทายคณะข้าราชการ เซเลบไฮโซของญี่ปุ่น คนทำหน้าที่คือโซไดข้างกายมีคุณคิมประกบเรียกแสงแฟลชจากตากล้องและนักข่าวจนแสบตา ถึงแม้เราไม่มีเวลาพักหายใจเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่งานใหญ่ระดับนี้สมบูรณ์ลงตัว
     “เลดี้แอนด์เจทเทิลเมน..บัดนี้ได้เวลาเปิดเคมเปญเครื่องประดับจากไทยแลนด์ร่วมกับบริษัทxxx โดยประธานกรรมการมิสเตอร์โซไดสุเกะ และบริษัทมณีกาญจ์จากประเทศไทย มอบหมายให้รองประธานฝ่ายบริหารมาร่วมคือมิสเตอร์วรพรต รัตนมณีกาญจ์ มาพร้อมกรรมการผู้จัดการมิสเตอร์อรัญ ขจรเกียรติวงศ์ เชิญตัวแทนทั้งสองฝ่ายบนเวที..เรียนเชิญท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ มิสเตอร์ฮารุโงะ xxx ขึ้นกล่าวเปิดงาน”
     พิธีกรทำหน้าที่ประกาศ หลังประธานเดินทางมาถึงได้ 5 นาที โดยมีพวกผมต้อนรับอยู่ตรงโซฟารับรองวีไอพี พวกเราทั้งคณะทยอยเดินขึ้นเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือและชัตเตอร์จากช่างภาพสื่อมวลชนทั้งไทยและญี่ปุ่นที่รับเชิญมาร่วมงาน
     ประธานใช้เวลากระชับในการกล่าวเปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมตัดริบบิ้นเปิดงาน ตามด้วยการแสดงอุปรากรพื้นบ้านญี่ปุ่น เป็นการแสดงตีกลองสวมหน้ากาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมไม่น้อยทีเดียว เท่าที่ฟังคำอธิบายจากจุงเบ อุปรากรชนิดนี้เป็นการอนุรักษ์ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว
     หลังจากนั้นเป็นการเดินแฟชั่นโชว์เครื่องประดับยี่สิบรายการ อาศัยนางแบบนายแบบชื่อดังของญี่ปุ่นโชว์ผลงานอลังการบนเวที ท่ามกลางสายตาชื่นชมของเหล่าบรรดาไฮโซทั้งหลาย ปิดท้ายด้วยการให้นางแบบนายแบบที่ใส่เครื่องประดับ ออกมายืนโพสท่าเปิดประมูลราคาแต่ละชุด
     ผลตอบรับเกินคาด มูลค่าการประมูลจากที่ตั้งเป้าไว้ พุ่งกระฉูดสร้างกำไรกว่า 100% ไอ้รั่วยิ้มหน้าบาน ไม่มีชิ้นไหนขายไม่ออกหรือราคาดาวน์ลงสักรายการ ตรงข้ามได้ราคางาม พร้อมผู้ประมูลติดต่อรับสินค้ากลับบ้านทุกชิ้น เหลือชิ้นสำคัญที่โซไดประกาศใช้เป็นสินสอดการแต่งงานของตนเองท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน พากันฮือฮากลายเป็นข่าวใหญ่ไปเรียบร้อย คาดว่าพรุ่งนี้คงขึ้นหน้าหนึ่งแย่งซีนงานแน่ๆ โซไดเลือกเวลาและจังหวะเหมาะในการใช้สื่อได้คุ้มน่าดูชม 
     ชิ้นนี้โซไดจังหรือชื่อจริงไดสุเกะ ใช้วิธีโอนเงินเข้าบริษัทผ่านระบบออนไลน์ ให้ไอ้รั่วติดต่อแผนกบัญชีที่ไทย ตรวจเช็คยอดเงินเป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหา ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถือว่าระบบรักษาความปลอดภัยในงานรัดกุมเข้มงวด สมเป็นมืออาชีพ
     หลังส่งประธานและลูกค้าวีไอพีซึ่งหน้าชื่นตาบานยิ้มระรื่นทยอยกลับเป็นที่เรียบร้อย เรานัดทีมงานฉลองที่ภัตตาคารหรูย่าน Asakusa ทั้งพนักงานของพวกผมและของทีมงานญี่ปุ่น โดยค่าใช้จ่ายไอ้รั่วเป็นเจ้าภาพตัดเป็นค่าใช้จ่ายเอนเตอร์เทนของบริษัทตามระเบียบ
     งานเลี้ยงเป็นไปอย่างกันเอง สังเกตสายตาพลัสมองตามผมทุกฝีก้าวแต่ไม่กล้าเข้ามาคุย คงเห็นผมอยู่กับพวกผู้ใหญ่ ยอมรักษามารยาททั้งที่สายตาบ่งบอกชัดอยากคุยกับผมมาก
     “หึ!..แม่ทีมมือโปรมองมึงตาละห้อย” ไอ้รั่วแอบกระซิบ ได้แต่สบตามันดุๆ ถึงยอมเงียบ จบจากกินอาหารอิ่มหมีพีมัน เป็นช่วงคาราโอเกะ ปล่อยทีมงานวาดลวดลายลีลากันเต็มที่ ทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นร่วมสามสิบชีวิต ร้องเล่นเต้นกระจาย
     จุงเบล่ามประจำตัวอธิบายให้ไอ้รั่วฟัง ว่าน้องผู้หญิงจากญี่ปุ่นพูดอะไรกันในกลุ่มถึงหัวเราะเป็นที่สนุกสนาน ได้ความว่า..เธอบอกเพื่อนชายที่ใส่กางเกงขากระบอกไม่ทันสมัย หากสนใจเธอให้ใส่ขาเดฟซึ่งกำลังฮิตเปลี่ยนลุคเสียก่อนเธอถึงจะชายตาแล ผมกับไอ้รั่วอมยิ้มตาม
     ห้องจัดเลี้ยงไพรเวท มีแต่ภาษาญี่ปุ่นคุยเซ็งแซ่ เลือดนิยมกันจริงๆ พวกผมจึงกลายเป็นหูหนวกรอจุงเบแปลให้ฟัง ยกเว้นโซไดกับคุณคิมที่นั่งร่วมโต๊ะใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนากับพวกผม
     “คนใส่ขากระบอกน้องบอกไม่เฟี้ยว ใส่ขาเดฟหลุดตูดรัดกระเจี๊ยว! น้องบอกว่าเฟี้ยว..น่ารักจุงเบย..ฮะฮ่าๆ” ออกอาการรั่วตามเคย แม้พูดจาทะลึ่ง แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคุณคิมเธอทันควัน
     ดูเธอไม่เคอะเขินมันเลย ตรงกันข้ามขำมันด้วย เห็นแบบนี้ผมเบาใจ เธออาจทำใจได้บ้างแล้ว เปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อนดีที่สุด แต่มีบางอย่างที่ผมยังไม่อาจวางใจได้ แววตาเธอบางครั้งเผลอมองไอ้รั่วอย่างลุ่มหลง แต่พอรู้ตัวจะรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที ถ้าไม่สังเกตให้ดีจะไม่เห็นพิรุธแม้แต่น้อย เพียงแค่นี้ผมไม่หนักใจเท่าไหร่ เป็นเรื่องปกติคนเคยรักฝังใจย่อมหวั่นไหวเป็นของธรรมดา
     พวกผมกรึ่มบรั่นดีราคาแพงพอสมควร ชนแก้วโซไดคอแข็งเอาเรื่อง  งานเลี้ยงเลิกราหลังพวกผมขอตัวเคลียร์ค่าใช้จ่าย ให้ทีมงานที่ยังสนุกอยู่กันต่อ พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเรามีเดินทางไปภูเขาฟูจิ เพื่อเล่นสกีตามความฝันของไอ้รั่ว
     กลับถึงบ้านโซได ราตรีสวัสดิ์เรียบร้อยแยกย้ายตรงชานนั่นแหละ โซไดกับคุณคิมแยกไปทางระเบียงใหญ่ น่าจะเป็นที่พักพวกเขาอยู่โซนนั้น
     ผมกับไอ้รั่วมาทางฝั่งซ้าย มันไม่ยักเข้าห้องตัวเองเนียนนอนพังพาบบนฟูกของผมหน้าตาเฉย ซาซิจังคงมาปูให้
     “หึหึ! พรุ่งนี้กูจะสกีให้วี๊ดวิ้วเลยคอยดู” มันพูด
     “อยากขนาดนั้นเชียว อย่าประมาทไม่ง่ายอย่างที่คิด ระวังตัวด้วยบาดเจ็บไม่คุ้มพรต” ผมเตือน มันเหลือบตาคมจ้องหน้าผมตอบ ก่อนเผยยิ้มอย่างหล่อส่งให้
     “กูพอเป็นเว้ย! ไม่ต่างสะเก็ตน้ำแข็งหรอกรัน มึงเคยเล่นมานิเป็นครูสอนกูดิ” ผมเคยเล่นตอนพ่อพาไปเยี่ยมพี่ชายที่อังกฤษ ช่วงนั้นพี่ผมเรียนไฮสคูลเลยมีโอกาสสัมผัส แต่ก็พอเล่นได้ไม่เก่งอะไรมาก
     “แค่ถูๆ ไถๆ ไม่ใช่โปรสกี” ผมออกตัว
     “คึคึ! อยากถูไถไหมเล่า” ยั่วอีก
     “คึกหรือมึง ไม่ดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ที่พักส่วนตัวสะดวกกว่าเยอะ” ผมต้องอดทน ยังแอบหวั่นมีกล้องสอดแนมอยู่ดี
     “ไม่ว่ากัน..น่าขำเนอะผู้ชายสมัยนี้ ให้มีเมียชายดันส่ายหัว ถ้ามีผัว..กี่คนก็รับไหว..ฮะฮ่าๆๆ” รั่วอีกเมียกู
     “ประสาทล่ะมึง..ที่พูดคงไม่เหมามึงด้วยนะ” ผมหวงหากมันบ้าคิดอย่างที่พูดขึ้นมาจริงๆ
     “กูไม่ทำหรอก ไม่ว่าจะผัวหรือเมีย พอแล้วชีวิตนี้” ฟังมันแล้วเผลอยิ้มจนได้ คงเพราะอารมณ์มันดี ที่งานเรียบร้อยประสบผลสำเร็จงดงาม กอปรกับดื่มบรั่นดีมาด้วย เลยครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ
     “กูรับปาก ชีวิตที่เหลืออยู่จบที่มึงคนเดียว” ผมยืนยัน ลูบหัวมันด้วย เห็นแบบนี้แล้วดูมันเท่ดีชะมัด
     “ต่อให้กูไม่เหลืออะไรมึงก็เอาเหรอ” ผมจ้องตามันเขม็ง พูดเหมือนดูถูกกันซะงั้น
     “หมายความว่าไง” อดเสียงห้วนไม่ได้
     “กูหมายถึง..ต่อให้กูหมดตูดไม่มีไอโฟนใช้มึงก็ไม่คืนคำ” บ้าชิบ!
     “กูรักที่ตัวมึง ไม่ใช่ฐานะ” ย้ำเสียงหนัก
     “โอเค..รู้แล้ว ถึงแม้ไม่มีไอโฟนใช้ รับประกันว่าไม่โหนรถมาทำงานเชื่อกูป่ะ!” ผมงง?
     “พูดอะไรของมึง” งงครับ
     “กูหมายถึง ถ้าไม่เหลืออะไรจริง กูก็ไม่ลำบากโหนรถมาทำงานเว้ย” พอเข้าใจแล้ว ว่ามันต้องการพูดอะไร
     “มึงจะบอกว่ามึงสามารถมาทำงาน โดยไม่ต้องลำบาก..ทำไง”
     “กูเดินเอา เรื่องอะไรจะโหนรถให้เสียชื่อ มีขาก็เดินดิ..คึคึ!”
     “ป๊าบ!..รั่วไปแหละ” ตบหน้าผากมันจนได้ ใส่ไปทีไม่แรงหรอก
     “เคยมือนะมึง ผิดหูลงไม้ลงมือตลอด กูเมียนะรันไม่ใช่กระสอบทราย..นิดหน่อยก็ซ้อม” ผมเผลอยิ้มปากกว้างกับคำพูดมัน
     “โทษที..กูหมั่นเขี้ยวนี่หว่า..หึหึ” หัวเราะไปด้วย หน้ามันดูตลก
     “ประจำ..เห็นกูเป็นที่ระบาย สนใจอยากเป็นอุลต้าแมนไหม” มาไม้ไหนของมันอีก
     “กูไม่ใช่เด็กติดยอดมนุษย์” ปฏิเสธไม่รับมุก
     “เป็นหน่อยเหอะ ไม่ลำบากสักนิดกับการเป็นอุลต้าแมน ปัจจุบันมึงก้าวข้ามไปแล้วขั้น ขออีกขั้นมึงก็สามารถเป็นยอดมนุษย์อุลต้าแมนสำเร็จ” เอากับมันดิ มาแบบนี้รั่วชัวร์
     “ว่ามาดิ” เล่นกับเขาหน่อย
     “ชายได้ชายคือยอดชาย แต่ถ้าชายได้ตุ๊ดคือยอดมนุษย์อุลต้าแมน..ฮะฮ่าๆๆ” พูดจบเผ่นลุกพรวด เลื่อนประตูหนีกลับห้องพร้อมเสียงหัวเราะไม่หยุด ผมได้แต่ส่ายหน้าขำไหล่สั่น ไม่ว่าเวลาไหนมันยังคงขยันสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ผมเสมอ..เหยี่ยวรั่วเอ้ย!!!!

     
     รู้สึกตัวตื่นปาเข้าไปเจ็ดโมงเช้า แปลกใจเล็กน้อยไอ้รั่วไม่ยอมมาปลุกผม เมื่อวานมันคงตื่นเต้นพิธีเปิดงานล่อซะไก่โห่ คืนที่ผ่านมามันกรึ่มบรั่นดีแถมยกภูเขาจากอก งานประสบผลสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล คงหลับสบายจนตื่นสาย..
     ลุกบิดขี้เกียจ เตรียมอุปกรณ์ผ้าเช็ดตัวพาดบ่า สำรวจยูกาตะที่สวมอยู่ผูกสายให้เรียบร้อย ค่อยเลื่อนประตูเปิด..เดินไปหามัน
     “พรต..”
     “------?-------“  ไร้สุ้มเสียงตอบกลับมา
     “พรต..ตื่นหรือยังหืม” เพิ่มความดังเล็กน้อย ไม่มีปฏิกิริยาเงียบเป็นเป่าสาก นิสัยไอ้รั่วไม่น่าหลับลึก ชักเอะใจถือวิสาสะเลื่อนประตูเปิดเลย
     ภายในห้องว่างเปล่า ไม่เห็นมันอยู่ในนั้น พื้นปูฟูกมีร่องรอยผ่านการใช้ให้เห็น น่าจะเข้าห้องน้ำเล่นกับโถฉี่อยู่ละมั้ง คงอยากให้ผมหลับสบายไม่ยอมมาปลุก อดยิ้มกับความคิดตัวเองไม่ได้ หลังรู้มันแคร์ความรู้สึกผมมากแค่ไหน เลื่อนประตูปิดเปลี่ยนทิศทางตรงไปห้องอาบน้ำแทน ตั้งใจเซอร์ไพรส์แกล้งให้ตกใจเสียหน่อย โทษฐานหนีมาไม่ยอมปลุก
     เมื่อวานอภัยให้ได้ วันนี้ไม่มีความจำเป็นที่มันแอบมาเพียงลำพัง เวลานี้เป็นช่วงปกติที่ผมตื่นประจำ..
     มาถึงส่วนล็อกเกอร์ ไม่มีวี่แววสิ่งมีชีวิต หรือกำลังแช่น้ำร้อนอยู่ ไม่รอช้าก้าวไปยังส่วนกั้นผ้า แหวกเข้าไปด้านใน สายตากวาดมองจนทั่ว ไม่เห็นหัวใครสักคน..เงียบสนิท เอ้! หรืออยู่ห้องอาบน้ำ หันกลับตรงไปยังห้องอาบน้ำ กวาดสายตามองหายังคงเหมือนเดิม ไม่เจอแม้แต่เงา ไปไหนวะ!
     หรืออาบน้ำเสร็จเดินเล่นในสวน เป็นไปได้มันอาจนึกครึ้มขอชื่นชมบรรยากาศก่อนโบกมือลาไปเล่นสกี ขากลับดิ่งไปสนามบินไม่ได้แวะมาที่นี่ น่าจะไปเก็บภาพประทับใจอยู่ละมั้ง
     คิดแบบนั้น จัดการทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยอาบน้ำเสร็จสรรพ ค่อยตามไปดู เผื่อบางทีไปดักรอผมที่ห้องแล้วก็เป็นได้ ใช้เวลาในห้องน้ำร่วมสิบกว่านาที กลับออกมาไม่ลืมแวะสำรวจบริเวณสวน เผื่อมันยังเพลินอยู่ที่นั่น กลับไม่เห็นใครนอกจากคนสวนที่ตื่นมาดูแลรถน้ำต้นไม้ ถามคงไม่ได้อะไร คนพวกนี้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ สำคัญผมพูดญี่ปุ่นไม่เป็นเสียด้วยนี่สิ
     ตัดสินใจกลับห้องพัก มันคงไปรอแล้วน่า สาวเท้าให้เร็วขึ้น แม้ใจจะบอกตัวเองว่ามันรอที่นั่น แต่ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้กังวล แอบภาวนาในใจ..ขออย่าให้เกิดเรื่องกับมันเลย
     ถึงห้องผมไม่เรียก ใจร้อนเลื่อนประตูเปิดสภาพห้องยังเหมือนตอนเปิดเข้ามาครั้งแรก ไม่ต่างจากเดิม สำคัญคือมันไม่ได้อยู่ในนั้น ไม่เสียเวลาดิ่งมาห้องผมเลื่อนประตูเปิด ทุกอย่างปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนตอนผมลุกออกไป รู้ตัวตอนนี้ร้อนใจ ไอ้รั่วไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกกล่าว สำคัญมันไม่เคยให้ผมตามหาเป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ พฤติกรรมผิดปกติ ไม่อยากคาดเดาในทางร้าย ดิ่งไปหยิบโทรศัพท์กดโทรเบอร์มัน มีสัญญาณแต่ไม่รับสาย ผมตรงไปที่ห้องมันอีกครั้ง..ถือสายรอโทรศัพท์ไปพร้อมกัน
     ชัดเลย..เสียงเรียกเข้าดังในห้อง มาจากเสื้อสูทที่มันใส่เมื่อวานนี้แขวนอยู่ในตู้ ไม่รอช้าผมตรงเข้าไปหยิบออกมาดู สำรวจเสื้อเชิ้ตตัวใน กระดุมสัญญาณ GPS ติดอยู่กับเสื้อ เวรแล้วมันไม่ได้เอาติดตัว
     กวาดสายตาเก็บรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนไม่ให้ขาดตก กระทั่งเอามือไปคลำที่ฟูกซึ่งเย็นเฉียบ ไม่มีสัญญาณการนอนก่อนหน้านี่แน่ หากมันเพิ่งตื่นไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฟูกต้องไม่เย็นขนาดนี้....
     ชุดยูกาตะไม่อยู่ มันสวมชุดนอนยูกาตะ แสดงว่าต้องอยู่ภายในบริเวณบ้าน กลับมาจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอย่างเร่งรีบ แล้วเปิดสัญญาณมือถือเข้าระบบ GPS อาศัยตามจากกระดุมเม็ดที่ผมเน้นให้มันติดไว้กับกางเกงใน ภาวนาให้มันทำอย่างที่กำชับ พอเครื่องรันเรียบร้อย ผมเข้ารหัสไม่นานสัญญาณจุดแดงเล็กๆ ก็ปรากฏหน้าจอมือถือของผม แต่พิกัดระยะที่บอกมาทำให้รู้ทันที...พรต!!!!
     เกิดเรื่องแล้ว ระยะทางที่แสดงบนหน้าจอห่างบ้านโซได 70 ไมล์ แถมชี้จุดอยู่ภูเขาฟูจิที่นัดเล่นสกี สำคัญไอ้รั่วคงไม่ไปโดยไม่บอกอะไรผม และยังไปในชุดยูกาตะ ไม่เอามือถือเสื้อผ้าของใช้อะไรติดตัวด้วย เรื่องนี้รอไม่ได้ ผมไว้ใจใครที่นี่ไม่ได้กระทั่งโซได คิดดังนั้นโทรหาพนักงานของเรา โดยเน้นติดต่อนิรุธ ผมไว้ใจเขามากกว่าใคร..กระทั่งพลัสก็ไม่วางใจ
     [ครับ..คุณรัน] นิรุธรับสายเสียงยังงัวเงียเมื่อคืนคงดึก พวกผมกลับก็เกือบสี่ทุ่ม แต่พวกเขายังสนุกต่อคงดึกพอสมควร
     “ขอโทษที่โทรรบกวนแต่เช้า ผมมีเรื่องให้คุณช่วย” ไม่รอให้อีกฝ่ายงงนาน ผมไม่มีเวลามาก ก่อนไอ้รั่วจะไม่อยู่จุดเดิม ต้องรีบดำเนินการ
     [ครับ..มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ] ปลายสายเริ่มน้ำเสียงกระตือรือร้น คงจับสำเนียงไม่ชอบมาพากลของผมได้ เจตนาให้เป็นเช่นนั้น ผมพูดเน้นจริงจังดูเป็นเรื่องสำคัญ
     “คุณกับอัฐธิชัย ช่วยมารับสัมภาระของผมกับคุณพรตที่บ้านพักคุณโซไดเช้านี้ เป็นธุระดูแลนำกลับไทยให้ด้วย ค่าใช้จ่ายค่อยมาเบิกผมทีหลัง  มาด่วนเลยนะ” ผมย้ำชัดเจน
     [ได้ครับ..ผมจะไปกับไอ้อัฐ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ให้ติดต่อใครครับ]
     “เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล ผมฝากไว้หน้าประตู คุณมาขอรับได้เลยบอกเป็นคำสั่งผมเอง”
     [ครับคุณรัน]
     “ขอบใจมาก ขออภัยที่ผมรบกวนการพักผ่อนพวกคุณ” ไม่ลืมรักษามารยาท ถึงแม้เป็นลูกน้องแต่ผมรบกวนเวลาส่วนตัว ต่อให้เจ้าตัวเต็มใจตามมารยาทผมต้องไม่ลืม หมายมั่นในใจเสร็จธุระควรตบรางวัลเป็นการส่วนตัวให้ทีหลัง
     จากนั้นจัดการเก็บข้าวของไอ้รั่วในห้องมันเป็นอันดับแรก ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ มันไม่ใช่คนไร้ระเบียบ เสร็จค่อยมาจัดการของตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ผมหิ้วกระเป๋าสองใบเขียนโน๊ตภาษาไทยเหน็บไว้กันพลาดด้วย อย่างน้อยก็มั่นใจ คนที่นี่อ่านภาษาไทยไม่ได้ ขนาดจุงเบพูดได้อ่านไม่ได้
     “รบกวนฝากกระเป๋าเดินทางผมด้วย เดี๋ยวลูกน้องมารับ ช่วยตรวจค้นเพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย” ผมพูดภาษาอังกฤษกับรปภ.หน้าประตู เขาทำหน้างง? ไม่เข้าใจที่ผมสื่อสาร เป็นไปตามคาด เขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ผมเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว คือ..
     เปิดกระเป๋าทั้งสองใบ ผายมือเชิญให้เขาตรวจ ใช้ท่าทางการกระทำแทนการสื่อสาร เขาค้อมหัวอย่างเข้าใจ ค่อยลงมือตรวจค้นตามหน้าที่ เรียบร้อยผายมือให้ผมทุกอย่างโอเค ผมรูดปิดกระเป๋าที่ไม่มีของสำคัญนอกจากสัมภาระส่วนตัว ทำมือทำไม้ประกอบว่าจะมีคนมารับ เขาพยักหน้ารับรู้ เป็นอันเรียบร้อย เสร็จเลี่ยงออกมายืนหน้าบ้าน โทรหาไอ้กาน
     [ว่าไงมึง..เสร็จงานแล้วเหรอ] น้ำเสียงมันฟังปกติ คงตื่นนานแล้ว
     “เกิดเรื่องกับไอ้พรต กูยังไม่รู้เกิดอะไร มันหายจากบ้านพักของคู่ค้า ระบบสัญญาณ GPS ที่กูตามตัวมันชี้ระยะห่างโตเกียว 70 ไมล์ เป้าหมายคือภูเขาฟูจิ มึงอยู่ฮอกไกโดใช้เวลาเดินทางมาที่นี่เท่าไหร่” ควบคุมตัวเองให้นิ่งมากที่สุด รายงานรวบรัดไม่เยิ่นเย้อ
     [เครื่องบินเร็วประมาณ 90 นาที กูจะรีบจองตั๋วไปด่วน] มันบอก
     “อืม..ขอบใจเพื่อน กูคงรอมึงไม่ได้ ไม่อยากให้คลาด กูไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้สัญญาณสามารถบอกจุด หากมีอะไรไม่คาดหมายกูจะตามมันไม่เจอ มึงประสานกับโทนี่ ดาวน์โหลดโปรแกรมตาม GPS ของไอ้รั่วกับโทนี่ บอกมันว่าเกิดอะไรขึ้น กูไม่มีเวลาติดต่อใคร ต้องโฟกัสความปลอดภัยไอ้รั่ว ฝากเป็นธุระด้วย ถ้ามาถึงดิ่งไปหากูตามสัญญาณนั่นเลย” ผมวางแผนตามที่คิดไว้ บอกรายละเอียดให้ไอ้กานมันฟัง
     [ได้เพื่อน กูจะแจ้งกลุ่มเราทุกคน ส่วนใครทำยังไงให้พวกมันช่วยคิด ประเด็นคือมึงแน่ใจว่ารับมือได้] รู้ว่ามันห่วง ผมเองก็ตอบไม่ได้ ไม่รู้ศัตรูมีพรรคพวกเท่าไหร่ แต่จะให้นั่งรอคงไม่ได้ ยิ่งล่าช้าไอ้รั่วจะยิ่งสถานการณ์เลวร้าย ยังไม่รู้ว่ามันหายไปนานแค่ไหนแล้ว
     “ตอบไม่ได้ กูไม่รู้กำลังคนพวกมัน แต่กูรับปากไม่วู่วาม” ผมตอบ
     [แจ้งความไหม] มันเสนอไอเดีย
     “กูไม่มั่นใจ ว่าแจ้งความจะช่วยได้ ถ้าเกิดคู่ค้ากูอยู่เบื้องหลัง กลับจะทำให้ยุ่งยากกว่าเดิม พวกมันอาจรู้ตัวไอ้รั่วจะลำบากหากมันคิดทำลายหลักฐาน กูห่วงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทำให้เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะง่ายกว่า อย่างน้อยสัญญาณบ่งบอกมันยังมีชีวิต พลังงานส่วนหนึ่งของสัญญาณนี้อิงกับการเต้นของชีพจรคนที่ใช้” ผมอธิบายคร่าวๆ
     [โอเค..เรื่องคุณสมบัติกูพอรู้ กูรับหน้าที่วางแผนกับพวกเพื่อน ยังไงพวกมันคงไม่นิ่ง น่าจะมากันหมด ถึงจะช้าแต่ยังไงพวกมันมาแน่ ไม่มีใครทิ้งมึงอยู่แล้ว สิงโตดำไม่มีการทิ้งพวก] ผมซึ้งคำพูดมันแอบน้ำตาซึม เพื่อนกันดูใจยามยาก ผมเองก็มั่นใจ ไอ้โต๋ ตะเกียง ไอ้บอมย์ โทนี่คงมาหมด แม้กระทั่งกลุ่มเหยี่ยวของไอ้รั่ว ถ้ารู้เรื่องต่อให้แต่ละคนติดภารกิจ ก็ต้องหาวิธีมารวมตัวกันแน่นอน
     “ขอบใจวะกาน กูจะติดต่อมึงเป็นระยะ ตอนนี้ต้องไปที่นั่นเร่งด่วน โดยไม่ให้ระแคะระคาย มึงแนะนำหน่อย” มันอยู่ญี่ปุ่นมานาน คงพอมีเส้นสายอยู่บ้าง น่าจะแนะนำผมได้
     [กูส่งเบอร์ให้โทรหาเขา ที่เหลือเขาช่วยมึงเอง กูเคลียร์ให้ล่วงหน้า] ว่าแล้วคิดไว้ไม่ผิด เพื่อนผมแต่ละคนไม่ธรรมดา
     “อืม..กูจะติดต่อเขา มึงโทรหากูได้ตลอด” ผมย้ำ
     [โอเค..กูเตรียมตัวบิน ระวังตัวด้วยเพื่อน] เป็นอันยุติการสนทนา ผมเนียนออกมาโบกแท็กซี่ไปสวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ระหว่างนั่งในรถก็โทรหาคนที่ไอ้กานส่งเบอร์ผ่าน SMS
     [หวัดดีคุณรัน] เสียงผู้ชายปลายสายรับ เหมือนรู้เบอร์นี้เป็นของผม ไอ้กานคงบอกเขาเรียบร้อย
     “ผมต้องรบกวนด้วยครับ..คุณวิทยา” เขาชื่อวิทยากลุ่มยากูซ่า คือข้อมูลคร่าวๆ ที่ไอ้กานส่งให้พร้อมเบอร์โทร
     [ผมจะส่งลูกน้องไปให้ บอกจุดที่คุณให้ไปรับมาครับ] เขาไม่ซักไซ้รายละเอียดยิบย่อย พลอยทำให้ไม่ต้องลำบากใจ
     “ผมรอที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ลูกน้องคุณมาถึงโทรหาผมเบอร์นี้ จะรอตรงทางเข้า” ผมบอกจุดนัดหมาย
     [ตกลง..ผมส่งมือดีไปช่วยสามคน น่าจะถึงฟูจิภายในชั่วโมง]
     “ขอบคุณครับ” เราหยุดการสนทนาเท่านั้น ผมใช้ความคิดลำดับเหตุการณ์คาดเดาความเป็นไป วิเคราะห์นิสัยไอ้รั่ว..มันเป็นคนเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดท้าย หากเดินทางออกจากบ้านคงไม่อยู่ในสภาพยูกาตะที่มันกลัวไข่โผล่แบบนั้นแน่ ประเด็นไปด้วยความเต็มใจคงไม่ใช่
     แต่จะว่าไม่เต็มใจก็มีเรื่องให้ค้าน หากมีการบุกอุ้มถึงห้อง ฝีมือไอ้รั่วมันมีพอตัว ต้องมีการต่อสู้ปะทะกันบ้าง คงไม่มีใครกินมันง่ายดายกระทั่งผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียง สำคัญภายในห้องมันไม่มีการต่อสู้ให้เห็นร่องรอยใช้เป็นหลักฐานนี่สิ
     ยกเว้นมีคนหลอกมันไป และต้องเป็นคนที่มันไม่กล้าปฏิเสธ ต่อให้ไม่ไว้ใจมันก็ควรบอกผม แต่นี่ไม่บอกให้รู้ ถึงขั้นไม่หยิบมือถือติดมือไปด้วย คงเป็นคนในบ้านที่มันไม่เฉลียวใจ ถ้าให้เดามีช้อยสองตัวเลือก คือโซไดกับคุณคิมเท่านั้น ที่ไอ้รั่วให้ความเกรงใจ
     ประมวลลึกเข้าไปอีก คุณคิมให้ไปหาไอ้รั่วปฏิเสธแน่ ต่อให้มันไม่คิดอะไรด้วย แต่ฐานะใหม่ของคุณคิมคือว่าที่ภรรยาของโซไดเจ้าบ้าน คงไม่เหมาะที่มันจะไปพบเป็นการส่วนตัว คนที่น่าสงสัยคงมีโซได ที่ไอ้รั่วจะไปพบโดยขาดความระมัดระวังเช่นนี้
     ถึงกระนั้นผมยังแอบดีใจที่มันเชื่อคำพูดผม ไม่ประมาทยอมติดเครื่องตามสัญญาณไว้ในกางเกงใน มันคงไม่ติดชุดยูกาตะหรอกน่า เป็นเบาะแสเดียวทำให้ผมตามหามันถูก อุ่นใจว่ามันยังมีชีวิตอยู่...
     ส่วนรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน คงต้องรอพบตัวเสียก่อน ทุกอย่างย่อมกระจ่าง คาดเดาไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ช่วยได้คือผมไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากโซได เพราะไม่อาจไว้ใจเขาก็เท่านั้น..
     แท็กซี่ใช้เวลาสิบห้านาที พาผมมายังจุดหมาย จ่ายเงินลงรถก็พอดีมีชายฉกรรจน์สามคนเข้ามาหา พร้อมค้อมหัวให้
     “สวัสดีครับ..คุณรัน” หนึ่งในนั้นเป็นคนไทย
     “คุณคือ...คุณวิทยา” ถามให้แน่ใจ
     “เปล่าครับ..ผมทันมือขวาคุณวิทยา เขามอบหมายให้มาบริการคุณ ส่วนอีกสองคนคือเรจิและมินวะ ทำหน้าที่ขับรถด้วย” ผมพยักหน้ารับ
     “เชิญที่รถ เราต้องรีบเดินทาง” ผมก้าวตาม หลังแนะนำเรียบร้อย ผมนั่งหลังกับทันบนรถแคมเมอร์รี่สีดำ ส่วนเรจิกับมินวะนั่งคู่กันด้านหน้า มินวะรับหน้าที่ขับรถ เชื่อแล้วทำไมให้หมอนี่ขับ เล่นปาดซ้ายแซงขวาคล่องมาก พ้นจากย่านชุมชนหมอนี่เหยียบจมเท้าปานเหาะ คิดว่าชั่วโมงเดียวถึงคุณวิทยาพูดไม่เกินจริง ตราบใดที่ลูกน้องเขาขับรถเหมือนจะบิน
     “คุณรู้จักผม ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน” อดถามทันไม่ได้
     “ผมอาศัยรูปถ่ายที่คุณวิทยาให้ดู เพื่อนคุณส่งให้เขาทางโทรศัพท์” ถึงบางอ้อ มิน่าลงแท็กซี่ปุ๊บเขาตรงเข้ามาทันที สมเป็นยากูซ่ามืออาชีพ
     “ผมไม่รู้กำลังคนของอีกฝ่าย จะช่วยคนของผมคงต้องอาศัยพวกคุณที่ชำนาญพื้นที่เป็นคนวางแผน” พูดความจริง งานนี้ไม่มีการช่วยฟรี เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหาจบงานผมรับผิดชอบได้ ขอแค่ไอ้รั่วปลอดภัย
     “ถึงเป้าหมายค่อยวางแผน ผมรับปากจะทำกันเต็มความสามารถ” ทันยืนยันมาแบบนี้ผมค่อยโล่งใจ..คิดว่าไอ้รั่วยังคงปลอดภัยดี เพียงแต่ไม่รู้จุดประสงค์ พวกเขาเอาตัวมันไปทำไม..?

    @@โอนจอง รักรั่วๆ..พรต&รัน@@

    เริ่มตั้งแต่บัดนี้ – 31 ก.ค. 56

     

    รายละเอียดหนังสือ

     

    1.นิยายมี 2 เล่มจบ รวมบ็อกเซท  

    2.เนื้อในกระดาษถนอมสายตา  จำนวนหน้ารวม 500 หน้า

    3.ที่คั่นหนังสือ 4 แบบ ตามปก 2 เล่ม

    4.ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเล้าฯ 10 ตอน

                    - เนื้อหาตอนพิเศษ เดินเรื่องต่อเนื่องยอมเปิดตัวเป็นแฟนกันให้พนักงานและคนรอบข้างรับรู้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีมา พร้อมการฉลองร่วมแสดงความยินดีปริญญาด๊อกเตอร์ของบอมย์เบย์ รวมทริปท่องเที่ยวเทศกาลสำคัญ ฯลฯ ก้าวกระโดดมาถึงตอนปัจจุบันที่เป็นเรื่องช่วงพี่บอมย์กับน้องจอม กินเนื้อที่เล่ม 2 กว่า 70%

     

     

    รับประกันแพ็คอย่างดี กันกระแทกแน่นหนา

     

    ราคานิยาย+บ็อกเซท+ ค่าจัดส่งลงทะเบียน 860 บาท

    ฟรี!!! เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเหยี่ยวกับสิงห์ มูลค่า 140 บาทสำหรับ 200 ท่านแรก ที่โอนเงินมาจองนะคะ









     

    สามารถโอนและส่งรายละเอียดการโอนได้ที่

          1.โอนได้ที่

    ธนาคารไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์

    เลขที่บัญชี 391-214997-2

    ชื่อบัญชี นายภาณุพงศ์ ทับประสูติ

     

    2.โอนแล้วแจ้งรายละเอียดการโอน พร้อมที่อยู่จัดส่งหนังสือมาทาง Mail ได้เลยค่ะluxilove_19690 แอท hotmail ดอท com

     

    Thanks so.

    ลักษ์.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×