ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@ รักรั่วๆ..พรต&รัน

    ลำดับตอนที่ #23 : Part 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 451
      2
      20 มิ.ย. 56

     “ผม..ขออานุ..ยาด รอคุงพด..คุงรันแถวนี้นาคับ” จุงเบเอ่ยขอตัว หลังไปรับผมกับไอ้รั่วมายังหอศิลป์โอเปร่า โซไดเหมาสำหรับจัดเคมเปญนี้ เหตุผลของโซไดไม่ต้องการใช้โรงแรม เพราะสามารถวางระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุมมากกว่า อาศัยเส้นสายซึ่งไม่ธรรมดา กำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยติดตั้งทุกจุดภายในอาคาร
     การเข้าออกต้องผ่านประตูแสกนตรวจจับวัตถุต้องสงสัย เข้มงวดเทียบเท่าสนามบินทีเดียว แม้แต่พวกผมยังต้องผ่านระบบนี้ไม่มีข้อยกเว้น เห็นแบบนี้ค่อยเบาใจหากมีใครวางแผนโจรกรรม ถึงแม้ทำประกันไว้วงเงินสูงสุดแล้วก็ตาม ไม่มีเรื่องดีที่สุด..คุ้มกว่าเยอะ
     “ถ้างั้นผมขอคุยงานกับลูกน้องก่อน เชิญจุงเบตามสะดวกเสร็จธุระผมจะติดต่อนะครับ” ไอ้รั่วเป็นคนบอก ผมได้แต่ยืนมีส่วนร่วมเฉยๆ
     แยกกันตรงจุดนั้น ผมกับมันเดินเข้ามายังส่วนจัดงาน เห็นพนักงานบริษัทหนึ่งในนั้นคือพลัส กำลังประสานกับทีมญี่ปุ่นดูขะมักเขม้น พอเห็นผมกับไอ้รั่วเดินเข้าไป ทุกคนต่างหยุดมือพากันไหว้เราทันที พลอยทำให้ทีมงานญี่ปุ่นกระซิบถามอย่างสงสัย หลังได้คำตอบก็ค้อมหัวแสดงการทักทายแบบให้เกียรติตามเป็นพรวน
     “ตามสบาย เป็นยังไงบ้างพลัส ติดขัดอะไรหรือเปล่า” ไอ้รั่วถามแม่งานคุมธีม หน้าใสยิ้มกว้างตอบด้วยท่าทีกระตือรือร้น
     “เรียบร้อยครับคุณพรต..ทุกอย่างโอเค กำลังซักซ้อมลำดับการต่างๆ ที่จะเปิดงานพรุ่งนี้ ทางญี่ปุ่นมีการแสดงอุปรากรพื้นบ้านในพิธีเปิดด้วย” ไอ้รั่วฟังอย่างสนใจ
     “สินค้าล่ะ มีปัญหาหรือเปล่า” มันยังคงถามต่อ
     “สินค้าเดินทางมาถึงโดยปลอดภัย ขณะนี้เก็บในตู้เซฟนิรภัยของธนาคาร คุณโซไดดูแลตามข้อตกลง หากมีปัญหาระหว่างนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าภาพร่วมเขาแล้ว พ้นภาระของทีมงานเราไปแล้ว” พลัสรายงานคล่องแคล่ว สมเป็นคนที่คุณกอบสุขดันออกหน้า มือขวาคนเก่งของเธอไม่ทำให้เสียชื่อแผนกจริงๆ
     “ขอบใจมาก บอกสามคนที่เหลือด้วย เย็นนี้ผมเลี้ยงราเมง เดี๋ยวไปทานมื้อเย็นกัน” ไอ้รั่วรับเป็นเจ้ามื้อ เน้นเฉพาะพนักงาน 4 คนของบริษัทฯ แต่ละคนคุ้นหน้ากันอยู่แล้ว
     “ขอบคุณมากครับคุณพรต จะเช็คความเรียบร้อยไหมครับ ผมจะให้นิรุธพาตรวจทุกจุด เอกสารเดี๋ยวอัฐธิชัยใส่แฟ้มไปวางที่โต๊ะรับรองให้ครับ” พลัสแจงงานอย่างช่ำชอง อดยอมรับไม่ได้ว่าเด็กนี่มีฝีมือเกินตัวจริงๆ ไอ้รั่วถึงกับแสดงแววตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง
     “ขอบใจมาก พลัสไปทำงานเถอะ ผมกับคุณรันเดินสำรวจกันเองส่งนิรุธมาเป็นคนบอกข้อมูล..ตามนั้น” หลังตกลงกันเรียบร้อย นิรุธลูกน้องวัยสามสิบจากแผนกเทคนิคเป็นคนเทคแคร์พวกผมต่อ พาชมจุดต่างๆ พร้อมกับให้ข้อมูลสัญญาณกันขโมยที่ต่อไปยังเครื่องควบคุมของเจ้าหน้าที่
     รวมถึงแจ้งเหตุไปสถานีตำรวจย่านนี้ ส่วนกำลังพลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในงาน จัดกำลังมาดูแลสามสิบนาย มีทั้งชนิดนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบ ซึ่งทางโซไดประสานงานทั้งหมด
     “แฟชั่นโชว์เครื่องประดับที่เรานำมาร่วมยี่สิบรายการ เรียบร้อยไหม” ผมถามบ้าง หลังทำหน้าที่ผู้ฟังมาตลอด ส่วนใหญ่ผมพูดน้อย ลูกน้องรู้ดี
     “ทีมออร์แกไนซ์ญี่ปุ่นเตรียมไว้แล้วครับ ทั้งนางแบบนายแบบ พรุ่งนี้โชว์หลังพิธีเปิดของรัฐมนตรีพาณิชย์ตามกำหนดการเดิมครับ” นิรุธแจงรายละเอียด
     “อืม..การประมูลสินค้าเริ่มกี่โมง” ผมยังคงซักเอง ถึงจะพอทราบมาก่อนแล้วเรื่องกำหนดการ แค่ต้องการย้ำให้แน่ใจ ว่าเข้าใจตรงกันหรือเปล่าหากมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาที่พวกผมไม่รู้
     “สิบโมงตามเวลา เผื่อเหลือเผื่อขาดไม่น่าเกินสิบโมงสิบนาทีครับ” สองคนไอ้รั่วพยักหน้ารับรู้ ก่อนสนใจสอบถามเรื่องอื่นๆ กระทั่งดูทั่วบริเวณ เห็นความคืบหน้าและการเตรียมพร้อมสมบูรณ์ 99% เป็นที่น่าพอใจเราจึงเดินกลับมายังโซฟารับรองแขกวีไอพี ขณะนี้แปรสภาพเป็นโต๊ะทำงานตรวจเอกสาร ซึ่งอัฐธิชัยคนดูแลด้านนี้นำมาไว้ให้ แถมนั่งรอตอบข้อสงสัยแล้วด้วยเช่นกัน
     “ชาเขียวชงสดครับ คุณพรต..คุณรัน” พอเราหย่อนตูดนั่ง พลัสก็เดินถือถาดมาบริการทันที
     “ขอบใจมาก ซื้อที่ไหนกลิ่นหอมเชียว” ไอ้รั่วมันถาม หลังรับมาจิบเผลอสูดกลิ่นหอมของชาอุ่นเต็มปอด ผมเองคิดไม่ต่างกัน
     “ชงเองครับ ไม่ได้ซื้อ” พลัสตอบอมยิ้มอายๆ
     “เหรอ! ฝึกชงตั้งแต่เมื่อไหร่ใครเป็นพี่เลี้ยงให้” ผมจิบดูบ้าง โอเคเลย ไม่ต่างกับชิมที่บ้านโซไดเมื่อเช้านี้
     “ฝึกตั้งแต่วันที่มา ได้ครูดีคอยแนะนำ คุณพรต..คุณรันชอบผมก็ภูมิใจแล้วครับ” พลัสบอก..โดยพวกผมยังไม่รู้อยู่ดีเรียนจากใคร นอกจากสายตามองมาที่ผมอย่างคาดหวัง จำต้องพูดอะไรบ้างแล้วล่ะ
     “อืม..รสชาติดีทีเดียว..นึกว่ามืออาชีพชงเสียอีก” พูดจบหน้าขาวใสขึ้นสีเรื่อทันตา ไอ้รั่วแกล้งจิบชาแต่สายตาคมแอบชำเลืองผมแวบ
     “ถ้าคุณรันชอบ ผมตั้งใจซื้อชุดอุปกรณ์ชงชาพร้อมวัตถุดิบกลับไทย มีเวลาผมชงให้ดื่มนะครับ คุณประโยชน์ช่วยให้สมองโล่งสบาย เหมาะสำหรับตอนกำลังเครียดงาน จังหวะไมเกรนขึ้นช่วยได้มาก” พูดแบบนี้ผมรู้สึกว่าพลัสคาดหวังผมอยู่  รีบปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจก่อนเข้าใจไปเอง
     “ลำบากหรือเปล่า ถ้าอยากซื้อแล้วแต่พลัส แต่ถ้าซื้อเพื่อตั้งใจชงให้ผมไม่ต้องดีกว่า..ลำบากเปล่าๆ” ถือว่าปฏิเสธไปแล้ว
     “ไม่ลำบากหรอกครับ ผมอยากฝึกฝีมือไม่ให้ร้างลา ไม่อย่างนั้นกลัวจะลืมเคล็ดลับ ของแบบนี้ต้องฝึกบ่อยๆ ทักษะจึงจะแน่นปึ๊ก” อ้างแบบนี้จนปัญญา ไอ้รั่วมันฟังนิ่งไม่แสดงความเห็นเสริม
     “ถ้าอย่างนั้นตามใจ” แล้วแต่เจ้าตัวเถอะครับ อยากทำอะไรก็ทำ ถ้ายังไม่รุกล้ำข้ามเส้นผม..ย่อมไม่ว่ากัน
     จากนั้นพลัสก็กลับไปคุยงานร่วมกับทีมญี่ปุ่น รวมนิรุธและภิญโญ ปล่อยอัฐธิชัยนั่งตอบข้อซักถามตามที่ไอ้รั่วกับผมสงสัย จนเวลาล่วงเลยมากระทั่ง 4 โมง เห็นควรพาลูกน้องไปทานมื้อเย็น ไอ้รั่วจึงตัดบทให้ผมโทรหาจุงเบตามเบอร์ที่เมมใส่ในเครื่อง
     แจ้งความจำนงเรื่องสถานที่ ว่าเราต้องการพาทีมพนักงานจากไทยไปทานราเมงเจ้าอร่อย แต่ขอแบบธรรมชาติไม่อยากทานโรงแรมหรูหรา ต้องการสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นจริงๆ จุงเบรับปากมีร้านดังลักษณะเป็นรถเข็นทั่วไปแต่ฝีมือกระฉ่อน โดยเฉพาะสาเกหมักเอง ไอ้รั่วตาวาววับหลังฟังคำบอกเล่าจากผม
     เป็นอันสรุป เราแยกกันเดินทาง 2 คัน  รถที่จุงเบมาคอยบริการพวกผมประกอบด้วยคนขับและจุงเบเหมือนตอนรับจากสนามบิน ส่วนอีกคันเรียกแท็กซี่ จุงเบเป็นคนสื่อสารบอกจุดหมายเรียบร้อย ไม่ประมาทให้เบอร์ติดต่อพวกพลัสไว้เผื่อผลัดหลง จากนั้นเราต่างแยกเดินทางค่อยไปเจอที่ร้านเป้าหมายเอา
     ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงยี่สิบนาที มาถึงร้านราเมงแถวอากิฮาบาร่าอยู่ติดสถานี JR แต่อยู่ในซอกตึกเป็นเพิงรถเข็น เรียกว่าเหมือนร้านริมถนนบ้านเรานั่นแหละ จุงเบพามากินติดดินจริงๆ ถึงแม้ย่านนี้จะมีราเมงในตึกแบบร้านอาหารไม่น้อยเท่าที่สังเกต แต่บรรยากาศบ้านๆ แบบนี้ดูสนุกกว่า
     จุงเบฝากรถจอดในตึกเสียค่าจอดแพงน่าดู ส่วนแท็กซี่ของพวกพลัสมาถึงไล่เลี่ยกัน ตอนนี้พวกเราพร้อมหน้าต่อโต๊ะยาว 7 คน ยกเว้นคนขับรถที่บอกทานมาก่อนแล้วไม่ขอร่วมโต๊ะด้วย ผมคิดว่าเป็นวินัยของเขาซึ่งผ่านการอบรมเคร่งครัด แม้ไอ้รั่วจะเอ่ยปากชวนเขายังคงยืนกราน จึงไม่เซ้าซี้ทั้งที่พวกผมไม่ถือหากเขาจะร่วมโต๊ะด้วยก็ตาม
     “โห!..หน้าตาน่ากินสุดๆ ผมลองทานแล้วตั้งแต่วันแรกร้าน Ichiran บรรยากาศไม่กันเองเท่ามาทานแบบนี้” นิรุธเป็นคนพูด หลังราเมงที่สั่งได้ครบคน เราต้องบริการตัวเองคนขายไม่มีเด็กเสิร์ฟ เป็นหน้าที่ของพลัสกับที่เหลืออาสาช่วยกันบริการพวกผม ให้นั่งเป็นประธานกระดกสาเกรสหวานเฝื่อนคอแต่ก็โอเค เป็นตัวเรียกน้ำย่อยในกระเพาะไปพลางๆ
     ความจริงผมว่าเทียบไม่ได้กับเหล้าน้ำขาวที่บ้านตะเกียงหมักช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทางภาคเหนือนิยมหมักฉลองสงกรานต์รสชาติหวานนำหอมกลิ่นข้าวหมักกับแป้งเหล้า สีขาวขุ่นเหมือนน้ำซาวข้าว แต่สาเกจะขาวใสระดับแอลกอฮอลล์ใกล้เคียงกัน กินง่ายจริงแต่เมาซึมลึก ดังนั้นต้องจิบห้ามดื่มติดๆ เมาทีเป็นเรื่อง ไอ้รั่วเคยเมาหัวทิ่มมาแล้ว งานนี้ผมจำต้องปรามมัน เพราะพรุ่งนี้เปิดงานต้องไม่ให้เสียภาพพจน์ มันเข้าใจไม่ดื้อแพ่งแค่กินพอเป็นกระสัย
     “คุณรันครับ..ชนนิดครับ” พลัสยกจอกขอชนสาเกผม หน้าขาวเริ่มกรึ่มสีเลือด แววตาไหวระริกมองผมไม่ปิดความรู้สึก ผมยกจอกชนตามมารยาท ไม่ได้มองตอบให้น้องมันรู้สึกพิเศษอะไร ไอ้รั่วเนียนชวนอัฐธิชัยกับภิญโญเรียนภาษาญี่ปุ่นจากจุงเบเป็นที่สนุกสนาน ส่วนใหญ่คำง่ายๆ ที่ได้ยินกันบ่อย แลกกับภาษาไทยเพี้ยนสำเนียงซึ่งพวกเขาพยามแก้ไขสำเนียงให้จุงเบด้วย เป็นเรื่องขำพอสมควรหลังเจ้าตัวพูดยังไงก็ฟังห้วนๆ ออกทองแดงเหมือนเดิม ยกเว้นพลัสคอยแต่โฟกัสผมไม่วางตา แต่ผมก็เฉยให้ความสนใจคนที่เหลือแทน
     ทานกันจนเริ่มอิ่มแล้ว ไม่น่าเชื่อเรานั่งกันชั่วโมงครึ่ง จังหวะไอ้รั่วมันลุกจากเก้าอี้ เดินไปหยิบกระเป๋าตังค์สีดำที่หล่นพื้น พร้อมตะโกนเรียกเด็กนักเรียนชายหญิงสองคนด้วยภาษาอังกฤษ
     “Hi! You do drop pocket.” เด็กนักเรียนไฮสคูลคู่นั่นหยุดเดิน ค่อยหันกลับมา ฝ่ายชายรูปร่างสูงหน้าตาหล่อจัดจนต้องยอมรับ สวมเครื่องแบบนักเรียนสีดำคอจีนติดกระดุม กางเกงขายาวรองเท้าหนังเข้าชุด ส่วนฝ่ายหญิงสูงไม่ถึงไหล่ฝ่ายชายด้วยซ้ำ หน้าตาน่ารักนุ่งกระโปรงสั้นลายสก๊อต ถุงเท้าสีขาวยาวถึงเข่า มีเสื้อสูทสีกรมท่าสวมทับเสื้อนักเรียนอีกที
     ฝ่ายชายรีบเดินเข้ามายกมือไหว้ไอ้รั่วพร้อมกับพูดภาษาไทยชัดเจน พาพวกผมอึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่ามีเด็กไทยหน้าหล่อสะดุดมาเรียนที่นี่
     “ขอบคุณมากครับ ผมสะเพร่าไม่ทันระวัง” ไอ้รั่วได้ฟังดังนั้นรับไหว้แทบไม่ทัน มันส่งกระเป๋าตังค์ให้น้องเขา ในลักษณะเปิดแผ่นั่นแหละ คิ้วเข้มของมันขมวดมุ่น
     “เป็นคนไทยหรอกหรือ นึกว่าญี่ปุ่นเสียอีก” มันถามอย่างที่พวกผมก็ตั้งข้อสงสัย
     “แม่ผมเป็นไทย แต่พ่อเป็นญี่ปุ่นครับ ได้ยินพวกพี่พูดภาษาไทยกันมาเที่ยวเหรอครับ” น้องเขาพูดพร้อมกับจุดยิ้มอย่างมีเสน่ห์
     “มาเรื่องงานครับ ดีใจที่เจอคนไทย” ไอ้รั่วตอบพร้อมกับยิ้มเอ็นดูให้ เด็กผู้หญิงที่ยืนตีคู่น้องผู้ชายมองมันตาค้างก่อนจะหน้าแดง ไม่วายมีเสน่ห์ให้สาวเขินจนได้
     “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” น้องเขาถือโอกาสลามันยิ้มรับ เด็กหนุ่มหันไปพยักหน้าให้เพื่อนต่างเพศ ดูแล้วคงเป็นแฟนมากกว่า มาลำพังแบบนี้คงพากันมาเดท
     น้องเขาเดินห่างไปไกลแล้ว ไอ้รั่วถึงค่อยกลับโต๊ะ มันตาดีจริงๆ มองจากตรงนี้ยังเห็นกระเป๋าตังค์เขาร่วงได้ หัวคิ้วมันยังขมวดเหมือนมีเรื่องคิด ผมไม่ได้ถามเพราะไม่สะดวก รออยู่ตามลำพังค่อยซักดีกว่า กินอีกไม่นานก็เรียกเก็บเงิน ก่อนแยกย้ายกันกลับไปพักเอาแรง พรุ่งนี้ต้องเปิดงานทุกคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบ รวมทั้งผมกับมันด้วยก็ต้องกลับไปเตรียมความพร้อมไม่ให้เหลวไหล ส่งพนักงานขึ้นแท็กซี่เรียบร้อย เราถึงเดินมาขึ้นรถซึ่งจุงเบโทรตามคนขับวนรถมารับริมถนน แทนการเดินย้อนไปยังลานจอดดูจะง่ายกว่า สายตาพลัสอ้อยอิ่งมองผมจนรถลับหายนั่นแหละ
     “มองมึงเหมือนลูกหมาถูกทิ้งเชียวว่ะ” ไอ้รั่วยืนมือล้วงกระเป๋าแหย่ผมเบาๆ ผมหันไปเลิกคิ้วจ้องตอบไม่ได้พูดอะไร มันรู้ผมไม่ได้ให้ความหวังเด็กแม้แต่น้อย
     “เออ..แค่พูดไม่ได้ว่าอะไร” จังหวะรถเข้ามาจอด ต้องรีบขึ้นรีบออก เพราะตรงนี้จอดนานไม่ได้ เป็นอันยุติการสนทนาไปในตัว
     “ตอนมึงเก็บกระเป๋าให้เด็กนั่น เหมือนมึงสงสัยอะไร” ผมถาม พวกเราอาบน้ำเรียบร้อย เปลี่ยนมาใส่ยูกาตะเนื้อผ้าเบาสบายสำหรับเข้านอน มื้อเย็นจุงเบแจ้งโซไดด้วยตัวเอง ว่าพวกผมจะพาลูกน้องไปทานราเมง เจ้าบ้านจึงไม่ได้รอทานข้าว กลับมาถึงทุ่มกว่าพากันอาบน้ำเสร็จ ตอนนี้ผมอยู่ห้องไอ้รั่วมัน ตั้งใจคุยเรื่องที่แอบสงสัยมันแปลกใจอะไร
     “ตอนกูเก็บกระเป๋า เห็นรูปที่เหน็บในช่องพลาสติก ถ้าตาไม่ฝาดกูว่าเป็นรูปไอ้บอมย์ตอน ม. 4 หัวรองทรงเกรียนอยู่เลยมึง” มันบอกแบบนั้นผมพาลขมวดคิ้วตามไปด้วย
     “มึงแน่ใจ รูปไอ้บอมย์จะมาอยู่กับเด็กนั่นได้ยังไง แถมเป็นรูปตอนม.ปลายด้วย” ผมย้ำ
     “กูถึงสงสัยไง ไม่มีเวลาถามมากไม่สะดวก แถมไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อน้องเขาด้วย คงตลกหากกูขอเบอร์ต่อหน้าแฟนเขา พาลมองกูประหลาดเข้าให้ ช่างเหอะกูอาจตาฝาดเห็นคนหน้าเหมือนเพี้ยนเป็นไอ้บอมย์เอาได้” มันสลัดหัวพรืด ผมจึงไม่ได้ถามอะไรอีก ก่อนจะคุยอีกเล็กน้อย แล้วปลีกตัวกลับมานอนห้อง ไม่อยากให้โดนตั้งข้อสงสัยเกิดมีคนรู้ว่าผมกับมันนอนห้องเดียวกันคงไม่เหมาะ ทั้งที่เราอยู่ห้องติดกัน
     “บอมย์..มึงสะดวกคุยไหม” โทรทางไกลหาเจ้าตัวดีกว่า แค่ต้องการความชัดเจน ตอนนี้อเมริกาสว่างแล้ว แม้จะเช้ามืดก็เถอะ เสียงไอ้บอมย์งัวเงียคงยังไม่ตื่น แต่มันก็ไม่ปฏิเสธที่จะพูดกับผม
     [มีอะไร..จำได้มึงกับไอ้รั่วตอนนี้ต้องอยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่..หืม]
     “เออ..พวกกูอยู่ญี่ปุ่น โทรกวนแต่เช้าก็เพราะอยู่ญี่ปุ่น มึงมีน้องหรือญาติผู้ชายวัยรุ่นในโตเกียวหรือเปล่า”
     [ญาติกูเหรอ..ไม่มี ไอ้กานไงอยู่ญี่ปุ่น] มันบอก ไอ้นี่คงยังเมาขี้ตา
     “ไอ้กานมันอยู่โตเกียวเมื่อไหร่กัน..ฮอกไกโดหรอก มึงโอเคคุยไหม” อดย้ำให้แน่ใจไม่ได้ หากมันไม่พร้อมก็ไม่อยากกวน
     “เออๆ..ตกลงถามกูมีญาติที่ญี่ปุ่นในโตเกียวใช่ไหม ไม่แน่ใจเพื่อนสนิทพ่อกับแม่กูละมั้งที่อยู่ญี่ปุ่น แต่เมืองไหนกูไม่รู้วะไม่ได้สนใจ รู้แต่บินไปเจอกันบ่อย ว่าแต่มึงถามทำไม” มันถามผมบ้าง คงแปลกใจที่ดันถามมันไม่มีปี่มีขลุ่ย
     “เปล่า..เย็นวันนี้กูกับไอ้รั่วเจอเด็กลูกครึ่งผู้ชายทำกระเป๋าตังค์หล่น ไอ้รั่วไม่แน่ใจว่ารูปเด็กนักเรียนหัวเกรียนเป็นมึงหรือเปล่า หน้าตาคล้ายมึงสมัยม.4 มันแอบสงสัย” ผมบอกจุดประสงค์
     “ไม่ใช่กูหรอก ห่า..รูปกูจะไปอยู่ในกระเป๋าตังค์เด็กผู้ชายได้ไง ที่แน่ๆ ดันอยู่ญี่ปุ่นยิ่งไปใหญ่ คงเป็นใครละมั้งไอ้รั่วตาฝาดหรือเปล่าเห็นหน้าคล้ายกู ไม่ใช่น่า..มีอะไรอีกไหมกูจะนอนต่อ” ท่าทางง่วงไม่หาย ผมไม่อยากกวน เมื่อมันยืนยันแบบนี้คงไม่ใช่มันแล้วล่ะ สุดท้ายวางสายไม่ได้คุยอะไรต่อ ปิดไฟเข้านอนปล่อยวางทุกอย่างหลับให้สนิท พรุ่งนี้มีงานรออยู่เตรียมร่างกายให้พร้อมเอาไว้ก่อนดีกว่า...
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×