ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@ รักรั่วๆ..พรต&รัน

    ลำดับตอนที่ #16 : Part 16

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 419
      3
      20 มิ.ย. 56

    (Special Prot)

     ผมจมอยู่กับความคิด กำลังขับสปอร์ตคันเก่ง ตรงไปร้านขนมจีนชื่อดังในห้าง ดินเนอร์มื้อค่ำตามนัด เปลี่ยนใจไม่พาเธอกินข้างทาง ชดเชยที่ไม่ต้องไปแวะรับ ผมยืนกรานก่อนออกจากบ้านเจอที่ร้านเลย เธอไม่มีอิดออด พูดง่ายขากลับคงต้องแวะไปส่งเสียหน่อย ลึกแล้วผมมีความเป็นสุภาพบุรุษเต็มร้อย จะให้ใจร้ายกับผู้หญิงโดยเธอไม่ได้ทำผิดจนรับไม่ได้ แค่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตมันดูโหดร้ายเกินไปมั้ง
     เรื่องหยุ๋มหยิ๋มวรพรตไม่ควรใส่ใจ ยกเว้นไอ้หล่อซึ่งเงียบเป็นเป่าสากหลังกลับถึงบ้าน สีหน้าเก็บความรู้สึก แต่เล่นไม่มาส่งผมนี่สิมันผิดวิสัย กลายเป็นผมที่ว้าวุ่นใจ หวังว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ
     โชคดีพวกเพื่อนไม่เซ้าซี้ ผมอ้างติดภารกิจสำคัญไม่สามารถสังสรรค์ช่วงหัวค่ำ กลับคงไม่ดึกค่อยชนแก้วทีหลัง ถ้าพวกมันไม่เมาพับกันไปก่อน ขับรถออกมาโดยไม่มีใครสงสัยพฤติกรรม หากจับสังเกตความผิดปกติคงเป็นไอ้รันมันแหละ เสือกขรึมไปเลย...เฮ้อ!
     ผมจำคิมไม่ได้ เธอเปลี่ยนไปมาก บุคลิกกร้าวแกร่งติดห้าว ผมนึกภาพสาวน้อยหน้าจืดสวมแว่นสายตาถักเปียหางม้าคนเดิมไม่ออก  หากไม่รู้จากปากเธอ ตามด้วยเงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่ใช้ต่อรอง คงคิดว่าเธอเป็นสาวนักเพ้นท์นิสัยอาร์ตตัวแม่ปกติทั่วไป
     ผมไม่มีทางเลือกรับปากอย่างจนปัญญา จังหวะเพื่อนมาพร้อมหน้า จะให้ปลีกตัวไปแก้ปัญหาตามคนมาเพ้นท์งานแทนเธอตอนนี้คงไม่ทันการ เพราะมีเวลาเป็นตัวกำหนดซึ่งเรารอไม่ได้แล้ว กลายเป็นเรื่องฉุกละหุก พาเพื่อนหมดสนุกไปด้วย พวกมันคงไม่มีใครยอมอยู่เฉย ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายการมาเจอกันครั้งนี้ ผมเลือกเก็บปัญหาไว้เอง ค่อยแก้ไขตามสถานการณ์
     พอโดนรุกคืบพื้นที่ส่วนตัวมากเข้า ความเชื่อใจซึ่งพร่ำบอกไอ้รันมันเสมอทำให้ยอมปริปาก เล่าให้มันรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมรู้ดีหากมันดึงดันจัดการคงรั้งไว้ไม่ได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด อาจลุกลามบานปลายพานให้งานใหญ่พังไม่เป็นท่า ความเสียหายมหาศาลเอามาแลกเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งไม่ได้เด็ดขาด พ่อกับแม่ผมคาดหวังความสำเร็จการไปจัดเคมเปญครั้งนี้มากแค่ไหนทำไมไม่รู้ โดยเฉพาะไอ้รันถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของมันเลยเชียว ถ้าผ่านบททดสอบไปได้ พ่อเตรียมวางมือถาวร ไปใช้ชีวิตบั้นปลายท่องเที่ยวพักผ่อน ยกให้ผมกับมันบริหารกันสองคน
     สาเหตุนี้ผมไม่อยากให้มันมาเสี่ยง ใช้อารมณ์แก้ปัญหา หากไม่พึ่งพาคิมเพ้นท์งานให้เสร็จ ความเสียหายตามมาแน่ การยอมทำตามข้อเสนอของเธอ ไม่ได้แปลว่าผมตกเป็นเบี้ยล่าง ให้ปฏิเสธไปตรงๆ ย่อมไม่เป็นผลดี จะยิ่งทำให้เลวร้ายเปล่าๆ คงต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างละมุนละม่อม
     คิดเพลินจนเดินมาถึงร้านที่นัดไว้ ผมจอดรถเรียบร้อยก่อนเดินเข้ามาที่นี่ ตรงไปยังโต๊ะว่างเธอยังมาไม่ถึง ตลอดทางสมองผมคิดแต่เรื่องนี้ไม่จบ ยังดีสมาธิไม่หลุด ผมไม่มีวันทำให้คนที่ผมรักและคนที่รักผมเสียใจเพราะเรื่องงี่เง่าเบาปัญญานี้เด็ดขาด
     “รอนานไหมคะ” เสียงทักจากคู่นัดของผม เธอมาด้วยชุดสบายๆ แบบฉบับเอกลักษณ์เฉพาะตัว
     “เชิญนั่งครับ ก่อนคุณไม่นานหรอก” ผมเชิญเธอนั่ง พร้อมตอบคำถามไปด้วย รอยยิ้มผุดใบหน้าสวยส่งให้แทนการขอบคุณ
     “สั่งเถอะ ผมยังไม่ได้สั่ง” บอกพร้อมกวักมือเรียกบริกรมารับออร์เดอร์ เธอไม่ตอบเอาแต่จ้องผมไม่วางตา พอหันไปสบตาไม่มีหลบประกายตาวาวหวามส่งให้แทน..เฮ้อ!
     “ขนมจีนแกงป่า คุณล่ะ” ผมสั่งเมนูโปรดตัวเอง อย่างน้อยคงช่วยให้กระเดือกลงคอได้ไม่ลำบาก เพิ่งรู้การทานข้าวต่อหน้าคนรู้สึกพิเศษต่อเรา บรรยากาศอึดอัดพิกล
     “ขอแบบคุณ น้องช่วยจัดสองที่” สั่งเหมือนผมอีก
     “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” บริกรจดรายการ ค่อยถามเครื่องดื่ม
     “อะไรดื่มแล้วดีจัดมาเลยน้อง” พอผมบอกบริกรค้างไปห้าวิ สับสนกับคำพูดผม จนต้องอธิบายอีกรอบ ส่วนคิมไหล่สั่นกลั้นหัวเราะไปเรียบร้อย
     “น้องถามรับเครื่องดื่มอะไรดี..พี่ให้เอาไอ้ที่ดื่มแล้วดีมาเลย ไม่ต้องงง” พอผมอธิบายน้องมันหน้าแดง ก่อนฉีกยิ้มปากกว้างเดินออกไป อะไรมาผมดื่มได้หมด อย่าเป็นน้ำประหลาดก็พอ ชั่วโมงนี้ไม่อยากจุกจิกเรื่องมาก อยากทำเวลาให้มันรีบจบ
     “คุณยังคงไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี” เธอชวนคุย ผมจ้องหน้ายกยิ้มมุมปาก แย้งเธอไปว่า
     “ไม่หรอก ทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลง ส่วนที่เปลี่ยนแปลงของผมคุณไม่พยายามสำรวจ ดูคุณยังเปลี่ยนจนผมจำไม่ได้ คนเราไม่มีใครจมอยู่อดีต” ผมพยายามบอกเป็นนัยให้รู้
     “ฉันยอมรับเปลี่ยนตัวเองไปมาก สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายจากใจฉัน คือรักแรกและความทรงจำระหว่างเราคืนนั้น..พรต” อึ้ง! ดันวกเรื่องอดีตอีก
     “คิม..สำหรับผมมันคือความทรงจำที่กลายเป็นอดีต ไม่สามารถสานต่อกับปัจจุบัน ผมยอมรับถึงคุณจะเปลี่ยนไม่น้อย จิตใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยวหนักแน่นของสาวแว่นใจกล้าที่เดินมายื่นจดหมายกับเค้กสารภาพรักผม ยังคือคุณคนเดิม ที่เชื่อมั่นต่อความรู้สึกตัวเอง คุณควรทำความเข้าใจใหม่ผมไม่ใช่พรตคนเก่า วันนี้กับวันนั้นมันต่างกัน ผมไม่ได้รู้สึกกับคุณเกินกว่าเพื่อนคนหนึ่ง” พูดหมดเปลือกแล้ววุ้ย! เธอกลับไม่มีสีหน้าสลดเห๊ะ! เหมือนรู้คำตอบก่อนแล้ว ว่าผมต้องพูดประมาณนี้
     “ฉันไม่แคร์คุณจะคิดยังไง คุณรักษาเกียรติศักดิ์ศรีฉันไม่ให้ขายหน้า ฉันยอมมอบความบริสุทธิ์ให้คุณอย่างไม่ลังเล ต่อให้คุณเป็นคนใหม่ แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนอบอุ่นตัวตนของคุณแจ่มชัด ไม่ต่างกับพรตคนเดิม ฉันรู้ว่าคุณยังไม่มีใครเสียหน่อย ไม่มีข่าวกับผู้หญิง ฉันย่อมมีสิทธิ์ที่จะไขว่คว้า วันนี้ฉันไม่ใช่สาวน้อยสวมแว่นหน้าจืด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตามสเป็กของคุณ รูปลักษณ์ฉันเป็นอย่างที่คุณบอก ทำไมจะไม่พยายามดูอีกครั้งจริงไหม” เธอดื้อสุดๆ หรือพวกอาร์ตเป็นกันทุกคนวะ?
     ไม่ทันแย้ง อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพร้อมน้ำเปล่า ต้องเบรกการสนทนาลงกะทันหัน ให้ไอ้น้องบริกรทำหน้าที่ มันยิ้มเหลือบตาไปยังน้ำเปล่าที่จัดมา ผมพยักหน้าแทนการขอบคุณ นี่คือน้ำดื่มที่ดีที่สุดของมึง กูจะจำไว้มาร้านนี้สั่งน้ำอื่นไม่ดี..ยกเว้นน้ำเปล่า?
     หลังบริกรกลับออกไป ผมตั้งหน้าตั้งตากินขนมจีน เพื่อให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เธอไม่คุยอะไรอีก ลงมือทานด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข โชคดีเป็นขนมจีนเส้นมันลื่นกลืนง่าย ขืนเป็นอย่างอื่นคงฝืดคอพอทน..อารมณ์จำใจกิน!!!!
     ทานเสร็จ ผมนั่งจ้องเธออย่างเสียมารยาท เร่งเธอหน้าด้านๆ จิตใจพะวงห่วงไอ้รัน แม่งไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไง หวังว่าคงไม่เมาประชดรักเหมือนพวกอกหักประชดชีวิตล่ะนะ คึคึ! อย่างน้อยผมก็ปลื้มปริ่ม รู้ว่ามันหึงน่าดู อีโถ! ไอ้เก๊กเอ้ยที่แท้ก็หวงกู ฮะฮ่าๆๆ
     “ยิ้มอะไรคะ” อ้าว! เผลอยิ้มเหรอ หวังว่าเธอคงไม่เข้าข้างตัวเองนะ คิดว่าผมยิ้มมีความสุขที่ได้มาดินเนอร์กับเธอซะล่ะ
     “คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อิ่มหรือยังครับ” เร่งซ้าาา!! โคตรสุภาพบุรุษเลยกู
     “อืม..อิ่มแล้วค่ะ” เธอตอบค่อยยกน้ำจิบ ไม่รอข้ากวักมือเรียกเก็บตังค์ทันที จะได้รีบไปส่งเธอค่อยกลับไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อ 
     “ผมไปส่ง” บอกขณะลุกยืน รอเธอนำออกไปก่อนค่อยเดินตามหลัง พ้นจากร้านขยับเดินตีคู่ตรงไปยังลานจอด ไม่เดินนำเธอคงรู้หรอกรถจอดชั้นไหน
     “พาไปรับลมสะพานพระรามแปดก่อนสิ” อ้าว! ไหงเป็นงี้วะ คิดว่าจะบอกทางไปที่พัก คาดเข็มขัดปุ๊บกำลังถอยรถออก เธอดันพูดแบบนี้อีก
     “ดึกแล้ว ไปทำไม” พยายามเลี่ยงอย่างสุภาพ
     “ไปให้อารมณ์ดี พรุ่งนี้จะได้เก็บงานคุณจบ” จึ๊ก! โดนเต็มๆ เล่นอ้างอย่างนี้ กูจะไปยังไงเล่าเห้ย!
     “อาการร้อน ลมที่ไหนจะมาเย็น” ไหลไปก่อน เพื่อฟลุ๊ค!
     “หึหึ! คุณไม่เคยรับลมแถวนั้น ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ อย่าทำเหมือนต้องการไปให้พ้นหน้าฉันสักที ตั้งแต่ร้านขนมจีนแล้วนะ คิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไง พรตที่แสนใจดีคนนั้น ไม่ปฏิเสธหรอก” หยิบเอาอดีตมาอ้างอีกล่ะ เพราะไม่ปฏิเสธดันใจอ่อนถึงได้เกิดเรื่อง
     “ผมบอกแล้วไม่ใช่พรตคนเดิม คุณก็ไม่ใช่เค้กที่ผมรู้จัก เปลี่ยนเป็นคิมที่บังเอิญต้องเกี่ยวข้องเรื่องธุรกิจ อย่าพยายามทำให้เกิดธุรกรรมความรู้สึกกันเลยครับ มันไม่มีประโยชน์” ตัดทางไปแล้วนะ
     “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรคุณคิดไปไกลจัง กลัวอะไรหรือพรต” ทำไมพูดเข้าใจยากอย่างนี้วะ
     “ถ้าผมไม่ไป คุณจะไม่ยอมส่งงานผมอย่างนั้นหรือ” ถามแม่งเลย
     “ฉันคงอารมณ์เสีย งานศิลปะถ้าอารมณ์ไม่เอื้อทำออกมาก็ไม่ได้เรื่อง คุณต้องการงานไร้คุณภาพแค่ให้เสร็จเปล่าล่ะ” เล่นแบบนี้เหรอ
     “ตกลง..ผมอยู่ไม่เกินสี่ทุ่มตกลงไหม” แม้ยอมก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
     “แค่นั้นก็พอ..ขอแค่ระหว่างอยู่กับฉัน อย่าถึงกับทำตัวห่างเหินเหมือนเราไม่เคยมีอะไรกัน” ผมเงียบ เพิ่งรู้ตัวเองแพ้คำพูดผู้หญิงก็ตอนนี้..เฮ้อ!
     “บางคนไม่ได้รอเพราะอยากรอ ที่รอเพราะมันไม่ยอมลืม” จู่ๆ เธอเปรยขึ้นมา ผมชำเลืองมองใบหน้าด้านข้าง ยอมรับเธอเป็นผู้หญิงสวย
    ถึงไม่สวยจัดแต่ก็จัดว่าสวยทีเดียว เธอมองออกนอกรถมือกอดอกเห็นแล้วแอบสะท้อนในใจ เผลอคิดไปถ้าผมไม่ดันรักไอ้รันมันเข้า จะให้โอกาสเธอไหมหนอ ไม่เคยเจอใครรักมั่นฝังใจแบบนี้มาก่อน..
     “แรงไปไหมถ้าผมจะแนะนำคุณ ลาเป็นสัญลักษณ์ความโง่ ฉะนั้นเลิกลา แปลว่าคุณเลิกโง่ เลิกคิดถึงผมเถอะ” สุดๆ แล้วกู
     “ฉันยอมโง่ เพราะคนที่ทำให้ฉันโง่ คือคนที่หาได้ยาก” กรรม! เพิ่งรู้กูมีดีขนาดนั้นเชียว
     “ผมไม่รู้คุณฝังใจอะไรนักหนา ผมไม่ดีพอหรอกครับ มีข้อเสียอีกมากที่คุณยังไม่รู้ ระยะเวลาที่เราคบกันช่วงสั้นๆ แทบไม่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันเลยด้วยซ้ำ สำคัญคือเราต่างยังเด็ก ทำไมไม่มองหาคนที่เขาพร้อมจะยืนเคียงข้างคุณ ดีกว่ามาจมกับอดีต” เตือนด้วยความจริงใจ อย่างน้อยเธอก็รู้สึกดีกับผมจากก้นบึ้ง
     “คุณอาจรู้จักฉันในช่วงสั้นๆ คุณไม่รู้ว่าฉันแอบชอบคุณตั้งแต่ม.1 เห็นครั้งแรกฉันก็ไม่สามารถละสายตามองใครอีก เด็กผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อ ใช่จะสะดุดตาฉันเท่าไหร่ โรงเรียนเราคนหน้าตาดีมีไม่น้อย ถึงคุณจะหล่อสุดๆ เป็นที่กล่าวถึงในหมู่สาวๆ แต่ฉันกลับไม่สนใจ ที่ฉันประทับใจคือผู้ชายคนนั้น กินลูกชิ้นปิ้งไม้เดียวกับหมาในโรงเรียน โดยเขาไม่รู้ว่ามีสายตาภายใต้กรอบแว่นของเด็กผู้หญิง มองดูด้วยความซาบซึ้งปลื้มในการกระทำอ่อนโยนของเขาอย่างไม่อาจละสายตาได้
     คุณนั่งยองๆ กัดลูกชิ้นเข้าปาก ส่งลูกต่อไปให้หมากิน ก่อนส่งที่เหลือเข้าปากตัวเอง ลูกชิ้นห้าไม้คุณกินสลับกับหมาจนหมด เป็นภาพที่ฉันแอบถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์” เธอส่งรูปผมสมัยหัวเกรียนให้ดูเป็นหลักฐาน นี่ถึงกับเก็บรูปผมไว้เชียววุ้ย! ที่ทำไปเพราะสงสารเห็นหมามันมองถุงลูกชิ้นในมือตัวเองตาละห้อย ผมก็หิวพอสมควร เลยตัดสินใจแบ่งกันกินกับมัน ไม่คิดว่าการกระทำนี้จะกลายเป็นฮีโร่ในใจสาวแว่น
     “คนอื่นอาจดูน่ารังเกียจว่าสกปรก แต่ฉันกลับสัมผัสถึงความน่าเอ็นดูอบอุ่นอ่อนโยนจิตใจดีงาม หมาตัวนั้นมันยังสำนึกบุญคุณในความเมตตาของคุณที่มีให้ เลียแข้งเลียขาอ้อนคุณหงิงๆ คนอื่นแค่โยนเศษอาหารให้มันลงกับพื้น มีสักกี่คนที่ป้อนมันกับมือ กล้ากินลูกชิ้นไม้เดียวกันโดยไม่รังเกียจ ทำให้ฉันหลงรักคุณเข้าเต็มเปา ตามดูคุณอยู่ห่างๆ สะสมความรู้สึกพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสนใจยิ่งเห็นมุมใจดีบวกอารมณ์ขัน เป็นที่รักของเพื่อนฝูง หล่อเด่น เก่งกีฬา ห่างไกลตัวฉันมาก คงยากที่ยัยแว่นจืดชืดจะเป็นที่สะดุดตาทำให้คุณหันมาสนใจฉันได้
     ฉันแอบรักคุณจนขึ้นม.3 วาเลนไทน์ปีนั้น คือวันที่ฉันติดสินใจลงมือทำเค้กอย่างมุ่งมั่น เตรียมจดหมายสารภาพความรู้สึก ตั้งใจบอกคุณด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาถึงจะมีผู้หญิงไม่น้อยได้ใกล้ชิดคุณเป็นพิเศษ แต่คุณไม่เคยให้สิทธิ์ใครเป็นแฟน ฉันย่อมมีความหวัง คุณไม่เหมือนใครเรื่องความไม่สวยเด่นคงไม่ใช่ปัญหา ลูกบ้าฉันเกิดสุดท้ายไม่ผิดหวังจริงๆ คุณยอมคบกับฉันในฐานะแฟนตามที่ฝัน รู้ไหมฉันนอนไม่หลับทั้งคืน หลังความฝันเป็นจริง ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้สึกกับฉันเหมือนที่ฉันรู้สึกกับคุณหรือไม่ ฉันไม่ต้องการจะรู้ แอบกลัวคำตอบอยู่ลึกๆ
     ถึงคุณจะทำเหมือนฉันเป็นคนรัก บางอย่างไม่อาจปฏิเสธได้คุณรู้สึกเอ็นดูปนสงสารมากกว่าจะรักในฐานะผู้ชายรักผู้หญิงคนหนึ่ง กระนั้นฉันยังตั้งใจใช้โอกาสที่มีทำให้คุณรักให้ได้ โชคไม่เข้าข้างพ่อต้องย้ายกลับญี่ปุ่น รู้ล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียว ฉันไม่กล้าบอกคุณ ก่อนวันเดินทางฉันตั้งใจมาบอกลาอยากขอให้คุณรอ
     กลับเป็นวันที่ฉันช็อคคุณเป็นฝ่ายขอเลิก ฉันเสียใจมากแต่ต้องทำใจยอมรับในเมื่อฉันกำลังจะเดินทาง หากยึดคุณไว้โดยที่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง ฉันคงเป็นคนเห็นแก่ตัว มีเรื่องที่ฉันต้องทำสองเรื่อง อยากรู้สเป็กผู้หญิงของคุณ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเปลี่ยนตัวเอง ส่วนเรื่องที่สองคุณคิดว่าฉันใจง่าย แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว ให้คุณเป็นผู้ชายคนแรก จึงกล้าเอ่ยปากยื่นข้อเสนอแบบนั้น มันคือความทรงจำสวยงามของฉันก่อนเดินทางไป ทำให้รู้สึกไม่ปวดร้าวมากอย่างที่คิด เพราะฉันมีคุณอยู่ในหัวใจตามฉันไปด้วย
     ระหว่างที่ไม่ได้ติดต่อกลับมา ไม่ได้แปลว่าไม่คิดถึง ฉันเดินทางกลับไทย หลังดูแลคุณพ่อคุณแม่จนท่านจากไป แม่ตายด้วยโรคมะเร็งรักษาตัวอยู่นาน พ่อประสบอุบัติเหตุหลังแม่เสียไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ ท่านเปลี่ยนเป็นคนละคน ดื่มจัดจนทำให้ประสบอุบัติเหตุ ชีวิตฉันวุ่นวายจนต้องพับเก็บความคิดที่จะกลับไทยเพื่อตามหารักแรกไว้ก่อน
     ฉันต้องการเจอคุณอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วหรือไม่ ขอแค่ได้รู้ได้เห็นกับตาตัวเอง คำอธิษฐานเป็นจริง เพื่อนพลัสมาใช้บริการฝีมือเพ้นท์งานของฉัน ชื่อคุณหลุดปากพวกน้องๆ คนดังมหา’ลัย แม้จบไปหลายปี แต่วีรกรรมของคุณยังคงเป็นที่กล่าวถึง เบาะแสที่ทำให้ฉันรับรู้เรื่องคุณ เพียงพอแล้วที่จะติดตามข่าวเพิ่มจากสื่อ และรู้ว่าคุณยังไม่แต่งงาน  จนพลัสพาคุณมาที่ร้าน ฉันจำคุณได้ติดตา ที่ต้องเสียมารยาทพูดจาไปแบบนั้น เพราะเก็บอาการตื่นเต้นไม่ไหว ขืนคุณอยู่ต่ออีกนิดฉันคงหัวใจวายจนได้
     ฉันรับงานตั้งแต่คุณยื่นข้อเสนอด้วยซ้ำ คิดว่าวิธีนี้สามารถเข้าใกล้คุณอีกครั้ง ฉันมั่นใจคุณจำฉันไม่ได้ แต่ยังคงเป็นคนจิตใจดีไม่เปลี่ยน ฉันอยากลองเสี่ยงแม้ต้องใช้เงื่อนไข อดีตฉันไม่พยายามให้เต็มที่ จึงพลาดได้หัวใจคุณมา ครั้งนี้ฉันต้องทำให้สำเร็จ ตราบใดที่คุณยังไม่มีใคร ฉันย่อมมีโอกาสว่าไหม” ผมนิ่งเป็นเป่าสากใบ้แดกเรียบร้อย เธอเปิดเผยความรู้สึกหมดเปลือก
     “รู้อะไรไหม ทำไมฉันเลือกมาสะพานพระรามแปด” เธอเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ผมหันไปมองก่อนส่ายหน้าเพราะไม่รู้เหตุผล รถมาจอดอยู่ใต้สะพาน ข้างหน้าเราคือแม่น้ำเจ้าพระยา แสงไฟสองฝั่งน้ำให้ทิวทัศน์สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ผมกลับไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ เพราะตอนนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับผมอยู่
     “เลขแปดแทนเครื่องหมายอินฟินิตี้ไม่มีที่สิ้นสุด ความรักที่ฉันให้คุณก็เช่นกัน” ใบ้แดกเป็นคำรบสอง ไม่คิดว่าผมจะได้รับขนาดนี้ แต่มันเกินรับไหวจริงๆ มันมากไป กลายเป็นความหน่วงหนักถมทับกดดันจนอึดอัด...
     “คิม..คุณฟังผมนะ ผมขอบคุณ..ที่มอบความรู้สึกดีๆ ให้จนไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาตอบแทนนอกจาก ‘ขอบคุณ’ แต่ผมรับไว้ไม่ได้ ความรู้สึกที่ผมให้คุณได้แค่เพื่อน เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้แน่ ไม่ว่าคุณจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ตาม ผมคงยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยน ต่อให้ไม่ใช่คุณผมก็ไม่สามารถรักใครได้อีก ผมมีเจ้าของหัวใจแล้ว คุณคงไม่คาดคั้นให้ผมบอกใช่ไหมว่าใคร ผมกับเขารักกันมานาน ใช้ชีวิตรักอย่างสงบไม่เป็นที่ฮือฮา ที่ผมบอกคุณเพราะต้องการให้เปลี่ยนความคิดใหม่ เข้าใจใช่ไหม” ใช้น้ำเสียงนุ่มๆ จ้องตาเธอไม่กะพริบ หวังให้เธอเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
     “คุณใช้วิธีนี้ปฏิเสธฉันไม่สำเร็จหรอก หากคุณมีคนรักจริงพามาแนะนำสิ มาบอกให้ใครสักคนลืมรักแรกฝังใจแค่คำพูดไม่กี่คำ ถ้าทำได้ฉันทำไปนานแล้ว คนอื่นฉันไม่รู้หรอกว่าเขารักเลิกง่ายยังไง สำหรับฉันรักฝังรากจำฝังใจ..ยอมรับตัดใจจากคุณไม่ได้ ที่ผ่านมาฉันอยู่อย่างมีความหวัง คุณคิดดู ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่มาได้ทุกวันนี้ ถ้าไม่เพราะเธอมีสิ่งยึดเหนี่ยวจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายได้ยังไง ฉันแค่ต้องการจะบอกว่า คุณคือสิ่งนั้น เข้าใจความรู้สึกฉันไหม คำว่ารักไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้น แต่มันงอกเงยเติบโตตามกาลเวลาหยั่งรากในหัวใจฉัน จนไม่สามารถเปิดใจรับใครอีกนอกจากคุณ” ผมอ้าปากค้าง นี่เธอรักผมฟังดูน่ากลัวชะมัดวุ้ย!
     “ยิ่งพูดผมยิ่งลำบากใจ ความรักต้องเกิดจากคนสองคน ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง ย่อมมีสมหวังผิดหวังเป็นเรื่องปกติ ผมเองยังเคยผิดหวังกับความรัก แล้วเราก็จะผ่านไปได้ถ้ายอมรับความจริง เมื่อพร้อมเปิดใจใหม่ วันนั้นคุณอาจสัมผัสกับรักแท้ แล้วคุณจะรู้ว่ารักที่คุณลุ่มหลงหัวปักหัวปำดูกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ลืมผมซะ..คิดกับผมแค่เพื่อน ผมยินดีเป็นเพื่อนคุณ แต่ถ้าต้องการให้อยู่ในฐานะคนรัก คงต้องปฏิเสธ” ตัดบทชัดเจน
     “ฉันจะทำให้คุณรัก ไม่ว่าจะยกเหตุผลแบบไหน ฉันไม่ถอยอีกแล้ว อดีตฉันเคยเสียโอกาส ได้มาพบคุณอีกครั้ง ไม่เพราะมีวาสนาต่อกัน โลกคงไม่กลมให้ฉันเจอคุณหรอกพรต..สุภาษิตที่ฉันจำขึ้นใจ ความเพียรเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ ยังมีอีก น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน คนจิตใจดีอย่างคุณมีหรือไม่หวั่นไหว” เอาเข้าไป เธอถ้าจะจิตนิดๆ พอเรียนอาร์ตกลายเป็นพวกติส..สติแตกเข้าเส้น..กรรม!
     “คิม..ถ้าหัวใจผมไม่มีใครเป็นเจ้าของ คุณอาจมีหวัง แต่ใช่สำเร็จ ผมแค่บอกมีความหวัง ไม่ต้องทำตาแบบนั้นฟังให้จบก่อน ตอนนี้ผมพูดได้แต่เพียงว่า สำหรับผมคนที่ไม่ใช่ ทำยังไงก็ไม่ชอบ พยายามสักกี่รอบ คงไม่ชอบเพราะมันไม่ใช่” เธอมองหน้าผมนิ่ง ไม่แสดงความวิตกสักนิด
    “คุณไม่ต้องพยายามหรอกพรต ฉันจัดการความรู้สึกตัวเองตลอด คุณจะพูดยังไงก็ช่าง ฉันอยากให้รู้ไว้ สมองสั่งการให้พอ แต่หัวใจบอกรอ จนวินาทีสุดท้าย เราห้ามใจได้เหรอ ตอนนี้คุณสั่งหัวใจคุณรักฉันได้ไหมล่ะ คุณก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นอย่าสั่งให้ฉันเลิกรัก นอกจากไม่เลิกยังจะทำทุกวิถีทางให้คุณรักฉันให้ได้ คนรักที่ไม่มีตัวตนของคุณ แน่จริงก็พามาสิ ฉันอยากเจอคู่แข่งเช่นกัน ฉันใช้เวลาของคุณสี่ทุ่มตามข้อตกลง ไปส่งฉันเถอะ” ผมส่ายหน้าจนปัญญา ไม่คิดว่ามีคนรั้นขนาดนี้ ช่างเถอะผมพูดหมดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตัดใจก็ปล่อย ขึ้นอยู่ผมไม่เล่นด้วยเสียอย่าง จบงานซาโยนาระไม่เจอหน้าไม่ข้องเกี่ยวเรื่องคงจบไปเอง
    พาเธอมาส่งคอนโดตามที่เธอบอก จอดรถหน้าคอนโดเธอนั่งนิ่งกำมือถือกดยิกๆ ก่อนปลดเข็มขัด หันมาบอกลาผม
     “ฉันไปนะ”
     “ครับ..อุ๊บ!” บัดซบ! เธอขโมยจูบผมโดยไม่ทันตั้งตัว ยังดีแค่ฉกปากมาประกบ แล้วผละออก
     “คิม..เฮ้อ!” หงุดหงิดไม่น้อย แต่ก็ได้แค่ถอนหายใจ เธอเฉยไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่สมควร
     “เรามีข้อตกลงอยู่ ส่งงานพรุ่งนี้คุณต้องจูบฉัน ไม่ใช่แบบตะกี้นะ” ผมเงียบ ก่อนตัดสินใจย้ำเธออีกครั้ง เนียนเลื่อนมือจับโทรศัพท์อัดเสียงไม่ให้มีพิรุธ
     “คุณบอกส่งงานผมพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ไม่ผิดคำพูดแน่นะ”
     “แน่นอน...คุณต้องจูบฉันตามสัญญาด้วยเช่นกัน”
     “คุณต้องการจูบ..ผม” ย้ำเธอเน้นๆ
     “ใช่”
     “แน่ใจว่าคุณขอ..จูบผม”
     “ถูกต้อง..ฉันขอจูบคุณ” ผมเก็บคลิปเสียงที่อัดเรียบร้อย หลังย้ำเธอกันพลาด จากนั้นเธอค่อยเปิดประตูลงไปยืนโบกมือ รอผมถอยรถออกมองตามจนลับตา ผ่อนลมหายใจพรู..ให้ตายความรักหน้ามืดตามัวแบบนี้มันดูน่ากลัวพิลึก..เฮ้อ!
     ระหว่างขับรถ ไม่ลืมโทรหาไอ้รัน มันไม่ยอมรับสาย ห่านิ..ทำผมหงุดหงิด ก่อนมาเคลียร์แล้วนะ เสือกงอนกูอีก จำใจต้องโทรหาไอ้บอมย์ มันคนเดียวที่สามารถคุยได้ในสถานการณ์แบบนี้
     [ว่าไงรั่ว]
     “พวกมึงยังแดกกันอยู่หรือเปล่า”
     [เออดิ..มึงรีบกลับมาดูสารมีหน่อย เป็นเหี้ยไรแดกเหล้ายังกับน้ำ กูปรามแล้วไม่ฟัง นั่งหน้าแดงก่ำแล้วสัด] ควายรัน สมองกุนซือเทพมึงไม่ได้ช่วยอะไรรึไง แดกประชดกูเหรอ..สัด
     “ให้มันคุยกับกูดิ โทรเข้าเครื่องแม่งไม่รับสายกูห่า” ผมบ่น
     [เออ..มึงรอแป๊บ] เงียบเป็นครู่ ตามองทางหูสวมสมอลทอล์ค หัวกำลังพะวงแต่เรื่องห่ารัน
     [อืม] อืม..พ่อมึงแหนะ
     “กูโทรไปไมไม่รับวะ” ขึ้นครับขึ้น กูยิ่งเครียดๆ ดันเพิ่มระดับให้กูอีกฟรายเอร้ยยย!!
     [โทรศัพท์อยู่บนห้อง] มันตอบเสียงเรียบ ติดยานนิดๆ แสดงว่าแดกเยอะเป็นพิเศษ ไอ้ห่านี่คอแข็งเป็นทุน ถ้าไม่เยอะเสียงคงไม่ยานแบบนี้
     “แล้วไมมึงดื่มเยอะวะ ไอ้บอมย์บอกกูมึงล่อยังกับน้ำ”
     [กินในบ้านมีปัญหาเหรอ กูไม่ได้นัดเดทดินเนอร์กับใครเสียหน่อย เมาก็หลับกลัวอะไรวะ] อ้าว! เมาแล้วกวนขึ้นเท่าตัวนะมึง
     “รัน..เราคุยกันแล้ว กูคิดว่ามึงเข้าใจที่กูบอก มึงอย่างี่เง่าไร้สาระ กูใช่มีความสุข กำลังรีบกลับไปหามึงอยู่เนี่ยะ..ควายงอนกูเหรอ” เสียงแข็งอย่างอดใจไม่ไหว
     [งอนไม่ได้แปลว่าโกรธ ยอมไม่ได้แปลไม่คิด แค่ไม่อยากให้เรื่องน้อยนิดเป็นพิษรักของเรา แดกเหล้าแค่อยากสนุก พอใจยังรั่ว] โอย! เล่นเป็นกลอนพากูเขินสาด ร่ายมาแบบนี้กูจะไปยังไงเล่า
     “คึคึ! เข้าใจแล้วคร๊าบ! กูกำลังกลับ อย่าเพิ่งเมาหัวทิ่มเสียก่อนล่ะ เดี๋ยวกูไปชนด้วย แค่นี้นะกูขับรถ” ตัดบทไม่ใช่อะไร กูเขิลลลล!!!
     [อืม..กูรอที่รัก ขับรถระวังด้วย..ห่วงมึงพรต]  อร๊ากก!! อยากกัดลิ้นตาย ไอ้ห่าเมาแล้วหวานจนกูละลาย รอจนมันตัดสาย คาดว่าตอนนี้หน้าคงสุกเป็นที่เรียบร้อย เรื่องหนักอึ้งหน่วงอกจากการคุยกับคิมก่อนหน้า หายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนไม่เคยมีอะไรรบกวนใจมาก่อน คำพูดไม่กี่ประโยคจากไอ้หล่อลากไส้ที่อยู่กับมันสิบกว่าปี เหมือนคาถาวิเศษเป่าโล่งพริบตายังไงคนที่ครองพื้นที่หัวใจผมมีแค่มันคนเดียว ถ้ายังไม่ถึงวิกฤตผมจะไม่เปิดตัวให้คิมตาเหลือกหรอก..ภาวะตอนนี้ยังไม่เข้าขั้นฉุกเฉิน...?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×