คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เมื่อเจ้าชายหิมะละลาย
เมื่อเจ้าชายหิมะละลาย
“ดอน คาบสามมารอกูที่ม้าหิน” คุณทัพสั่งขุนดอน หลังจากทั้งคู่มาถึงมหาลัยเหมือนเช่นทุกครั้ง อาการบาดเจ็บของขุนดอนดีขึ้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเกือบหายเป็นปกติแล้วด้วยซ้ำ
“ครับ” ขุนดอนยังคงขานตอบตามความเคยชิน ตารางเรียนคาบสามสี่ของทั้งคู่ว่างยาว ก่อนขุนทัพจะขึ้นเรียนคาบห้าหกต่อจนกระทั่งเลิก ในขณะที่ขุนดอนมีเรียนเช้าสองคาบก็เลิกแล้ว ช่วงนี้รอเอกสารส่งตัวของทางมหาลัยที่จะออกไปฝึกภาคสนามเพราะอีกสามอาทิตย์ก็ต้องไปอยู่กลางทะเลเพื่อฝึกภาคสนามซึ่งเป็นโปรเจคจบ
“เดี๋ยว! อย่าไปอ่อยใครล่ะ?” ขุนทัพยังมีแก่ใจหันหน้ามากำชับกับขุนดอนทิ้งท้ายอีก คนหน้านิ่งที่หยุดฟังเกือบเหวอไปเหมือนกัน ทันเห็นแววตาที่อึ้งไปแวบเดียว พักนี้ขุนทัพขยันทำให้ขุนดอนรู้สึกแปลกพิลึกเริ่มจะวางหน้าลำบากกับคำพูดของเจ้าตัวเสียจริง
แต่ถึงแม้ขุนทัพจะพยายามปล่อยหมัดเด็ดตอดใส่เจ้าชายหิมะอยู่ประจำ เจ้าตัวก็ยังคงควบคุมตนเองได้ดีมีหลุดแค่เล็กน้อยถ้าไม่สังเกตดีดีอย่าหวังจะได้เห็นอาการเหล่านี้เลย แต่เพราะขุนทัพผู้ซึ่งคุ้นเคยขุนดอนมาตั้งแต่เด็กทุกซอกทุกมุมเห็นกันมาหมดแล้ว มีหรือแค่ฤษีไร้ใจแสดงอาการผิดแปลกไปเพียงเล็กน้อยเจ้าตัวจะจับพฤติกรรมไม่ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่หวังผลตอบรับ กลับเป็นว่ายิ่งขุนดอนควบคุมตนเองมากเท่าไหร่ ยิ่งท้าทายให้ขุนทัพพยายามมากขึ้นเท่านั้น ถ้าขุนดอนจะมีตาทิพย์แล้วละก็ คงได้เห็นใบหน้าหล่อปานเทพอพอลโล่เดินอมยิ้มแก้มตุ่ยขึ้นตึกไปพร้อมกับพวกเพื่อน ซึ่งต่างพากันงงท่าทางมีความสุขจนออกนอกหน้าของคุณชายประจำกลุ่มอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
กระทั่งถึงคาบว่างตามนัด คุณชายก็พาเพื่อนสนิททั้งห้าคนโดยหนึ่งในนั้นมีหนุ่มคงกะพัน ซึ่งสนิทคุ้นเคยกับสองหนุ่มหล่อแห่งเทพพิทักษ์เป็นอย่างดีร่วมขบวนด้วย เจ้าตัวเองอดนึกแปลกใจไม่ได้เมื่อขุนทัพบอกให้ขุนดอนไปทานกลางวันพร้อมกับพวกเค้าปกติเคยชวนซะที่ไหน และที่ทำให้ทุกคนแปลกใจเข้าไปใหญ่ เพราะทุกทีเห็นแต่ขุนทัพสั่งหนุ่มรุ่นพี่บริการอำนวยความสะดวกให้ตนจนชินตา แต่คราวนี้นอกจากจะไม่เรียกใช้แล้วยังดันถามความต้องการอีกฝ่ายขึ้นมาเฉยเลย
“มึงจะกินอะไรหืม?” เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในรอบหลายปี ท่ามกลางสายตาพวกเพื่อนๆ ที่เห็นขุนทัพถามขุนดอนว่าจะกินอะไร
“ครับ คุณทัพจะกินอะไรเดี๋ยวผมไปซื้อให้” ขุนดอนกลับย้อนถามขุนทัพกลับตามหน้าที่ซึ่งตนปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูซื้อเองมึงแค่บอกกูมาจะกินอะไร?” นั่นยิ่งทำให้ทั้งกลุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะอึ้งตาค้าง ฟังสองหนุ่มหล่อสุดฮอทแห่งมหาลัยเกี่ยงกันไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาเลยด้วยซ้ำ
กลับเป็นขุนดอนเสียอีกที่สัมผัสได้ถึงทุกสายตาที่จ้องมองเหมือนเห็นเรื่องประหลาด หากยังขืนโยกโย้รับรองไม่จบแน่ พานจะทำให้รุ่นน้องในโต๊ะมองกันเข้าไปใหญ่ เลยตัดสินใจลุกขึ้นยืนพูดหน้านิ่งแบบไม่รอให้ขุนทัพได้ปฏิเสธอีกว่า
“ถ้างั้นไปซื้อด้วยกัน คุณทัพถือมาคนเดียวไม่หมดหรอกครับ” จากนั้นรุ่นพี่อดีตเดือนคณะสุดสมาร์ท ก็เดินออกไปโดยมีคุณชายทัพเดินยิ้มปากแทบฉีกก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว มหกรรมความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คนในโต๊ะหันมามองหน้ากันเอง บางคนถึงกับยื่นมือไปตบแก้มเพื่อนในกลุ่มเบาๆ
“เพี๊ยะๆ!” และไอ้คนโดนตบก็เบิร์ดกะโหลกกลับมาเช่นกัน
“ผลั๊วะ! สัดตบหน้ากูทำเหี้ยไรมึง?” นั่นแหละเหตุการณ์ที่ตามมา
“ไอ้ฟวาย! กูตบเบาๆ พิสูจน์ว่ากูไม่ได้กำลังฝัน สัดเสือกตบกบาลกูซะเต็มเหนี่ยว” นี่คือวิธีพิสูจน์ของกลุ่มเพื่อนคุณชาย
“แม่งคิดเหมือนกูเลยวะ! ห่าคงมึงว่าไหมร้อยวันพันปีเคยมีเปล่าว่ะที่พี่ดอนจะเอ่ยปากสั่งไอ้คุณชายทัพ แล้วมึงดูดิพอพี่ดอนลุกขึ้นมันดันเดินตามต้อยๆเหมือนหมาเดินตามเจ้าของเลยมึง ตกลงโลกมันพลิกกลับหรือพวกเรากำลังหลงเข้ามาในแดนสนธยากันแน่ว่ะ?” คงกะพันส่ายหน้าช้าๆ เพราะเจ้าตัวก็หาเหตุผลมายืนยันในสิ่งที่เห็นไม่ได้เช่นกัน
ส่วนขุนดอนจะรู้ตัวหรือไม่ว่าวิธีแก้ปัญหาโดยเสนอความคิดไปเดินซื้อข้าวด้วยกันนั้น เป็นทางออกที่ผิดวิสัยอย่างมาก เพราะปกติตนเคยแสดงความคิดเห็นซะทีไหน มีแต่ ‘ครับ’ รอรับคำสั่งเพียงอย่างเดียว กลับกลายเป็นเรื่องแปลกที่ทำให้ทั้งกลุ่มนั่งถกเถียงกันจนลืมซื้อข้าวไปแล้ว กระทั่งทุกสายตาหยุดมองภาพหนุ่มหล่อสุดสมาร์ทแพ็กคู่ ซึ่งคนหนึ่งถือจานข้าวคนหนึ่งถือน้ำสองแก้วเดินตีคู่กันมา แถมยังดึงเอาความสนใจให้
นักศึกษาในโรงอาหารพากันมองตามจนคอเคล็ด เป็นเรื่องผิดวิสัยจริงๆ
“อ้าว!พวกมึงไม่แดกข้าวหรือไงฮ่ะ ไม่มีใครลุกไปซื้อกันเลยว่ะ?” พอมาถึงโต๊ะคุณชายทัพ ก็คิ้วขมวดงงที่พวกเพื่อนๆ ยังนั่งกันอยู่โดยไม่มีใครขยับ ทั้งที่ตนกับขุนดอนไปซื้อทั้งน้ำทั้งข้าวกลับมากันแล้ว
พร้อมกับวางจานข้าวลงบนโต๊ะ มีเลื่อนจานไว้ให้ตรงเก้าอี้คนข้างๆ อีกต่างหาก ในขณะที่รุ่นพี่หน้านิ่งก็วางน้ำไว้บนโต๊ะเลื่อนแก้วหนึ่งไปให้คุณชายทัพด้วยเช่นกัน ก่อนทั้งคู่จะพากันหย่อนตูดนั่งลง แต่ที่เวอร์ไปกว่านั้นไอ้คุณชายทัพมันดันเอาช้อนกับส้อมที่ถือมาด้วย จัดการเช็ดทำความสะอาดด้วยทิชชู่อย่างเรียบร้อย ก่อนจะยื่นให้ขุนดอนต่อหน้าต่อตาพวกเพื่อนๆ ที่กำลังจ้องจับพฤติกรรมการกระทำต่างๆ นับตั้งแต่ทั้งคู่เดินมาถึงที่โต๊ะอย่างไม่วางตา โดยไม่มีใครนึกตอบคำถามที่ค้างไว้กันสักคน เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดไปแล้ว เหลือแต่สายตาที่ขยับเลื่อนไปกับการกระทำของทั้งคู่ พอคนหนึ่งยื่นอีกคนก็รับมาพร้อมกับพูดได้หน้านิ่งน้ำเสียงเรียบไม่เปลี่ยนแปลงอีกว่า
“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณของขุนดอนที่บอกกับขุนทัพยังไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะนิสัยของรุ่นพี่ซึ่งมักเกรงใจคนรอบข้างจนทุกคนคุ้นเคยดี ไม่ว่าใครทำอะไรให้แม้เพียงเล็กน้อย ก็มักได้รับคำขอบคุณกลับมาอยู่ประจำ แต่ที่ทุกคนปากอ้าตาค้างไปเลยก็เมื่อไอ้คุณชายมันดันยิ้มอย่างหล่อแล้วตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไร เต็มใจทำให้” อาการนี้ ทำเอาทั้งคณะอึ้งแดกไปแล้วจริงๆ มีบางคนแอบเอาเท้าสะกิดเขี่ยเพื่อนอยู่ใต้โต๊ะ โดยที่ตัวยังนั่งนิ่งอึ้งสนิทอยู่ ความเงียบจนผิดสังเกตทำให้สองหนุ่มพี่น้อง หยุดมือที่ถือช้อนกำลังเตรียมจะตักข้าวเข้าปาก ชะงักค้างต่างคนต่างเลิกคิ้วจ้องตาตอบเพื่อนทั้งโต๊ะเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าตนถูกมองอยู่ และนั่นกลายเป็นการปลุกให้ทุกคนที่โดนสะกดรู้ตัวด้วยเช่นกัน ว่าพวกเค้าเล่นจ้องทั้งคู่ไม่วางตาจนเกินไป ต่างรีบกุลีกุจอหาทางชิ่งออกตัวกันเลยทันที
“เออกูว่าจะไปซื้อข้าวแดกก่อน กูด้วย อืมกูก็ด้วยวะแฮ่ะๆ!” ไม่รอช้าพร้อมเพรียงพากันยกก้นลุกออกจากโต๊ะ ท่าทางชอบกลในสายตาของสองพี่น้องเทพพิทักษ์ ยิ่งขุนทัพมีขมวดคิ้วเหมือนงงพฤติกรรมของเพื่อน
ในขณะที่ขุนดอนยังคงหน้านิ่ง มองตามหลังพวกรุ่นน้องที่คุ้นเคยอย่างไม่เข้าใจอาการแปลกๆ ของพวกนั้น
ช่างหารู้ไม่ว่า ที่พวกเค้าออกอาการแบบนั่นเกิดจากพฤติกรรมที่แปลกของทั้งคู่ต่างหาก แต่ก็ไม่มีใครติดใจสงสัยขุนทัพยักไหล่นิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหล่อใส่ตาขุนดอน ซึ่งคนที่โดนอีกฝ่ายยิ้มเจ้าชู้มาให้ จากหน้านิ่งเริ่มมีริ้วชมพูวิ่งขึ้นหน้าทันตาเห็น จนต้องจ้วงตักข้าวขึ้นเคี้ยวแบบไม่รู้ไม่ชี้ นั่นคืออาการเขินที่ขุนทัพได้ใจไปอีกเป็นพะเนิน
แม้ขุนดอนจะยังคงหน้านิ่งสนิท แต่หูแดงหน้าขึ้นริ้วฟ้องตัวเองชัดๆ งานนี้ขุนทัพชักแปลกใจทำไมกับข้าวร้านนี้อร่อยเป็นพิเศษกว่าทุกที ทั้งที่ก่อนหน้าก็กินเป็นประจำ ไม่ยักรู้สึกว่ามันอร่อยมากมายเท่ากับวันนี้ เผลอกินไปยิ้มไปแอบมีสบตากับคนข้างๆ เป็นระยะ โดยที่หนุ่มหล่อหน้าหยกก้มหน้าก้มตากินไม่กล้าสบตาด้วยซะงั้น เหมือนจะรู้ว่าขืนมองตอบขุนทัพตอนนี้ตนคงได้หลุดฟอร์มหน้าระเบิดเป็นแน่ ให้ตายเหอะทำไมขุนดอนรู้สึกว่ากับข้าวร้านนี้อร่อยจนหยุดไม่อยู่จนต้องจ้วงเอาๆคำต่อคำแบบไม่ต้องเงยหน้าจากจานข้าวกันเลย ที่สำคัญไม่ได้ซื้อแกงเผ็ดสักหน่อย ทำไมมันถึงได้เผ็ดได้ร้อนจนวิ่งขึ้นหน้า เล่นเอารู้สึกร้อนหน้าไปหมด ขืนไม่รีบกินให้ไวหน้าคงได้ระเบิดก่อนอิ่มแน่
“ดอนมึงจะไม่เคี้ยวข้าวให้มันละเอียดสักหน่อยเหรอหืม ไม่กลัวติดคอเลยดิ กูว่ามึงเงยหน้ามามองรอบข้างบ้างก็ได้นะ” และก็เป็นขุนทัพ ที่นึกอยากแกล้งสุดหล่อหน้านิ่งขึ้นมาซะงั้น ใช้คำพูดแซวใส่คิดว่าจะได้ผล แต่ขุนดอนยังคงนิ่งได้คงเส้นคงวาจริงๆ ไม่มีโต้ตอบไม่หือไม่อื้อ
“เอานี่น้ำ จิบซะหน่อยเดี๋ยวข้าวติดคอตายหรอก” ขุนทัพยังคงไม่ยอมแพ้ นึกอยากเห็นเจ้าชายหิมะหลุดฟอร์มเสียจริงๆ
“ขอบคุณครับ” ขุนดอนก็ว่าง่าย คว้าน้ำที่คนพูดยื่นค้างไว้ขึ้นมาดูดหน้าตาย แต่ต้องอึ้งค้างเมื่อสายตามองตรงไปปะทะเข้ากับสายตาของรุ่นน้องอีกห้าคนที่ถือจานข้าวยืนเรียงซ้อนกันอยู่ตรงหน้าไม่ไกล ระหว่างกำลังดูดน้ำในแก้วไปด้วย ต่างพากันมองมาที่ตนสองคนไม่กะพริบแถมทุกสายตามีแววล้อเลียนให้ด้วย ส่งผลแล้วครับเพราะฤษีไร้ใจเกิดอาการที่ไม่คาดฝันขึ้น
“พรวดดด! แค่กๆๆ!” ทั้งไอทั้งสำลัก ขุนทัพเห็นเช่นนั้นรีบล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกง ออกมาเช็ดปากให้เฉยเลย ท่ามกลางสายตานักศึกษาที่พากันมองตาแทบหลุดจากเบ้า ไม่นับห้าหนุ่มที่ถือจานข้าวยืนเป็นหุ่นไม่ขยับสักแอ่ะ! ขุนดอนหน้าแดงก่ำจนเห็นชัด จะห้ามก็กำลังไอโครกๆยังพูดไม่ได้ พยายามเอามือจับมือขุนทัพที่ป้วนเปื้อนใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดจมูกให้ตนออก กับถูกมือหนาคว้าจับมือเจ้าตัวมากุมไว้นิ่งๆ ขณะยังคงสาละวนเช็ดให้ได้หน้ามึนมากโดยไม่สนรอบข้าง แถมยังพูดให้ได้ยินอีกว่า
“จิ๊มึงอย่าดื้อ บอกให้ระวังสำลักเข้าจนได้” คราวนี้ขุนดอนคงหลุด
ฟอร์มแล้วครับ เพราะจนปัญญาทั้งโดนดุยังกับตนเป็นเด็ก ทั้งสายตารอบข้างต่างมุ่งความสนใจมาที่ทั้งคู่
ภาพหนุ่มหล่อร่างกำยำสูงใหญ่ กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวคอยเช็ดปากจมูกให้หนุ่มหุ่นสมาร์ทรูปหน้าดุจสลัก ใบหน้านี่ไม่ต้องพูดถึงสะกดคนทั้งโรงอาหารให้มองตาค้างไปแล้ว เมื่อหน้าหล่อแดงก่ำตาคมสวยมีวาวน้ำตาคลอผลจากการสำลักจนเป็นประกายวิบวับ ปากสวยได้รูปแดงแปร๊ดยังกะลูกชมพู่ ที่สำคัญมือเจ้าตัวยังถูกกุมไว้ในมือหนาเพื่อไม่ให้วุ่นวายกับการปรนนิบัติของหนุ่มหล่อร่างใหญ่นั่นเอง
ภาพนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หิมะถล่มดินทลายภูเขาไฟระเบิดลาวาปะทุไหลล้นทะลักจนแดงฉาน บัดนี้เจ้าชายหิมะผู้หน้านิ่งเป็นนิจกำลังร้อนระอุจนละลาย ขุนดอนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งไปแล้ว ทุกคนต่างจ้องตาเคลิ้มตามกันเป็นแถว โดยเฉพาะสาวๆ แทบหลอมละลายตามองครักษ์รูปหล่อของเทพพิทักษ์ไปด้วยนี่สิ ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แดงจนจะสุกของขุนดอนมาก่อน ไม่มีใครเคยเห็นแววตาที่ส่งประกายระยิบระยับของเจ้าตัวมาเลยเช่นกัน ใบหน้าที่ว่านิ่งสุขุมดูชวนหลงใหลมากแล้วนะ แต่ให้ตายเถอะยังสู้ไม่ได้กับใบหน้าที่เห็นอยู่ขณะนี้เลยนะสิ พูดได้คำเดียวมันช่าง น่าร๊ากอ่ะ!
ขุนดอนจะรู้ไหมว่า ขุนทัพที่ง่วนกับการเช็ดหน้าทำความสะอาดให้ตนอยู่นั้น กำลังหัวใจพองโตจนแทบทะลุอกแล้ว มือที่กุมมือขุนดอนไว้นั่นชื้นไปด้วยเหงื่อ หน้าหล่อปานเทพอพอลโล่กำลังแดงเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในขณะที่ความรู้สึกของขุนทัพในตอนนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ น่ารักได้เท่ากับใบหน้าของเจ้าชายหิมะตอนหลุดฟอร์ม?
ความคิดเห็น