คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : รู้ใจตนเอง
รู้ใจตนเอง
ขุนดอนขับรถหน้านิ่ง ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองขุนทัพสักนิด ใน
ขณะที่ขุนทัพเองก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ในหัวตีกันวุ่นไปหมดเพราะประโยคทิ้งทวนของขุนดอนที่บอกไว้หากยอมให้เป็นฝ่ายกระทำบ้างก็จะพิจารณาคบกับขุนทัพในฐานะคนรัก เงื่อนไขนี้เล่นเอาบรรยากาศการเดินทางไปทานมื้อกลางวันซึ่งคนคิดแผนเซอร์ไพรส์ถึงกับอึ้งไปตลอดทาง เป็นใบ้พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
ในที่สุดรถยุโรปคันหรู ก็เข้าที่จอดของร้านอาหารชื่อดังย่านรัชโยธิน โดยสารถีหน้านิ่งดุจเจ้าชายหิมะหลังดับเครื่องแล้วก็ไม่ยอมขยับอวัยวะร่างกายส่วนใดที่แสดงทีท่าว่าจะลงจากรถ จนขุนทัพจำต้องหันไปมองแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทำไมไม่ลงหืม?” คำถามของขุนทัพ ส่งผลให้ขุนดอนต้องหันมามองหน้าคนพูด ก่อนจะเอ่ยกลับไปว่า
"ผมรออยู่ในรถดีกว่า เชิญคุณทัพเถอะครับ” ที่ขุนดอนตอบกลับไป เพราะมาจากความเข้าใจส่วนตัวซึ่งคิดว่าขุนทัพคงมีนัดกับสาวคนใดคนหนึ่งเหมือนเคยและตนก็มักจะรอด้านนอกประจำ ไม่เห็นความจำเป็นที่ขุนทัพจะต้องถามเลยด้วยซ้ำ
“มึงจะรอทำไม ในเมื่อกูพามึงมากินกับกู” ขุนทัพพูดด้วยน้ำเสียง
ห้วนสั้นให้รู้ว่าตอนนี้เริ่มจะไม่พอใจขุนดอนขึ้นมาแล้ว
“คุณพาผมมากิน” ขุนดอนย้ำให้แน่ใจ
“เออดิ กูจองโต๊ะไว้แล้วขอร้องอย่าลีลาท่ามาก” พูดจบ แอบหูแดงก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถไปทันที ขุนดอนจากเดิมสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกให้คาดเดาถึงกับอดยิ้มมุมปากไม่ได้ นึกขันท่าทางเอาแต่ใจของขุนทัพ ที่ทำอะไรไม่บอกกันก่อน แล้วตนจะไปรู้ได้ยังไงว่าตั้งใจพามาทานด้วย เพราะตลอดสิบปีที่ผ่านมาขุนทัพไม่เคยใส่ใจตนสักนิด กลับนึกทำอะไรแบบนี้ก็อดรู้สึกดีไม่ได้ จึงตัดสินใจก้าวลงจากรถในที่สุด
ส่วนคนร่างใหญ่หนาล่ำยังคงยืนหน้าแดงหูแดง พอเห็นขุนดอนโผล่หัวออกมารีบก้มหน้างุดเดินนำเข้าไปในร้านทันที อาการเขินหรืออายก็ยากจะคาดเดาได้ ทำเอาขุนดอนส่ายหน้าช้าๆ อย่างนึกขำแกมเอ็นดูร้อยวันพันปีไม่ค่อยได้เห็นหนุ่มโข่งร่างใหญ่ปานตึกจะวางสีหน้าท่าทาง
คล้ายขาดความมั่นใจแบบนี้
ทั้งคู่มานั่งยังโต๊ะที่ขุนทัพจองไว้บรรยากาศเป็นส่วนตัวมาก หลังจากสั่งอาหารซึ่งเจ้าภาพรวบรัดตัดสินใจเองเสร็จสรรพ โดยไม่ถามความเห็นขุนดอนซักนิด แต่ก็ทำให้ขุนดอนอดอมยิ้มอีกไม่ได้เมื่อเห็นรายการอาหารที่ขุนทัพสั่งไปนั้นล้วนเป็นของโปรดของตนทั้งสิ้น เพิ่งรู้ว่าขุนทัพรู้ด้วยว่าตนชอบหรือไม่ชอบทานอะไรน่าแปลกใจไม่น้อย หลังจากบริกรเดินกลับออกไปแล้ว ปล่อยทั้งคู่อยู่กันตามลำพังกลายเป็นต่างคนต่างมองกันนิ่งไม่มีใครเอ่ยปากพูดไรออกมา กระทั่งขุนดอนยอมพูดขึ้นมาก่อนเพราะทนสบตากับสายตาคมวาวของขุนทัพที่มองตนไม่กระพริบโดยไม่พูดไม่จาต่ออีกไม่ไหว
"ขอบคุณครับ สำหรับอาหารมื้อนี้” คำขอบคุณของขุนดอนสามารถทำให้ขุนทัพเผยรอยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยกลับมาว่า
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ มึงมาเป็นแฟนกูเถอะ” คำพูดตรงๆ ที่ขุนทัพบอกมาโดยสายตาไม่มีแววล้อเล่นสักนิด ถึงกับทำเอาขุนดอนหน้าร้อนได้เหมือนกัน ต่อให้หน้านิ่งสมฉายาเจ้าชายหิมะฤษีไร้ใจก็เถอะ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องมีความรู้สึกเป็นธรรมดา แทนที่ขุนดอนจะตอบไปกลับอาศัยการเงียบไม่พูดซะดีกว่า
“ดอนมึงจะใจแข็งไปทำไม ถ้ากูไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปมึงต้องรักกูบ้างแหละจริงเปล่า ไม่งั้นมึงจะยอมกูขนาดนี้หรือว่ะ?” ขุนทัพยังไม่ถอย อาศัยเวลาที่มีค่าลุกคืบอย่างต่อเนื่อง จนขุนดอนเริ่มจะหน้าขึ้นสีถึงกับตัดสินใจจ้องสบตาตอบขุนทัพอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า
“คุณทัพไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกครับ ผมยอมรับคุณคือชายหนุ่มที่ผู้หญิงใฝ่ฝันได้มาเป็นแฟนแต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง ที่ผมยอมเพราะมันเป็นภาวะจำยอม ขอผมถามคุณหน่อยถ้าผมไม่ยอมแล้วคุณจะยอมเลิกราไหมละครับ?” คำพูดของขุนดอน ทำเอาขุนทัพซึ่งกำลังอารมณ์ดีถึงกับหน้าซีดไปทันตาทีเดียวไม่มีคำพูดโต้กลับมา นอกจากเจ้าตัวใช้วิธีเบือนสายตาเฉมองไปยังต้นไม้ตกแต่งในร้าน และจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองแทนเสีย ปล่อยให้สายตาคมเข้มของขุนดอนจ้องใบหน้าด้านข้างของขุนทัพนิ่ง โดยไม่มีใครพูดอะไรกันอีก
กระทั่งอาหารมาเสริฟต่างคนต่างทานกันเงียบๆ เหมือนแต่ละคนอยู่ในโลกส่วนตัวของใครของมัน บรรยากาศยังกับไม่ได้มาด้วยกันซะอย่างงั้น ก่อนขุนดอนจะเป็นฝ่ายรวบช้อนและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งขุนทัพก็พยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดไม่จา กระทั่งร่างสูงสง่าสมส่วนของขุนดอนลับตาขุนทัพจึงค่อยรวบช้อนยกน้ำขึ้นจิบไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติอาหารเลยด้วยซ้ำ นั่งทานไปงั้นๆ หาได้นึกอยากเลยสักนิดมันตื้ออย่างบอกไม่ถูก นอกจากความตื้อในอกโดยไม่สามารถกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ขุนทัพต้องนั่งทบทวนถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไร กระทั้งเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลว่าตนได้รักขุนดอนเข้าให้อย่างจังแบบไม่ต้องหาคำอธิบายอีก เพราะที่ผ่านมาขุนดอนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสายตาตนเองมาตลอด ไม่ว่าขุนดอนจะทำอะไรที่ไหน จะเดินจะนั่งจะยิ้มจะหัวเราะทุกกิริยาซึมซับอยู่ในความรู้สึกของตนตลอดมา ที่ตนปฏิบัติ
ตรงกันข้ามกับความรู้สึกแสดงความร้ายกาจทั้งวาจาและท่าทางเข้าใส่
โดยใช้ข้อผิดพลาดในวัยเด็กมาเป็นประเด็น ที่แท้เพราะตนกำลังสร้างกำแพงไม่ให้เกิดความรู้สึกดีกับขุนดอนนั่นเอง แต่สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นหัวใจตัวเอง ขุนทัพกล้าพูดได้เต็มปากว่าการร่วมรักกับเพศเดียวกันยกเว้นขุนดอนแล้วคงไม่สามารถทำกลับผู้ชายคนไหนได้แน่นอน สองครั้งที่ผ่านมาพิสูจน์ได้แล้วว่าตนต้องการขุนดอนมากแค่ไหน ความรู้สึกส่วนนี้มันถูกกดไว้ในก้นบึ้งของจิตสำนึก
ย้อนไปถึงวันที่ตนต่อยขุนดอนเพราะเห็นปิ่นแก้วกับขุนดอนในวันนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าปิ่นแก้วเป็นคนเข้าหาขุนดอนเอง แต่ที่โกรธจนโมโหลงมือทำไปเพราะความหึงเพียงคำเดียว ตนหึงขุนดอนที่ให้ความใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกับคนอื่นไม่ได้หึงปิ่นแก้ว สำหรับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาก็แค่คู่นอน แต่ขุนดอนคือคนที่ขุนทัพทนไม่ได้ถ้าจะเห็นใกล้ชิดกับใครให้รอยยิ้มกับใครหรือให้ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษมากกว่าตนนั่นเอง คงต้องยอมรับว่าตนรักขุนดอนไม่ใช่รักในแบบน้องชายรักพี่ชายหรือรักแบบเพื่อน แต่เป็นรักแบบคนรัก
ขุนทัพหลุดจากภวังค์ความคิด ก็ให้นึกห่วงขุนดอนขึ้นมาเพราะเห็นว่าไปห้องน้ำตั้งนานแล้วยังไม่กลับมาเสียที จึงตัดสินใจลุกตามไปดูยังห้องน้ำ พอมาถึงก็เดินสำรวจแต่ไม่พบขุนดอน ตัดสินใจเดินกลับมาที่โต๊ะยังไม่เห็นแม้แต่เงาของขุนดอนอีก หยิบโทรศัพท์โทรตามปลายสายว่างแต่ขุนดอนไม่รับสายรู้สึกร้อนรุ่มใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ตัดสินใจควักแบงค์พันวางทิ้งไว้ที่โต๊ะห้าพัน ทั้งที่ราคาอาหารประเมินแล้วไม่น่าเกินสามพันด้วยซ้ำ ขุนทัพไม่ได้สนใจก่อนจะเร่งก้าวแกม
วิ่งเพื่อตรงไปยังที่จอดรถซึ่งอยู่ด้านหลังของร้าน พอไปถึงภาพที่เห็นขุนดอนกำลังถูกชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนรุมล้อม ในขณะที่บริเวณท้องด้านขวามีเลือดไหลเปรอะเปื้อนเสื้อนักศึกษาสีขาวจนแดงฉานไปหมดหน้าตาหล่อเหลาซีดเผือด
นี่คือสาเหตุทำไมขุนดอนไม่รับโทรศัพท์ พอเห็นเช่นนั้นโดยไม่รอช้าร่างสูงใหญ่ปานตึกคว้ากระถางตนไผ่โชว์ใกล้มือได้ ตรงดิ่งเข้าไปหวดใส่พวกที่รุมขุนดอนจนวงแตกเลือดซาดกันเลยเพราะกระถางดินหนักกว่าร้อยโลปะทะร่างกายพวกมัน ทนได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว
“ปึก! พลั๊ว! บ๊บ! ดอนไม่ต้องกลัวกูมาแล้ว” ขุนทัพฟาดกระถางต้นไผ่ใส่คนร้ายจนกระถางแตกกระจาย เรียกเลือดจากพวกมันจนไม่เหลือสภาพ มือหนายังไม่ยอมปล่อยลำต้นไผ่แม้ว่ากระถางดินได้แตกละเอียดไปแล้ว ยังอาศัยลำไผ่เข้าทำร้ายพวกมันพร้อมประเคนแข้งหนาเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง ส่งผลให้กลุ่มพวกมันบ้างสลบเหมือดบ้างนอนหงิกงอดูน่าอนาถไม่เป็นท่า กระทั่งบังเอิญสายตาคมวาวเอาเรื่องดันชำเลืองเห็นหนึ่งในคนร้ายถือมีดเปื้อนเลือดอยู่ในมือ ไม่ต้องรอพิจารณาอะไรกันอีก ร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้าหาฟาดต้นไผ่เข้าใส่มือไอ้ชั่วจนมีดหล่น ก่อนจะตามด้วยทั้งอัดทั้งเตะทั้งกระทืบจนมันสลบจมกองเลือดใบหน้ายับเลือดอาบ เพราะรองเท้าพื้นหนาของขุนทัพที่กระทืบอย่างไม่ออมแรงจัดหนักไปเต็มๆ
“มึงทำแฟนกูไอ้สัดอย่าอยู่เลยไอ้เหี้ย ตุ๊บ!ตั๊บ!พล๊อก! โอยอ๊อก!”ขุนทัพรัวใส่ไอ้คนที่ใช้มีดแทงขุนดอน จนมันไม่มีเสียงร้องนิ่งไปเลยไม่ตายก็สลบ ก่อนจะทิ้งลำต้นไผ่แล้วพุ่งเข้าไปประคองขุนดอนที่มือยังคงกุมท้องห้ามเลือดซึ่งซึมออกมาไม่หยุด ทำเอาหน้าซีดเผือดเหงื่อเม็ดโป้งๆ ผุดเต็มขมับขาว
“ดอนเป็นไงบ้าง อดทนไว้นะกูจะพามึงไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบพยุงขุนดอนแกมอุ้มแนบร่างใหญ่โดยคนเจ็บไม่พูดตอบสักคำ แถมยังยอมทำตามอย่างว่าง่าย พร้อมกับใช้มืออีกข้างล้วงกุญแจรถส่งให้ขุนทัพ เจ้าตัวรีบกุลีกุจอจัดการเปิดรถวางขุนดอนลงตรงเบาะนั่งไม่ลืมปรับเอนนอนให้ด้วย ก่อนจะปิดประตูแล้วขึ้นประจำตำแหน่งคนขับพาร่างข้างๆ ดิ่งตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
ขุนทัพสามารถควบคุมสติได้เป็นอย่างดี ขับรถพาขุนดอนส่งห้องฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย ขณะที่รอหมอกำลังรักษาขุนดอนอยู่นั้น ก็จัดการโทรบอกทนายประจำตระกูลให้ช่วยจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่นอนสลบที่ร้านอาหารให้เรียบร้อยด้วย พนันได้เลยว่าคงเป็นใครไม่ได้นอกจากพวกสมุนของไอ้พิชิต เพราะขุนทัพมั่นใจว่าทั้งตนและขุนดอนไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครนอกจากมันคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ตัวไอ้พิชิตจะไม่ออกหน้าให้เห็น แต่คงสั่งสมุนของมันสะกดรอยตามพวกตนเพื่อแก้แค้นคืน มันคงแค้นขุนดอนมากกว่าเพราะขุนดอนคือคนที่อัดมันสลบคาห้องพักรีสอร์ท แต่ตนไม่เข้าใจว่าทำไมขุนดอนถึงมาโดนมันรุมที่รถได้ทั้งที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เรื่องนี้คงต้องรอเจ้าตัวฟื้นขึ้นมานั่นแหละถึงจะรู้ความเป็นมาของเรื่องราวได้
ระหว่างนี้ขุนทัพจัดการโทรบอกให้นิคมคนขับรถ จัดเสื้อผ้ามาให้ตนเปลี่ยนเพราะขุนทัพจะอยู่เฝ้าไข้ขุนดอนเอง หลังจากที่รู้ว่าขุนดอนพ้นขีดอันตรายแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแผลที่โดนแทงไม่ถูกจุดสำคัญเพียงแต่คนเจ็บเสียเลือดมาก ต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพื่อเติมเลือดด้วย โดยหมอได้ให้ยานอนหลับกับคนป่วยจึงหลับลึกโดยไม่รู้สึกตัว ขุนทัพสั่งห้องพิเศษระดับวีไอพีให้ขุนดอน พร้อมกับโทรบอกนายท่านขุนพรหมและคุณหญิงแม่แล้วเรียบร้อย ทั้งคู่ตกใจไม่น้อยแต่เมื่อขุนทัพยืนยัน
ว่าตนสามารถดูแลขุนดอนได้โดยยืนยันหนักแน่นไม่ให้ท่านทั้งสองเป็นกังวล เพราะยังติดประชุมงานสำคัญอีกไม่สามารถกลับมาตอนนี้ได้ ท่านก็เบาใจจนพานอดดีใจไม่ได้ที่พวกท่านไม่ขัดขวางเรื่องที่ตนจะให้ขุนดอนเป็นแฟน พ่อกับแม่ตามใจเพียงแต่ห้ามไม่ให้ใช้วิธีบังคับฝืนใจเด็ดขาด ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นจากความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
มาถึงวินาทีนี้ขุนทัพตัดสินใจแล้วว่า จะเอาชนะใจขุนดอนให้ได้ ต้องสามารถทำให้ขุนดอนรักและยอมรับตนเป็นแฟนในที่สุดลองดูสิ เมื่อคิดได้ดังนั้นรอยยิ้มหล่อก็ผุดขึ้นมุมปากหนาได้รูปสวยของหนุ่มหน้าเข้ม ในขณะที่สายตาอบอุ่นจ้องใบหน้าหล่อเหลาปานรูปสลักที่หลับสนิทบน
เตียงคนป่วย ก่อนจะอดใจไม่ไหวค่อยๆ โน้มศีรษะลงไปประทับจูบบน
หน้าผากเนียนเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูคนหลับว่า
“ดอน กูรักมึง” ไม่ลืมกดจมูกลงบนแก้มขาวที่มีเคราเขียวขึ้นจางๆ สูดเอากลิ่นหนุ่มของแก้มขาวเข้าเต็มปอด ร่างกายนี้ใบหน้าหล่อนี้ตนครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาดไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางมาแย่งขุนดอนไปจากตนได้ นอกเสียจากรอตนตายไปก่อนเหอะ
ขุนทัพตั้งปณิธานไว้ในใจมั่น ในขณะที่สายตาอ่อนโยนฉายแววความรักอยู่เต็มเปี่ยมไม่ละจากใบหน้าหล่อของคนป่วยที่หลับไม่รู้เรื่อง ขุนดอนจะรู้ไหมนะว่าเจ้านายร่างใหญ่นิสัยเด็กคิดยังไงกับตน แต่ถึงแม้จะรู้แล้วยังไงเล่าขุนดอนพร้อมหรือที่จะรับขุนทัพเป็นแฟน นั่นต้องขึ้นอยู่กับขุนดอนแล้วว่าจะเลือกทางเดินอย่างไร?
ความคิดเห็น