คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3
My Love
Part 3
“อีบู!มึงดูเจ้าชายสุดหล่อควงนางงามไฮโซมาโน้นแน่ะ”
โจ๊กสะกิดผมยิกๆ ก่อนจะบุยปากให้มองทางซ้ายมือของโรงอาหาร
บอลลูนเดินตีคู่ยิ้มร่ามากับน้องสายไหมม.5 นางนพมาศประจำโรงเรียน
ผมได้แต่มองนิ่งๆ แอบหนักใจอยู่ไม่น้อย
“เจ้าชายสุดหล่อน้องมึงเขาไปเฟสเจอริ่งกับชะนีสายหมอยตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ..
กูรู้มาชะนีนั่นมีสารมีอยู่อาชีวะไม่ใช่หรือไง”
ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรไป เดินถือจานข้าวกับน้ำกลับมายังโต๊ะที่เรานั่ง
เรื่องที่โจ๊กพูดผมก็พอรู้ข้อมูลมาบ้าง คนดังอย่างน้องสายไหมขยับตัวก็เป็นข่าว
แต่ที่สงสัยคือ..บอลลูนไปสนิทกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
“อีแบม..ไอ้หนก..พวกมึงหันไปที่ยี่สิบองศาเดี๋ยวนี้”
มาถึงโต๊ะโจ๊กก็สะกิดแบมกับกนก ให้มองภาพหวานแหววของบอลลูนกับสายไหม
ที่ควงกันไปต่อคิวซื้อข้าว จนนักเรียนในโรงอาหารให้ความสนใจกันหมด
“หืม..มันไปคบกันตอนไหนเล่านั่น” กนกถามขึ้นลอยๆ
ก่อนจะพร้อมใจกันจ้องหน้าผม เพื่อรอคำตอบ
“กูไม่รู้..” ผมบอกสั้นๆ หันมาจ้วงข้าวเข้าปาก
แต่หูกับได้ยินโต๊ะด้านหลังคุยกัน
พอจับประเด็นได้คำตอบที่เพื่อนกำลังต้องการเฉยเลย
“พี่ไหมคนสวยเสร็จไอ้บอลจนได้ กูบอกพวกมึงแล้ว
อย่าไปท้ามันเป็นไงไม่ถึงสามวันเสียเบียร์ลังเลยสัด
สาดเอ้ย!..เพราะมึงเลยเหี้ยเอกต้นคิดดีนัก”
ผมไม่กล้าหันไปมองนั่งเก็บข้อมูลเงียบๆ
พวกเพื่อนก็เนียนฟังจนหูกระดิก
“แหล่งข้อมูลอยู่ข้างหลังนี่เอง” โจ๊กกระซิบเบาๆ
ส่วนแบมกับกนกยังคงทำเป็นนิ่ง แต่ก็พากันฟังอย่างตั้งใจ
“ไอ้วิทย์มึงโบกมือให้ไอ้บอลหน่อย คงไม่เห็นพวกเรานั่งนี่หรอก”
พวกน้องๆ ยังคงคุยกันโดยไม่สนใจรอบข้าง
“อิจฉาไอ้บอลชิบ ควงนพมาศให้คนมองตามทั้งโรงอาหารแล้ว”
น้องวิทย์พูด ผมพอรู้จักเพื่อนกลุ่มบอลลูนทุกคน
ไม่ถึงห้านาทีเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นข้างหลัง
“ขยับหน่อยสิมึง ไหมเค้านั่งไม่ได้” บอลลูนสั่งเพื่อนในโต๊ะ
คงไม่ทันสังเกตว่าโต๊ะข้างๆ มีพวกผมนั่งอยู่ หรือไม่สนใจมองก็ไม่รู้
“โหไอ้หล่อไม่ออกอาการเลยสัด หวัดดีครับพี่ไหม
ดีครับๆ..ไอ้เอกมึงแหละขยับไปหน่อย”
เสียงทักทาย เสียงแซวกันสนุกสนาน
ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว ทั้งที่รู้สึกถึงสายตาเพื่อนในโต๊ะจ้องผมไม่กะพริบ
จนเริ่มรำคาญตะหงิดๆ เลยหยุดมือจ้องพวกมันเรียงตัว
ถึงยอมเบือนหลบ ไม่เนียนกันเลยสักนิด
ผมรู้ว่าพวกมันห่วงความรู้สึกผมมาก ในกลุ่มรู้ว่าผมกับน้องเมินๆกันอยู่
น้อยครั้งที่เราจะคุยกัน ยิ่งบอลลูนสามารถใช้สิทธิ์ในพินัยกรรมแล้ว
คำว่าเศรษฐีที่เพื่อนน้องพูดไม่เกินจริงแม้แต่น้อย
บอลลูนได้ฉายาเจ้าชายจากแฟนคลับ หล่อ รวย เด่น ดัง
ไม่มีสาวแท้สาวเทียมคนไหนไม่กรี๊ด
โดยเฉพาะกลุ่มหลังถึงน้องบอกผมเกลียดตุ๊ด
แต่ก็ไม่เคยแสดงอาการใส่คนเหล่านั้นให้เสียภาพลักษมณ์มาก่อน
คงมีแต่ผมละมั้งที่น้องเว้นวรรค สาเหตุมาจากข่าวลือที่มีคนสร้างกระแส
หลังรู้ว่าเราไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน ยิ่งเราอยู่กันตามลำพังในบ้าน
พวกที่ขยันทำลายชื่อเสียงของบอลลูน ก็กระพือข่าวว่าผมกับน้องมีอะไร
กันเกินกว่าพี่น้องทั่วไป ทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงไปอีก
แต่เพื่อนกลุ่มผมเข้าใจดี ว่าผมรักและห่วงน้องไม่เปลี่ยน
เรื่องที่เกี่ยวกับบอลลูนยังคงมีผลกระทบต่อความรู้สึกของผมมาก
ทุกวันนี้ผมไม่เหลือใครแล้วยกเว้นน้องของผม
ไม่ว่ายังไงผมยังคงรู้สึกกับน้องเช่นเดิม
ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทเข้าห้องปกครอง
ไม่เคยพ้นเรื่องน้อง มีเพียงเพื่อนซี้ปึกที่คอยให้กำลังใจ
ที่สำคัญพวกมันจริงใจกับผมที่สุด
และไม่เคยทิ้งผมให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง
“ตกลงเสาร์นี้บ้านไอ้เอกใช่ไหม” พวกน้องๆยังคงคุยอย่างออกรส
“งานนี้พวกมึงเป็นเจ้ามื้อสินะ” เสียงบอลลูน
“ไม่ต้องย้ำเชี้ย..มึงแม่งไวปานวอก พวกกูจะจำไว้อย่าริท้ามึงเรื่องนี้เป็นอันขาด”
น้องหนุ่ยพูดขึ้น เรียกเสียงหัวเราะตามมาทันที
“ฮ่ะฮาๆๆ..คิดมากน่า ยังไงกูก็ช่วยหารไม่ปล่อยพวกมึงจ่ายหรอก
ว่าแต่ไหมไปกับบอลด้วยหรือเปล่า”
“บอลนัดกันกี่โมงล่ะ” เสียงน้องไหมผู้หญิงคนเดียวในโต๊ะ
“บ่ายสาม..ที่บ้านไอ้เอก”
“ถ้างั้นบอลมารับไหมได้เปล่า” น้ำเสียงฟังดูอ้อนดี
แต่แบมกับโจ๊กทำหน้าระอาพร้อมกับเหยียดปากให้กันอีก
โดยเฉพาะโจ๊กขยับปากอย่างไม่มีเสียงเดาคำพูดได้ว่า ‘ตอแหล’
“บอลชวนก็ต้องไปรับสิครับ แล้วไหมรู้จักบ้านไอ้เอกมันหรือไงเดี๋ยวก็หลงหรอก”
ฟังบอลลูนคุยกับสาวโคตรสุภาพเลย ไม่แปลกที่หญิงจะติดกันตรึม
“ไม่ต้องรอไปบ้านเอกหรอก ตอนนี้ก็เริ่มหลงแล้ว”
น้องไหมบอก ฟังเสียงติดอายนิดๆ
“ฮิ้วววว!!!..หวานจริงครับพี่ อิจฉาวุ้ย!” เสียงแซวดังตาม
ผมไม่รู้ว่าบอลลูนทำหน้ายังไงหลังฟังน้องไหมพูด
ที่แน่ๆโจ๊กมันขยับปากอีกแล้วคราวนี้ลากปากเสียยาว
กระดกลิ้นแต่ไม่มีเสียงเช่นเคย “แรดดด..มากกก”
“กูอิ่มแล้ว ไปกันเถอะ” พูดจบรวบช้อนยกน้ำขึ้นจิบ
ดูเวลาเหลือยี่สิบนาทีออดเข้าแถวเคารพธงชาติต้องดังขึ้น
พวกเพื่อนพากันลุกตาม
“อ้าวพี่บูตัสหวัดดีครับพี่ ดีครับพี่แบมสุดสวย
พี่โจ๊กสุดหล่อ พี่หนกสุดเท่” เสียงน้องเอกเพื่อนบอลลูนทักพวกผม
จังหวะที่ขยับตัวออกจากโต๊ะ เลยพากันชะงักหันไปยิ้มรับ..ทักคืนตามมารยาท
“ดีครับ..น้องๆ” ผมยิ้มให้ชำเลืองมองบอลลูน
ที่สบตาผมแวบเดียวก่อนจะทำเป็นเฉย
“น้องเอกครับ ทีพี่แบมเต็มปากเลยนะสุดสวย
แล้วทำไมพี่โจ๊กถึงสุดหล่อเล่าหือหนุ่มๆ ขอเป็นพี่โจ๊กน่ารักดีกว่าไหม”
โจ๊กหยอกทีเล่นทีจริง ความจริงมันหล่ออย่างที่น้องเขาบอก
ไม่ติดว่าประกาศตัวเป็นตุ๊ดเต็มร้อย มีหวังสาวๆคงกรี๊ดกันกระจาย
แต่มันไม่ชอบให้ชมว่าหล่อ ชอบให้พูดว่ามันสวยหรือน่ารักมากกว่า
“พี่โจ๊กครับ..อย่างพี่ไม่เหมาะกับสวยหรือน่ารักหรอกครับ
สวยต้องอย่างพี่แบม เท่ต้องอย่างพี่หนก
หล่อนี่พี่เลยหล่อสุดๆไม่เป็นสองรองไอ้บอลเพื่อนผมเลยน๊า
คำว่าน่ารักเหมาะกับพี่บูตัสนู้น..จริงไหมพวกมึง”
น้องวิทย์สาธยายคุณสมบัติกลุ่มผมเสียยืดยาว
“จริ๊งงง!!!” เสียงสนับสนุนดังตามอย่างไม่มีใครค้าน
ผมบอกแล้วฉายาแก็งค์สวยประหารเหมาะกับหนังหน้าแบมคนเดียว
แต่คำว่าน่ารักสำหรับผมถึงมีคนพูดให้ได้ยินบ่อย
แต่ผมก็ยังยืนยันว่าหน้าตาผมธรรมดา
ไม่มีอะไรโดดเด่นเหมือนพวกเพื่อนๆในกลุ่มเลยครับ
“พวกพี่อิ่มแล้วหรือค่ะ” สายไหมเพิ่งจะทักทาย
คงอยากมีบทกับเขาบ้าง เห็นรอจังหวะให้มีคนทักเธอ..แต่พวกผมดันเฉยเสียงั้น
“พี่ยังไม่อิ่มหรอกจ๊ะน้องสายไหม..กำลังมองหาตับอ่อนๆหวานๆ
แถวนี้กินดับคาวอยู่พอดีเชียว” โจ๊กตอบเสียเอง ปกติมันพูดมากอยู่แล้ว
แบมติดจะเชิดนิดๆแต่ก็ดูดี ไอ้หนกมันคนพูดกวนๆแมนๆ
คงเป็นผมที่พูดน้อยที่สุด จนถูกมองว่านิ่งไปแล้ว
ผมกลายเป็นคนไม่ค่อยพูดนับตั้งแต่เสียพ่อกับแม่ไป
ยิ่งเกิดปัญหาระหว่างเราพี่น้องมาอีก
ผมจึงชอบจมอยู่กับความคิดมากกว่าใช้คำพูด
“ไม่ยากเลยครับพี่ ผมแนะนำให้เอาไหม?” น้องเอกยิ้มร่าให้โจ๊ก
“ยังไงหรือครับน้องเอกหน้าใส” โจ๊กมันก็เล่นด้วย
“ก็ร้านลาบไงพี่ ตับหวานสั่งกินได้ตามสบาย ฮะฮ่าๆๆๆ”
เพื่อนผมเจอมุกเด็ดของน้องเอกเข้าให้
มันแกล้งสะบัดบ๊อบหัวรองทรงอย่างเคืองๆ
ไม่ได้โกรธจริงหรอก มันชอบออกอาการแบบนี้ประจำโดยเฉพาะหนุ่มๆ
น้องๆเค้าขำกันกระจาย ที่เห็นมันสะบัดสะบิ้งไม่สมกับหุ่นแมนๆ
หน้าหล่อๆเลยสักนิด ไอ้หนกกับแบมยังหลุดหัวเราะตามพวกน้องๆไปด้วย
ผมกลั้นขำเกือบตาย ตลกคำพูดน้องเอกและท่าทางของเพื่อน
ที่โดนเด็กกัดปล่อยมุกเด็ดพาฮา แอบเห็นบอลลูนยิ้มโชว์เขี้ยว
จนลักยิ้มข้างแกมขึ้นบุ๋ม
“ฝากไว้ก่อนเถอะน้องเอก ถ้าพี่ไปสั่งที่ร้านแล้วตับหมด
พี่จะมาเอาตับน้องนี่แหละกินแทน ระวังตัวให้ดีนะจ๊ะ”
โจ๊กค้อนปะหลับปะเหลือกทิ้งท้าย
ก่อนพวกผมจะพากันเดินไปเตรียมตัวเข้าแถว
เสียงหัวเราะขำท่าทางเพื่อนผมยังคงดังตามหลัง
สายตานักเรียนในโรงอาหารมองมาเป็นเรื่องปกติ
แต่กับรู้สึกถึงสายตาคมที่คุ้นเคยคู่หนึ่งกำลังมองตามเช่นกัน
หรือผมจะคิดไปเอง
“บูตัส กูไปได้ข้อมูลสายไหมมาว่ะ” กนกพูดขึ้น
หลังเดินเหงื่อซึมทั่วหน้าหล่อแบบเท่ๆของมัน
พักเที่ยงพวกผมรวมกันอยู่ห้องแอร์สหกรณ์โรงเรียน
หามุมนั่งกินไอติมกันสบายๆ
แต่กนกมันแยกไปกินข้าวเที่ยงกับเด็ก
น้องเขาหน้าตาน่ารักล่ะ ผู้ชายหลายคนถึงกับอึ้งยกนิ้วให้กนกอย่างชูฮก
ที่มันสอยเขามาควงได้
“มึงไปรู้อะไรมาไอ้หนก รีบบอกมาดิ๊”
โจ๊กเร่งหลังคนเปิดประเด็นทิ้งค้าง
“ให้กูแดกน้ำหายเหนื่อยก่อนสิอีโจ๊ก”
กนกมันก็เหวใส่ตุ๊ดหน้าเข้มหุ่นแมนที่ทำตัวสาวแตก
“เอ่อ..รีบแดกเข้า จิ๊..เวลาเหลือน้อยคุยในห้องเดี๋ยวกูก็ถูก
She เขม่นเอาอีก คาบนี้ She สอนด้วยสิ ยิ่งหาเรื่องกูอยู่”
She คืออาจารย์สุนิตา เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโจ๊กมัน
อาจารย์เธอก็แรงโจ๊กมันก็ไม่ยอมอ่อน เป็นอันรู้กันทั้งห้องว่า..
คาบของอาจารย์โจ๊กต้องเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า
“เฮ้อออ!!..ค่อยยังชั่ว คนมีส่วนได้ส่วนเสียมันยังไม่เร่งกูเลยอีห่า
มึงนี่ระริกระรี้ออกหน้ามาเชียว” กนกดื่มน้ำเสร็จถอนหายใจดังเฮือก
แล้วค่อยหันไปกัดโจ๊กมันอีกระลอก ฝ่ายหลังกำลังอ้าปากจะสวน..
“พอๆมึงสองคนหยุดกัดกันสักที กูปวดหัว..มึงเล่ามาได้แล้วหนก”
สวยประหารตัวแม่ทำหน้าที่ห้ามศึก
ก่อนตวัดหางตาให้กนกเล่าเรื่องที่ไปได้ข่าวมาอย่างค้อนๆ
ซึ่งกนกก็ย่นคอท่าทางหงอเห็นๆ ส่วนโจ๊กทำตาปะหลับปะเหลือก
แต่ก็เลือกสงบปาก ความจริงพวกมันเกรงแบมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
สุดสวยในกลุ่มนอกจากหน้าสวยแล้วเวลาเอาจริงแรงได้ใจทีเดียว
ใครที่ไม่เคยสัมผัสต้องคาดไม่ถึงเชียวล่ะ
ผมเคยจินตนาการหากกามเทพเล่นตลก
ให้กนกทอมสุดเท่เป็นแฟนกับน้องแบมสุดสวยมันจะเป็นยังไงนะ
คนหนึ่งก็เท่แมนเกินหญิงจนมองไม่ออกแล้วว่า..
สถานภาพแต่กำเนิดเธอมีคำนำหน้าว่านางสาว
ส่วนอีกคนก็สวยหวาน ผอมบางมีส่วนเว้าส่วนโค้งจนผู้หญิงอาย
ผมเคยพูดไปแล้วแบมสวยน้องๆปอยตรีชฎา
เป็นที่หมายตาของหนุ่มๆในโรงเรียน แต่ดันมีคำนำหน้าชื่อว่า..นาย...??
“พวกมึงคงลืมไปมั้ง น้องเดียร์แฟนกูเรียนอยู่ห้องเดียว
กับน้องไหมคนสวยที่ควงกับน้องของบูตัสมัน”
จริงสิ ผมลืมไปว่าน้องเดียร์แฟนของกนกเรียนอยู่ม.5
“แล้วไงต่อ..รีบเล่ามามึงจะเว้นช่องหาพ่องเหรอไอ้หนก”
เป็นโจ๊กที่หงุดหงิดเพราะกนกเว้นจังหวะนาน
สองคนนี้ตอนอยู่ในกลุ่มชอบกัดกันแต่เวลามีเรื่องมันเข้าขากันที่สุด
ที่มันเป็นคู่กัดเกิดจากคนมักเอามันไปเปรียบเทียบ
เสียดายโจ๊กซึ่งหุ่นแมนหน้าเข้มรูปหล่อแต่ดันเป็นตุ๊ด
ส่วนกนกหน้าใสมาดเท่เป็นทอม ทำไมมันสองคน
ไม่แลกเพศกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยประมาณนี้
มีบางคนคิดอุตริ แรงถึงขั้นบอกให้มันจับคู่เป็นผัวเมียกันเสียเลย
เผื่อตื่นมาวิญญาณสลับร่างจะได้เพศสมใจอยากตามความต้องการ
ผมจำได้ว่าไอ้คนล้อกลายเป็นศพนอนหยอดน้ำข้าวไปเป็นเดือน
บอกแล้วว่าสองคนนี้พออยู่ด้วยกันเป็นคู่กัด
แต่พอมีเรื่องมันเข้าขาแท็คทีมกันมากกว่าผมกับแบมเสียอีก
“เดียร์บอกสายไหมยังคบเด็กอาชีวะที่ชื่อเขมอยู่
เห็นว่าเรียนปวช.ปีสามช่างกลโรงงานด้วย แล้วทำไมมาสวีทกับน้องของบูตัสว่ะ”
คำพูดของกนกดึงผมให้จมอยู่กับความคิดเงียบๆ รู้สึกหนักอึ้งในใจอีกแล้ว
“แน่ใจว่าข้อมูลจากแฟนมึงอัพเดทล่าสุด” แบมถามกนก
หลังเห็นอาการผมเข้าโหมดนิ่ง จมอยู่กับความคิดไปเรียบร้อย
“เดียร์มันยืนยันหนักแน่นว่ะ คงชัวร์” กนกมันก็บอกอย่างมั่นใจ
“ป๊าป!.ตายโหง..งานเข้าเจ้าชายกูอีกสิท่า” โจ๊กมันตบโต๊ะดังป๊าป
สบถตามติดๆ ก่อนทุกสายตาจะหันมาจ้องผมอย่างพร้อมเพรียง
“มึงเอาไงบู” เป็นแบมที่ถาม
“กูยังไม่รู้..คงต้องตามดูแล้วว่ะ คราวนี้โจทย์อยู่ต่างโรงเรียนกู
ไม่รู้ความเคลื่อนไหวด้วยสิ” ผมตอบไปตามจริง
ทุกครั้งที่ออกตัวเคลียร์นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียน
แต่กรณีนี้ดันต่างสถาบันแถมเป็นเด็กช่างกลด้วยสิ
“งานช้างเลยมึง..เอายังงี้กูลองปรึกษาพี่ต้อมดูก่อน
แล้วไงกูบอกมึงอีกที” แบมพูดกับผม
มันมีแฟนอยู่เทคนิคเรียนวิศวะไฟฟ้าปวส.2
หน้าตาหล่อแมนแอนด์แฮนซั่มสเป็คมันเลย คบกันตั้งแต่มันอยู่ม.4
สาเหตุนี้หนุ่มๆในโรงเรียนจึงได้แต่มองมันน้ำลายไหล
ไม่มีใครจีบติดสักคน ตัวจริงมันมีแล้วต่างหาก
พี่ต้อมทั้งรักและตามใจมันมาก ต้องยอมรับว่าแบมมันสวย
ที่สำคัญไม่แรดด้วย...
“อืม..ขอบใจมึงมาก” ผมรู้สึกขอบคุณพวกมันทุกคน
ที่คอยอยู่เคียงข้างช่วยแก้ปัญหาตลอด
แรกๆพวกมันก็โมโหบอลลูนด่าเสียคนกันเลยครับ
แต่ด่าลับหลังนะ ช่วงหลังมาคงเกรงใจผมและเริ่มเข้าใจมากขึ้น
หรือไม่อยากให้ผมลำบากใจ จึงเลิกด่าหันมาช่วยผมเต็มที่
“ไม่เป็นไร มึงเพื่อนพวกกูคิดอะไรมาก กูหวังว่า
สักวันน้องมึงจะมองเห็นและเข้าใจสิ่งที่มึงทำให้มันบ้างนะ”
แบมตบหลังมือผมเบาๆเป็นการให้กำลังใจ
“ช่างเถอะ กูไม่หวังหรอก” ผมโกหกทำไมจะไม่
แค่ไม่กล้าหวัง กลัวหวังมากแล้วเจ็บหนัก
แค่คิดว่าโดนน้องเกลียดก็จุกจนเกินทนแล้ว
กระทั่งโจ๊กกับกนกมันประกบมือลงมา
กลายเป็นมือพวกเราสี่คนวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะ
ความซาบซึ้งในน้ำใจเพื่อนที่มีให้ ทำผมน้ำตาซึม
น้ำใจจากเพื่อนแท้หาได้ยาก โดยเฉพาะเพื่อนที่เคียงข้างเราในยามลำบาก
ไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรือเป็นคนที่สังคมมองว่าแตกต่าง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้และการันตีได้อย่างคือ
หัวใจรักและมิตรภาพของพวกเราไม่เคยยิ่งหย่อนไปกว่าใครแน่นอน
เลิกเรียนกลับถึงบ้าน ผมเข้าครัวเตรียมกับข้าวมื้อเย็น
เป็นสิ่งที่ผมทำประจำ ถือเป็นการผ่อนคลายไปในตัว
การทำอาหารช่วยให้ผมหยุดคิดเรื่องในหัวได้เยอะ
สมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ
ที่สำคัญผมรู้สึกว่าได้สัมผัสกลิ่นอายของแม่เหมือนวันเก่าๆ
แม่ชอบทำอาหาร รสมือแม่อร่อยและถูกปากพวกเราทุกคน
โชคดีที่ผมมักเป็นลูกมือแม่เสมอ
วิชาที่ได้จึงไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ ผ่านไปสองปี
ฝีมือทำอาหารของผมก็พัฒนาจนรสชาติใกล้เคียงของแม่แล้ว
การทำอาหารในครัวหลังเลิกเรียน เหมือนว่าผมได้อยู่ใกล้ชิดแม่
ที่สำคัญอีกข้อ บอลลูนกับผมเราได้เจอหน้ากันคือมื้อเย็นบนโต๊ะอาหาร
น้องยอมทานฝีมือผม ตั้งแต่ผมยังทำไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่
ทุกวันนี้ ถ้าไม่ติดธุระที่ไหนน้องกลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านเสมอ
เหมือนว่าเรายังมีกิจกรรมทำร่วมกันอยู่บ้าง ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ผมได้ยินเสียงกุกกักบอลลูนคงกลับมาแล้ว
ก่อนจะได้ยินเสียงเดินขึ้นบันได ผมย้ายมานอนห้องพ่อกับแม่
ยกห้องเดิมให้น้องตามเจตนาที่เค้าขอนอนแยกห้องตั้งแต่เกิดเรื่อง
ความจริงเค้าจะขอนอนห้องพ่อกับแม่แต่ผมขอย้ายออกมาอยู่เสียเอง
อย่างน้อยยังได้สัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ในห้องของพ่อกับแม่
ดีกว่านอนคนเดียวในห้องเดิมอย่างเหงาๆ
สิ่งประโลมใจเล็กๆน้อยๆนี้ ช่วยให้ผมคลายเหงาขึ้นมาก
ผมจึงกลายเป็นคนติดบ้าน มากกว่าจะไปเตร็ดเตร่ข้างนอกอย่างที่วัยรุ่นชอบทำ
คงเพราะผมเป็นคนติดบ้านงานบ้านจึงเหมาทำเองหมดยกเว้นซักรีด
ซึ่งจะมีคนมาเก็บไปจัดการให้ทุกอาทิตย์
ส่วนงานสวนบอลลูนทำ น้องชอบทำสวนเหมือนพ่อ
ต้นไม้ดอกไม้ที่สวยงามภายในรั้วบ้านเกิดจากฝีมือของบอลลูนคนเดียว
ผมก็อยากมีส่วนช่วยนะ แต่ไม่อยากให้น้องหงุดหงิดเลยแค่มองอยู่ห่างๆ
หาน้ำหาของว่างบริการแทน
เคยสะเออะเสนอหน้าขอช่วยแล้วครั้งหนึ่ง
“พี่ช่วยขุดดินนะ” น้องไม่ตอบก้มหน้าก้มตาสนใจแต่งต้นไม้เตรียมลงปลูก
ผมเห็นน้องไม่พูดเลยคว้าจอบขุดดินหน้าตาเฉย
“อร๊ากกกก!!!..หยี่...อร๊ายยย!!!” เสียงผมเอง
พร้อมกับการทิ้งจอบกระโดดเหย่งๆ เป็นเพราะขุดเจองูดินยาวเป็นฟุต
แถมมันดันถูกจอบผมเลือดสาด ผมจึงมีอาการอย่างที่เห็น
ลืมบอกไปผมไม่ถูกกับงู..กลัวอ่ะ!
“ขึ้นบ้านไปไม่ต้องมายุ่งอีก..ตุ๊ดชะมัด” นั่นแหละ
ผมเดินคอตกกลับขึ้นบ้านต้อยๆ นับแต่นั้นเลยไม่กล้าจุ้นอีกเลย
ลองไปเจาะแจะคงโดนชักสีหน้าใส่ เราต่างรู้หน้าที่
บางครั้งผมทิ้งจานไว้แกล้งลืมล้าง บอลลูนก็จัดการล้างให้ไม่นิ่งดูดาย
น่าแปลกอยู่อย่างเราไม่เคยคุยกันเรื่องจ้างคนใช้เลย
ไม่มีใครเสนอหรือพูดมาก่อน
ผมคิดว่าน้องคงต้องการเก็บบรรยากาศเก่าๆ
ของครอบครัวที่มีแค่เราพ่อแม่ลูกเหมือนผมมั้ง
ด้วยฐานะทางการเงินน้องสามารถจ้างคนใช้
หรือคนสวนได้สบายแต่กลับไม่ทำ เท่าที่ผ่านมาเราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน
และไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายในบ้านด้วย
คิดว่าน้องคงคิดไม่ต่างกับผม
น้องซื้อรถยี่ห้อหรู รวมทั้งมอเตอร์ไซค์อีกคัน
ซึ่งไม่ลำบากเลยสำหรับคนที่มีมรดกกินสบายๆ
ค่าใช้จ่ายภายในบ้านผมไม่มีสิทธิ์ยุ่งอีกเลย
นับตั้งแต่น้องสามารถเบิกถอนจากกองมรดกได้
ก่อนหน้าผมรับผิดชอบจากเงินประกันของพ่อกับแม่
แต่หลังจากบอลลูนอายุครบ 15 ไม่ให้ผมจ่ายอะไรอีก
เคยพูดแล้วว่าแบ่งกันรับผิดชอบ
กับได้สายตาโมโหไม่สบอารมณ์มาแทน
ผมเลยหุบปากไม่กล้าแย้งอีก
น้องให้ผมใช้จ่ายภายในบ้านเดือนสองหมื่น
ซึ่งมันเพียงพอสำหรับค่าอาหารและของใช้จุกจิกที่รับผิดชอบ
ผมไม่เคยขอเพิ่มขาดเหลือผมก็แอบใช้เงินของผมแทน
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ผมอยากได้ส่วนตัว
ที่บอกแอบเพราะให้รู้ไม่ได้ครับ รู้ขึ้นมาว่าผมไม่บอกโดนด่าอีก
“รวยมากนักเหรอ เก็บไว้กินตอนแก่เถอะ
พวกตุ๊ดแก่ตัวมาไม่มีเงินลำบากน่าดูเลยไม่ใช่ ขาดเหลือก็บอก
แค่อย่าเอาไปซื้อผู้ชายเหมือนพี่เพื่อนมันทำก็พอ”
ฟังแล้วเป็นไง เจ็บเข้ากระดองใจเลยไหม ผมนิ่งไม่เถียง
ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เคยถามตัวเองว่าทำไมผมถึงยอม
สรุปผมเหลือน้องแค่คนเดียวและผมรักบอลลูนมาก..นี่คือเหตุผล?
ผมไม่ขับรถยังฝังใจกับอุบัติเหตุที่พรากพ่อกับแม่ไปจากผม
ทุกวันนี้ยังนั่งรถโรงเรียนเป็นประจำ
เราพี่น้องต่างคนต่างไปโรงเรียนไม่เคยไปด้วยกันอีกเลย
เชื่อไหมตั้งแต่บอลลูนซื้อรถมา
ผมยังไม่เคยนั่งไม่เคยซ้อนท้ายน้องเลยสักครั้ง
ที่พูดไม่ได้นึกน้อยใจหรอก เราเหมือนต่างคนต่างอยู่ไม่ก้าวก่าย
แต่ก็อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมทั้งที่มันไม่เหมือนเดิมตลกไหม
เหมือนมีกำแพงบางอย่างมาขวางเอาไว้
ซึ่งผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“ก๊อกๆๆ ทานข้าว” เป็นหน้าที่ผมที่ต้องขึ้นไปตาม
หลังอาหารตั้งโต๊ะเรียบร้อย ถึงน้องไม่ขานรับแต่ไม่นานก็ตามลงมา
พอมาถึงหน้าหล่ออย่างลูกครึ่ง ยืนสำรวจรายการอาหารสักครู่
ก่อนลากเก้าอี้ลงนั่ง ยกน้ำจิบแล้วจับอาวุธคู่มือพร้อม
จากนั้นเลือกตักอาหารใส่จานข้าวให้ผมเป็นอันดับแรก
แล้วถึงตักกินของตัวเองไปเงียบๆ
พฤติกรรมทั้งหมดที่ผมบรรยาย เป็นความเคยชิน
และไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา
ครั้งแรกที่น้องบริการตักอาหารให้ผมก่อนที่เขาจะกิน
ผมเคยแปลกใจและตั้งคำถาม
แต่พอรู้คำตอบที่คิดได้เองว่า น้องคงให้เกียรติที่ผมเป็นพี่
และยังเป็นคนลงมือทำให้เขากินทุกวัน
การบริการผมเป็นมารยาทและน้ำใจที่พึงตอบแทนก็เท่านั้น
ผมจึงมองเป็นเรื่องปกติ
แต่ก็เป็นความอบอุ่นที่ผมแอบซึมซับและมีความสุขอยู่กับมัน
ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ได้รับความสนใจจากบอลลูนก็ตาม
“วันเสาร์จะกลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านไหม” ผมถามขึ้น
ระหว่างที่คิดดูถี่ถ้วนแล้วว่าคงต้องพูดในสิ่งที่อยากรู้
แต่กำลังพยายามหาทางเริ่มต้นจึงเลือกถามเรื่องนี้ขึ้น
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจ้องผมตอบ
แล้วเสียงทุ้มเป็นหนุ่มของน้องก็ดังกลับมาว่า
“อืม..กลับ” สั้นๆง่ายๆ
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
เป็นความพยายามของผมที่ชวนคุยอีกครั้ง
แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์คงไม่ต่างจากกันเท่าไหร่
“แล้วแต่” เห็นไม่..ไม่ทันขาดคำน้องก็ตอบสั้นๆ
หน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย
กิริยาเหล่านี้แตกต่างจากตอนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนมาก
เหมือนเป็นคนละคนกันเลย ซึ่งคงมีแต่ผมที่รับรู้อยู่คนเดียว
“เอ่อกับสายไหม กำลังคบกันอยู่หรือ”ผมกลั้นหายใจถามเลยครับ
เป็นครั้งแรกที่ผมล้ำเส้นเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว
ตามที่เคยตกลงกันไว้ แต่เรื่องนี้ผมทนเก็บไว้ไม่ได้
น้องวางช้อนลงยกแก้วน้ำขึ้นจิบช้าๆ แต่สายตาจ้องมองผมนิ่ง
เหมือนกำลังจับกระแสบนใบหน้าผมอยู่
ซึ่งกลับเป็นผมที่ไม่กล้าสบตาน้องขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น
กลัวได้ยินประโยคที่ทำให้น้ำตาซึมก็กลัว
ให้ตายดูเหมือนผมเข้มแข็งปกป้องน้องจากน้ำมือคนอื่น
แต่ความจริงผมเป็นไอ้ขี้ขลาดที่ไม่กล้าอวดเก่งต่อหน้าบอลลูนสักนิด..ตลกไหม
เงียบไปเป็นครู่ระหว่างเรา สำหรับผมดูอึดอัดจนต้องเป็นฝ่าย
ยอมเอ่ยปากขึ้นก่อน หลังไม่ได้ยินเสียงช้อนกับส้อมกระทบจานจากฝั่งตรงข้าม
คิดว่าน้องคงหมดอารมณ์ทานต่อ..เพราะคำถามผมแน่
“ไม่ต้องตอบพี่ก็ได้..ถือว่าไม่ได้ถามก็แล้วกัน” ผมตอบเสียงแผ่ว
ในใจตุ่มๆต่อมๆ ลุ้นว่าจะโดนตอกหน้าหงายกลับมาหรือเปล่า
แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง จนต้องเงยหน้าจากจานข้าว
ที่อาศัยเป็นจุดพักสายตาขึ้นมองไปยังฝั่งตรงข้าม
สะดุ้งครับ!..ตาคมเข้มยังจ้องผมนิ่ง แถมเจ้าของ
ยังนั่งกอดอกคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
เชื่อไหมผมเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วรอผู้ใหญ่พิพากษาอยู่
ความมั่นใจที่มีติดตัวไม่เหลือเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าบอลลูน
มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันที่ผมได้ยินประโยคช็อคโลกจนสติหลุดจากปาก
ของน้องในวันนั้นนั่นแหละ อึดอัดจนต้องหาทางเลี่ยง
“เอ่อ..อิ่มแล้วพี่เก็บเลยนะ” หาตัวช่วยหลบออกไปจากบรรยากาศ
ที่ถูกจ้องไม่วางตาดีกว่า ทำเนียนลุกเก็บจานช้อนเอาไปในครัว
“ไม่ต้อง!!!”
“เคร้ง!..” สะดุ้งเสียงตวาด จนทำช้อนหลุดมือ
กระทบจานเสียงดัง ผมไม่ใช่คนขวัญอ่อน
แต่บอกแล้วมันเป็นเฉพาะตอนอยู่กับบอลลูนเท่านั้นที่ผมทำตัวไม่ถูก
ดูเกร็งไปหมดกลัวทำอะไรไม่ถูกใจจนน้องโกรธ
ท่าทางผมเลยดูประหม่าไปหมด
“ยังกินไม่อิ่ม..เดี๋ยวล้างเอง” เสียงทุ้มเรียบตามมาทีหลัง
เผลอถอนหายใจเฮือกเลยครับ
นึกว่าทำให้โมโหที่ดันถามเรื่องน้องสายไหมเข้า
พอฟังบอลลูนพูดแบบนี้ ผมเลยหยุดมือหันไปเก็บจานเปล่า
ของตัวเองกับแก้วน้ำเท่านั้น
ระหว่างหันหลังเดินห่างมาได้สองก้าว
“ยังไม่ได้ตกลงว่าจะคบ แค่ดูๆอยู่” ประโยคลอยๆ
ที่ดังตามหลัง ถึงกับทำให้ผมยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว
แต่ก็รีบเดินดุ่มเข้าไปในครัวทันที
ไม่อยากให้น้องรู้ว่าผมทำสีหน้าแบบไหน
ผมเคยเป็นนักเรียนดีเด่น ซึ่งโรงเรียนคัดจากผลการเรียนและความประพฤติ
ก่อนจะหยุดลงเมื่อมีเรื่องชกต่อยเข้าห้องปกครองบ่อย
แต่ไม่ได้แปลว่าผลการเรียนผมจะตกต่ำ
ผมอยู่ติดบ้าน มันกลายเป็นประโยชน์มหาศาลที่ทำให้ผม
ใช้เวลากับตำราเรียน นั่นจึงทำให้ผมติดอันดับท็อปไฟว์ของชั้นมาโดยตลอด
เพราะผลการเรียนแบบนี้ ทัณฑ์บนด้านความประพฤติของผมจึงไม่โดน
ผมไม่เคยถูกพักการเรียนเลย
ตำราเก่าๆ ของผมที่เคยแลคเชอร์ ก็ตกเป็นสมบัติของบอลลูนไป
ทำให้น้องเรียนดีเช่นกัน
ทั้งที่เราสองพี่น้องไม่เคยเรียนพิเศษ
บอลลูนอาศัยอ่านสรุปที่ผมทำอย่างละเอียดโดยไม่ต้องเหนื่อย
ถึงผมจะไม่เคยได้โอกาสช่วยติวเป็นการส่วนตัว
แต่ผมเชื่อว่ามีส่วนช่วยน้องในเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน
หลังขึ้นห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็อ่านหนังสือทำการบ้าน
รู้สึกอารมณ์ดีที่ได้รับคำยืนยันจากปากบอลลูนว่ายังไม่ได้คบกับสายไหม
ปัญหาที่ผมกลัวคงไม่เกิด ผมภาวนาให้บอลลูนไม่คบจะดีที่สุด
คบกับใครไม่ว่าอย่าคบคนมีเจ้าของดีกว่า
ผมไม่เคยห้ามที่น้องคบสาวๆ รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ผมเห็นน้องควงตั้งแต่อยู่ม.1
ช่วยไม่ได้บอลลูนมีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์มาแต่กำเนิด
จึงดึงดูดสาวๆเข้าหาโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ที่สำคัญน้องยังเพียบพร้อม เรียนดีกีฬาเก่งครบเครื่องหมด
จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเป็นที่หมายปองของหญิง
ขออย่างเดียวอย่าคบคนมีเจ้าของก็พอ
ที่ผมมีเรื่องส่วนใหญ่เพราะผู้หญิงประเภทนี้แหละที่ทำให้เกิดเรื่อง
จนผมต้องออกหน้าไปจัดการเคลียร์หลายต่อหลายครั้ง
ซึ่งน้องไม่เคยรู้ เพราะผมไม่ให้น้องรู้เลยสักครั้ง
ทำการบ้านเสร็จ ทบทวนวิชาที่จะเรียนพรุ่งนี้
ผมก็สวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสิ่ง
ไม่ลืมอุทิศส่วนกุศลให้พ่อกับแม่บนสวรรค์ด้วย
แล้วค่อยปิดไฟเข้านอน..คาดว่าวันนี้ผมคงฝันดี..?
ความคิดเห็น