คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3
“โห..สวยจนอยากตบ” พี่แจ่มทัก หลังเปลวขึ้นนั่งตีคู่เรียบร้อย
“รถคันนี้เหรอพี่ เปลวก็ว่าอยู่..ไปรวยมาจากไหนถึงถอยเบ้นซ์ออกมาโฉบค่ะ” เปลวตีมึนเนียนถามเรื่องรถหน้าตาเฉย
สาเหตุคือรถพี่แจ่มที่ใช้มารับดันเป็นเบ้นซ์คันโก้ราคาเหยียบสามล้าน เปลวจำไม่ผิดพี่แจ่มแกขับโตโยต้ายาริสสีขาว
แล้วไปเอาเบ้นซ์สีดำเงาวับมาจากไหน
“ฮิฮิ..คันนี้เหรอ กูยืมยัยเมียหลวง นางยอมให้กูเอามาใช้จัดการภารกิจครั้งนี้ นางคงแค้นที่ยัยเมียน้อยตัวแสบ
ส่งไลน์ด่าไม่ไว้หน้า งานนี้ย้ำกูอีกให้มึงจัดหนักเลย เล่นเป็นกิ๊กผัวนางชนิดยัยเมียน้อยวีนแตกทะเลาะกับผัวนางได้ยิ่งดี
จะได้รับรู้หัวอกคนที่โดนสวมเขามันเป็นยังไง เข้าใจไหมคราวนี้หล่อนจะต้องเล่นบทไหน จัดหนักเลยเปลว”
พี่แจ่มเน้นมา เปลวเก็ททันที ที่แท้คือยานพาหนะสนับสนุนจากเมียหลวง คงไม่ใช่แค่เปลวที่งกแล้ว
พี่แจ่มก็ตัวแม่เช่นกัน แต่เรื่องนี้ทำให้เปลวลดความหนักใจลงไปมากทีเดียว จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
งานนี้เห็นทีฉะกันซึ่งหน้าตรงๆ ไม่ต้องสวมวิญญาณนางเอก เล่นบทนางร้ายแบบนี้ก็คงไม่เลว
“เอางั้น..ใช่ไหม”
“เออสิ..อย่าบอกว่ามึงหน้าบางเสียล่ะ”
“เปล่าๆ แค่ต้องการให้แน่ใจ”
“ตามนี้..ไม่เปลี่ยนแปลง”
“เป้าหมายไม่เปลี่ยนใจไปที่อื่น ถ้าเสียเที่ยวคราวนี้เปลวถือว่าพี่ได้ข้อมูลพลาด
ไม่มีครั้งหน้าแก้ตัวแล้วนะ หาคนใหม่สำรองแทนเปลวได้เลย”
“เออสิยะ..อัพเดทล่าสุดเป้าหมายถึงห้างแล้ว ไม่ให้เสียเที่ยวรีบไปจัดการภารกิจให้มันเสร็จๆ”
“พี่บอกตัวเองเถอะ เร็วไม่เร็วเปลวไม่ใช่คนขับรถนิ”
“อรึ้ยยย!!..มึงมันจี๊ดตัวแม่จริงๆ” พี่แจ่มหันมาค้อนเปลวตาปลิ้น ก่อนสะบัดหน้าเชิดมองตรงที่ถนน
ค่อยเร่งความเร็วรถเพิ่มขึ้นไปอีก
“เปลวกูคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนฮอนด้าสีวิคสีดำขับตามเรามาตั้งแต่ที่แวะรับมึง หรือว่าไง”
เปลวไม่เข้าใจที่พี่แจ่มพูด แต่ก็หันกลับไปมองผ่านกระจกหลัง เห็นฮอนด้าสีวิคสีดำขับตามมาไม่ห่าง
“ทำไมพี่ถึงคิดว่าเขาตามเรามา” ตัดสินใจถามพี่แจ่มให้หายสงสัย
“ก็กูเร่งเครื่อง มันก็เร่งบี้ตามติดมาไม่ห่างแบบนี้ จะให้กูคิดยังไง”
“พี่แน่ใจ”
“เออสิอีนี่..อาชีพกูหูตาไม่เร็วไม่รอบคอบมีหวังตายไปนานแล้ว”
“พวกมันเป็นศัตรูพี่หรือเปล่า”
“กูจะรู้ไหม ก่อนจะมารับมึงก็ไม่เห็นใครตาม นอกเสียจากมันดักรอบริษัทมึงอยู่แล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ใช่ตามกู อาจเป็นมึงแล้วอีเปลว ไปเหยียบหางใครเข้าล่ะอีนี่”
“อ้าวไม่รู้วุ้ย! ลองดูอีกสักระยะว่ามันตามเรามา หรือเราคิดไปเอง” เปลวครุ่นคิดคิ้วตีกันยุ่ง
ถ้าเป็นอย่างที่พี่แจ่มคาดการณ์แสดงว่ามีคนสะกดรอยตามเปลวอยู่แน่ๆ มันทำแบบนี้ต้องการอะไร
เปลวหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ สองสามวันมานี้มีอะไรแปลกๆ ที่เปลวก็มืดแปดด้านอยู่เช่นกัน
“ไม่เห็นมันแล้ว หาที่จอดรถก่อนสงสัยจะคลาดเคลื่อน”
“นั่นสิ..หรือเราเข้าใจกันไปเอง” เปลวค่อยรู้สึกโล่งอย่างประหลาด ที่ไม่เห็นรถปริศนาคันดังกล่าว
กระทั่งพี่แจ่มนำรถเข้ามาจอดเรียบร้อย
“มึงตรงไปร้านเพชรปิ่นมณีนะ ตอนนี้เป้าหมายเลือกเพชรอยู่ที่นั่น ลูกน้องกูไลน์บอก
เดี๋ยวกูตามไป..ขอแวะหาลูกน้องก่อน”
“แล้วไง ให้เปลวลงมือเลยหือ”
“รอแป๊บ..เอากล้องวีดีโอที่ลูกน้องก่อน กูขอถ่ายไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่าเราลงมือทำงานแล้ว
ยัยเมียหลวงจะได้ไม่มาว่ากูโมเม”
“ตกลง ถ้างั้นเปลวรอสัญญาณจากพี่แจ่ม..โอเคไหม”
“โอเค..แยกย้ายเถอะ” ลงจากรถ เปลวก็เดินลัดเพื่อเข้าไปในห้าง ระหว่างนั้นซีวิคคันปริศนาก็โผล่มา
เปลวจำทะเบียนได้ว่าเป็นคันเดียวที่ขับตามพี่แจ่ม ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน ชักจะแน่ใจแล้วรถคันนี้ขับตามมา
“พี่แจ่มเปลี่ยนแผน ขณะนี้ไม่โปร่งแล้ว จำซีวิคคันนั้นได้ไหม”
[เออ! แล้วยังไง] เปลวโทรหาพี่แจ่ม ขณะหาทางหนีทีไล่ไปด้วย พอซีวิคดังกล่าวลดกระจก
คนในรถเป็นผู้ชายหน้าตาเหมือนพวกมาเฟีย พากันมองมาที่เปลว อีกไม่ช้าคงจอดแล้วลง
ระยะห่างสิบก้าวล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัย เปลวใส่ส้นสูงกว่าสามนิ้วครึ่ง หากต้องหนีคนพวกนี้ไม่สะดวกแน่
“พี่แจ่มไม่ได้การแล้ว วนรถมารับเปลวด่วนเลย..เร็วเข้า”
[อ้าว! มึงเจอโจทก์ใช่ไหมเนี่ยะ กะแล้วเชียวไปเหยียบหางใครเข้า]
“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รีบวนรถมารับเร็วเข้า พวกมันวกกลับมาทางเปลวแล้วรู้เปล่า เปลวไปดักตรงทางออกนะ
เจอกันที่นั่น..อย่างน้อยมันคงเสียเวลายูเทิร์นพอสมควร เว้นเสียแต่มันจะจอดแล้วลงวิ่งเอา
สรุปตอนนี้ขอถอดส้นสูงเผ่นก่อนล่ะพี่ เร็วมาช่วยหน่อย..ไม่มีเวลาแล้ว”
[แม่งเอร้ยย! กลายเป็นกูต้องพามึงหนีโจทก์ ไปรอทางออกเลยนะ
กูกำลังวนรถอยู่ เตรียมออกไปรับแล้ว..ดูแลตัวเองก่อน]
“อืม..โกยก่อนนะพี่” พูดจบตัดสาย ถอดส้นสูงหิ้วได้ก็วิ่งทันที
คิดไม่ผิด พวกมันพอเห็นเปลววิ่งตัดไปยังทางออก รีบจอดรถให้ผู้ชายในรถสามคนเปิดประตูท่าทางไม่น่ามาดี
ก่อนพากันไล่ตามเปลวติดๆ โชคดีที่เปลวไหวตัวทัน ระยะห่างทำให้ทิ้งช่วงพอสมควร ในใจแอบภาวนาให้พี่แจ่มขับรถมารับทัน
เปลววิ่งเท้าเปล่าชนิดไม่เสียเวลาคิด ชุดแหวกข้างถึงกับแหกสูงเลยขาอ่อนขึ้นมาอีก เปลวไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย
วินาทีนี้ต้องเอาตัวรอดจากพวกมันให้ได้ก่อน
“จอดๆ..” เปลวรีบเข้าขวางเบ้นซ์ดำสุดหรู ที่ตีวนออกมาได้จังหวะ พุ่งถลาเข้าไปตรงหน้ารถให้พี่แจ่มจอดรับ
เกรงพี่แกขับผ่านโดยไม่ทันมอง ได้ผลพี่แจ่มเบรกกระชั้นชิดเฉียดฉิวชนเปลวกระเด็น เหลือช่องไม่ถึงสองนิ้ว
แต่กลับไม่ชนจนต้องชมในใจ ฝีมือพี่แจ่มขั้นเทพขืนตกใจเหยียบคันเร่งส่ง มีหวังเปลวกระเด็นตายเอาได้
ส่วนพวกที่วิ่งตามมาพวกมันใกล้เข้ามาแล้วพี่แจ่มที่นั่งในรถคงมองเห็นชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย
เปลวไม่รอให้พวกมันถึงตัว ถลันเปิดประตูข้างคนขับ ก้าวพรวดมุดเข้าไปนั่งหายใจหอบด้วยความเหนื่อย
เล่นวิ่งไล่จับโกยหนีไม่คิดชีวิตไม่เหนื่อยก็เก่งเกินล่ะ จังหวะพี่แจ่มอาศัยขับรถพุ่งชนจนพวกมันต้องกระโดดหลบ
แตกกระเจิงไม่เป็นท่า ช้าอีกนิดไม่ใครคนใดคนหนึ่งคงถูกเบ้นท์ราคาแพงอัดไส้แตกแน่ ยังดีที่พวกมันโดดหลบกันพ้น
“นึกว่าพี่จะมาไม่ทันเสียอีก เห็นไหมเนี่ยะกระโปรงแหกจนจะถึงง่ามขาเปลวอยู่แล้ว”
ไม่พูดเปล่า มีขยับขาให้เห็นหลักฐานกันชัดๆ รอยที่กระโปรงขาดแหวกสูงชวนสยิว เรียวขาอ่อนนวลขาวเนื้อสด
ไร้ถุงน่องโชว์เด่นงดงามอร่ามตา ทำเอาพี่แจ่มถึงกับเหยียบเบรกกระทันหัน ล่อเอาเปลวหัวคะมำดีที่ไม่โขกคอนโซล
ไม่งั้นหัวแตกกันบ้างแหละ
“อะไรของพี่เนี่ยะ นึกชมอยู่แหมบๆ ขับรถดี ขอถอนคำพูด เกิดจะเบรกก็เบรกเสียดื้อๆ”
พูดจบหันไปมองพี่แจ่มอย่างไม่พอใจ หัวเกือบโขกเลยตะกี้นี้ แต่กลับตกใจยิ่งกว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเสียอีก
เมื่อคนขับรถที่เปลวเข้าใจเป็นพี่แจ่มดันไม่ใช่อย่างที่คิด
“คุณ..” เปลวพูดไม่ออกใบ้กินชั่วขณะ สารถีที่เข้าใจว่าเป็นพี่แจ่มดันเป็นหนุ่มหล่อแถมไม่ใช่คนแปลกหน้า
เขาคือคนเดียวกับสี่วันก่อนที่ทำเปลวหน้าแหก เพราะเข้าใจเป็นเป้าหมายที่จะเล่นงานแต่ดันผิดตัว
ส่วนสารถีคนดังกล่าว พอเห็นเปลวอึ้งตาค้างเหมือนตกอกตกใจเมื่อเห็นหน้าเขา
จากที่หุบปากนิ่งไม่เอ่ยอะไรมาสักระยะ กระทั่งนำรถโผล่ออกถนนจนแน่ใจไม่มีใครตามมา ถึงยอมเอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก
“เอาเสื้อนี่ปิดหน่อยก็ดี” เป็นประโยคที่ทำเปลวเกือบสำลักน้ำลาย รู้สึกความอายแล่นริ้วขึ้นมาทันควัน
หน้าสวยที่ผ่านการแต่งเครื่องสำอางเบาบางถึงกับแดงแปร๊ดเป็นลูกตำลึงไปในพริบตา เมื่อคนขับรถส่งสูทราคาแพงสีดำ
มาให้ พร้อมพยักพเยิดให้ใช้ปิดขาอ่อนที่เปลวดันเข้าใจว่าคุยอยู่กับพี่แจ่ม แถมมีการขยับแข้งขยับขาให้เห็นถึงชุดชั้นใน
เปลวไม่คิดว่าเป็นคนอื่น ถ้าเป็นพี่แจ่มซึ่งจัดเป็นกะเทยหรือสาวประเภทสอง ไม่จำเป็นต้องอายอะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่เปลวคิดผิดถนัด คนตรงหน้าไม่ใช่พี่แจ่ม ซ้ำยังจำชื่อเขาได้ขึ้นใจ ไม่ต้องรอให้แนะนำ
ปากได้รูปสีสดเคลือบลิปสติกเงางามครางแผ่วเหมือนคนละเมอ จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย
“คุณชายเพชรรัตน์..” ส่งผลให้คนขับที่ยังคงนิ่ง แต่หูเหอแดงก่ำไม่ต่างกับเปลวเท่าไหร่
เพียงแต่เหตุผลของอาการ มันคนละสาเหตุ..คุณชายเพชรรัตน์หรือคุณชายเพชร
หน้าแดงหูแดงเพราะเปลวดันโชว์ขาอ่อนขาวนวลกึ่งเปลือยให้ดูเต็มสองตาต่างหาก
“ครับ..ผมหม่อมราชวงศ์เพชรรัตน์ จากวังมณีรมย์” เสียงทุ้มฟังดูอบอุ่นเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน
ดังชัดเจนสะท้อนก้องในหูเปลวเหมือนจะย้ำให้รู้ว่า ที่เอ่ยชื่อไม่ผิดเลย เจ้าของชื่อตัวจริงเสียงจริงอยู่ตรงหน้า
ขับรถให้เปลวหนีกลุ่มชายปริศนารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ไม่ใช่แค่จินตนาการหรือมโนคิดไปเอง
เพราะคนตรงหน้ายอมพูดแล้ว เปลวถึงกับมึนตึ๊บดันขึ้นรถผิดคัน..เปลวเข้าใจว่าพี่แจ่มวนรถมารับ..ที่ไหนได้เป็นคุณชายใหญ่
แห่งวังมณีรมย์ หนุ่มหล่อที่เปลวไม่เคยลืมใบหน้าที่เจอกันในครั้งนั้น..
ความคิดเห็น