คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความกล้าเทพพิทักษ์
ความกล้าเทพพิทักษ์?
“ไอ้ดอนบ่ายนี้กูมีแข่งเชื่อมความสัมพันธ์กับมหา’ลัยxxx มึงเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าลงมารอใต้อาคารด้วย" คำพูดของขุนทัพสิ้นสุดลงพร้อมสายตาคมเข้มจ้องหน้าคนรับคำสั่งนิ่ง ขุนดอนสบตาตอบก่อนเสียงทุ้มนุ่มจะขานรับขึ้นว่า
“ครับ”
ตลอดหกปีแม้ฟังคำนี้จนชิน แต่ขุนทัพก็ยังรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งมองหน้าหล่อได้โล่ซึ่งหลงเหลือรอยช้ำจางๆยิ่งพาลหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ทำไมมันถึงไม่ยอมพูดเหี้ยไรนอกจากครับ ทีกับคนอื่น
ยังเห็นมันคุยปกติ พอกับตนแล้วประหยัดคำพูดซะจริง หึขี้ขลาดตาขาวแล้วยังเสือกจองหองอีกนะมึง อดสบถในใจก่อนหันหลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนพากันขึ้นตึกเรียนต่อ
ขุนดอนมองตามแผ่นหลังกว้าง ที่เดินด้วยท่วงท่าสง่างามของขุนทัพแล้วได้แต่ถอนใจ เมื่อไหร่ขุนทัพจะใช้สายตาเป็นมิตรเหมือนตอนสมัยเด็กมองตนบ้างก็ไม่รู้ เหตุการณ์ผ่านมาร่วมสิบปีเจ้าตัวไม่ยักยอมยกโทษให้สักที คำขอโทษที่เคยบอกไปกลับไม่ใยดี หรือว่าระหว่างตนกับคุณทัพจะไม่มีทางญาติดีกันแล้วจริงๆ
คิดได้ดังนั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจเนือยๆ ก่อนจะก้าวขึ้นตึกอีก
ทางหนึ่ง โชคดีวันนี้เรียนแค่ช่วงเช้าคาบบ่ายจึงไปบริการขุนทัพได้โดยไม่ติดปัญหา แต่ถึงแม้ไม่ว่างก็คงต้องไปอยู่ดีเมื่อสั่งมามีหรือจะอ้างเหตุผลเลี่ยงได้ นึกดูอีกทีคุณทัพรู้ตารางเรียนของตนอยู่แล้วด้วย ไม่งั้นคงไม่สั่งตนให้ไปรอหรอก..
บ่ายแก่ๆ ขุนดอนนั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนใกล้สนามแข่งเพียงลำพังพลางนึกทบทวนคนเดียว นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้นปิ่นแก้วก็หายหน้าไปเลยขุนดอนรู้สึกกังวลพิลึก ไม่อยากคิดว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ ฟังจากคำพูดอาฆาตของไอ้พิชิตที่แอบได้ยินโดยบังเอิญแล้ว คงไม่ได้หมายความว่าปิ่นแก้วตกอยู่ในอันตรายหรอกนะ สังเกตดูขุนทัพก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยด้วยซ้ำ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
หรือเป็นเรื่องปกติของขุนทัพ จบกันที่เตียงไม่มีการผูกมัด หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมวันนั้นถึงลงมือรุนแรงกับตนซะเต็มเหนี่ยว ถ้าไม่คิดจริงจังกับปิ่นแก้วยั้งมือบ้างก็ยังดี แต่นี่เล่นซะยังกะโกรธแค้นกันมาเป็นสิบชาติงั้นแหละ หรือเพราะรอโอกาสเอาคืนตนนานแล้วแต่หาเหตุไม่ได้เลยอาศัยจังหวะนี้ระบายเสียทีเดียว
ขุนดอนคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่บุคคลซึ่งมีอิทธิพลในความคิดกำลังวิ่งสกัดกั้นการรุกล้ำของคู่ต่อสู้กีฬารักบี้อยู่ในสนาม เสียงเชียร์ของคนดูทั้งสองสถาบันดังลั่นอัฒจรรย์ แต่ไม่สามารถดึงความสนใจของหนุ่มหน้าหล่อยังกะนายแบบที่สร้างโลกส่วนตัวตรงม้าหินข้างสนามเพียงสายตามองเห็นได้เลยสักนิด
ขุนดอนไม่ได้สนใจเกมส์แข่งขัน เพราะเห็นขุนทัพแข่งจนชินมีแพ้บ้างชนะบ้างไม่จำเป็นที่ตนต้องนั่งเชียร์เหมือนสมัยแรกๆ กำลังใจของพระเอกดาวเด่นได้รับจนล้นหลามจากสาวๆ คู่ควงคู่ขาในอดีตหรือกระทั่งแฟนคลับปัจจุบันต่างส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจขุนทัพลั่นสนาม เพราะงั้นขุนดอนจึงปลีกตัวมานั่งใช้ความคิดวิเคราะห์นั่นนี่โน้นไปเรื่อยเปื่อยตาม
ประสาคนช่างคิดของเจ้าตัว
“ขอโทษนะคะพี่ดอน พวกปลายนั่งด้วยได้ไหมค่ะ?” สาวน้อยแสนสวยกับเพื่อนอีกสองคนดีกรีความสวยไม่ห่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่คนที่แนะนำตัวออกแนวสาวมั่นสวยเด่นกว่าเท่านั้น ขุนดอนมองหน้าสาวๆ ด้วยใบหน้านิ่งๆ พร้อมกับสายตาคมภายใต้กรอบขนตายาวที่จ้องสาวๆ ทำเอาแต่ละนางหน้าแดงไปตามกัน ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ร้ายกาจยิ่งนักมาดสุขุมชวนหลงใหลน่าค้นหา แม้จะดูเก็บตัวอยู่สักหน่อยแต่กลับดึงดูดให้อยากทำความรู้จักนี่สิ เพราะงั้นพวกเธอถึงลองเสี่ยงเข้ามาคุยด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆ ยิ่งมองใกล้ๆ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มที่ตัดสินใจเดินเข้ามาทัก เมื่อเห็นฤษีไร้ใจ
อยู่ในโหมดส่วนตัวแต่ดันปล่อยฟีโรโมนกระชากใจโดนกันเต็มๆ แค่มองก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว
เทียบกับคนน้องที่ร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงถึงจะหล่ออย่างเห็นแล้วใจละลาย แต่คนพี่ที่ใครต่างก็รู้คู่หูดูโอเทพพิทักษ์เจ้าชายกลับหล่อนิ่งมาดสุขุมสร้างบรรยากาศรอบๆ ตัวให้น่าค้นหาจนอดใจไว้ไม่ได้
“เชิญครับ ตามสบาย” เสียงพูดอนุญาตเหมือนรางวัลสำหรับคนช่างฝัน ทั้งสามสาวไม่รอช้าพากันเลือกนั่งตรงข้ามทันที
“ปลายค่ะ..แต้มค่ะ..กี้ค่ะ” สามสาวแนะนำตัวตามกัน พร้อมกับยิ้มหวานให้เต็มที่
“ครับยินดีที่รู้จัก พี่..?” พูดไม่ทันจบ
“ขุนดอน เทพพิทักษ์ พวกเรารู้จักพี่ดีค่ะ ขออนุญาตเรียกพี่ดอนนะคะ” สาวกี้ชิงพูดขึ้นก่อน ขุนดอนได้แต่เก็บคำพูดสุดท้ายที่จะแนะนำตัวหยุดไว้แค่นั้น
“ครับตามสะดวกนั่นชื่อเล่นพี่” พร้อมกับตอบรับคำขอของสาวๆด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่แต่ละนางฟังแล้วใจหวิวไปตามกัน
“ทำไมพี่ดอนนั่งนี่ ไม่ดูพี่ทัพแข่งเหรอค่ะ?” สาวแต้มพูดขึ้นบ้าง
ดีจังสาวแต่ละนางต่อบท โดยไม่แย่งซีนกันเลยสักนิด
“อืมไม่ละครับ พี่รอแข่งเสร็จ” ยังพูดสั้น ไม่อธิบายมากความตามนิสัยเจ้าตัว
“พี่ดอนพูดน้อยจังเลยค่ะ หรือว่าพวกเราเซ้าซี้ไปหรือเปล่าก็ไม่
รู้เนอะ ว่าไม่?” พูดจบ สาวปลายหันไปพยักหน้าขอความเห็นกับเพื่อนในกลุ่มซะงั้น แต่ละนางก็นั่งทำตาปริบๆ ตีหน้าเศร้ารับคำพูดเพื่อนได้อย่างรู้ทางกันเสียจริง
“ไม่หรอกครับ พี่ไม่รู้จะพูดอะไรขอโทษด้วยที่ทำให้เข้าใจผิด” ฤษีไร้ใจยังคงความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งที่ไม่มีเหตุผลต้องขอโทษด้วยซ้ำ ทำเอาสาวๆ ฉีกยิ้มกว้างตามกันอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกที่ฉายชัดบนหน้าและแววตาแต่ละนางว่าปลื้มสุดๆ
“โอยไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ พี่ดอนไม่ได้ทำไรสักหน่อย พวกเราต่างหากกลัวจะมารบกวนพี่เสียอีก อย่าคิดมากนะคะ บลาๆๆ” กลายเป็นทั้งสามสาว ที่ผลัดกันพูดผลัดกันเล่าเรื่องต่างๆ เรียกรอยยิ้มทรมานใจสาวบนหน้าหล่อของขุนดอนจนใครผ่านไปมาบริเวณนั้นอดมองตาค้าง เผลอจ้องลืมตัวไปตามกัน ขุนดอนตอนฉีกยิ้มเปรียบดังขุนแผนโปรยเสน่ห์ก็คงไม่ผิด ช่างมีพลังดึงดูดสายตาคนมองให้หลงใหลเสียจริง นี่แหละเค้าถึงว่าเสน่ห์ที่ติดตัวโดยไม่ต้องปรุงแต่ง
การพูดคุยหัวเราะร่าของหนึ่งหนุ่มสามสาวต้องยุติลง เมื่อเสียงหนึ่งขัดขึ้นโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต ว่าคนพูดเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเพราะหัวข้อสนทนาของพวกเค้าสนุกจนลืมสนใจสิ่งรอบข้างไปเลย ถือเป็นครั้งแรกที่ขุนดอนได้หัวเราะปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาอย่างไม่คิดอะไร จนเกิดความรู้สึกดีขึ้นในใจต่อความสดในน่ารักของสามสาวที่ช่วยให้ตนผ่อนคลายมากขนาดนี้
“ไอ้ดอน กูแข่งเสร็จแล้ว” ทุกคนหยุดการสนทนาลงโดยปริยาย
ในขณะที่ขุนดอนส่งยิ้มจริงใจเป็นการบอกลาสาวๆ แทนคำพูด ก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเดินตามขุนทัพที่หน้าบอกบุญไม่รับไปติดๆ ไม่รู้ว่าแข่งแพ้หรือชนะ แพ้มาหรือเปล่าถึงได้น่าตาเครียดขนาดนั้น ในขณะที่สามสาวต่างส่งยิ้มแถมโบกมือลาขุนดอนทิ้งท้ายอีกต่างหาก
“หึมีความสุขจริงนะมึง นั่งม่อสาวทีเดียวสามคน” คำพูดแดกดันที่ขุนทัพเจตนาพูดใส่คนหน้านิ่ง ที่ยังเจือไปด้วยแววแห่งรอยยิ้ม ทำให้ตนรู้สึกหงุดหงิดมากมาย ทั้งที่แข่งชนะแต่ไม่ยักดีใจเมื่อมาเห็นภาพขุนดอนระบายยิ้มจนเห็นฟันขาวสวยเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มที่มีให้กับสาวๆ ตลอดเวลาซึ่งตนมองอยู่นานพอสมควรมันชวนหงุดหงิดโมโหโดยไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันทำไมไม่ชอบก็ไม่รู้สิ อาจเพราะขุนดอนไม่เคยยิ้มเวลาอยู่กับตนเลยก็ว่าได้จึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
คนที่ถูกแดกดันทำนิ่งไม่ต่อปากต่อคำ แถมยังเดินลิ่วนำไปยังห้องอาบน้ำอีกต่างหาก ปกติต้องเป็นฝ่ายเดินตามหลังไม่ใช่นิ
“a her a from a friend to day” เสียงริงโทน ดึงความสนใจของขุนทัพให้ล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับทันทีที่มองหน้าจอแล้วรู้ว่าเบอร์ใคร
“ดีครับ” กรอกเสียงลงไปอย่างหล่อ
“พี่ทัพค่ะมารับปิ่นด้วยตอนนี้ปิ่นอยู่ชลบุรี พี่ช่วยมารับปิ่นหน่อยปิ่นกลับไม่ได้ไม่มีเงินเลยกระเป๋าตังค์หาย ไม่กล้าโทรบอกที่บ้านกลัวโดนพ่อเล่นงานที่หนีมาเที่ยวโดยไม่บอกท่าน” เสียงปิ่นแก้วที่อ้อนให้ขุนทัพไปรับดังมาตามสายอย่างอ่อนหวาน
“อืมได้สิรอพี่ไม่เกินสองชั่วโมงเพิ่งแข่งเสร็จ ขอเวลาแป๊ปพี่จะรีบไป” ขุนทัพรับปากไป ทำเอาปิ่นแก้วดีใจขอบคุณยกใหญ่ก่อนทั้งคู่จะจบบทสนทนาลง จากนั้นจึงหยิบอุปกรณ์ที่ขุนดอนเตรียมไว้ให้เดินเข้าห้องน้ำไป
โดยไม่มองหน้าคนเตรียมสักแอะ
ขุนดอนเองไม่รู้ว่าขุนทัพเป็นอะไร บทจะอารมณ์เสียก็ไม่มีปี่มีขลุ่ยแต่เพราะตนชินกับอารมณ์ของขุนทัพมานาน จึงไม่ใส่ใจอาศัยนิ่งแทนจะได้ไม่เกิดปัญหา
ขุนทัพอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ทั้งคู่ก็พากันเดินตรงมาที่รถสปอร์ตคันหรู ซึ่งวันนี้ขุนทัพให้ขุนดอนเป็นสารถี ขณะที่ขุนดอนกำลังจะไขกุญแจรถเพื่อทำหน้าที่คนขับนั้น
“มึงไม่ต้องขับแล้ว เอากุญแจมากูขับเอง ส่วนมึงกลับบ้านได้กูมีธุระไปทำต่อ” คำสั่งของขุนทัพที่บอกมา ไม่ได้ทำให้ขุนดอนทำตามในทันทีเจ้าตัวยังคงยืนจ้องหน้าคนสั่งนิ่ง
“คุณทัพ จะไปไหนครับ?” คำถามของขุนดอน เล่นเอาขุนทัพชะงักไปชั่วครู่ เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ขุนดอนตั้งคำถามกับตน รู้สึกแปลกใจพิกลถือเป็นครั้งแรกที่ขุนดอนกล้าตอบกลับเป็นคำถาม แทนที่จะก้มหน้ารับคำสั่งและพูดแต่คำว่า ‘ครับ’ เพียงอย่างเดียวเหมือนเช่นเคย
“ทำไม? มึงเกิดสนใจอะไรเข้า ปกติไม่เคยถามพูดเป็นอยู่คำเดียว กูจำเป็นต้องรายงานตั้งแต่เมื่อไหร่หืม” ขุนทัพกลับเป็นฝ่ายปั้นหน้าขรึมขมึงตาดุใส่ขุนดอนแก้อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุเสียเองแต่นั้นกลับยิ่งทำให้ประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ในเมื่อคนที่โดนต่อว่ากลับตีมึนตอบกลับหน้านิ่ง
“ผมสนใจทุกเรื่องแหละครับ เพียงแต่ที่ไม่พูดเพราะคิดว่าคุณทัพไม่ชอบให้จุ้นจ้าน” คำตอบตรงๆ ที่บอกกลับมา ทำเอาหน้าที่ปั้นดุของขุนทัพแดงก่ำลามกระทั่งใบหู แม้แต่เจ้าตัวยังรู้สึกร้อนหน้าไปหมด ให้ตาย
บทมันจะพูดขึ้นมา ดันเสือกมีสำบัดสำนวนเสียอีก อารมณ์ที่ตั้งท่าจะตั้งแง่เข้าใส่แต่แรกมลายหายไปโดยปริยาย จึงบอกไปอย่างไม่ปิดบัง
“กูมีธุระ จะไปรับน้องปิ่นที่ชลบุรีถึงให้มึงกลับไปก่อน เผื่อกูจะไปต่อกับน้องเค้า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นอีก” ขุนทัพบอกไปตามความจริง
“ถ้าผมขอร้อง ไม่ให้คุณทัพไปจะฟังผมไหม?” เอ๊ะ!วันนี้ไอ้ดอนมันมาแปลกชะมัด นอกจากจะพูดมากจนเป็นเรื่องประหลาดไปแล้ว ยังมีความกล้าต่อรองห้ามตนไม่ให้ไปอีก
“ทำไมมีเหตุผลอะไรถึงห้ามกู อย่าบอกว่ามึงคิดอะไรกับน้องปิ่นบอกกูมาห้ามปิด แล้วกูจะพิจารณาเองว่าควรเชื่อมึงหรือไม่” ขุนทัพบอกกลับไป อยากฟังเหมือนกันว่าขุนดอนมีเหตุผลอะไรที่ห้ามไม่ให้ตนไปรับปิ่นแก้ว
“เหตุผลอาจจะไม่มี ผมแค่ไม่อยากให้คุณทัพยุ่งเกี่ยวกับเธออีกคนนี้ผมขอ” ขุนทัพหรี่ตาจ้องหน้าขุนดอนนิ่ง พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังปะทุขึ้นมาในอก แสดงว่าขุนดอนชอบปิ่นแก้วมากสินะ ถึงได้กล้าขอให้ตนเลิกยุ่งเกี่ยวขึ้นมาดื้อๆ ซะงั้น ทีเรื่องผู้หญิงมันกลับไม่ขี้ขลาดให้มันได้อย่างนี้สิวะ ดีแหละเมื่อมึงกล้าขอมาแบบนี้กูจะจัดให้ ดูสิมึงจะกล้ามากกว่านี้ไหม?
“กูเปลี่ยนใจแล้วมึงกลับขึ้นไปนั่งเลย ไม่ต้องกลับแล้วบ้าน”ขุนทัพเปลี่ยนคำสั่ง พร้อมกับแบมือขอกุญแจรถจากขุนดอน ท่าทางที่มองมาด้วยสายตาเอาเรื่องหากตนไม่ยอมทำตาม จึงทำให้ขุนดอนได้แต่หุบปากยอมส่งกุญแจให้โดยดี ก่อนทั้งคู่จะขึ้นไปนั่งคู่กันโดยไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยจากนั้นขุนทัพก็ขับรถปานจะเหาะ ไม่รู้เกิดบ้าไรขึ้นมาขับปาดซ้ายแซงขวาเหมือนระบายอารมณ์ซะงั้น นับเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีอีกเช่นกัน ที่ขุนทัพเป็นคนขับให้ขุนดอนนั่ง ปกติหน้าที่สารถีขุนดอนมักรับบทนี้ประจำแต่หากต้องให้มานั่งในสภาวะที่คนขับเล่นไม่กลัวตายแบบนี้ ขุนดอนคิดในใจขอขับเองซะดีกว่า
บรรยากาศระหว่างทางไปชลบุรีนั้น เต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นภาย
ในรถ คนหนึ่งขับหน้าดุยังกะใครไปด่าพ่อล้อแม่เจ้าตัวก็ไม่ปานในขณะที่อีกคนก็นั่งหล่อเป็นฤษีตบะแข็งไม่สะทกสะท้านไรสักอย่าง แปลกดีพิลึก
ขุนทัพพารถคันงามมาจอดยังจุดหมายคือรีสอร์ทเงียบสงบตรงหน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง เพราะโทรถามปิ่นแก้วถึงเลขบ้านมาแล้ว ก่อนจะหยุดรถแล้วเปิดประตูก้าวออกไป ขุนดอนรีบก้าวตามลงไปติดๆ
รีสอร์ทหลังนี้ดูห่างไกลหลังอื่นพอสมควรที่สำคัญเงียบได้อีก
ทำให้ขุนดอนเกิดสังหรณ์แปลกๆ แต่เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับ
ขุนทัพ จึงทำให้เร่งฝีเท้าก้าวตามขุนทัพขึ้นบันไดไปติดๆ ก่อนจะพากันไปหยุดรออยู่หน้าประตู โดยที่คนนำยังหน้าเขม็งดุดูหงุดหงิดไม่หาย
“ก๊อกๆ..ก๊อกๆ น้องปิ่นพี่มารับแล้วครับ” ขุนทัพเคาะประตูเรียกพร้อมกับบอกปิ่นแก้วให้รู้ว่าตนมารับเจ้าตัวแล้ว รอไม่นานประตูก็เปิดออกโดยปิ่นแก้วยืนหน้าซีด ก่อนจะฉีกยิ้มหวานชักชวนให้คุณทัพเข้าไปข้างใน
“พี่ทัพเข้ามาข้างในก่อนสิค่ะ รอปิ่นหยิบกระเป๋าก่อน” พูดจบเธอรีบหันหลังเข้าไป โดยขุนทัพก้าวตามหลังเธอไปติดๆ จังหวะที่ร่างขุนทัพพ้นประตูก็มีผู้ชายแปลกหน้า เงื้อไม้เบสบอลขึ้นสุดแขนกะตีท้ายทอยของขุนทัพโดยเจ้าตัวไม่ทันระวังเลยสักนิด เพราะไอ้คนทำมันหลบอยู่หลังประตูแต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาคนระวังหลังอย่างขุนดอนเต็มๆ เพราะตนตาม
หลัง ดังนั้นผู้พิทักษ์ขุนทัพจึงไม่มีทางยอมให้เจ้านายเจ็บตัวเป็นอันขาด
“คุณทัพระวัง!”
สิ้นเสียงร้องเตือนของขุนดอน พร้อมกับเจ้าตัวกระโดนถีบแบบมวยไทยจนไอ้คนเตรียมฟาดกระเด็นติดผนังเสียงดังสนั่น ไม้ที่ถืออยู่หลุดมือไปไกล
“โครม! กรี๊ดดด!” ตามด้วยเสียงกรี๊ดร้องของปิ่นแก้ว ที่เอามือปิดหน้าวิ่งซุกอยู่ข้างเตียง พร้อมกับชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนที่หลบอยู่ภายใน บัดนี้โผล่หัวออกมาจากทั้งในห้องน้ำ และที่คอยแอบอยู่หลังประตูก็พุ่งเข้าชาร์ตตะลุมบอนกับขุนทัพและขุนดอน แต่โอกาสไม่เป็นของพวกมันแล้ว เมื่อขุนทัพรู้ตัวจากเสียงร้องเตือนของคนคุมหลังให้เจ้าตัว จึงไหวตัวเอี้ยวหลบ พร้อมกับพละกำลังมหาศาลจากโครงร่างสูงใหญ่กำยำก็วาดรวดลายอันน่าทึ่ง ทั้งเตะทั้งต่อยใส่คู่ต่อสู้อย่างเชี่ยวชาญและคล่องตัวจนสี่ห้าคนที่กรุ่มรุมกระเด็นกระดอนคนละทิศละทางปานลูกโป่งถูกปล่อยลมสลบแบบไม่ต้องนับกันเลยทีละราย
กลับมาดูหุ่นนายแบบที่สมบูรณ์ด้วยกล้ามเนื้อครบเครื่องแม่ไม้มวยไทย ทั้งศอกทั้งหมัดบวกเข่าแถมเตะตามอีกต่างหาก เล่นเอาห้าคนที่เหลือสลบเหมือดไปทีละคน เพราะคนที่เรียนรู้มวยไทยมาจนช่ำชองตั้งแต่เด็กอย่างขุนดอนรู้จุดหลับจุดตายคู่ต่อสู้เป็นอย่างดี จึงเน้นในส่วนนั้นเป็นพิเศษ สิ่งที่ขุนดอนแสดงออกมานอกจากจะทำให้ขุนทัพหายกังวลแล้ว ยังอดทึ้งไม่ได้ เพราะในความคิดของขุนทัพตลอดมาขุนดอนคือไอ้ขี้ขลาด
ตาขาว มันช่างตรงข้ามกับหนุ่มหล่อมาดนักมวยเอก ที่ท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงสวยงาม ล้มคู่ต่อสู้ห้าต่อหนึ่งให้สลบไปทีละคน แต่ความคิดของขุนทัพก็พลันหยุดลงเมื่อได้ยินเสียง
“คลิ๊ก! พวกมึงหยุดพระเอกกันได้แล้ว ไม่งั้นหัวอีนี่กระจุย” เสียงขึ้นนกปืนพร้อมกับคำพูดที่ดังมา ทำให้ทั้งคู่หยุดมือในขณะที่ไอ้พวกนั้นต่างนอนระเนระนาดภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
ภาพของปิ่นแก้วที่สะอื้นไห้น้ำตาไหลปานจะขาดใจ ตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนกตกน้ำ ในขณะที่ปืนจ่อตรงศีรษะโดยไอ้พิชิตจ้องมายังทั้งคู่ตาไม่กระพริบ
“มึงต้องการอะไร?” ขุนทัพตวาดถามมันเสียงห้วน เป็นสิ่งที่ตนเกลียดนักหนากับการที่ผู้ชายใช้ผู้หญิงเป็นตัวประกัน
“ความจริงกูกะใช้อีร่านนี่ ล่อมึงมาให้พวกสมุนกูอัดตูดโทษฐานที่มึงกับอีห่านี่สวมเขาให้กู แต่มึงเล่นพวกมันซะอ่วมแบบนี้ กูเปลี่ยนใจแล้วตอนนี้กูต้องการอะไรที่มันเด็ดกว่านั้น ถ้าจำไม่ผิดไอ้หน้าหล่อที่ตามมึงมาด้วยคือไอ้ขุนดอนพี่มึงสินะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพี่น้องล่อตูดกันเอง แล้วกูจะอัดคลิปเผยแพร่ให้คนดูกันทั่ว คงสะใจพิลึกกับนามสกุล ‘เทพพิทักษ์’ ของพวกมึงได้ดังกว่าเก่างามน่าไม่น้อย สรุปพวกมึงเอานี้ไปแดกคนละสองเม็ด ห้ามตุกติก” พูดจบมันโยนซองสีขาวบรรจุยาแคปซูลสี่เม็ดตกลงแทบเท้าของขุนทัพ พร้อมกับสั่งให้แบ่งกันกินคนละสองเม็ด
“หึทำไมกูต้องทำตามมึง คิดว่าลูกปืนนั่นจะจัดการพวกกูทีเดียวสองคนหรือเปล่าละ ไหนมึงบอกกูดิ” ขุนทัพกลับยืนจ้องหน้ามันปล่อยรังสีอำมหิตจนไอ้พิชิตอันธพาลเล่นพวกถึงกับหน้าถอดสีไปทันที แต่มันกลับตั้งตัวได้แสยะยิ้มชั่วร้ายก่อนตอบกลับมาว่า
“ใครบอกกูจะจัดการกับพวกมึงด้วยปืนนี่ ถ้ามึงไม่กลัวกูเป่ากะโหลกอีร่านนี่ก็ลองไม่ทำตามดูสิ จากนั้นกูให้พ่อช่วยโยนความผิดเป็นมึงสองคนทำกุเรื่องว่ามึงกับพี่มึง ชิงรักหักสวาทแย่งอีห่านี่กันจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น มึงคิดว่ากูทำได้ไหมละ ที่สำคัญเบอร์โทรที่มึงกับอีนี่ติดต่อกันดันเป็นสายล่าสุดสินะ หลักฐานทุกอย่างพร้อม กูเพียงแต่สร้างสถานการณ์ให้เป็นพวกมึงแทน คิดว่ากูทำได้ไหมไม่มีใครเค้าสงสัยกูหรอกในเมื่อก่อนหน้านี้มึงเปิดตัวอีนี่แบบไม่แคร์สายตาใครในมหาลัย หึหึงานนี้กูล่องหนได้ชัวร์” มันพูดพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์แสนอุบาทว์ที่อธิบายความคิดชั่วร้ายมาอย่างไม่กระดากปาก เล่นเอาขุนทัพกำหมัดแน่น แต่สำหรับขุนดอนยังยืนจ้องไอ้พิชิตนิ่งตาไม่กระพริบไม่รู้คิดอะไรอยู่ ส่วนปิ่นแก้วกลับสะอื้นหนักกว่าเดิมจนตัวสั่น ก่อนจะพร่ำปนสะอื้นอย่างคนกลัวตายออกมาว่า
“พี่ทัพช่วยปิ่นด้วย อย่าให้มันทำอะไรปิ่นฮือๆๆ มันลักพาปิ่นมา
แล้วบังคับให้หลอกพี่ ไม่งั้นมันจะให้ไอ้พวกนั้นรุมโทรมปิ่น ก่อนจะฆ่าหมกศพ ปิ่นกลัวมาก พี่ช่วยปิ่นด้วยฮือๆๆ” เสียงร้องให้คร่ำครวญของปิ่นแก้วแลดูเวทนาอดสูใจชะมัด หน้าตาที่เคยสะสวยเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเลอะไปหมด ภาพของผู้หญิงที่ยืนตัวสั่นร้องไห้ตัวโยนทำเอาทั้งคู่ถึงกับกัดกรามกรอดเพราะโดยนิสัยพื้นฐานแล้ว ทั้งขุนดอนขุนทัพไม่ชอบการรังแกผู้หญิงเป็นที่สุด ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนเช่นไร แต่ขึ้นชื่อผู้ชายรังแกผู้หญิงมันก็น่าตัวเมียชิงหมาเกิดดีดีนี่เอง
ขณะที่ไอ้พิชิตกลับพยักพเยิดให้ทั้งสองคนกินยาที่มันโยนให้พร้อมกระแทกปากกระบอกปืนลงบนศีรษะของปิ่นแก้วจนหน้านิ่วเป็นการขู่ไปในตัว ทำเอาขุนดอนที่ยืนสำรวจเหตุการณ์อย่างระมัดระวัง ซึ่งเห็นสมุนมันนอนสลบหายใจรวยรินตามข้างฝาระเกะระกะ
คงเหลือแต่ไอ้หัวโจกเดนคนเพียงลำพัง ที่อาศัยปืนเป็นเครื่องทุนแรงจี้ผู้หญิงเป็นตัวประกันอยู่ตรงหน้า แต่มันเสี่ยงเกินไปที่จะพุ่งเข้าชาร์ตเพราะทั้งคู่อยู่ห่างกันเกินไป โอกาสที่จะถึงตัวมันก่อนที่จะลั่นไกใส่กะโหลกของปิ่นแก้วนั่นแถบจะไม่มีหวัง ทางเลือกสุดท้ายคือยกมือขึ้นบีบไหล่ของขุนทัพแทนคำพูดเกี่ยวกับความคิดตน ก่อนเป็นฝ่ายก้มลงไปหยิบซองยาขึ้นมาแกะเสียเอง
ขุนทัพมองการกระทำของขุนดอนแบบอึ้งๆ ทั้งที่บริเวณหัวไหล่ยังอุ่นฝ่ามือของคนตรงหน้าไม่หาย กำลังใจที่ส่งให้ช่วยผ่อนความกดดันของอารมณ์ที่กำลังปะทุให้กลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินขุนดอน
เอ่ยปากพูดขึ้นบ้างว่า
“ถ้ากูสองคนยอมกินยาตามที่มึงต้องการ กูขอให้มึงปล่อยผู้หญิงไปซะ ตกลงหรือไม่?” ข้อต่อรองของขุนดอนที่บอกกับมัน ทำเอามันยกยิ้มชั่วร้ายในขณะที่ขุนทัพคิ้วขมวดมุ่นเพราะไม่คิดว่าขุนดอนจะกล้าเอาตัวเอง
เข้าเสี่ยงกินยา ทั้งที่รู้ว่ายาที่มันส่งให้กินให้ผลด้านใด หรือว่าที่ตนเข้าใจว่าขุนดอนชอบปิ่นแก้วนั่นเป็นข้อพิสูจน์ที่ยืนยันได้แล้วจริง
“ได้ไม่มีปัญหา พอยาออกฤทธิ์มึงทั้งคู่ก็ไม่มีปัญญามาออกแรงทำร้ายกูได้หรอกนอกจากจะใช้แรงไปทำเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า กูเป็น
คนนั่งดูพร้อมบันทึกภาพประวัติศาสตร์ของพวกมึงเอาไว้เอง ไม่ต้องห่วงมึงกินยาเสร็จกูจะปล่อยอีนี่ไปทันที” เมื่อมันบอกมาแบบนี้ ขุนดอนก็ไม่ลังเลตัดสินใจแกะยาทั้งสองเม็ดหย่อนใส่ปากแล้วกลืนลงไปทันที ก่อนจะอ้าปากให้ไอ้พิชิตมันเช็กดูว่าตนได้กลืนยาลงคอไปแล้วแบบไม่ต้องอาศัยน้ำตามเลย พร้อมกับยื่นยาสองเม็ดที่เหลือให้ขุนทัพโดยไม่พูดอะไรอีก
การกระทำของขุนดอน ห่างไกลกับคำว่าไอ้ขี้ขลาดตาขาวในสาย
ตาตลอดสิบปีของขุนทัพอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ จนไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ อีก ที่ผ่านมาตนเข้าใจขุนดอนผิดมาตลอด หนำซ้ำขุนดอนยังใจเด็ดตัดสินใจไม่อิดออดเลยสักนิด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ขุนทัพจึงจัดการแกะยาสองเม็ดที่เหลือแล้วหย่อนใส่ปากกลืนลงคอตามไปในที่สุด เมื่อทั้งสองคนแสดงให้เห็นแล้วว่าได้ทำตามสิ่งที่ไอ้พิชิตมันต้องการ จึงเรียกร้องกลับทันทีว่า
“พวกกูทำตามที่มึงสั่งแล้ว ปล่อยผู้หญิงไปได้หรือยัง?” ขุนทัพเป็นฝ่ายทวงสัญญาจากมันไอ้พิชิต หันปากกระบอกปืนมาจ่อยังทั้งคู่พร้อมกับผลักปิ่นแก้วจนเซมาให้ขุนทัพรับร่างเธอไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงไป
“เอ้า! กูปล่อยมันแล้ว หากมึงยังให้มันอยู่ในนี้ไม่เกินห้านาที คงได้ตายคาอกพวกมึงแทน รู้หรือไม่ยาที่พวกมึงแดกเข้าไปคนธรรมดาโดนครึ่งเม็ดยังน้ำแตกเป็นสิบรอบ นี่เพราะกูเห็นว่าพวกมึงถึกกันทั้งคู่เลยจัดให้
ยกกำลังสองทนได้ก็ให้มันรู้ไป เพราะงั้นถ้าไม่อยากให้อีร่านนี่คางเหลืองตายเพราะพวกมึงแล้วละก็ ทางที่ดีไสหัวมันไปเร็วๆซะ” มันพูดในขณะที่ปากกระบอกปืนยังจ่อมาที่ทั้งคู่นิ่งอย่างระวังตัวแจ ทั้งขุนทัพและขุนดอนเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มจากท้องน้อยก่อนกระจายไปทั่วร่างกายแล้ว เพราะฤทธิ์ยาแสดงว่าที่มันบอกคงไม่โกหกยานี่แรงมากจริงๆ ก่อนเป็นภาระมากกว่านี้ขุนทัพเลยบอกปิ่นแก้วไปพร้อมกับส่งกุญแจรถที่ขับมาให้เธอ
“น้องปิ่นเอารถพี่ขับไปจากที่นี่ด่วนไม่ต้องกลับมาอีก รีบไปเดี๋ยวนี้” ยัดกุญแจใส่มือเธอเสร็จก็ดันหลังให้เธอรีบออกประตูไปให้ไวเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกเหงื่อซึมออกฝ่ามือแล้ว แต่พยายามเก็บอาการไม่ให้ไอ้พิชิตมันรู้ว่ายามันเริ่มออกฤทธิ์ให้แล้ว
“ปิ่นขอบคุณพี่ทั้งสองมาก ระวังตัวด้วยนะคะ” พูดจบเธอรีบวิ่งออกประตูไม่เหลียวหลัง พร้อมกับเสียงสตาร์ทรถที่ดังตามมาติดๆ ก่อนจะเคลื่อนออกไปจากบริเวณที่ได้ยินอย่างรวดเร็ว เมื่อคนที่เป็นภาระไม่อยู่ให้กังวลแล้ว ทั้งขุนดอนและขุนทัพหันมองตากันแบบไม่ได้นัด
ทั้งคู่สบตากันนิ่งแทนคำพูด ในขณะที่ขุนทัพส่งสายตาแทนคำขอโทษและขอบคุณในสิ่งที่ขุนดอนช่วยเหลือตนวันนี้ แต่ขุนดอนมองตอบอย่างห่วงใยในอาการของฤทธิ์ยาที่กำลังปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตนก็รู้สึกได้ไม่ต่างกัน เพื่อไม่ให้เข้าทางของไอ้พิชิต ขุนดอนตัดสินใจพุ่งเอาตัวกระแทกร่างใหญ่โตของขุนทัพจนกระเด็นไปติดฝา พร้อมกับจังหวะที่ไอ้พิชิตยังคงตะลึงงงกับการกระทำที่ขุนดอนพุ่งเข้าจู่โจมขุนทัพแทนที่จะเป็นมันเอง ทำให้นาทีนั้นไม่ทันระวังเพราะมัวแต่อึ้งอยู่ เปิดช่องให้ขุนดอนเตะเข้าเต็มข้อมือที่ถือปืนอย่างเต็มแรงเพียงชั่วกระพริบตา จนปืนที่มันถือจ้องปากกระบอกใส่พวกตนนั้น บัดนี้กระเด็นหลุดมือไปตกข้างฝาหัวเตียงห่างไกลอันตรายเรียบร้อย
ขุนดอนไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ทั้งหมัดทั้งเท้ากระหน่ำเข้าใส่ไอ้พิชิตไม่ถึงสองนาที มันก็ลงไปนอนแน่นิ่งหลับสนิทอยู่กับพื้นไม่ไหวติงตามพวกสมุนมันไปอีกคน หันกลับมามองขุนทัพที่มันนี้ตาแดงก่ำเหงื่อซึมขมับจ้องตนอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยปากพูดขึ้นทันทีว่า
“ป่ะ!คุณทัพรีบไปจากที่นี่” ไม่รอช้าขุนดอนรีบก้าวนำอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเต้นของหัวใจและความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ยิ่งตนออกแรงจัดการไอ้พิชิตยิ่งเร่งปฏิกิริยาของตัวยาให้เร็วขึ้นอีก ขุนทัพรีบตามมาติดๆ ทั้งคู่ตรงไปยังส่วนบริการด้านหน้าของรีสอร์ท พอไปถึงในสภาพที่เหงื่อท่วมทั้งคู่แถมตาแดงก่ำหายใจหอบ เพราะตอนนี้ฤทธิ์ยากำลังเล่นงานทั้งสองอย่างไม่ปราณี แต่ยังไม่ที่สุดพออดทนกันได้อยู่ คิดว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีคงสาหัสน่าดูชม ต้องหาทางระงับพิษของยาโดยเร็ว
ขุนทัพตรงเข้าไปติดต่อพนักงานพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตที่พกมา บอกด้วยความรวดเร็วว่า
“เปิดห้องสูท ให้ผมด่วนตอนนี้”พนักงานรับบัตรไปด้วยหน้าตาตื่น แต่ก็อดยิ้มเขินกับดวงตาแดงก่ำของคนรูปหล่อร่างกำยำสูงใหญ่ตรงหน้าที่ฉ่ำหวานจนหยาดเยิ้มบอกอารมณ์ให้รู้ว่าอยู่ในความต้องการไหนจนเดาได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่อยากทำให้คนหล่อหงุดหงิดรีบจัดการเปิดห้องรูดการ์ดเสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ ก่อนยื่นกุญแจให้พร้อมกับชี้ไปยังบ้านเดี่ยวติดทะเลทางฝั่งตรงข้ามกับทางที่ทั้งสองจากมา
ขุนทัพไม่รอช้าเข้าไปกระชากข้อมือขุนดอนพาเดินตรงไปยังบ้าน
พักที่เพิ่งเปิดหมาดๆทันที ขุนดอนก็แทบจะไม่เหลือแรงที่จะถามมากแล้วตอนนี้ต้องการน้ำเย็นราดตัวให้หายร้อนด่วนจี๋ ทั้งคู่หนึ่งจูงหนึ่งเดินตามกันไปยังบ้านหลังที่ว่าโดยไม่แคร์สายตาพนักงานที่มองกันตาค้างกับความหล่อหลากของทั้งสองหนุ่มและท่าทางที่บ่งบอกว่าเกิดอาการอะไรกัน
ก็ทั้งสีหน้าแววตาที่ฉ่ำเยิ้มตาแดงก่ำของทั้งสอง ไม่รวมหูเหอหน้าตาแม้แต่คอที่แดงเถือกปานตำลึงสุกนั่นอีก อดเขินตามหน้าแดงด้วยไม่ได้อิจฉาที่หนุ่มหล่อกลับต้องมาเป็นคู่กันหมด ผู้หญิงอดอีกตามเคย..เฮ้อ!เสียงถอนหายใจของพนักงานสาวสวยทิ้งท้าย?
ความคิดเห็น