ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@ โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ}

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56


    Part 2...วายุภักษ์แห่งไตรคาน
     

    “องค์ชาย!!!” นางกำนัล หมอหลวง ข้าราชบริพารต่างถวายการเคารพยุพราชแห่งไตรคาน ห
    ลังเผยวรองค์สูงใหญ่ผึ่งผายดูสง่างามยิ่งนัก ข่มบรรดาผู้คนภายในห้องบรรทมชั้นนอก..แลดูจิ๊บจ้อยไปเสียถนัด

     

    “เสด็จพ่อพระอาการเป็นอย่างไร” สุรเสียงห้าวหาญองอาจสมเป็นยุพราชของไตรคาน โอรสผู้ถือครองมหาธาตุวายุ
     

    “พระอาการทรงปลอดภัย..พะยะค่ะ” หมอหลวงกุลีกุจอรับหน้าที่ถวายรายงาน
    ข้าราชบริพารที่เหลือต่างรับฟังโดยสงบ ไม่มีใครเสนอหน้า

     

    ครั้งนี้ออกจะเหิมเกริม ถึงกับมีคนลอบปลงพระชนม์องค์อนิละ องค์ชายวายุภักษ์ย่อมพิโรธ
    แค่สัมผัสรังสีที่แผ่จากพระวรกายก็พอทราบ ไม่มีใครกล้าสบเนตรคมสีถ่าน ต่างหลุบตาค้อมศีรษะหลบเกร็งไปตามกัน

     

    “ไว้ค่อยไต่สวนเรื่องนี้ หวังว่าคงมีคำตอบที่ดี ท่านเสนากลาโหม”
    เสนาผู้กุมอำนาจทางทหารถึงกับสะดุ้ง รีบปรับสีหน้าขานรับให้ไว

     

    “พะยะค่ะ” เนตรคมดำสนิท ตวัดรวบยอดก่อนเสด็จสู่ห้องชั้นใน เข้าเฝ้าพระบิดาด้วยไม่คลายพระทัย
    ข้าศึกส่งหนอนบ่อนไส้แทรกซึมเข้ามาในนครหลวง การรักษาความปลอดภัยหละหลวมยิ่งนัก

     

    “ถวายพระพรเสด็จแม่ เสด็จพ่อพระอาการเป็นอย่างไรพะยะค่ะ” ภายในห้องบรรทม
    พระนางศิริจันทราคอยปรนนิบัติใกล้ชิด วงพักตร์งามมีความกังวลชัด กระนั้นดวงเนตรสุกสกาวยังคงทอดอ่อน
    เมื่อเห็นผู้ที่ก้าวเข้าภายในห้องบรรทม..คือโอรสพระนางเอง

     

    “วายุภักษ์ เจ้ามาแล้ว” มารดาทรงพระศิริโฉม สายพระเนตรดุจพบกำลังใจที่รอคอย
    วงพักตร์อมทุกข์ก่อนหน้าคลายกังวลลงมากโข

     

    “ขอประทานอภัยที่ลูกมาช้า” พระสุรเสียงทุ้มนุ่ม มักใช้ดำรัสกับพระมารดาโดยเฉพาะ
    ยิ่งเห็นพระนางหมองเศร้า องค์ชายวายุภักษ์สายพระเนตรอ่อนโยนปลุกปลอบขวัญพระมารดา

     

    “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ลำบากเจ้าต้องควบม้ารอนแรมไกลจากหน้าด่านเข้าวังกระทันหัน
    แม่กังวลยิ่ง..ไม่คิดฝ่ายเราหละหลวมให้ข้าศึกลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อเจ้าได้” สายพระเนตรคมกล้าแข้งกร้าวขึ้นทันที
     ก่อนกลับมาเคร่งขรึมในเวลาเดียวกัน ทรงแย้มโอษฐ์ปลอบพระมารดา

     

    “เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย ลูกจะควานหาตัวคนร้ายมาลงโทษในเร็ววัน
    ว่าแต่อาการเสด็จพ่อเป็นอย่างไรแล้ว..พะยะค่ะ” ยุพราชไตรคานให้คำยืนยันพระมารดา
    หวังให้พระองค์คลายพระทัย วาจาพระโอรสดุจน้ำทิพย์ชะโลมใจ เพราะพระองค์คือสิ่งยึดเหนียวศูนย์รวมใจผู้คนทั้งนคร
    ตั้งแต่มีประสูติกาล
    22 ปีก่อน องค์ชายวายุภักษ์คือผู้นำพาไตรคานให้รอดพ้นจากการรุกรานจากเวฬุวรรณ
    นครอื่นต่างตกเป็นเมืองขึ้นโดยสมบูรณ์

     

    พันธะสัญญาถูกฉีกทิ้งไปเมื่อสิบห้าปีก่อน แต่เดิมแม้นครต่างๆ จะยกให้เวฬุวรรณเป็นผู้นำ
    กลับไม่เคยล่วงล้ำอธิปไตย ถึงขั้นบุกตียึดครองให้เป็นเมืองใต้อาณัติ ตกเป็นบริวารส่งส่วยเครื่องบำนาญดังเช่นตอนนี้

     

    หลังองค์หัสดินสวรรคตโรคพระทัยโสมนัส เกิดจากสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รัก
    การบริหารราชกิจตกอยู่ในมือราชครูอย่างเบ็ดเสร็จ

     

    แม้กษัตริย์นครต่างๆ เริ่มเห็นลางร้าย เตรียมป้องกันรับมือเงียบๆ ไม่วู่วามหุนหันพลันแล่น
    ฝ่ายราชครูจอมขมังเวทย์ก็ไม่ผลีผลาม คงใจเย็นรอกระทั่งพระธิดาน้อยเติบใหญ่สู่วัยดรุณี
    เพียบพร้อมความสามารถที่ทุกคนตกตะลึง นอกจากนางจะมีพลังเรียกใช้วารีธาตุ
    ยังสามารถใช้พลังจากอัคคีธาตุด้วยเช่นกัน ล้วนสร้างความฉงนเป็นยิ่งนัก
    ไม่คาดคิดกันมาก่อนว่าผู้ถือครองมหาธาตุเพียงคนเดียว จะควบคุมมหาธาตุได้ถึงสองชนิด

     

    สายเกินการราชครูตั้งตนขึ้นเป็นพระปิตุลา โดยมีโองการแต่งตั้งบุตรชายเป็นพระคู่หมั้นองค์หญิงชลธาร
    หลังองค์หัสดินสวรรคตลง ราชครูหรือพระปิตุลา มีผู้ถือครองมหาธาตุคือองค์หญิงชลธารที่มีพลังวารีและมหาอัคคี
    ยังมีบุตรชายถือครองพลังพสุธา แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด

     

    1 ปี การรุกรานนครใกล้เคียงก็เริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากนครทิศใต้ ไปทิศตะวันออกและตะวันตก
    ระยะเวลาสิบกว่าปีไม่มีเว้นว่าง เกิดสงครามสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
    นครต่างๆ ตกเป็นเมืองขึ้นสูญเสียเอกราชแล้วแทบทั้งสิ้น คงเหลือไตรคานที่ยังยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้

     

    เพราะไตรคานมียุพราชสามารถใช้พลังวายุ ป้องกันเขตแดนรักษานครเอาไว้ในยามคับขัน
    ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง ฝ่ายศัตรูไม่สามารถยกทัพเข้าโจมตี จึงวางแผนส่งไส้ศึกลอบทำร้ายองค์อนิละ
    โดยวางยาพิษใส่ในพระกระยาหาร เดือดร้อนยุพราชผู้หล่อเหลาต้องห้อม้าศึกแรมไกล
    จากนอกด่านพร้อมด้วยทหารติดตามสี่นาย ออกจากเมืองหน้าด่านกลับสู่วังหลวงหลังทราบข่าวด้วยพิราบสื่อสาร
    แม้ในใจโกรธเกรี้ยวแต่พระองค์ยังคงสามารถควบคุมอารมณ์เยือกเย็นลงได้..สมเป็นจ้าวแห่งวายุ...

     

    “เสด็จพ่อของเจ้าปลอดภัย โชคดีท่านมหาโหราช่วยขจัดพิษร้ายได้ทันท่วงที
    พิษไร้สีไร้กลิ่นชนิดนี้..เป็นของชนเผ่าแมงมุมดำ”

     

    พระนางศิริจันทรา..ทรงบอกเล่ารายละเอียดให้พระโอรส ภายในแผ่นดินนอกจากพระโอรสผู้เป็นรัชทายาท
    ไม่มีใครเก่งกล้าปรีชาสามารถ แก้ไขหรือต่อกรกับศัตรูได้เท่าองค์ชายวายุภักษ์อีกแล้ว ทรงปรีชาคุมทัพฝึกทหารด้วยองค์เอง
    ทำให้บ้านเมืองยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้

     

    “โชคดีท่านอาจารย์ออกจากบำเพ็ญศีล เดินทางมาได้ถูกจังหวะ” พระมารดาพยักพระพักตร์
    เห็นด้วยกับคำพูดพระโอรส หากไม่มีมหาโหราผู้เฒ่าแล้วไซร้ พระสวามีคงสวรรคตจนปัญญาช่วยเหลือแน่นอน

     

    “ขอลูกดูอาการเสด็จพ่อก่อนพะยะค่ะ..เสด็จแม่” วรองค์สูงใหญ่ภายใต้ชุดเกราะสีดำ
    ก้าวไปยังเตียงบรรทม ที่มีร่างเหนือหัวอนิละบรรทมหลับสนิท หลังถูกขับพิษและเสวยพระโอสถบำรุงของหมอหลวง

     

    พักตร์คมคายใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วเล็กน้อย ขณะใช้นิ้วแกร่งของพระองค์จับชีพจรพระบิดาอยู่ชั่วอึดใจ
    ก่อนวางสีหน้าเรียบสงบดังเดิม

     

    “เสด็จแม่ปรนนิบัติเสด็จพ่อด้วยองค์เองหรือพะยะค่ะ” ผินพักตร์กลับมาถามพระมารดา
    เหมือนรู้คำตอบในใจอยู่แล้วเช่นกัน

     

    “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว..แม่หวาดระแวงที่จะวางใจผู้ใด ให้ดูแลพ่อเจ้า” คำตอบเป็นไปอย่างที่คิด
     

    “ลูกว่าเสด็จแม่ห่วงพระวรกายบ้าง กังวลประชวรไปอีกคน เชื่อแน่ว่าคงไม่มีอะไรระยะนี้
    หลังพวกมันพลาดท่าให้เรารู้ตัวว่ามีหนอนบ่อนไส้ คงกบดานไม่เผยพิรุธ เสด็จแม่ทรงวางพระทัยได้
    ให้คนสนิทคอยปรนนิบัติดูแลเสด็จพ่อเถิดพะยะค่ะ ส่วนท่านควรพักผ่อนบ้าง เช่นนั้นทำให้ข้าพลอยกังวลไปด้วย”
    คำแนะนำของพระโอรส ส่งผลให้พักตร์งามฉาบยิ้มอ่อนโยน พระนางปิติยิ่งนักกับความอาทรที่ได้รับ
    ถึงแม้มีเวลาน้อยนิดที่กลับเข้าวัง ด้วยยุพราชรัชทายาทไตรคานรับภาระหนัก
    คุมกองทหารรักษาหน้าด่านอยู่นอกกำแพงเมือง ตลอดระยะเวลาห้าหกปี ตั้งแต่ทรงพระเยาว์วัยเพียง
    16 ชันษาด้วยซ้ำ
    กระทั่งบัดนี้นับครั้งได้ที่แม่ลูกมีโอกาสพบหน้ากัน..

     

    หากไม่ติดถือครองมหาธาตุยิ่งใหญ่ ซ้ำได้รับคำยืนกรานมหาโหราพระอาจารย์ผู้เคร่งตบะฌาณ
    ซึ่งองค์อนิละฝากพระโอรสไปเป็นศิษย์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทั้งที่มหาโหราไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อน

     

    วิทยาการศาตรายุทธทุกอย่าง องค์ยุพราชแห่งไตรคานได้รับการถ่ายทอดจากพระอาจารย์จนหมดสิ้น
    ด้วยพระปรีชาสามารถบวกพรสวรรค์ เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่กลียุค พระองค์อาสารับหน้าที่ปกป้องตั้งแต่นั้น
    บัดนี้กลับห้าวหาญชาญศึก เป็นที่โจษจันไปทั่วทุกแว่นแคว้น แทบไม่ต้องเอ่ยถึงพสกนิกรของไตรคาน
    ต่างยกย่องพระองค์เป็นเทพประจำเมืองไปแล้ว

     

    “เช่นนั้นแม่จะรับฟังคำแนะนำ ว่าแต่กลับมาครั้งนี้อย่าลืมแบ่งเวลาให้หญิงศศิธรบ้างนะลูก
    น้องหญิงของเจ้าบ่นถึงไม่ขาด แวะไปตำหนักน้องบ้าง อย่าลืมเสีย..พวกเจ้าคือคู่หมั้นหมาย”
    องค์หญิงศศิธรหรือหญิงอ้ายคือธิดาเชษฐาองค์อนิละ พระคู่หมั้นองค์ชายวายุภักษ์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์หญิงงามพร้อม
    ทั้งรูปสมบัติชาติตระกูล แลดูเหมาะสมยิ่งนัก เชษฐาองค์อนิละเป็นโอรสสนมเอก เป็นพี่น้องต่างพระมารดากับเหนือหัวอนิละ
    แต่ก็รักใคร่สนิทกันด้วยดีเสมอมา

     

    องค์หญิงศศิธรเป็นหญิงงาม มากความสามารถด้านศิลปะดนตรีวิทยาการอันสตรีพึงมี
    เฉลียวฉลาดวางองค์เหมาะสม เป็นที่หมายปองของบรรดาบุตรชายขุนนางอำมาตย์ ตลอดจนราชนิกูลชั้นสูง
    องค์อนิละชิงตัดหน้าหมั้นหมายให้พระโอรสเสียก่อน ตั้งแต่องค์ชายวายุภักษ์ร่ำเรียนอยู่กับพระอาจารย์
    เหล่าผู้หมายปองต่างผิดหวังไปตามกัน แต่ไม่มีใครอคติกับการหมั้นหมายครั้งนี้ ล้วนยอมรับในความเหมาะสมของสองพระองค์

     

    องค์หญิงศศิธรทรงพระสิริโฉมหาผู้ใดทัดเทียม นอกจากองค์หญิงชลธารผู้ถือครองเทพมหาธาตุ
    หญิงงามเลื่องชื่อความสามารถและงดงามดุจนางสวรรค์แล้ว คงมิมีหญิงใดในแผ่นดินเทียบพระองค์ได้เช่นกัน

     

    “ข้าทราบแล้วเสด็จแม่ ไว้จะหาเวลาไปเยี่ยมหญิงอ้าย” พอได้รับฟังวาจายืนยัน
    พระนางศิริจันทราถึงกับแย้มสรวลสีพระพักตร์อิ่มสุขทันที อย่างน้อยองค์หญิงศศิธรคงมีความสุขที่ได้พบพระคู่หมั้น
    ผู้ซึ่งนางคำนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งที่รู้ว่าองค์ชายวายุภักษ์รับหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง สมเป็นรัชทายาทแห่งไตรคาน
    พำนักนอกด่านกำแพงเมือง แต่ความรักคิดถึงย่อมหักห้ามได้ยากนัก ในเมื่อพระคู่หมั้นคือชายชาติบุรุษที่ดรุณีน้อยใหญ่
    ต่างหมายปอง ชื่อเสียงขจรขจายถึงความปรีชาและรูปโฉม แม้แต่นางกำนัลยังแอบซุบซิบหยิบยกมากล่าว
    ว่าองค์ชายวายุภักษ์คือวีรบุรุษในดวงใจบรรดาหญิงสาว ต่างใฝ่ฝันขอให้ได้มีโอกาสปรนนิบัติกันทุกคน..

     

    ภายในตำหนักรับรองมหาโหรา บัดนี้ได้ต้อนรับยุพราชรัชทายาทแห่งไตรคาน
    วรองค์สูงใหญ่ผึ่งผาย ดูสำรวมเมื่ออยู่ต่อหน้าพระอาจารย์

     

    “ลำบากเจ้าแล้ว” น้ำเสียงชราแฝงเมตตาจิต ทอดมองพักตร์คมคายหล่อเหลาของศิษย์รัก
    ที่ต้องแบกรับภาระหนักด้วยเอ็นดูยิ่ง องค์ชายวายุภักษ์เป็นเพียงคนเดียว ที่โหราเฒ่ารับไว้เป็นศิษย์
    ถ่ายทอดวิทยาการศาสตราอาคมให้หมดเปลือก สายโลหิตของกษัตริย์ตัวแทนจากทวยเทพ
     ถือเป็นกลียุคจากตำนานที่เคยมีบันทึก ไม่เคยเกิดศึกสงครามในดินแดนทะเลทรายมาก่อน
    โดยเฉพาะศึกเทพมหาธาตุต่างอยู่คนละฝ่ายเช่นนี้

     

    น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายศัตรูกลับมีผู้ถือครองพลังมหาธาตุถึงสองคน หนำซ้ำใช้พลังจากมหาธาตุได้ถึงสามชนิด
    ส่วนองค์วายุภักษ์กลับหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ยังต่อกรได้ขณะนี้ เพราะค่ายกลพายุดำทะเลทรายซึ่งอาศัยภูมิทำเลได้เปรียบ
    ไม่ช้านาน..หากศัตรูสามารถทำลายค่ายกลได้ ย่อมถึงกาลวิบัติอันตรายยิ่งของไตรคานแน่แล้ว

     

    ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ทุกคนรอคอยผู้ถือครองเทพมหาธาตุลงมาจุติล้วนอยู่กันอย่างสันติสุข
    แว่นแคว้นนครต่างพึ่งพาอาศัยแบ่งปันทรัพยากร เจือจานแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย

     

    บัดนี้ความกระหายอำนาจสนองกิเสส ต้องการสำแดงพลังของตนผ่านฤทธานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์
    ตั้งตนเป็นใหญ่ของราชครูที่สถาปนาตัวเป็นพระปิตุลา สำเร็จราชการดุจกษัตริย์ ก่อให้เกิดศึกสงครามเดือดร้อนทั่ว
    เลือดนองผืนแผ่นดินทะเลทราย ผู้คนต่างหิวโหยอดอยาก แตกแยกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยกลายเป็นโจรปล้นสะดม
    ไม่ยอมขึ้นกับใครก็มีหลายกลุ่ม

     

    ทุกหัวระแหงเดือดร้อนแวดล้อมไตรคาน เหลือแต่นครแห่งนี้ที่ยังคงต้านทานได้นานกว่า 6 ปี
    โดยยังไม่เพลี้ยงพล้ำขั้นสาหัส เพราะความปรีชากล้าหาญเก่งกาจ เป็นที่ยอมรับของเหล่าพสกนิกร
    องค์ชายวายุภักษ์พายุดำแห่งทะเลทราย คือฉายาที่ข้าศึกต่างหวาดหวั่น

     

    แม้อีกฝ่ายจะมีมหาธาตุสามชนิดเป็นกำลังสำคัญ ไม่ว่าวารีธาตุซึ่งจำเป็นต่อผู้คนในดินแดนแห้งแล้งกันดาร
    ต้องอาศัยน้ำบริโภคดำรงชีวิต หรืออัคคีเพลิงสุดร้อนแรง ใช้เผาผลาญทำลายล้างทุกสิ่งย่อยยับชั่วพริบตา
    พสุธาเดือดสามารถพลิกผืนทรายให้สะเทือนเลือนลั่น ดูดกลืนทุกสรรพสิ่งกลบฝังใต้ผืนทรายอย่างไร้ความปราณี

     

    แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถกรีธาทัพ ฝ่าค่ายกลพายุดำทะเลทราย ซึ่งใช้เป็นแนวป้องกันเขตแดนด่านแรก
    เข้ายึดครองนครไตรคานได้สำเร็จ การปะทะเกิดขึ้นนอกกำแพงเมือง สร้างความเดือดร้อนให้ไตรคานเป็นเรื่องปกติ
    ในภาวะสงคราม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเสบียงอาหารรวมถึงน้ำดื่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก..มีค่ายิ่งกว่าอัญมณีเพชรนิลจินดาเสียอีก

     

    น้ำถือเป็นปัจจัยที่พวกเขาหวงแหน เห็นความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด  ในเมื่อมีเพียงโอเอซิส แหล่งน้ำในนครเพียง 4 แห่ง
    ไว้หล่อเลี้ยงพสกนิกรทั้งนครที่มีอยู่เรือนแสน แต่เดิมไม่เคยกังวลเรื่องความไม่เพียงพอ เพราะนครใกล้เคียงยังมีการแลกเปลี่ยน
    ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไตรคานกำลังโดนบีบ เพราะนครที่ว่ากลายเป็นเมืองใต้อาณัติของเวฬุวรรณจนหมด
    แหล่งน้ำที่มีอยู่ในนคร จึงกลายเป็นไม่เพียงพอและเริ่มจะขัดสนขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาใหญ่ยิ่งของพวกเขาตอนนี้
    องค์ชายวายุภักษ์สามารถเรียกลมได้ แต่กลับไม่สามารถเรียกฝนนี่สิ ฝ่ายข้าศึกมีวารีธาตุสามารถเรียกน้ำได้ดังใจปรารถนา
    ย่อมไม่ขัดสนในเรื่องนี้ พสกนิกรไตรคานจึงใช้น้ำกันอย่างประหยัดเข้าขั้นขัดสนกันไปแล้วตอนนี้

     

    นครที่แตกพ่ายยกธงขาวให้นครเวฬุวรรณ ยอมตกเป็นเบี้ยล่างพระปิตุลากระหายอำนาจ ก็เพราะมีข้อจำกัดเรื่องนี้
    ต่อสู้ยืดเยื้อแค่ไหนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไม่มีชิ้นดี เหล่าราชนิกูลสูงศักดิ์ตกเป็นเชลยตัวประกัน เพื่อไม่ให้คิดคดทรยศ
    บรรดาองค์หญิงเลอโฉมกลายเป็นนางบำเรอของพระปิตุลา..และองค์ชายธรณิณไปเสียแทบทั้งสิ้น

     

    ส่วนองค์หญิงชลธาร ว่าที่ราชินีก็มีนิสัยแข็งกร้าวหาใช่อ่อนหวานงดงามดั่งรูปโฉม
    สำคัญโหดเหี้ยมอำมหิตเห็นการตายดุจผักปลาไม่อนาทรต่อการเข่นฆ่าสังหารแม้แต่น้อย
    ความโหดเหี้ยมขององค์หญิงเป็นที่โจษจัน กระนั้นองค์ชายรูปงามนามวายุภักษ์กลับไม่เคยกริ่งเกรง  
    การประจันหน้าของพวกเขา พระองค์เสียเปรียบเพลี้ยงพล้ำบาดเจ็บ เพราะทานพลังองค์หญิงชลธาร
    และองค์ชายธรณิณไม่ไหว แต่ก็พาตนรอดกับเข้าแนวป้องกันเขตแดน ซึ่งอาศัยค่ายกลพายุดำทะเลทรายช่วยป้องกันเอาไว้ได้

     

    ไม่มีใครฝ่าด่านพายุดำอันรุนแรง ซึ่งสามารถฉีกกระชากร่างกายผู้คนแหลกเหลวในพริบตา
    กอปรกับทัศนียภาพวิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บรรยากาศมืดดำฝุ่นทรายปลิวฟุ้งตลบอบอวล
    จนไม่สามารถลืมตาอ้าปากหายใจได้ด้วยซ้ำ ล้วนเกิดจากพลังอำนาจเรียกใช้มหาธาตุขององค์วายุภักษ์
    นำมาเป็นปราการป้องกันนครไตรคานให้รอดพ้นการบุกยึดของเวฬุวรรณมาได้ยาวนานกว่า
    6 ปี

     

    “ข้าภูมิใจที่รับหน้าที่นี้ หาใช่ความลำบากขอรับ” ยุพราชหนุ่มตอบพระอาจารย์ สีหน้าน้ำเสียงห้าวหาญดูไม่ยิ่งหย่อน
     

    “ไม่ผิดหวังที่ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ ว่าแต่มาหาข้าคงไม่ได้แค่ต้องการมาเยี่ยมใช่ไหม..วายุภักษ์”
    ไม่มีสิ่งใดรอดการคาดคำนวณของมหาโหรา

     

    “ท่านคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้ารู้ว่าท่านออกจากบำเพ็ญศีลตรงมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ใช่เป็นความบังเอิญ
    เป็นเพราะท่านหยั่งรู้ล่วงหน้าเสด็จพ่อของข้ามีอันตราย ข้าจึงตั้งใจมาขอบคุณ หากไม่มีท่านคงเลวร้ายยิ่งนัก” 

    การนอบน้อมถ่อมตนของวายุภักษ์ เป็นที่น่าชื่นชม แม้วางองค์ต่อธารกำนัลองอาจผึ่งผาย
    หยิ่งผยองแลน่าเกรงขาม แต่สำหรับพระอาจารย์ พระองค์ให้เกียรติดุจบิดามารดาก็ว่าได้

     

    “เจ้ากล่าวไม่ผิด ข้ารู้พ่อของเจ้าตกอยู่ในอันตราย แต่กลับมาช้าไปก้าว ยังดีที่ข้ารู้จักพิษร้ายนี้
    จึงสามารถยับยั้งเอาไว้ แต่เจ้าอย่าเพิ่งดีใจ ที่ทุกคนเห็นว่าพ่อเจ้าปลอดภัย แท้จริงพิษยังขจัดไม่หมด
    พิษเผ่าแมงมุมดำถือว่ายากมีตัวยารักษา นอกเสียจากเผ่าแมงมุมดำจักเป็นผู้ถอนพิษให้

     

    กรณีพ่อเจ้า..ข้าเพียงประทังไม่ให้พิษลุกลาม แต่ไม่ได้แพร่งพรายให้ผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่แม่เจ้าก็เช่นกัน
    ข้าเกรงจะทำให้พวกเขาตกใจเสียขวัญไปกันใหญ่ ที่พ่อเจ้าไม่ได้สติ เพราะอาการของพิษที่ไม่สามารถขับออกได้
    ยกเว้นหาตัวคนร้ายเจอแล้วบังคับให้มันมอบยาถอนให้” คำบอกเล่าของพระอาจารย์
    เป็นเรื่องที่องค์ชายวายุภักษ์คาดการณ์ไว้บางส่วน หลังตรวจชีพจรเสด็จพ่อ พระองค์ก็รู้ว่าพิษร้ายไม่ได้ถูกขจัด
    เพียงแต่สะกดไว้ไม่ให้ลุกลาม หากยังทิ้งไว้ล้วนอันตรายไม่ต่างกัน

     

    “นอกจากวิธีนี้พอมีทางอื่นอีกหรือไม่ การสืบหาคนร้ายคงต้องใช้เวลาฝีมือพวกมันย่อมไม่ธรรมดา
    เช่นนั้นคงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาลอบทำร้ายเสด็จพ่อถึงในวัง โดยไม่เป็นที่สังเกต ทั้งที่วังหลวงเข้มงวดกวดขันเพียงนี้
    แต่กลับรอดหูรอดตาหน่วยรักษาความปลอดภัยของเราเข้ามาได้” คำกล่าวของยุพราชไม่ผิดจากความจริง
    มหาโหราครุ่นคิดหนักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด

     

    “หนทางพอมี แต่เจ้าคงลำบากไม่น้อย” พักตร์คมคายเคร่งขรึมสายพระเนตรทอดสบพระอาจารย์
    กล่าววาจายืนกรานโดยไม่หวั่นไหว

     

    “ไม่ว่ายังไงข้ายินดีแบกรับความลำบาก เพียงต้องการให้เสด็จพ่อพ้นวิกฤตครั้งนี้..ขอรับท่านอาจารย์”
    เมื่อศิษย์แสดงจุดยืนชัด ผู้เฒ่าชราผมขาวโพลนมวยเก็บอย่างเป็นระเบียบ ได้แต่ทอดถอนใจ
    แววตาอ่อนโยนจ้องมองพักตร์คมคายด้วยความเอ็นดูปนเห็นใจ แต่ก็จนหนทาง..

     

    “เอาเถอะ..เมื่อเจ้ายืนกรานข้าจักบอกวิธี พลังวายุธาตุสามารถขับพิษร้ายช่วยพ่อเจ้าได้
    หลังทำการขับพิษเจ้าจักหมดแรงต้องพักฟื้นราวสามวัน เพราะการใช้วายุธาตุในการขับพิษไม่เหมือนใช้ห้ำหั่นศัตรู
    การเดินลมปราณในกระแสเลือด ต้องควบคุมสมาธิไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด มิเช่นนั้นชีพจรพ่อเจ้าจะขาดสะบั้นสิ้นพระชนม์ทันที
    ส่วนเจ้าจะถูกธาตุลมย้อนกลับ ช้ำในบาดเจ็บสาหัส เข้าใจถึงผลลัพธ์แล้วใช่ไหม ข้าจึงไม่ใคร่แนะวิธีนี้
    ตั้งใจรอสักระยะหากไม่เห็นหนทางอื่น ค่อยบอกต่อเจ้าทีหลัง รอเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย
    หากเจ้าอ่อนแอไปเสียคน ไตรคานคงเปราะบางยิ่งนัก”

     

    “ข้าเข้าใจความหวังดีของท่าน แต่เรารอไม่ได้ขืนปล่อยให้ยืดเยื้อ รังแต่ทำให้ร่างกายเสด็จพ่ออ่อนแอทรุดลงไปเรื่อยๆ
    หากวิธีนี้เป็นหนทางเดียวที่จะรักษาได้ คงต้องรบกวนท่านคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ข้าใน
    ระหว่างที่ข้ากำลังรักษาท่านพ่อขอรับ ถึงแม้ในวังมีองครักษ์ฝีมือดีอยู่มาก หากศัตรูยังแฝงกายอยู่ภายใน
    เกรงว่ามันจะฉวยโอกาสนี้ลอบทำร้ายข้า”

    การแสดงออกด้านสติปัญญาของลูกศิษย์ ได้รับสายตาชื่นชมไม่ปิดบังของมหาโหราเฒ่า
    สิ่งที่องค์วายุภักษ์กล่าวมาไม่ผิดจากที่คาดไว้

     

    “เจ้าเข้าใจถูกแล้ววายุภักษ์ เป้าหมายแท้จริงคนร้ายคือเจ้าไม่ใช่พ่อของเจ้า พวกมันย่อมรู้วิธีรักษา
    คงคำนวณไว้แล้วว่าเจ้าต้องไม่นิ่งดูดาย เมื่อรู้วิธีรักษาย่อมไม่รีรอ พวกมันคอยจังหวะลอบสังหารเจ้าแน่
    ข้าคงต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลี่ยง ให้ทนเห็นเจ้าตกอยู่ในอันตรายคงไม่ได้เช่นกัน”
    รอยยิ้มหล่อผุดบนพักตร์คมหลังฟังวาจาอาจารย์ พระองค์รู้แก่ใจมหาโหราย่อมไม่ทนอยู่นิ่งเฉย
    รอดูพระองค์ถูกปองร้ายอย่างแน่นอน

     

    “เช่นนั้นคืนพรุ่งนี้ค่อยดำเนินการ วันนี้ข้ามารบกวนท่านนานแล้ว ไว้พบกันขอรับท่านอาจารย์”
    องค์ชายถือโอกาสกล่าวลา เพื่อจะไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์ผู้เฒ่า
    ขณะเดียวกันพระองค์ตั้งใจอาศัยโอกาสนี้ แวะไปยังตำหนักองค์หญิงศศิธร พ้นวันนี้คงไม่มีเวลาแล้วเช่นกัน

     

    ทุกก้าวย่างหนักแน่นมั่นคง บ่ากว้างแบกรับภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ไม่เคยปริบ่น
    สายตาผู้เฒ่าชรามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนเปรยขึ้นมาเบาๆ
    ทนอีกไม่นานหรอก..วายุภักษ์


    ขอบคุณนักอ่านที่น่ารัก ที่ติดตามผลงานของเรามาตลอด
    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ถือเป็นกำลังใจเราด้วยดีเสมอมา
    ฝากกดไลค์ เปอร์เซ็นต์ผลงานให้เราได้ด้วยก็ดีนะคะ (ขอเยอะไปไหมตรู)
    ไว้จะมาอัพให้เรื่อยๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×