คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Part 8
My love
Part 8
สุดท้ายผมขาดเรียนจนได้ ถึงอาการไข้จับดีขึ้นมาก แต่สภาพการเดินยังเจ็บขัดๆปวดตามเนื้อตัว ไม่พร้อมไปนั่งเรียนอย่างปกติได้แน่
ผมแอบย้ายกลับมาที่ห้อง ตอนบอลลูนไปเรียน น้องซื้อแกงถุงหุงข้าวทิ้งไว้ให้ บรรยากาศระหว่างเราแย่กว่าเก่าอีก ผมแทบไม่พูดกับน้อง ถ้าบอลลูนไม่ปริปากถามผมไม่พูดด้วยเลย ก่อนหน้ามักเป็นผมที่ชวนคุยก่อน มาตอนนี้แม้แต่หน้าน้องผมก็ไม่อยากมอง
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ต้องวางหนังสือในมือลงค่อยหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมา ก่อนกดรับกรอกเสียงตาม
“ฮัลโหล” หน้าจอขึ้นชื่อโจ๊ก
“อีบู..ไหวไหมมึงไม่มาเรียน พาพวกกูกังวลไปด้วย” ผมคงจะบอกมันได้หรอก..หนักจนเดี้ยงแสบตูดไข้ขึ้นเลยโจ๊ก
“กูไม่ค่อยสบายพรุ่งนี้คงไหว อาจารย์สั่งงานหรือเปล่า” เลี่ยงในรายละเอียด เปลี่ยนไปถามเรื่องเรียนแทน
“เพียบอ่ะ มึงกินข้าวหรือยัง พวกกูกำลังแดกกันอยู่” เที่ยงแล้ว พวกมันคงกำลังอยู่ในโรงอาหาร
“พอมึงทักกูชักหิวแล้ว คุยเสร็จเดี๋ยวค่อยหาอะไรกิน อย่าลืมโทรบอกกูเรื่องงานด้วย เผื่อมีการบ้านจะได้ทำไปส่งทีเดียว” คุยกับมันเสร็จคงต้องรองท้อง ก่อนกินยาแก้ไข้แก้อักเสบให้เรียบร้อย
“เย็นนี้พวกกูไปหา อีแบมมันมีขนมจากบ้านพี่ต้นมาฝาก แต่มึงดันไม่สบายถือโอกาสไปเยี่ยมด้วยเลย” โจ๊กบอก ผมคิดหนักตกลงกับบอลลูนเอาไว้ จะไม่พาเพื่อนมาที่บ้าน พวกมันต่างรู้เรื่องนี้ดี
“มึงก็รู้..กูลำบากใจ” ผมบอกไปตามตรง
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงกูขอน้องมึงแล้ว เจ้าชายไม่มีปัญหา มีเรื่องจะเม้าส์ด้วย ข่าวฮอต” มันคงเจอบอลลูน แปลกน้องให้พวกมันมาเยี่ยมผม เกิดใจดีอะไร
“มึงเจอน้องกูเหรอ” ถามให้แน่ใจ
“เออสิอีนี่..กลัวถูกเหวี่ยงหรือไงย้ำกูจริง กูรู้หรอกน้องมึงไม่ชอบให้พาใครเข้าบ้าน ก่อนโทรหามึงเจอกันตรงร้านข้าว กูถามทำไมมึงไม่มาเรียน ถึงรู้ว่าไม่สบาย ความจริงมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่าอีก ไว้กูไปเล่าให้ฟังเย็นนี้ ว่าแต่อย่าลืมแดกข้าวกินยาให้เรียบร้อย อีแบมกับไอ้หนกมันฝากความคิดถึงมาด้วย” พร้อมกับเสียงตะโกนดังรอดเข้ามาให้ได้ยิน
“ดูแลตัวเองนะบูตัส..หายไวโว้ย” เสียงแบมกับกนก
“อืม..ฝากขอบใจพวกมันด้วย” ผมบอกก่อนวางสาย กลับมาคิดอย่างไม่เข้าใจ หรือบอลลูนรู้สึกผิดที่ทำกับผม ถึงอนุญาตให้เพื่อนมาที่บ้าน
ยังไงก็ไม่สามารถลบล้างความบอบช้ำในใจผมได้ ยอมรับว่าโกรธแต่ไม่เกลียด รู้ตัวดีผมเกลียดน้องไม่ลง แม้จะมีคำถามน้องทำเพราะอะไร แต่เราต่างไม่พร้อมคุยกัน ถึงจะอยากรู้ผมกลับทนมองหน้าน้องได้ไม่นาน พานคิดถึงภาพการกระทำที่ผ่านมา น้ำตาพลอยจะไหลให้ได้ ผมไม่เข้าใจว่าเหตุผลอะไรที่บอลลูนบ้าคลั่งข่มเหงใช้กำลังทำร้ายผม
คิดไปก็ปวดหัว ไปหาข้าวรองท้องกินยาดีกว่า บอลลูนซื้อแกงถุงเขียนโพสอิทติดหัวเตียงบอกไว้ ที่น่าแปลกน้องดันนอนเตียงเดียวกับผมได้หน้ามึนสุดๆ ถึงจะเป็นห้องตัวเองก็เถอะ เป็นผมคงออกไปนอนข้างนอก น้องเป็นคนไม่ยอมให้ผมย้ายกลับห้องแต่แรก เขาคิดอะไรอยู่ผมคาดเดาไม่เคยถูกสักครั้ง..??
เสียงพูดคุยเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นปรือตาลืมช้าๆ ก่อนจะรู้ที่มาของเสียง..อยู่ใกล้ๆในห้องผมนี่เอง
“อีบู..บูตัส” โจ๊ก กนก แบม ยื่นหน้าสลอนจ้องผมหมด
“อืม..ขอกินน้ำก่อน” ผมขยับตัวลุกนั่ง กนกรีบรินน้ำใส่แก้วยื่นให้ความจริงผมหายแล้วสำหรับอาการไข้ แต่พวกมันคงเข้าใจว่าผมยังไม่หาย เลย
บริการเสียดิบดี ไม่ขัดศรัทธารับแก้วน้ำมาดื่มจนหมด
“เป็นไง..มึง” แบมถาม มีเอาหลังมือแตะหน้าผากผมไปด้วย
“ตัวไม่ร้อน ไข้ไม่มีแล้วล่ะ”มันทำหน้าที่ตรวจเช็คพูดเองเสร็จสรรพ
“กูดีขึ้นมากแล้ว ไม่คิดว่าจะหลับลึกจนพวกมึงมาไม่รู้ตัว” ผมพูดให้พวกมันสบายใจ
“พวกกูเพิ่งมาถึง เห็นมึงหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก” กนกบอก
“แล้วพวกมึงเข้าบ้านกูได้ยังไง” งง..พวกมันบุกขึ้นมายันห้องนอน
“น้องมึงเปิดประตูให้” แบมตอบ บอลลูนกลับมาแล้วหรือ ความจริงต้องเข้าบ้านราวหกโมง คงรู้ว่าเพื่อนผมจะมาเยี่ยมสินะเลยรีบกลับ
“แล้ว..” ผมตั้งใจจะถาม แต่ดันติดตรงปาก
“ทำอะไรไม่รู้ในครัว เตรียมกับข้าวอยู่มั้ง กลิ่นหอมเชียวมึง” โจ๊กเหมือนจะรู้ว่าผมจะถามถึงใคร..ชิงบอกเสียก่อน ความรู้ใหม่บอลลูนทำกับข้าวเป็นด้วย ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องทำได้
“กูเอาขนมบ้านพี่ต้นมาฝาก แม่เขาทำไว้เยอะบอกกูแบ่งเอามาให้เพื่อนทานด้วย” แบมพูดเสร็จก็ยกถุงขนมยื่นให้ ผมรับมาเปิดดูเป็นขนมตาลกับถังแตก
“ขอบใจว่ะ” พูดจบส่งให้กนกรับไปวางบนโต๊ะหัวเตียง
“น้องมึงชวนพวกกูทานข้าวด้วยอีนี่ เหมือนถูกแจ็คพ็อตเลยมึง ไม่นึกไม่ฝันจะได้กินฝีมือเจ้าชายสุดหล่อ..อภิมหาลาภปาก” โจ๊กพูดพร้อมกับทำตาเคลิ้มฝัน ประกอบท่าทาง
“แรด..เขาชวนตามมารยาทหรอกตุ๊ด” กนกเบรกทันที
“มารยาทหรือเปล่ากูไม่รู้ สนใจทำไมแค่ได้ดินเนอร์ที่บ้านเจ้าชาย กูโอเคสุดๆ เชื่อว่าพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับคำเชิญอันทรงเกียรติ” โจ๊กย้อนกนกมีทำตาค้อนปะหลับปะเหลือกให้ด้วย มันพูดถูกไม่มีเพื่อนคนไหนเคยมาด้วยซ้ำ อย่างมากยืนอยู่แค่หน้าบ้าน ถึงขั้นเข้ามาข้างในหรือทานข้าวด้วยยิ่งไม่เคยมีประวัติ แม้แต่เพื่อนของบอลลูนก็เช่นกัน
“ไม่ถ่ายรูปลงเฟสเสียเลยล่ะ..อีห่า” กนกยังไม่หยุดกัด
“จริงของมึงไม่ทักกูคงลืมไปแล้ว ขอบใจทอม จัดเต็มอัพเฟสให้คนอิจฉาเล่นดีกว่า ยิ่งเจ้าชายกูกำลังดัง กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง” โจ๊กตีมึนได้หน้าระรื่น แต่ประโยคหลังทำผมสะดุด
“กูไม่เข้าใจ” ปากไวเท่าความคิด ถามทันที
“เรื่องนี้แหละ ที่กูบอกจะเม้าส์ให้ฟัง มากูเล่าเอง” พูดจบพวกมันก็พากันยกก้นนั่งบนเตียง ผมขยับนั่งขัดสมาธิ รอฟังอย่างสนใจ
“ก็ชะนีสายหมอยที่ควงเจ้าชายต้อยๆ ล่าสุดเขารู้กันทั่วเจ้าชายกับชะนีนั้นหันหลังให้กันอย่างถาวร ปัญหาระดับชาติเลยนะมึง เนื่องจากวันเสาร์ที่ผ่านมาสำนักข่าว CNN รายงานว่าเจ้าชายมีเรื่องกับผัวชะนี ถึงขั้นเปิดศึกกำปั้นเหล็กบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ที่แน่ๆผัวชะนีเจ็บเยอะข่าวว่าเช่นนั้น สาเหตุเกิดรถไฟชนกันอย่างแรง ผัวชะนีดันจับได้ว่าเมียสวมเขาเลยจัดหนัก หล่อนหลอกสามีแถมยังหลอกเจ้าชายเราด้วย..ประมาณนั้น” ที่โจ๊กเล่าผมจับประเด็นได้บ้างไม่ได้บ้าง ฟังมันพูดแล้วเวียนหัว
“กูคิดว่ามึงไปหาไอ้เขมอาชีวะไม่เสียเที่ยว” แบมแทรก ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้ว แสดงว่าบอลลูนไปมีเรื่องกับไอ้เขม แต่ทำไมต้องโกรธแล้วมาลงที่ผม ความจริงน่าจะขอบใจด้วยซ้ำ ทำให้รู้ว่าโดนผู้หญิงหลอก
“เงียบทำไมมึง” แบมถาม ต่างจ้องผมนิ่ง คงแปลกใจที่จู่ๆผมดันเงียบไปเฉยๆ
“เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่มึงรู้เยอะเนอะ” ผมเบนความสนใจพวกมัน
“อ้าว..พูดเหมือนกูเสือกเลยอีห่า เรื่องนี้เขารู้ทั้งโรงเรียน น้องมึงกับชะนีนั่นดังน้อยเมื่อไหร่ ขยับตัวนิดก็เป็นข่าว ไม่ต่างกับมึงแหละดังโดยไม่รู้ตัว...อุ๊บ!” โจ๊กพูดไม่ทันจบ รีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ ยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปใหญ่ว่ามันต้องการจะพูดอะไร มองหน้ากนกกับแบมพากันจ้องโจ๊กตาขวาง
“กูดังเรื่องอะไร” คิดว่าเรื่องที่มันไม่ยอมพูดต้องเกี่ยวกับผม
“ไม่มีอะไร..กูก็พูดเรื่อยเปื่อย” มันเนียนเลี่ยง แต่ผมจับพิรุธได้
“โจ๊ก..มึงจะเล่าไม่เล่า” ผมคาดคั้น
“ไม่มีอะไรอีนี่!!!!” มันพยายามยืนยัน แต่ดันเสียงสูง
“มึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่า” ผมเล่นไม้ตาย
“อีบู..มึงนิ” มันเริ่มลุกหลิกแล้ว
“เอาเถอะ..หลุดปากไปแล้วเล่าให้มันฟังซะ” แบมตัดสิน โจ๊กมันหน้าจ๋อย ก่อนจะยอมเปิดปากพูด
“ที่โรงเรียนเค้าลือกันให้แซด ผัวชะนีจับได้เพราะมึงเป็นคนไปบอก แถมชะนีสายหมอยไม่ยอมให้ตัวเองเสียหน้า ประจานมึงเป็นเมียน้องแล้วเกิดหึง ถึงได้แจ๋นคาบข่าวไปบอกผัวนางที่ยืนยันว่าเลิกกันไปแล้ว ก่อนจะมาควงกับน้องมึง แล้วนางดันไปจับได้ว่าน้องมึงเป็นเกย์เอาพี่เป็นเมีย
นางไหวตัวทันขอกลับไปคืนดีผัวเก่า แต่น้องมึงตามไปง้อ เพราะยังต้องการใช้นางบังหน้ากลบเกลื่อนเรื่องพี่น้องเอากัน แถมหล่อนยังเชิดหน้าการันตีว่ายังไงหล่อนก็ขอเลือกผัวเก่าที่แมนเต็มร้อย ไม่ต้องมาเสียรู้โดนเกย์หลอกประมาณนี้ มึงเลยพลอยดังเป็นพลุแตกไปด้วย” ผมฟังโจ๊กเล่าถึงกับเผลอกำหมัดจนมือเกร็งไปหมด
“บูมึงใจเย็นข่าวย่อมเป็นข่าว สายไหมคงแค้นที่ไอ้เขมจับได้และรู้ว่ามึงไปบอกเพราะไอ้เขมคงเล่าให้ฟัง กูเดาว่าน้องมึงคงไม่คิดจะคบกับเธอหลังเรื่องแดงจนถึงขั้นต่อยกันขึ้นมา She เลยเหวี่ยงกุเรื่องให้ตัวเองดูดีก่อนหน้ากูว่าบอลลูนคงโดนชะนีนั่นพูดจาแบบนี้ใส่เหมือนกัน ไม่งั้นคงฟังเสียงซุบซิบในโรงเรียนไม่ได้หรอก กูเห็นหน้านิ่งทำหูทวนลมได้เนียนมาก ปกติใช่นิสัยน้องมึงที่ไหน” แบมเตือนให้ผมคิดตาม
“เห็นด้วยแบมพูดถูก มึงไม่ต้องใส่ใจหรอก ไม่ได้ทำเสียอย่างอย่าสนใจก็สิ้นเรื่อง มึงทำดีที่สุดแล้ว ดีที่น้องมึงไม่เป็นอะไรมากกูเห็นรอยช้ำแค่นิดหน่อยเอง พอตัวเลยมึงเชื้อไม่ทิ้งพี่ นึกว่าจะดีแต่หล่อที่ไหนได้เดียร์เล่าให้กูฟังไอ้เขมหน้ายับไปเยอะ หนักกว่าน้องมึงอีก ขนาดมันรุ่นพี่แถมเรียนช่างนะมึง เจอหัวเกรียนม.3 ลูบคมไปแบบนั้น คงอายแทบมุดดินกูว่า” กนกมันพูดกลั้วขำ แววตาชื่นชมบอลลูนไม่ปิด ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจากที่ฟังพวกมันเล่า สาเหตุที่น้องทำรุนแรงกับผมคงมาจากเรื่องนี้
น้องสั่งไม่ให้ผมไปยุ่งวุ่นวาย พอรู้ว่าแอบทำจนเกิดเรื่อง ยิ่งถ้าหากสายไหมด่าผมหึงน้องไว้ทำผัวด้วยแล้ว บอลลูนคงปรี๊ดแตกเพราะมันคือต้นเหตุที่ทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดอยู่แล้วด้วย มิน่าน้องถึงพูดว่าจะสงเคราะห์ผมให้สมใจ ความหมายมันมีที่มาแบบนี้นี่เอง
“มึงเงียบอีกแล้ว บอกว่าไม่ต้องคิดมาก” โจ๊กบีบไหล่ให้กำลังใจ พร้อมกับปลอบผมไปด้วย สบตาพวกมันแต่ละคนที่มองมาอย่างเป็นห่วง พลันละอายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าบอกพวกมันว่าตอนนี้ข่าวลือที่พวกมึงได้ยินมา ดันกลายเป็นเรื่องจริงกูเป็นเมียน้องไปแล้ว พูดไม่ออกหน่วงอกปวดหนึบไปหมด
“มีการบ้านด้วยนะมึง กูเอางานมาแล้ว” แบมพูดเสร็จ ก็ล้วงสมุดมาส่งให้ผม เป็นการเบนความอึดอัดดึงผมออกจากอาการใบ้แดกได้สำเร็จ ผมยื่นมือไปรับมาเปิดดูคราวๆ ไว้เดี๋ยวค่อยจัดการทีหลัง
“ขอกูล้างหน้าแป๊ป ค่อยลงไปข้างล่างกัน” ผมบอกพวกมันที่พากันพยักหน้ารับ ก่อนลุกยืนเดินเข้าห้องน้ำ พยายามฝืนให้ปกติมากที่สุด กลัวโดนจับสังเกต
“ให้กูช่วยเหอะอีบู ท่าทางมึงเหมือนลำบากกับการก้าวลงบันไดยังไงไม่รู้ ถามจริงมึงไปทำอะไรมา ไปต่อยกับใครมาอีกสิอีนี่” โจ๊กไม่พูดเปล่าเข้ามาหิ้วปีกผมช่วยถ่ายน้ำหนัก ผมเกาะราวบันไดเดินลงไปข้างล่าง ให้ตายพยายามฝืนแล้วนะ แต่ทำไมมันยังแปล๊บจนจี๊ดขึ้นหลังก็ไม่รู้ อาการไข้ไม่เหลือแต่ไอ้อาการปวดช่วงล่างยังอยู่
“อืม..แอคซิเดนนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” โชคดีที่มันพานเข้าใจว่าผมไปมีเรื่องชกต่อย พอถูๆไถๆไปได้ มันกำลังจะถามต่อ ถูกขัดขึ้นก่อน
“ทานข้าวครับ” บอลลูนเงยหน้าขึ้นมองพวกผมที่กำลังลงบันได ก่อนจะเอ่ยปากชวนทานข้าว น้องเตรียมทุกอย่างขึ้นโต๊ะเรียบร้อย เป็นภาพแปลกตาสำหรับผมมาก ที่เห็นผ้ากันเปื้อนคาดอยู่บนตัวน้องทับชุดนักเรียนครึ่งท่อน เพราะเสื้อดันเป็นยืดสีขาวแทนเสื้อนักเรียน
“ว้าว..นี่น้องบอลทำเองหมดเลยเหรอ” โจ๊กดี๊ด๊า ออกอาการลัลลาอย่างออกนอกหน้า
“ครับ” บอลลูนตอบรับสั้นๆ ดีที่หน้าหล่อไม่บึ้งตึงจนดูไร้มารยาท แค่นี้พวกเพื่อนไม่ติดใจหรอก ชินนิสัยกันแล้ว
“ขอพี่ถ่ายรูปหน่อยสิ” พูดไม่รอคำอนุญาต มันล้วงไอโฟนรุ่นท็อปที่กำลังฮิตล่าสุด มากดชัตเตอร์ทันที
“หึหึ..ถ่ายไปทำไมครับ” บอลลูนแอบขำ พานทำให้ผมแปลกใจเข้าไปใหญ่ นอกจากไม่รำคาญยังถามโจ๊กอีกด้วย
“พี่จะอัพเฟสยั่วให้คนอิจฉาเล่นๆ น้องบอลคงไม่ห้ามใช่ไหม” บอลลูนเงยหน้ามองโจ๊ก มุมปากยกยิ้มนิดๆ
“ตามสบายครับ” เป็นอีกเรื่องที่พวกผมอึ้ง ปกติบอลลูนไม่ค่อยให้ใครวุ่นวายด้วย นอกจากไม่เหวี่ยงโจ๊กแล้วยังอนุญาตอีกต่างหาก พวกผมเลื่อนเก้าอี้นั่งประจำโต๊ะ ก่อนแบมจะอาสา
“พี่ช่วยตักข้าวดีกว่า” พูดจบคว้าโถข้าวบริการตักแจกครบคน
“ไม่น่าเชื่อบอลจะทำกับข้าวเป็น ดูดีเสียด้วย” กนกมันคงอึ้งปนสงสัย ผมเองยังไม่เชื่อสายตาว่าอาหารบนโต๊ะที่ควันร้อนยังลอยกรุ่นจะเป็นฝีมือบอลลูนล้วนๆ
“พอได้ครับ หน้าตาดีแต่ไม่รับประกันเรื่องรสชาตินะครับ” พูดจบตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงใส่จานให้ผมเป็นคนแรก คงเคยชินที่น้องมักทำเสมอ แต่แปลกตาสำหรับพวกเพื่อนที่พากันนิ่งไปอึดใจใหญ่
“เชิญครับ” ต่างได้สติเมื่อบอลลูนย้ำนั่นแหละ พวกมันถึงพากันจ้วงกับตักใส่จานกินแก้เก้อ มีชำเลืองมองผมเป็นระยะ ซึ่งผมก็เนียนไม่พูดตักข้าวกินเงียบๆ คือผมชินเพราะเรารู้กัน แต่พวกมันคงเห็นเป็นเรื่องแปลกที่บอลลูนทำแบบนี้ละมั้ง
“ว้าว!อร่อยอ่ะ ตายแล้วหน้าตาดีแถมทำกับข้าวอร่อยอีก ใครได้ไปเป็นแฟนคงปลื้มสุดๆ” โจ๊กทำมือประสานอก ลอยหน้าลอยตาตามคำพูดดูน่าหมั่นไส้พิลึก หน้ามันคมเข้มหล่อจนสาวเหลียวดันแต๋วแตก
“เยอะไปแล้วมึงตุ๊ด” กนกปราม
“คงไม่มั้งครับ ยอมากผมเขินนะพี่โจ๊ก” บอลลูนยิ้มโชว์เขี้ยวเผยลักยิ้มอย่างหล่อ
“ต๊าย!!ถ่อมตัวเนอะคนเรา หล่อกว่ามาริโอ้อีกครบเครื่องเต็มสูตร มิน่าชะนีน้อยใหญ่ถึงได้ระริกระรี้” โจ๊กมันยังไม่หยุดพล่าม ปล่อยลูกยอลูกหยอดไม่ยั้ง คงเห็นโอกาสที่น้อยครั้งบอลลูนจะวางตัวเป็นกันเองแบบนี้
“หึหึ..” บอลลูนไม่ตอบหัวเราะในคอเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาสนใจกินข้าว มีชำเลืองมองผมด้วย แต่ผมเมินไม่สบตาตอบ ผมไม่พร้อมที่จะให้อภัยน้องตอนนี้ ถึงจะเริ่มเดาสาเหตุได้บ้างก็ตาม
“หนก..เดี๋ยวมึงขึ้นไปหยิบถุงขนมที่กูเอามาฝาก ลงมาให้บูกับน้องบอลทีสิ เก็บไว้มันไม่อร่อย” แบมบอก กนกพยักหน้างึกงัก
“ไปเที่ยวบ้านพี่ต้นมาเป็นไงมึง” ผมถามแบม เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเกินไปหากผมไม่มีบทพูดเสียเลย สายตาเทาอมฟ้ายังมองมาเป็นระยะ
“ก็ดี..บ้านพี่ต้นครอบครัวเขารับกูได้ แม่เขาก็รักกูมากถือว่ากูสองคนโชคดี” แบมมันพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มบนหน้าสวย ยิ่งมันยิ้มหน้ามันยิ่งหวาน สาวสวยบางรายยังต้องชิดซ้ายด้วยซ้ำ
“ฟ้าไม่ยุติธรรมมึงสมหวังทุกอย่าง กูต้องหลบๆซ่อนๆจะแอดฯแล้วด้วย ปีหน้าก็ต้องห่างน้องเดียร์ อันตรายชิบหายรักแท้แพ้ระยะทาง” กนกมันเปรยแกมตัดพ้อโชคชะตา บ้านมันรับไม่ได้ถ้ามันเป็นทอมจริงๆ
“กูดีนิ..พ่อลากไปฝึกที่ค่ายวันเสาร์ โหยนึกว่าไปรบสงครามบอสเนียหลบระเบิดแทบไม่ทัน ทำยังกับกูเป็นหน่วยสวาท แถมยังมีชะนีน้อยลูกเพื่อนพ่อคอยกวนใจกูอีก” โจ๊กมันบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หน้าตาเอือมระอาเหนื่อยหน่ายประกอบคำพูดจนเห็นภาพ
“พี่โจ๊กไม่คิดมองผู้หญิงเลยหรือ สาวห้องผมมีคนแอบชอบพี่เลย” บอลลูนจ้องโจ๊กนิ่ง ถามในสิ่งที่พวกผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากบอลลูน โจ๊กมันอึกๆอักๆ ก่อนจะหน้าแดงตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ไม่รู้สิผู้หญิงสวยก็ดูรู้ว่าสวยนะ แต่มันไม่คิดด้วย” อาการของมันทำให้พวกผมอมยิ้มขำ นานทีจะเห็นโจ๊กมันเขิน
“มันเข้าสายเลือดเลยหรือครับ” บอลลูนยังคงซักต่อ
“ดูน้องบอลสนใจจัง” แบมขัดขึ้น ไม่แค่มันหรอก ผมเองก็แปลกไม่น้อยที่บอลลูนพูดมากผิดปกติ
“ผมสงสัยเลยอยากรู้ อย่างพี่แบมพอเข้าใจเพราะรูปร่างหน้าตาไปทางผู้หญิงจนหมด แต่พี่โจ๊กผมดูยังไงก็ไม่ให้” นี่คือเหตุผลที่น้องบอก ความจริงก็ถูกของบอลลูน แต่เรื่องจิตใจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พูดไปคงไม่เข้าใจหรอก
“เรื่องแบบนี้มันพูดยาก ปัญหาโลกแตก” แบมสรุปดื้อๆ
“ถ้าพ่อมึงหาผู้หญิงให้..มึงทำไงโจ๊ก” กนกถาม โจ๊กกลับไม่ตอบแต่ย้อนกลับ
“แล้วถ้าป๊ากับม๊ามึงหาผัวให้มึงล่ะ..ทำไง” สองคนจ้องหน้ากันนิ่ง ต่างไม่มีใครยอมตอบ
“ไว้ถึงตอนนั้นปัญหาคงมีทางออก คิดอะไรมากทำอย่างกับพวกมึงจะแต่งงานเร็วๆนี้” ผมตัดบท หลังฟังพวกมันพูดเรื่องปวดหัวไม่หยุด บอลลูนชำเลืองมองหน้าผมแวบ ก่อนหันไปสนใจทานนิ่ง ไม่ติดใจถามอะไรอีก
“น้องบอลล่ะดังเป็นพลุแตก ไม่มีอะไรจะเล่าให้พวกพี่ฟังเลยหรือ” โจ๊กแหย่ทีเล่นทีจริง น้องหันมองหน้ามัน
“เรื่องอะไรครับ” หน้านิ่งตีมึน แต่กลับดูดีได้อีก
“ก็เรื่องล่าสุดที่สลัดนางนพมาศคนดัง ไม่แก้ตัวเลยหรือครับ” โจ๊กยังไม่เลิก ผมเงียบไม่รู้ควรทำยังไง ในใจกำลังลุ้นว่าบอลลูนจะโกรธหรือเปล่าที่โจ๊กไปถามแบบนั้น
“ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมไม่เคยพูดว่าเราคบกันเสียหน่อย” บอลลูนตอบได้หน้ามึนมาก แต่ละคนอึ้งไปตามๆกัน
“แปลว่าชะนีนั่นเม้าส์มอยไปเองสินะ” โจ๊กทำหน้าที่เป็นเจ๊สอดได้อย่างเหนียวแน่น
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่าครับ ผมไม่ชอบนินทาผู้หญิง” โอ้!แอบมองโจ๊กคิดว่ามันคงสลดกับประโยคนี่ไปแล้วเสียอีก
“แต่ผู้หญิงให้ข่าวก่อนนะ ไม่คิดจะแก้เลยหรือ” ตรงข้ามโจ๊กออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนแทน โดยมองข้ามประโยคเมื่อกี้ไปแบบไม่เข้าหู
“ข่าวก็คือข่าว พี่โจ๊กเชื่อหรือครับ” บอลลูนยักไหล่ดูกวนสุดๆ
“เชื่อไม่เชื่อ..ไม่ใช่ประเด็นเลยสำหรับพี่ แต่มันทำให้บูตัสเสียหาย กลายเป็นเป้าโจมตีไปแล้ว” โจ๊กออกตัวแทนผมนี่เอง ผมกำลังจะอ้าปากห้ามยังไม่ทันได้พูด
“เสียหายเรื่องไหนครับ” บอลลูนดันถามเสียก่อน จ้องรอคำตอบจากโจ๊ก ท่ามกลางความสนใจของแบมกับกนก ในขณะที่ผมลนไปแล้ว
“อ้าว!..ก็เรื่องบูตัสหึงน้อง จนไปฟ้องแฟนเก่าชะนีนั่น พี่ว่ามันเสียหายนะเรื่องนี้” โจ๊กมันเลี่ยงคำไม่สุภาพไปเยอะ ลองเป็นปกติคงได้ใช้คำที่บอลลูนฟังแล้วแหยงหูพิลึก
“แล้วตกลงเป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่าเล่าครับ” คราวนี้เป็นพวกผมที่อึ้งตามกันเป็นแถว นอกจากน้องไม่ตอบกลับย้อนถามโจ๊กแต่สายตาดันจ้องหน้าผมนิ่ง
“โจ๊กพอเหอะอิ่มแล้วใช่ไหม” ผมเปลี่ยนเรื่อง หลังบรรยากาศมาคุท่าทางโจ๊กมันคงกะเฉ่งบอลลูนแล้ว เพราะมันเคยพูดเอาไว้ว่ามีโอกาสจะอบรมให้ขี้หูไหลผมยังจำได้
“เห้ย!!ทำไมน้องบอลถามแบบนี้ บูตัสเป็นพี่การหึงมันเป็นไปไม่ได้ ความห่วงใยหรือหวงน้องนะใช่ พี่เขารักและห่วงเรามาก บางครั้งทำอะไรลงไปก็เพราะเหตุผลเหล่านี้ ไม่ใช่ถูกป้ายสีตีไข่บิดเบือนอย่างที่ได้ยินมา” โจ๊กเสียงเข้มตามอารมณ์ ผมพูดไม่ออก..ปรามแล้วมันไม่ฟัง
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับบู ผมว่าพวกพี่ไม่ยุ่งดีกว่าไหม” บอลลูนตัดบท ก่อนจะลุกหันหลังเดินขึ้นห้องไม่ฟังอะไรอีกเลย
“โว้ย!!..น้องมึงนี่บทจะซึนแม่งได้โล่” โจ๊กหงุดหงิดจิกหัวตัวเองอย่างฉุนเฉียว
“มึงไม่ควรไปยุ่งแต่แรก” แบมมันบอกแถมส่ายหน้าให้โจ๊กด้วย
“นั่นสิ..เป็นไงกร่อยหมด” กนกสนับสนุน
“ทีถามกูล่ะเห็นกูเหวี่ยงใส่หรือเปล่า คำถามห่าไรกูยังไม่ว่าสักคำ” โจ๊กมันเถียงคืน
“พอเหอะ อิ่มกันแล้ว กลับเลยไหม” ผมขัดก่อนจะลามไม่จบ
“หนกมึงไปเอาขนมในห้องมา เดี๋ยวพวกกูเก็บล้างรอ” แบมสั่ง
“ได้..” พูดจบกนกก็ลุกเดินขึ้นบันไดไปห้องผมทันที
“ช่วยเก็บสิตุ๊ด” แบมหันมาสั่งโจ๊ก
“ย๊ะ!..อีผู้หญิงมีดุ้น” โจ๊กมันสวน ก่อนจะช่วยกันรวบรวมถ้วยชามไปล้างเคลียร์โต๊ะให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเราพากันมานั่งตรงโซฟา
“ไอ้ทอมมันไปขึ้นต้นตาลอยู่หรือไง ให้ไปหยิบขนมหายเป็นชาติ” โจ๊กบ่น พวกผมเพิ่งนึกขึ้นได้ กนกมันหายไปนานพอดู
“มันคงหลบ กลัวช่วยล้างจานเก็บโต๊ะหรือเปล่า มึงไปตามมันสิ” แบมบอก โจ๊กตั้งท่าจะลุก พอดีกนกเดินลงบันไดมาเสียก่อนพร้อมถุงขนมในมือถือติดมาด้วย
“เหี้ยทอมหายหัวกลัวล้างจานสิมึง..สันดานเสีย” โจ๊กใส่ทันที
“ชู่ววว!!..” กนกจุ๊ปาก ให้โจ๊กเบาเสียง
“มีอะไรทำเหมือนไปเจอความลับในห้องอีบู” มันเบาเสียงลงแต่ไม่หยุดซัก
“เออสิ..กูเข้าไปเจอน้องบอลพอดี”
“ห๊ะ!..” เป็นผมที่หลุดปากเสียเอง ไม่คิดว่าบอลลูนจะเข้าห้อง น้องไม่เคยเข้าไปเหยียบห้องผมเลยหลังจากพ่อแม่จากเราไป
“อืม..กูเลยกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้อารมณ์ไหนเห็นนั่งบนเตียงนิ่ง รอจนแน่ใจว่าไม่น่าจะอะไรมาก ถึงขออนุญาตเข้าไปหยิบขนม” กนกบอก
“แค่เนี่ยะที่มึงหายไปเป็นชาติ ทำจุ๊ปากเหมือนมีความลับอีห่า” โจ๊กมันไม่สบอารมณ์ หลังฟังกนกเล่า
“ยังไม่หมดเว้ยตุ๊ด..กูยังเล่าไม่จบ” กนกยักไหล่กวนใส่
“อมสากอยู่หรือไง เสือกขยักไว้อีก” โจ๊กก็เหวี่ยงเสียยับ
“ปล่าวอมสาก..แต่ที่ขยักเพราะมีตุ๊ดปากหมาขัดกูอยู่ตลอด” กนกก็ย้อนได้แสบๆคันๆ
“เอ๊ะ!..พวกมึงนิ..จะกัดกันหาหอกทำไมฮึ” เป็นแบมที่แหวพวกมันจนสงบศึก ต้องรอสวยประหารตัวแม่ปรามก่อน ถึงยอมพักรบได้
“เล่าต่อซิ..หนก” แบมสั่ง
“น้องบอลดันชวนกูคุย ถามเรื่องข่าวที่บูตัสหึงน้องกับเรื่องเล่าบูเป็นเมียน้องบอล สารพัดที่คนเขาพูดกันในโรงเรียน ว่าพวกเราคิดกันยังไง” ผมอึ้งไม่คิดว่าบอลลูนจะถามกนกแบบนี้
“แล้วมึงตอบไปว่าไง” โจ๊กมันเร่ง
“กูบอกไม่คิดอะไร เพราะรู้จักบูตัสดี ที่มันทำไปทั้งหมดเพราะอะไร แต่คนอื่นกูไม่รู้” กนกมันตอบตรงๆ ตามนิสัย
“แล้วบอลลูนเชื่อมึงไหม” แบมถาม
“น้องมันก็เงียบ ไม่พูดอะไรอีก”
“แค่เนี่ยะ!” โจ๊กมันทำหน้าผิดหวัง ไม่รู้มันลุ้นอะไรอยู่
“อ๊ะ!..เดี๋ยวกูมีเตะตุ๊ดโชว์” กนกง้างเท้าเหย่งๆ
“กูกลัวตาย เดี๋ยวปั๊ดจับยกล้อ ล่อตูดทอมให้เสียหมาเลยมึง” ไม่รู้ว่าโจ๊กมันจะรู้ตัวหรือเปล่าที่หลุดปากอย่างนั้น ผมกับแบมมองหน้ากันอึ้ง กว่ามันจะสำนึกได้ ถึงกับเออแดกหน้าแดงหูแดง กนกอ้าปากหวอไปแล้ว แต่เหมือนมันจะได้สติเร็วกว่าโจ๊ก รีบกลบเกลื่อนพูดมาเสียก่อน
“กูเลยถามคืนบ้าง ว่าน้องบอลคิดยังไงกับข่าวนี้ ไม่คิดจะแก้ข่าวให้บูตัสมันบ้างหรือ เพราะมันทำไปทั้งหมดเพื่อน้องบอล” กนกมันพูดต่อ แถมลิ้นพันกันอีก จนต้องลำดับประโยคทวนคำพูดมันด้วยตัวเอง
“คำตอบว่าไง” แบมถาม
“น้องบอกคงแก้ไม่ได้แล้วล่ะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” กนกพูดจบ ทุกคนหันมองหน้ากันไปมาเลิกลั่ก ก่อนจะมาหยุดที่ผม
“อะไร” ผมไม่รู้ว่าตัวเองมีสีหน้าแบบไหน แค่รู้สึกหวิวในใจหลังฟังคำบอกเล่าของกนก
“กูงง..อะไรคือความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” แบมมันถาม ผมอึกอักกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“คงหมายถึงให้เชื่อความจริงมั้ง” ผมแถ ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าทำไมบอลลูนถึงได้ทิ้งปริศนานี้ให้กนก
“หรือจะหมายถึง ข่าวลือไม่ใช่ความจริง รอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ความจริงจึงคือสิ่งไม่ตาย” โจ๊กมันวิเคราะห์ แต่ผมหนาวไปถึงไขสันหลัง ถ้าพวกมันรู้ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายมีอะไรแอบแฝงอยู่ล่ะก็ ผมคงสู้หน้าพวกมันลำบาก เพราะความจริงจากข่าวลือผมตกเป็นเมียน้องไปแล้ว ถึงจะเกิดจากอารมณ์โมโหชั่ววูบ น้องขาดสติข่มเหงผมก็เถอะ แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผมเป็นเมียบอลลูนมันแล้วจริงๆ
“พวกมึงจะกลับหรือยัง” ผมเปลี่ยนเรื่อง ฟังดูเหมือนไล่ก็ช่าง
“อ่ะ..อีนี่ไล่พวกกู ยังไม่ได้แดกขนมเลยอีบู” โจ๊กมันท้วง
“งั้นรีบกิน กูอยากอาบน้ำนอนพักแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหว” ผมเร่ง ไม่อยากอยู่กับพวกมันนาน เดี๋ยวมีเรื่องพูดไม่พ้นตัวอีก
“นี่ตุ๊ด..มึงลืมบอกบูตัส พี่หนวดเขาถามหามัน” กนกเตือนโจ๊ก
“เออกูลืมเลย อีบูพี่หนวดเขาให้มึงไปหา น่าจะนัดซ้อมมวย ยังไงพรุ่งนี้มึงไปพบเขาด้วย” โจ๊กบอก ผมพยักหน้ารับ ก่อนพวกมันจะแกะขนมกินไม่ลืมแกะเผื่อผมด้วย ยกเว้นแบมมันขอบายบอกกินมาเยอะแล้ว เสร็จจากนั้นพวกมันก็ขอตัวกลับ ผมยืนส่งเสร็จตั้งใจขึ้นห้องอาบน้ำทำงานส่งอาจารย์แล้วค่อยนอน เผลอถอนหายใจ มีเรื่องให้คิดไม่เว้นแต่ละวัน..เฮ้อ?
ความคิดเห็น