ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@@ {My..Love}

    ลำดับตอนที่ #6 : Part 5

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 56



    อยากถามว่า นิยายที่คนเขียนนำมาลง

    มันไม่สนุก ไม่ถูกใจ หรือพวกคนอ่านไม่ชื่นชอบหรืออย่างไร

    ไม่เห็นมีเม้นท์ แสดงความคิดเห็นสักเท่าไหร่

    ทั้งๆที่ อิคนเขียนก็ขยันอัพให้ไม่ขาด ที่พูดไม่ได้เรียกร้อง

    แค่เป็นไปตามธรรมชาติของการสื่อสาร ไม่ว่าจะสื่อสารแบบไหน

    เราย่อมคาดหวังปฏิกิริยาตอบรับจากผู้รับสาร
    บทเรียนพื้นฐานของการ 'สื่อสาร'

    หากคนเขียนทำอะไร ให้พวกคุณคนอ่าน
    ไม่พึงปรารถนาขอขมาด้วยเด้อ

    แต่หากมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง อยากได้พบเจอเห็นหน้าพวกคุณ

    ได้ออกมาทักทายให้รู้สึกสักนิด ว่าผลงานของคนเขียน ก็มีคนอ่าน

    อย่าให้ต้องมาเป็นหมอดู หมอเดากันเลยนะคะ ขอบคุณ...?

    ปล.เพิ่งจะง้างปากตัวเองก็ตอน 50 นี่แล้วแหละ

    ไม่น่าเกลียดไปใช่ไหมที่อิคนเขียนจะ...นอยด์...เป็น..เหอๆๆๆๆๆๆ

    ปลล.ใครที่เคยให้กำลังใจกัน ขอบคุณพวกคุณมากๆ

    ที่เข้าใจคนติสแตก





    My love
    Part 5

     ผมกำลังทำอาหารเย็น ในหัวดันมีเรื่องของบอลลูนรบกวนตลอด
    ปกติสมาธิผมจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ
    พยายามหยุดคิด..แต่ไม่ได้ผล


    ผมคงกังวลเกินไป ทั้งที่รู้แต่หยุดไม่ได้
    อาจเป็นเพราะคู่กรณีอยู่คนละสถาบัน
    ซ้ำเป็นเด็กอาชีวะใช้วิธีเดิมลำบาก
    ตัดสินใจคุยกับบอลลูนให้เข้าใจดีที่สุด


     “รบกวนเปล่า พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
    น้องนั่งดูหนังหลังทานข้าวเสร็จ
    คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยอะไร
    ตาคมโตมองผมนิ่ง ผมถือว่าอนุญาต
    ตามแบบฉบับของเขาเฉพาะตอนอยู่กับผม


    “เสาร์นี้ไปกินเลี้ยงบ้านน้องเอกใช่เปล่า”
    ตั้งใจใช้น้ำเสียงนุ่มๆ ให้รู้ว่าผมไม่มีเจตนาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว


     หน้าหล่อแบบลูกครึ่งยังจ้องผมนิ่ง แม้จะเตรียมใจมาพอสมควร
    เอาเข้าจริงอึดอัดไม่น้อย ต้องคอยมานั่งเดาความคิด
    เหมือนพูดคนเดียว สาเหตุที่ไม่อยากคุยกับบอลลูน
    ลงท้ายมักรู้สึกแย่เสียส่วนใหญ่


     “คือพี่ไม่ได้อยากจะยุ่งนะ แต่เรื่องพาสายไหมไปด้วย
    ลองทบทวนดูก่อนไหม” ผมกลั้นใจพูดไปเลยทีเดียว

     

    “นี่ขนาดไม่อยากยุ่ง ยังรู้ทุกเรื่อง” สีหน้าเบื่อหน่าย
    ที่น้องแสดงออกพร้อมกับคำพูดที่ฟังดูตำหนิเห็นๆ

     

    “บังเอิญวันก่อน ได้ยินเราคุยกันที่โรงอาหาร
    พี่นั่งโต๊ะข้างหลัง” ทั้งที่พูดความจริง
    แต่เหมือนผมพยายามแก้ตัวยังไงไม่รู้


    “หึ..แล้วยังไง” สบถขึ้นจมูกก่อนถามกวนเล่นผมไปไม่เป็นทีเดียว
    ต้องรวบรวมสติไหนๆก็ตั้งใจแล้ว เลยต้องย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง


    “พี่อยากให้บอลทบทวนเรื่องสายไหม เป็นไปได้ห่างเธอหน่อยก็ดี”
    แอบถอนหายใจยาว หลังพรั่งพรูสิ่งที่ต้องการพูดออกไปจนหมด

     

    คิ้วเข้มขมวดมุ่น ตาคมโตออกอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที
    สีหน้าแบบนี้ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา กำลังหงุดหงิดผมแล้ว

     

    “เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายเสียที ยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เรื่องไม่จบ
    ที่เงียบไม่ได้แปลว่าโง่ บอลรู้นะที่บูไปมีเรื่องจนเข้าห้องปกครองออกบ่อย
    เพราะไปชกต่อยกันเรื่องผู้หญิงที่เข้ามาตีสนิทกับบอล”
    ผมอึ้งสนิท แม้จะเคยคิดว่าบอลลูนอาจจะรู้ แต่พอไม่ถาม
    พานเข้าใจว่าน้องไม่รู้และผมปิดได้มาโดยตลอด

     

    “พี่ทำเพราะเป็นห่วง พวกมันจะเอาเรื่องบอล”
    แม้จะรู้สึกผิด แต่ผมก็พยายามอธิบาย

     

    “ก็ให้พวกมันมาสิ บอลไม่ใช่ตุ๊ดจะได้ไม่สู้ 
    อ้อ!..ไม่สิตุ๊ดบางคนก็สู้ทำได้ดีเสียด้วย
    จนใครต่อใครเอาไปพูดว่าหวงน้องไว้เป็นผัวกันหมดแล้ว”
    เสียงที่เริ่มจะดังตามอารมณ์

     

    “บอลลล!!” ผมครางเสียงแหบ ไม่คิดจะได้ยินประโยคนี้จากปากของน้อง
    ที่แน่ๆรู้สึกขอบตาร้อนไปหมด เริ่มพร่าแต่ผมไม่ยอมให้มันไหลออกมาเด็ดขาด

    “รู้ไหมที่บูทำมีผลยังไงบ้าง คนที่ไปมีเรื่องด้วยกลับไปจัดการ
    ผู้หญิงพวกนั้นสมความตั้งใจบูทุกอย่าง แต่...”
    น้องเว้นจังหวะจ้องผมด้วยสายตากร้าวบอกอารมณ์โมโหชัด
    ผมกัดปากนิ่งรอฟังประโยคที่น้องเจตนาเว้นวรรค
    ด้วยสภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยวแถมปวดหนึบ


    “พวกเธอเลยมาด่าบอล ว่ามีพี่เป็นตุ๊ดหวงน้องไว้ทำผัว
    เร่หาเรื่องแฟนเก่าของพวกเธอ อ้างว่าห่วงน้องจนอีรุงตุงนังไปหมด
    ทีนี้เข้าใจหรือยังว่ามันแย่ยังไง” น้องพูดจบลุกเดินหนี
    ผมได้สติคว้าแขนรั้งเอาไว้


    “บอลเดี๋ยวก่อน..มันไม่ใช่แบบที่พวกนั้นพูดเลยนะ ฟังพี่ก่อนสิ”
    น้ำตาคลอเบ้าอุตส่าห์กลั้นไว้ดันไหลออกมาจนได้
    ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวหา เท่ากับความเข้าใจผิดใหญ่โต
    ที่น้องฟังคำพูดพวกนั้น น้องยอมหยุดแต่สะบัดแขนออกจากมือผมอย่างรังเกียจ


    “พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น..บอลคงไม่เชื่อคำพูดพวกนั้นใช่ไหม
    ที่พี่ทำไปเพราะไม่อยากให้บอลมีเรื่อง
    แล้วยิ่งเป็นสายไหมพี่รู้เค้ามีแฟนเป็นเด็กอาชีวะ
    ขืนบอลไปรับต้องมีเรื่องแน่ๆ” ผมรีบอธิบาย
    น้ำตาไหลไปด้วยแต่ไม่มีเสียงสะอื้นให้โดนสมเพชไปกว่านี้แน่
    แค่กลั้นไม่อยู่ยังไม่รู้ว่าบอลจะทุเรศผมแค่ไหน
    ขืนมีเสียงร้องคงได้รำคาญด่าผมให้ปวดตับเข้าอีก


    “จะพูดเป็นครั้งสุดท้าย บอลจะคบใครไม่คบใคร
    มันไม่ใช่ธุระที่บูต้องเข้ามายุ่ง บอลโตแล้วดูแลตัวเองได้
    ถ้าจะเกิดเรื่องเพราะผู้หญิงก็ให้พวกมันมาเคลียร์กับบอลเอง
    บอลไม่เคยแย่งผู้หญิงของใคร เธอบอกเลิกกับแฟนเก่าหมดแล้ว
    มันใช่ธุระที่บอลต้องตามไปถาม..ว่าพวกมึงเลิกกันหรือยัง
    ยิ่งบูทำแบบนี้สิ่งที่พวกมันเอาไปพูดยิ่งไม่จบ
    บูไม่ใช่บอลจะได้ทนฟังเรื่องจัญไรพวกนี้อยู่ได้”
    พูดจบน้องหนีขึ้นบันไดไม่เหลียวหลัง ปล่อยผมเข่าอ่อน
    ทรุดนั่งอย่างหมดแรง ปวดหัวตุ๊บๆ จนแทบระเบิด


    ผมจมอยู่กับความคิดเป็นชั่วโมง ยังไม่ยอมขยับไปไหน
    ทบทวนคำพูดของบอลลูนไม่รู้กี่รอบ
    น้องห้ามผมยุ่งฟังดูเหมือนง่าย แต่ผมทำไม่ได้
    พ่อกับแม่ให้ผมรับปากดูแลไม่ทอดทิ้งน้อง


    ตอนนี้เรามีกันสองคน หากบอลลูนเป็นอะไรไป
    ผมจะมีหน้าไปบอกพ่อกับแม่ว่ายังไง ผมทนเห็นน้องเจ็บไม่ได้หรอก
    ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่บอลลูนพูดมาทั้งหมด แต่มันก็แค่คำคน
    ความจริงเรารู้อยู่แก่ใจไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนั้นพูดสักหน่อย
    ทำไมต้องแคร์ขนาดนี้ด้วย

     

    ไม่ยุ่งไม่ได้ ในเมื่อคุยกับน้องไม่ได้ผล
    คงต้องใช้วิธีเดิมไปคุยกับต้นต่อให้รู้เรื่อง
    พรุ่งนี้วันศุกร์เลิกเรียนเร็ว คงต้องไปเที่ยวอาชีวะแล้วสินะ..?

     

    “อีบู..มึงแน่ใจแล้วใช่ไหม” โจ๊กถาม
     

    “ไม่เปลี่ยนใจ” กนกย้ำ
     

    “เอาแน่นะมึง” แบมปิดท้าย ผมไม่ตอบ
    ใช้วิธีมองหน้าพวกมัน ก่อนจะพยักหน้าแทนการพูด

     

    “เฮ้ออออ!!!” เสียงถอนหายใจของแต่ละคน
    ดังขึ้นพร้อมๆกันเหมือนทำใจล่วงหน้ากับคำตอบผมไว้แล้ว

     

    “กูโทรบอกพี่ต้นก่อน”
    แบมตั้งท่ากดโทรศัพท์ แต่ผมรั้งมันไหว

     

    “อย่าเพิ่งดีกว่ากูลองไปคุยดูก่อน บางทีอาจไม่มีอะไรก็ได้”
    ผมไม่อยากรบกวนแฟนมัน ลองเพิ่งตัวเองดูก่อน..ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที

     

    “มึงแน่ใจเอาแบบนี้” แบมมันจ้องผมนิ่ง
     

    “อืม..กูไม่รู้จักหน้าคนชื่อเขม กลัวไปเสียเวลาเปล่า เอาไงดี”
    ผมเปลี่ยนเรื่อง บอกปัญหาที่ยังคิดไม่ตก

     

    “ถามเอาสิมึง”  โจ๊กมันแนะนำ
     

    “ถามพ่อง..มึงดิ..” กนกซัดไปเต็มๆ
     

    “อ้าว!..ไม่ถามแล้วจะรู้ได้ยังไง มีปากก็ถามสิว่ะ
    ชะนีสายหมอยออกจะดังในโรงเรียน
    ลองคบคนชื่อเขมมันคงไม่เลือกไอ้ปลวกที่ไหนมาเดินควงหรอก
    หล่อนไฮโซจะตาย ถึงได้ตามเจ้าชายกูแจ
    เชื่อสิอย่างน้อยต้องมีคนรู้จัก มึงเก็บปากไว้แดกขี้ดีกว่าเหี้ยหนก”
    มันก็สวน พร้อมเหตุผลเป็นเรื่องเป็นราว
    เหยียดปากใส่อย่างผู้ชนะอีกต่างหาก

     

    “กูว่าไม่ควายแค่ตัวแล้วตุ๊ด ควายทั้งตัวและสมองเลยมึง
    คนชื่อเขมในอาชีวะมีกี่คน ชื่อนามสกุลจริงมึงก็ยังไม่รู้
    รูปพรรณสัณฐานก็บอกไม่ได้ เดินดุ่มเข้าไปถามต้องใช้เวลาเท่าไหร่ 
    โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก ตัวมึงแหละเก็บปากไว้แดกขี้ กูแดกจิ๋มอร่อยกว่าเยอะ”
    กนกใส่กลับเป็นชุด สรุปยังคงไม่ได้อะไรเพิ่ม..นอกจากฟังพวกมันกัดกัน


    “อ้าวทอม..ปากงี้ก็สวยสิ” โจ๊กฮึดฮัดออกท่าทางใส่


    “เสียใจกูไม่สวย..แต่กูหล่อบวกเท่” กนกยักคิ้วกวนคืน


     “หยุดดดด!!!..กัดกันหาพ่องมึงเหรอ แทนที่จะช่วยกันคิด
    ดันทำให้กูปวดประสาทได้อีก” แบมเบรก มันพากันหุบปากสนิท
    หลังสวยประหารตัวจริงเริ่มวีน แต่สายตายังแอบขมึงใส่กัน
    เหมือนโยนความผิดให้อีกฝ่าย ผมไม่สนใจท่าทางพวกมันหรอก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า....?


     “กนก..น้องเดียร์อยู่ห้องเดียวกับสายไหม”
    ผมพูดขึ้นลอยๆ แค่นั้นพวกมันก็เข้าใจทันที


     “กูจะลองดู ไม่แน่ใจเดียร์มีข้อมูลให้หรือเปล่า
    มึงรอเที่ยงเดี๋ยวกูจัดการให้” มันบอกอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
    แต่ก็รับปากเป็นธุระให้


     “ว่ากูควายมึงสิกระบือ มีเมียเรียนห้องเดียวกับแหล่งข้อมูล
    เสือกคิดไม่ถึงอีก ต้องรออีบูเตือนสติก่อน” โจ๊กสบโอกาสกัดไม่ยั้ง


     “ปากมึงนี่น้า!!..ไม่ติดเป็นผู้ชาย กูจับทำเมียเสียให้เข็ดเลยคอยดู”
    ฟังกนกมันสวนสิ แมนมากเพื่อน
    ผมกับแบมแอบสบตากันอย่างละเหี่ยใจ


     “กูเป็นตุ๊ด..ผู้ชายพ่องมึงดิ ต่อให้กูเป็นหญิงก็ไม่ชายตาแลทอม
    อย่างมึงหรอก สู้หาของจริงแยงไม่ดีกว่าเหรอ”
    โจ๊กกลับลอยหน้าลอยตาต่อปากต่อคำไม่ลดละ
    กนกได้แต่อ้าปากพะงาบๆหน้าแดงก่ำ ก่อนแหวใส่


     “ทำอย่างกับกูจะเอามึงนิ ต่อให้สวยแค่ไหนปากแบบนี้
    กูเลียเสายังฟินกว่าเอามึงอีก..อีห่า” เออ..เพื่อนผมไปแล้วทั้งคู่


     “หยะ!..อีหล่อ..อีเท่..อีเลือกได้”
    เสียงห้าวที่พยายามดัดให้เล็กฟังแล้วแสบหูพิลึก


     “ปัง!..ไปเข้าแถว ก่อนที่กูจะจับพวกมึงสมสู่กันให้รู้แล้วรู้รอดไป”
    แบมตบโต๊ะ พูดจบสะบัดค้อนสวยๆด้วยดีกรีจากหนังหน้า
    แล้วเดินออกประตูไปด้วยมาดพญาหงส์ ลงไปเข้าแถวเพราะใกล้เวลาแล้ว


     ผมกลั้นขำท้องแข็ง ตลกหน้าตามันสองคน
    หลังแบมทิ้งระเบิดเหมือนเจอน้ำรอดลวก
    โดยเฉพาะกนกส่ายหัวพรืดบ่นเสียงดัง


     “บรื้อออออ!!!!..พันธุ์สุดท้ายที่กูจะผสมด้วย
    ขอกัดลิ้นตายดีกว่า” ทำท่าทางขนลุกทำสั่นไปทั้งตัว
    ได้รับการสะบัดบอบรองทรงจุดขายของโจ๊กจัดอย่างหมั่นไส้
    ตบด้วยคำพูดส่งท้าย ทำเอาผมหลุดหัวเราะจนได้

     

     “อร๊ากกก!!!..กูยอมแดกปลาร้าบูด ดีกว่าเอาตูดให้ทอมใช้ดิลโด้”
    เท่านั้นผมก็หมดปัญญากลั้นขำไว้ได้อีก


     “ฮ่ะฮ่าๆๆๆ!!!!” เสียงหัวเราะของผมในเช้าวันศุกร์
    เพราะเพื่อนรักชะล้างความหน่วงหนึบที่ขมุกขมัวมาตั้งแต่เย็นวาน
    หายไปได้ในพริบตา แม้มีปัญหารออยู่ข้างหน้า
    แต่พวกมันก็ทำให้ผมฮาจนลืมไปได้

     

     ช่วงเช้าเราเรียนกันปกติ จนพักเที่ยงกนกมันก็แยกไปกินข้าวกับแฟน
    เพื่อหาประวัตินายเขมให้ผม มื้อเที่ยงยังคงเห็นบอลลูนกับสายไหม
    พร้อมเพื่อนน้องนั่งทานข้าวครบเซท แต่ผมเลี่ยงออกมานั่งโต๊ะไกลๆ
    ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่จะทักทายกันได้ด้วยซ้ำ


     พอเข้าเรียนตอนบ่าย วันนี้ม.6 มีเรียนสองคาบ
    เลิกราวบ่ายสาม เร็วกว่าปกติไปเกือบชั่วโมง

     

     “กนก..ได้ความว่ายังไงบ้าง” ผมถามทันที
     

     “อืม..เรียบร้อย ข้อมูลเป๊ะไม่พลาดแน่”
    กนกยิ้มอย่างผู้พิชิตภารกิจสำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวมันมักบอกว่าเป็นรอยยิ้มสุดเท่
    แต่ในสายตาผมโคตรจะแย้งเพราะมันดูยังไงก็น่ารักมากกว่า


    “ลีลาเยอะทอม..รีบสาธยายมา” 
    โจ๊กเร่งยิกๆ หลังกนกมัวแต่ยิ้มไม่ยอมบอก
    คงเห็นเวลาจวนตัว..อาจารย์ใกล้สอนแล้วเดี๋ยวไม่ทันคุย


    “ไอ้เขม..มันมีชื่อจริง เขมราช  นามสกุลทรัพย์ไพศาล
    เรียนช่างกลโรงงานปี 3 รุ่น
    เดียวกับพวกเรา หล่อ รวย พ่อเป็นเจ้าของโรงงานผลิตพลาสติก
    โอเคหรือยัง” ผมพยักหน้าหลังจดข้อมูลไว้ด้วยเรียบร้อย

     

     “ว่าแล้วชะนีสายหมอยเธอไม่เล่นของไร้เกรดจริงด้วย” โจ๊กพึมพำ


    “หล่อจริงหรือเปล่ากูไม่รู้ เพื่อนเดียร์ยืนยันมา มึงต้องไปดูเองตุ๊ด”
    กนกแหย่โจ๊ก อีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากด่า
    หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพยุติสงครามน้ำลายไว้เสียก่อน
    พวกเราเลยพากันมุ่งมั่นกับการศึกษา
    สมกับที่เรียนห้องคิงส์กันอย่างตั้งใจ


    เลิกเรียน ผมรีบเก็บสัมภาระลงกระเป๋า
    ก่อนถามความสมัครใจพวกเพื่อนในกลุ่ม


     “ใครไปกับกูบ้าง” ไม่แน่ใจมีใครว่างไปด้วยหรือเปล่า


     “กูต้องขอโทษด้วยบูตัส นัดกับพี่ต้นไปไหว้แม่เค้า
    เลื่อนไม่ได้ด้วย” แบมบอกเป็นคนแรก สีหน้าดูไม่ดีเท่าที่ควร


     “ไม่เป็นไรกูเข้าใจ..คิดไรมาก ไปทำธุระมึงเถอะ”
    ผมบอกก่อนจะเห็นอาการดราม่าทางสีหน้ามันไปมากกว่านี้


     “กูไป..กูด้วย” โจ๊กกับกนกที่ตอบรับไปเป็นเพื่อนผม


     “ตกลงไปกันเลยนะ แล้วไปยังไง” ผมถาม
    โจ๊กเอามอเตอร์ไซค์มา ส่วนกนกแอบขับเลกซัสสีขาว
    จอดไว้ที่ปั๊มใกล้โรงเรียน


     “ไปรถกูกัน” กนกบอก ผมมองหน้าโจ๊ก
    อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย สรุปโจ๊กต้องขับรถไปจอดไว้ที่ปั๊ม
    แล้วเราสามคนค่อยเปลี่ยนมาใช้รถกนกไปโรงเรียนอาชีวะ
    ที่เป้าหมายของผมเรียนอยู่


     แต่ระหว่างไปโรงจอดมอเตอร์ไซค์ มีเหตุให้ต้องกลั้นขำอีกแล้ว
    จากคู่กัดตลอดกาลเช่นเคย


     “ห่าตุ๊ด..คิดไงเปลี่ยนรถใหม่ไม่บอกเพื่อนหืม”
    กนกตาวาว เข้าไปเอามือลูบๆ คลำๆ ZR ใหม่เอี่ยม
    สีดำขาวของโจ๊กอย่างถูกอกถูกใจ


     “กะจะบอกเหมือนกัน กูดันลืม” มันตอบได้หน้ามึนมาก

     
    “หวงของสิมึง กลัวกูยืมลองเครื่องหรือไง” กนกก็แหย่ ดูนั้นดูนี่ไม่เปลี่ยน
    ปล่อยโจ๊กเปิดเบาะเก็บอุปกรณ์ต่างๆไว้ข้างใต้


     “พอๆลูบยังกะนมชะนี นี่ไฟเบอร์โว้ย ไม่นิ่มเหมือนนมชะนีหรอก”
    มันแขวะกนกด้วยความหมั่นไส้


    “อ่ะอีห่า..กูไม่โง่นิจะได้ไม่รู้จักไฟเบอร์ ไว้ว่างขอยืมลองหน่อยดิ”


     “ชอบแบบนี้เสือกขับเก๋งทำห่าไร บ้านใช่ยาจก
    ขอป๊าม๊ามึงสักคันขี้คร้านจะถอยให้ไว”
    โจ๊กดึงเอาหมวกกันน๊อคมาสวม ปากยังคงพูดไปด้วย

     
    “ไม่ง่ายอย่างที่คิดสิ ทุกวันนี้ผวากลัวกูพาเมียเข้าบ้านตายห่า
    มึงก็รู้ป๊าม๊ากูรับได้ที่ไหน อาศัยกูเนียนเหอะ
    ได้เลกซัทมาขับถือว่าโชคดีสุดๆ ขืนขอมอเตอร์ไซค์อีก
    มีหวังหูระบมเพราะม๊าบ่นกูไม่เลิกแน่” ป๊าม๊ากนกรับไม่ได้ถ้ามันจะเป็นทอม
    ครอบครัวมีลูกสาวคือมันคนเดียว แถมยังเป็นคนสุดท้องอีก
    นอกนั้นพี่ชายสาม คนโตคนรองจบช่วยงานป๊าม๊าเรียบร้อยแล้ว
    คนที่สามเรียนอยู่มหา’ลัย ปีสามแล้วด้วย

     

     “ทำยังกับบ้านกูดีกว่ามึงนิ  ทุกวันนี้พ่อแม่กูยังไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร
    กูขอสี่ประตูจะได้เนื้อหุ้มหนัง ผิวไม่ดำกันแดดกันฝนด้วย
    ดันบอกให้กูเอ็นฯติดก่อนค่อยมาพูดกัน เลยต้องบิด
    มอเตอร์ไซค์แมนโคตรเลยสัด” นี่แหละบ้านของโจ๊กก็ไม่รู้ว่ามันเป็นตุ๊ด
    สลับกันเลยคู่นี้ โจ๊กดันเป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาวอีกสอง
    พ่อกับแม่คาดหวังมันมาก ยิ่งพ่อเป็นทหารยศสูงด้วยสิ

     

     ปัญหาแบบนี้พวกเราจึงคบกันข้างนอก
    พอไปบ้านพวกมันเลยต้องแอ๊บกันสุดๆ แต่ก็รอด
    ยกเว้นแบมที่แต่งไปแล้วพวกท่านเข้าใจว่ามันเป็นทอม
    ป๊าม๊าของกนกเลยกลัวมันเป็นทอมจริงๆ
    ถึงได้พยายามสรรหากิจกรรมให้มันทำอย่างพวกผู้หญิง
    ซึ่งมันก็ทำมั้งหนีมั้งมาตลอด

     

     “กูนั่งไหน” ผมถาม เพราะไม่แน่ใจว่ามันจะให้อัดกันยังไง
     

     “มึงซ้อนท้าย..ทอมมานั่งหน้า” โจ๊กจัดแจงสั่ง
     

     “ทำไมกูต้องนั่งหน้า ให้บูตัสนั่งดิกูขอซ้อนท้าย” กนกมันแย้ง
     

     “อ่ะอีนี่นิ..อีบูมันสูงกว่ามึง เดี๋ยวบังกูตอนขับ
    พากันหน้าแหกโทษกูไม่ได้นะ  มึงแหละตัวเล็กสุดนั่งหน้าดีแล้ว”
    มันบอกเหตุผล

     

     “กูใส่กระโปรงคร่อมไม่ได้ น่าเกลียด” กนกมันยังแถ
    ทั้งที่ไม่เห็นจะเกี่ยว พวกใส่กระโปรงขับมอเตอร์ไซค์มาเรียนถมถืด

     
    “เยอะแล้วทอม..นึกหรือกูไม่รู้มึงอัดกางเกงมากี่ชั้น
    ซ้อนท้ายหรือมึงจะนั่งป้ายขา
    เกิดกลับใจมาหญิงจ๋าอะไรตอนนี้หึ..เบื่อหอยสิท่า
    รู้จะไปล่อหนุ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเลยนะมึง” มาเป็นมหากาพย์เลยคราวนี้


    “ปากระยำ..กูนั่งหน้าก็ได้ร่ายซะยาว..จะอวดว่าคอลึกสิท่า
    ไว้ไปโชว์ตอนมึงเห็นเป้าหนุ่มอาชีวะก่อนเถอะ
    ยกเว้นมึงสนใจดิลโด้กูเข้า ฮ่าๆๆ”
    แบมไม่อยู่ไม่มีใครสยบให้พวกมันหยุดกัดกัน
    ทั้งที่ขยับขึ้นซ้อนอัดกันเป็นแซนวิซแล้วมันยังไม่หยุดพล่าม

     

     “แหยะ..กูไม่พิศวาสหรอกไส้กรอกพลาสติกแบบนั้น
    มึงเก็บไว้ใช้เองเหอะอีบ้า” โจ๊กสตาร์ทเครื่อง
    ก่อนบิดคันเร่งออกตัวกระตุกเสียทีหนึ่งผมแทบหงายหลัง
    ต้องรีบเอามือไปล็อกเอวมันเอาไว้

     

     “สัด..ขับดีสิว่ะแม่ง” กนกลูบหัวปอยๆ
    เพราะดันโขกกับหมวกกันน็อกของโจ๊ก..มันคงเจ็บ

     

     “ไหนบอกมึงแมน โดนแค่นี้ทำร้อง..ฮ่าๆๆ”
    กลับเป็นโจ๊กที่หัวเราะขำท่าทางของกนก..เหมือนสะใจใหญ่

     

     “เหี้ย!!..กูไม่ได้ร้องเพราะหัวโขกเสียหน่อย
    แต่กูหงุดหงิดเพราะมึงเอาเหี้ยอะไรมาทิ่มตูดกูต่างหาก” พูดจบ
    ตั้งหน้าตั้งตามองถนนเหมือนสนใจเต็มประดา แต่กลับได้ผลชะงัด
    เพราะโจ๊กอึ้งพูดไม่ออกเงียบสนิทเหมือนลืมเอาปากมาไปแล้ว
    ผมกลั้นขำจนตัวสั่น กลัวหลุดหัวเราะแล้วมันจะเหวี่ยงผมตกรถ
    วันนี้ผมหัวเราะกับพวกมันไม่รู้เท่าไหร่แล้ว...???


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×