คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 4
My love
Part 4
“ภาณุวัฒน์ เลิกแถวมาพบครูที่ห้องด้วย”
พี่ตึ๋งหน้าโหด เดินมาสะกิดบอกในแถว
เพื่อนๆต่างส่งกำลังใจมาให้เช่นเคย
“แอบไปทำอะไรอีกหึ..อีบู” เสียงโจ๊กกระซิบข้างหู
ปกติมันต้องอยู่ท้ายแถวเพราะตัวสูง
นี่คงแอบโดดมาแทรกอยู่หลังผมเกาะติดสถานการณ์
“นั่นดิบูตัส..ไปเล่นใครมาอีก”
กนกในแถวผู้หญิง ถามมาอีกคน
“คงไม่มีใครลบสถิติมึง ที่เดินเข้าห้องปกครองได้แล้วล่ะ..บูเอ้ย!”
แบมสุดสวยหันมาโคลงหัวให้อย่างเพลียๆ
“อย่าคิดเอาเองดิ กูไม่รู้พี่ตึ๋งเรียกไปทำไม
นิ่งมาเป็นเดือนแล้ว พวกมึงรู้ไม่ใช่” ดูภูมิใจพิลึก
ยกเว้นพวกมันที่ส่ายหน้าละอา
ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเกเรเลยเว้ยเห้ย!
“แม้แต่พวกมึงก็ไม่เชื่อ” แต่ละคนถอนหายใจเฮือกกกก!!!
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ พวกกูอนาถชีวิตมึงต่างหาก
ถ้าไม่ได้ก่อเรื่องคงหนีไม่พ้นคดีเก่า ใครฟื้นขึ้นมาอีกว่ะ”
แบมพูดเบาๆ ดังมากไม่ได้อาจารย์เวรอบรมหน้าเสาธงอยู่
เดี๋ยวเกมกันหมด ยิ่งม.6 โดนหนักกว่ารุ่นน้องเท่าตัว
คำพูดมันน่าคิด ผมพักการวิวาทมาเป็นเดือนแล้ว
หากจะมีคดีคงไม่พ้นเจ้าทุกข์เดิม
อุตริรื้อขึ้นมาอีกไม่ยอมจบ เป็นใครไม่รู้ด้วยสิ
“เอาน่าคิดมากปวดกบาล มึงไปพบพี่ตึ๋งเดียวก็รู้เอง”
ไอ้หนกแนะ มีทางเดียวอย่างที่มันบอก
คิดหัวแตกก็ไม่รู้หรอก โจทย์ผมน้อยเสียเมื่อไหร่
“กูไปเป็นเพื่อน” โจ๊กบีบไหล่ให้กำลังใจ รู้สึกซึ้งจนพูดไม่ออก
“กูกับไอ้หนก ส่งงานให้พวกมึงเองไม่ต้องห่วง” แบมบอก
เกือบลืมไปแล้วว่าคาบแรกมีงานส่ง
มันอาสาดูให้ทั้งผมและโจ๊ก น้ำใจเพื่อนทำเอาผมตื้อในอก
กลุ่มเราไม่เคยทิ้งกัน พานนึกถึงเนื้อร้องเพลงหนึ่งจำขึ้นใจ
“เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน”
&π..เพื่อนไม่เคยไม่เคยทิ้งกัน
ไม่ว่าความฝันนั้นจะไกลสักเท่าไหร่
จะหกล้มซมซานเมื่อใดเพื่อนจะปลอบใจ
ไม่มีคนที่จะรู้ใจ ไม่มีใครรักและตามใจเหมือนเพื่อนเก่า
จะทำไงตามใจแต่เราเพื่อนเรารักจริง (เข้าใจ,ปลอบใจ)
จะมีกี่คนที่จะเคยมีเพื่อนดีและให้เราทำตามความฝัน
จะมีกี่คนที่เต็มใจจะร่วมทาง
และเข้าใจในความสำคัญ
ยิ่งทียังผูกพันเพื่อนเท่านั้นจะอยู่กันเรื่อยไป
เพื่อนเป็นไงก็เป็นกันกอดคอกันเอาไว้จนวันตาย
ไม่มีมันสามคนผมคงโดดเดี่ยวสุดๆ
คำว่าเพื่อนฟังจนเกลื่อน จะมีสักกี่คนโชคดีเหมือนผม
ที่มีเพื่อนอย่างพวกมัน
พอปล่อยแถว ผมกับโจ๊กก็ปลีกตัวแยกออกมา
คนอื่นต่างเข้าเรียนตามปกติ
ผมสองคนดันพากันเดินเข้าห้องปกครอง ช่างน่าอภิรมจริงๆ
“มึงๆ แวะสหกรณ์ก่อนเถอะ”
กำลังจะผ่านสหกรณ์มันสะกิดยิกๆ
“จะซื้ออะไร” ถามเพราะสงสัยยังมีอารมณ์ซื้อของ
“แพมเพิสสิอีนี่ ใส่รองตูดไว้ก่อน
ฉุกเฉินก้นจะได้ไม่แตกลายงา แผลเป็นนะมึง
เสียราคาอนาคตดับอนาถ”
สูตรนี้ทำมาตั้งแต่มีเรื่องหนสอง
ผมใส่แพมเพิสก่อนเข้าห้องปกครองกันไม้เรียวของพี่ตึ๋งชั้นหนึ่ง
มันช่วยได้พอสมควร เข็ดตอนโดนครั้งแรกตูดลายนั่งลำบากไปสามวัน
“ให้ใส่จริงดิ..ยังไงกูว่าน่าจะคุยรู้เรื่อง
ถึงพี่ตึ๋งจะโหดแต่ก็มีเหตุผล กูไม่ได้ทำอะไรผิดจะหวดกูทำไม
จู่ๆมาตีกูคงยอมหรอก ถ้าเป็นคดีเก่ามันจบไปแล้ว”
ผมยืนยันหนักแน่น ทั้งที่ใจแอบหวั่นไม่น้อย
เจ็บจากต่อยตียังไม่เท่าไหร่ แต่ขยาดไม้เรียวพี่ตึ๋ง
โดนที่สะเทือนยันม้าม
“เกิดพี่ท่านอยากหวดขึ้นมา..ทำไง”
มันยังตั้งโจทย์ให้ผมอีก
“ก็หนีสิ..อยู่ให้โง่รึ” ผมตอบหน้ามึน ถึงเวลาเคยหนีพ้นที่ไหน
“เอ่อมึงวิ่งไปตั้งหลักก่อน กูจะถ่วงเวลาให้
ใส่แพมเพิสเสร็จค่อยเสนอหน้าไปรับผิดยังไม่สาย”
พูดจบมันก็กอดคอพาเดินไปห้องปกครอง
แม้จะไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่ แต่ทำไมปากผมถึงยิ้มไม่หุบ
อุ่นใจเพราะคำพูดของมัน มีเพื่อนแบบนี้ได้แต่บอกตัวเอง ‘กูรักพวกมึงว่ะ’
“ขออนุญาตครับอาจารย์” เราพูดพร้อมกัน
หลังเปิดเข้าไปในห้องมีอาจารย์ท่านอื่นอยู่ด้วย
กำลังเตรียมตำราเข้าสอน
“เข้ามาสิภาณุวัฒน์ นัทดนัย” พอพี่ตึ๋งเห็นแกรีบเรียกทันที
ชื่อหลังเป็นของโจ๊ก ฟังดูหล่อเหมาะกับหนังหน้ามันที่สุด
“ขอบคุณครับ” ดันขานรับพร้อมกันอีก
“นั่งก่อนพวกเธอ” ถึงหน้าโต๊ะแกก็สั่งให้นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
พอดีว่างอยู่สองตัว ผมกับโจ๊กมองหน้ากันงงๆ
ตั้งแต่เข้ามาไม่ยักเห็นหน้าโจทย์สักคนหรืออีกฝ่ายยังมาไม่ถึง
สังเกตสีหน้าพี่ตึ๋งก็ปกติ มียิ้มให้ผมเสียด้วย
“ไม่ต้องทำหน้างง ครูเรียกเธอมาเพราะมีเรื่องขอร้อง..ภาณุวัฒน์”
ได้ยินแบบนี้อึ้งหนักเข้าไปใหญ่
อย่างผมเนี่ยนะพี่ตึ๋งจะขอร้อง ชักเริ่มหนาวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
แอร์คงเย็นมากไปหน่อย
น่าจะไม่ใช่คำพูดแกหรอกที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายผมเปลี่ยน
จำต้องตอบรับไปตามมารยาท
“ครับ” ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แกจะให้ผมทำอะไร
“โรงเรียนเราจะจัดมวยไทยการกุศล
โดยร่วมกับโรงเรียนxxx ทางเราเป็นเจ้าภาพ
ส่วนเงินรายได้จะร่วมสมทบทุนช่วยเหลือ
ทหารผ่านศึกที่พิการจากการปฏิบัติหน้าที่”
แกเว้นจังหวะมองหน้าพวกผม ซึ่งพากันฟังแกอย่างอึนๆมึนๆ
รอประเด็นเกี่ยวกับตัวเองอยู่
“ครูอยากให้เธอ เป็นหนึ่งในนักชกของโรงเรียนร่วมกับรุ่นน้องม.5
ขึ้นชกในรายการนี้ รวมเธอด้วยสามคู่..”
แกร่ายยังไม่หมด เป็นพวกผมเสียเองที่พากันหลุดปากขัดขึ้นเสียก่อน
“หาาา!!..อาจารย์” ผมกับโจ๊กหลุดอุทานอย่างกับนัดกันไว้
ทีแรกเข้าใจว่าแกจะขอแรงด้านบริการ
พวกจัดสถานที่หรือเสริฟน้ำประมาณนี้
“ไม่ต้องหาแล้ว เธอเหมาะสุด ครูตั้งใจให้เธอชกคู่เอก”
อึ้งค้างไปอีกหลายวิ เผลอกะพริบตาปริบๆ
ยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด หรือพี่ตึ๋งแกกำลังล้อผมอยู่
คงเห็นว่ามีเรื่องชกต่อยบ่อย พักนี้หายไปนานหรือเปล่า
แกคงเหงาที่ไม่ได้พิพากษาคดีผม เกิดนึกยังไงหาเรื่องล้อเล่นแปลกๆ
“ครูสนใจฝีมือต่อยตีของเธอ วัดจากวีรกรรมที่ทำล้วนๆ
เหมาะขึ้นชกเป็นคู่เอก” แกยังไปได้อีก
“อาจารย์ล้อผมอยู่ใช่ไหมครับ” ถามอย่างที่ใจคิด
ฟังดูเหมือนจะชมทั้งที่แกลงโทษผมประจำ มันน่าเชื่อไหมเล่า
"พูดจริง หน้าอย่างครูเพื่อนเล่นเธอเหรอ” อ้าวนักเลงใส่ซะงั้น
“ขอโทษครับ ผมไม่ตั้งใจ” เสียงอ๋อยเลย พี่แกดูจริงจังน่ากลัว
ช่างเถอะ ตกลงเธอชกคู่เอก”
แกสรุปเสร็จสรรพเหมือนโดนมัดมือชกไปแล้ว
ตั้งสติได้ผมรีบท้วงอย่างไว
“อาจารย์ครับ ผมไม่เคยชกบนเวทีมาก่อน
กติกายิ่งไม่รู้ใหญ่ท่าจะไม่ไหวมั้งครับ” แม้จะโกหกอยู่นิดหน่อย
ความจริงผมเคยเรียนชกมวยสมัยอยู่ประถมเมื่อหลายปีก่อน
แต่หลังเรียนจบก็ไม่ได้อะไรอีก
แต่ที่ไม่ได้โกหกคือเรื่องให้ชกบนเวที
อย่างเป็นทางการผมไม่เคยเลยจริงๆ
“เอาเถอะ..เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหายังพอมีเวลาซ้อม
งานนี้ต้นเดือนโน้นแหละ ครูจะเป็นคนฝึกให้เธอกับรุ่นน้องเอง ตกลงตามนี้”
พี่แกรวบรัดตัดจบ ไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธหน้าตาเฉย
“แต่ผม..คือว่า” พูดไม่ออกติดอยู่ตรงปาก
ผมไม่อยากใช้เวลาในช่วงเย็นทำอย่างอื่น
อยากกลับไปทำกับข้าวซึ่งทำอยู่ประจำ
“ภาณุวัฒน์ คดีที่เธอก่อมีไม่น้อย ถ้าอยากให้ทรานสคริป
ไร้มลทินเกี่ยวกับความประพฤติแล้วละก็
เธอควรช่วยงานโรงเรียนครั้งนี้ ความจริงมีอีกเรื่องที่ครูไม่ได้บอก
อยากรู้ไหมทำไมครูถึงเลือกเธอเป็นคู่เอก...??
ประเด็นแรกเพราะเธอเป็นที่รู้จักไม่แมนเต็มร้อย
เรื่องนี้ครูไม่ได้ตำหนิหรือเห็นว่ามันเป็นปมด้อยเลยนะ
ตรงกันข้ามมันสามารถดึงดูดให้รายการนี้
น่าสนใจมีสีสันขึ้นอีกต่างหาก ทำให้รายได้ทะลุตามเป้าแน่นอน
หากเป็นเธอขึ้นชกแล้วละก็ เชื่อเถอะสนามในยิมต้องไม่มีที่ว่างเหลืออยู่
ประเด็นที่สองครูอยากให้อดีตนักเรียนดีเด่นของเธอกลับคืนมา
ด้วยสังเวียนกำปั้นที่เธอถนัด
ดูจากประสบการณ์ที่เดินเข้าห้องของครู
เป็นว่าเล่นเธอมีภาษีดีกว่าใคร เข้าใจแล้วใช่ไหมคราวนี้”
พี่แกทั้งขู่และบอกเหตุผลมาครบถ้วนบริบูรณ์
ผมกับโจ๊กถึงกับมองหน้ากันเพลียๆ ที่พี่ตึ๋งพูดก็ถูกผมแย้งไม่ออก
คงต้องยอมรับหน้าที่นี้ อย่างน้อยเพื่อความฝัน
ที่อยากเรียนหมอของผมมันอาจไม่ไกลเกินเอื้อม
หากทัณฑ์บนด้านความประพฤติจะถูกปลดแอก
จิตพิสัยจะไม่โดนหัก
“ตกลงครับ อาจารย์มีเหตุผลขนาดนั้น
ผมคงหมดสิทธิ์ค้าน แล้วจะให้เริ่มซ้อมเมื่อไหร่ครับ”
ถือโอกาสถามแกไปเลยดีกว่า น้องตุ้มยังดังเพราะมวย
เผื่อผมจะรุ่งบ้างใครจะไปรู้
“เราจะเริ่มกันอาทิตย์หน้า รออุปกรณ์ที่ครูสั่งส่งมาก่อน
แล้วเราค่อยนัดซ้อมกันอีกที” แกยิ้มกว้างเมื่อทำให้ผมรับปากสำเร็จ
“ผมขอเป็นพี่เลี้ยงให้บูตัสเองนะครับ” โจ๊กเพิ่งได้จังหวะพูด
หลังฟังอย่างตะลึงลานพอกัน มันเรียกชื่อเล่นผมเสียเต็มยศ ปกติ..’อีบู’
“ได้สินัทดนัย..เธอเหมาะเป็นพี่เลี้ยงให้เพื่อนที่สุด
อย่ากรี๊ดกร๊าดจนเกินงาม รักษาหน้าโรงเรียนเราหน่อยก็ดี” ถึงจะอนุญาต
แต่ประโยคท้ายมีเหน็บโจ๊กมันด้วย
ตุ๊ดหน้าหล่อทำปากขมุบขมิบแอบบ่นเรียบร้อย
พี่ตึ๋งคงไม่ทันเห็นหรอก กำลังง้วนอยู่กับตำราบนโต๊ะ
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พวกเธอกลับขึ้นเรียนเถอะ
ครูได้เวลาสอนแล้ว ยังไงรอครูเรียกมาซ้อมอีกที
ช่วงนี้ก็ฟิตร่างกายเตรียมพร้อมไว้หน่อย
วิ่งให้เยอะๆเข้าไว้ ขาจะได้มีแรงเตะ” สั่งทิ้งท้าย
ผมได้แต่พยักหน้ารับแกนๆ
ก่อนจะพากันยกมือไหว้ลา แล้วกลับขึ้นห้องเรียน
“อูยย!!อีห่า กูอั้นฉี่จนปวดมดลูกเลยมึง
ทำกูลุ้นตัวโก่งที่แท้เพื่อนกูกำลังจะดังไฟว์เตอร์โชว์ ฮ่ะฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะขำของมัน
ทำผมอดไม่ได้ง้างเท้าถีบมันไปอย่างหมั่นไส้
แต่ละคำช่างสรรหามาสุดติ่งจริงๆ
“ถีบกูทำไม..ไปห้องน้ำกันก่อนอีบู เมนส์กูจะไหลแล้ว”
พูดเสร็จมันวิ่งนำไม่เหลียวหลัง ไม่ติดใจที่โดนผมถีบ
เลยต้องแจ้นตามมันไปติดๆ
คิดว่าตุ๊ดฉี่ยังไง ไม่ถึงขนาดเข้าห้องน้ำผู้หญิงกันหรอก
พวกเราไม่อุตริขนาดนั้น แต่ก็ไม่กล้ายืนฉี่ตรงโถด้านนอก
มีแต่พุ่งเข้าห้องปิดประตูลงกลอน
แล้วค่อยปลดเบาอย่างรักษาภาพพจน์
“กูว่าลองเพื่อนในห้องรู้พวกมันคงฮากระจาย
งานนี้มึงเกิดแน่อีบูกู้ชื่อคืนสู่มาตุภูมิอย่างสง่างามเลยนะมึง
พวกกูเป็นกำลังใจให้ไส้ขาดเลยเอาให้ตายกันไปข้าง
เพื่อภาพลักษณ์และสถาบันตุ๊ดกลุ่มเรา มึงห้ามแพ้เด็ดขาด
กูจะบีบคอให้พวกแม่งในห้องเหมาบัตรทุกคน
ที่แน่ๆไอ้พวกที่จ้องเคลมมึงตาเป็นมัน
คงได้เห็นอกขาวๆกล้ามงามๆของน้องบูตัสจอมเฮี้ยว
ตุ๊ดอันธพาลกันแล้วเว้ยเห้ยคราวนี้..ฮะฮ่าๆๆ”
โจ๊กยังพล่ามไม่หยุด ขำหน้าดำหน้าแดง
ไม่รู้มันมโนภาพถึงไหน ผมรำคาญแกมหมั่นไส้
เลยวักน้ำที่เรากำลังยืนล้างมืออยู่ใส่หน้าซะเลย
“พล่ามดีนัก เอาน้ำล้างปากบ้างโจ๊ก..ฮะฮ่าๆๆ”
เสร็จแล้วโกยแน่บ ปล่อยมันหัวฟัดหัวเหวี่ยง
สะบัดบอบรองทรงอย่างงอนๆ
“อีบ้า..ผมกูเปียกหมด” เดินตูดบิดบ่นผมใหญ่
จังหวะบังเอิญเห็นหลังแวบๆถ้าผมจำไม่ผิดน้องสายไหมแน่
กำลังเดินไปข้างกำแพงอาคาร ถือโทรศัพท์แนบหูดูลนพิกล
“โจ๊ก..ชู่วววว!..เงียบก่อนอีนี่” ผมต้องจุ๊ปากเรียกอี
มันถึงยอมสงบจ้องผมหน้าเหว่อ น้อยครั้งที่ผมจะขึ้นอีใส่
ถึงเราจะเป็นตุ๊ดแต่ผมกลับไม่คิดว่าต้องเรียกอี
ฟังแทม่งไม่ลื่นหู แต่มันกลับเรียกผมประจำ
“ตกใจหมด..มีอะไรเอเลี่ยนบุกหรือไง
มึงคิดจะเป็นสาวน้อยกู้โลกสร้างวีรกรรมอีกละสิอีบู”
แม้จะสงบลงมาก แต่ปากยังคงพูดไม่หยุด
ผีเจาะปากมันมาพูดจริงๆ
“กูเห็นสายไหมท่าทางลนๆเดินไปข้างตึก
คุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ กูว่ามันแปลกๆ เวลานี้น้องมันมีเรียนนี่นา”
ช่วงนี้ในโรงเรียนไม่ค่อยมีนักเรียนเดินเพ่นพ่านกันหรอก
คาบแรกส่วนใหญ่ขึ้นเรียนกันหมด
“ตามไปโคแนน..อย่าให้เสียโอกาส”
มันลากแขนผมจ้ำอ้าวตรงไปยังจุดหมายที่ผมชี้ทันที
“โคแนนพ่องมึงดิ..เขาเรียกโคนัน” ผมแก้ให้
“อ้าวอีห่าบู..โคนันเขาใช้กับผู้ชาย
มึงกับกูมันสาวน้อยมหัศจรรย์ โคแนนน่ะถูกแล้ว
ไม่รับมุกยังปากเปราะอีกเดี๋ยวแม่ตบกะโหลกเลยอีเตี้ย”
ผมรีบย่นคอหลบ เห็นมันง้างมือใบลานขึ้นขู่
ก่อนจะแลบลิ้นแหะๆแทนการขออภัยอย่างสำนึกผิด
มันถึงยอมลดมือลงไม่คาดโทษ
จากนั้นปฏิบัติการเสือกเพื่อล้วงความลับของเป้าหมาย
โดยเราสองคนก็เริ่มขึ้นอย่างลับๆล่อๆ แอบหลังกำแพง
แฝงตัวจนจะสิงกำแพงกันแล้ว เพื่อให้สามารถแนบหู
จับเสียงของเป้าหมายที่อยู่อีกด้าน
ซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียด
“ไม่มีก็ไม่มีสิพี่เขม ไหมจะโกหกเพื่ออะไร
ตกลงไม่เชื่อคำพูดไหมเลยสิห๊ะ เห็นคนอื่นดีกว่าก็ไปคบกับมันเลย”
เสียงน้องสายไหมออกอาการหงุดหงิดให้ได้ยินกันชัดแจ๋ว
“ไม่ได้ประชด ไหมพูดจนปากฉีกแล้วพี่เขมยังเซ้าซี้น่าโมโห
แค่นี้ก่อนนะไหมจะขึ้นเรียนแล้ว” เธอตัดบท
ดูเหมือนทะเลาะกับคนปลายสาย
“เสาร์นี้ไหมไม่ว่าง ทำรายงานกลุ่มบ้านเพื่อน”
ผมกับโจ๊กสบตากันนิ่ง ก่อนจะแนบหูตั้งใจฟังอย่างระทึกปนตื่นเต้น
ที่แอบล้วงความลับดักฟังเขาคุยโทรศัพท์
รู้ว่าไม่สมควรทำ แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับบอลลูน
ผมจะไม่ยุ่งไม่ก้าวก่ายเป็นอันขาด
“พี่ไม่รู้จักหรอก บอกเพื่อนก็เพื่อนสิ
วันอาทิตย์เราค่อยนัดเจอกัน”
ดูน้องไหมจะมีอิทธิพลกับคนปลายสายมากทีเดียว
ข่มอีกฝ่ายเห็นๆ
“ขาค่ะ..ค๊าไม่ลืมหรอก สบายใจแล้วใช่ไหม
เค้าก็รักตัวเองตาบ้า ที่หลังอย่าทำให้หงุดหงิดอีกนะ
แค่นี้ก่อนต้องขึ้นเรียนแล้ว..บายจ๊ะ”
การสนทนาจบลง ผมกับโจ๊กรีบหันหลังเดินหนีออกมาก่อน
เพื่อไม่ให้มีพิรุธ หางตายังทันเห็นน้องสายไหม
โผล่ออกมุมกำแพงมา มีชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเรียกตามหลังผม
“พี่บูตัสค่ะ พี่บูตัส” ผมแอบสบตาโจ๊ก
ในใจกำลังคิดว่าน้องเค้าจับได้หรือเปล่าว่าเราแอบฟัง
แต่ก็พากันหันกลับไปทักทาย
“ครับ..น้องสายไหม” ส่งยิ้มให้ปกติ
“เอ่อ..ไหมเห็นพี่บูตัสกับพี่โจ๊กเดินอยู่
ไม่มีเรียนกันหรือค่ะ” น้องคงสงสัยพวกผม
แต่คงไม่แน่ใจเลยตะล่อมถามลองเชิง
“มีสิ..เผอิญพี่ไปพบอาจารย์ตึ๋งที่ห้องปกครองมา
แล้วสายไหมล่ะไม่เรียนหรือไงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ผมได้จังหวะถามกลับเสียเลย
“ไหมลงมาเข้าห้องน้ำ งั้นไหมขอตัวขึ้นเรียนก่อนนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ค่ะพี่” พูดจบน้องก็เดินแซงหน้าพวกผมไปอย่างเร็ว
ม.5 กับม.6 เรียนอาคารเดียวกัน แต่คนละชั้น
“ชะนีสายหมอยหล่อนแหลขั้นเทพเลยนะมึง”
โจ๊กเหยียดปากเปรยตามหลัง หลังน้องเดินไปไกลพอสมควร
“ช่างเค้าเถอะ เราก็แหลไม่ต่างกัน” ผมบอกอย่างสมเพชตัวเอง
กลายเป็นคนโกหก ทำตัวน่ารังเกียจลักลอบแอบฟังคนคุยโทรศัพท์
ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นเขาเลย
“อ้าวอีนี่..เกิดผีนางเอกเข้าสิงซะงั้น..
ที่มึงทำเพราะมีเหตุผลจำเป็น สมควรให้อภัย
แต่ชะนีนั่นมันแหลเพื่อปั่นหัวผู้ชายเห็นๆ
มึงก็ได้ยินสองหู” โจ๊กคงหงุดหงิดที่ผมดันไม่เออออรับมุก
พานเทศนาผมยกใหญ่ ที่เพื่อนพูดมาก็ถูก
หากไม่เกี่ยวกับบอลลูนผมไม่เข้าไปวุ่นวายด้วยหรอก
“อืม..จริงของมึง” ผมเลยพยักหน้าให้โจ๊กอย่างสำนึกผิด
แทนการขอโทษกลายๆ
“มึงก็เป็นเสียอย่างนี้ เอาเถอะกูว่างานนี้
มึงต้องห้ามเจ้าชายของกูไม่ให้ไปรับชะนีนั่นวันเสาร์นี่เป็นอันขาด
กูสังหรณ์ผัวชะนีนั่นต้องจับตาแน่ คนเราลองได้กลิ่นตุๆ
มักมีสัมผัสพิเศษ โดยเฉพาะกลิ่นเขาบนหัวที่เหมือนจะงอกออกมาได้นี่แหละ
จูงใจที่สุดเลยละมึง” ผมก็คิดเหมือนโจ๊ก
แต่บอลลูนจะฟังหรือเปล่านั่นคือปัญหา
กลัวจะเข้าใจผิดหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัว
ล้ำเส้นอีกจะเป็นเรื่องใหญ่ เพิ่งจะสงบเริ่มเข้าหน้าติด
ไม่มึนตึงเหมือนที่ผ่านมาดีถมเถ
หากเรื่องนี้ทำให้เราผิดใจกันท่าจะแย่กว่าเก่า
“กูกลัวน้องไม่ฟัง พานว่ากูจุ้นเรื่องส่วนตัวเอาอีก”
ผมบอกโจ๊กไปตามที่คิด สีหน้าคงแย่
จนเพื่อนถึงกับเอามือมาบีบไหล่ให้กำลังใจ
“กูละศรัทธาความรักความห่วงใยที่มึงมีให้น้องจริงๆอีบู
แล้วเจ้าชายกูก็นะ เมื่อไหร่จะสำนึกว่าพี่มันทำอะไรให้บ้าง
ไว้กูทนไม่ไหวระเบิดแตกเมื่อไหร่เจ้าชายก็เจ้าชายเถอะ
กูจะอบรมด่าให้น้ำตาเล็ดเลยคอยดู”
โจ๊กมันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันออกอาการตามที่พูด ผมถึงกับหัวเราะได้
“ฮะฮ่าๆๆ มึงไม่เข็ดที่โดนน้องกูถีบตกกะไดเมื่อสองปีก่อนเลยสิ”
ที่ขำไม่ใช่อะไรหรอก ผมพาโจ๊กไปเที่ยวบ้าน
มันดันกรี๊ดกร๊าดกระดี๊กระด๊าทำเนียนจะเข้าไปกอดบอลลูน
เจ้าชายสุดปลื้มของมันเลยถวายบาทายันมันกระเด็นตกบันได
สะโพกเคล็ดไปหลายวัน ยังดีที่มันยืนตรงขั้นไม่สูง
ไม่อย่างนั้นมีหวังไม่พิการก็คงเจ็บหนัก
ตั้งแต่นั้นผมกับน้องเลยมีกฎเหล็กเพิ่มมาอีกข้อ
คือห้ามพาเพื่อนมาที่บ้านไม่ว่าจะเพื่อนใครก็ตาม
ยกเว้นออกไปหาเพื่อนข้างนอก แต่อย่าพามาที่บ้านเป็นพอ
ผมจึงไม่กล้าพาใครมาอีกเลย น้องก็ไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านเช่นกัน
ส่วนโจ๊กมันไม่ได้โกรธ หลังฟังผมเล่าประวัติ
ฝังใจของบอลลูนที่มีอคติต่อตุ๊ด เพราะโดนพี่เพื่อน
ทำพฤติกรรมไม่ดีใส่ตอนน้องอยู่ป.6
โจ๊กมันเลยหันไปสาปแช่งด่าตุ๊ดคนที่ทำให้บอลลูน
มีอคติกับเพศที่สามอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ทั้งที่มันไม่รู้จักเขาเลยสักนิด
ด้วยเหตุผลน่าเขกกบาลว่า
“กูอยากตบอีตุ๊ดระยำ ที่ทำให้กูอดแดก
ของดีขั้นเทพตายคามือเลยจริงเชียว
เพราะมันคนเดียวที่ไร้ศิลปะ
พานทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนกันไปหมด
อีตุ๊ดไร้ฝีมือคิดจะเคลมผู้ชาย เสือกทำตัวไพร่เสียสถาบัน
สมควรจับมากระทืบให้ดั้งหัก ยัดสากกะเบือให้รูกลวงจริงๆ
โชคร้ายพลอยมาลงที่กู เจ้าชายไม่เหลียวแลตุ๊ดอีกเลย
น่าโมโหชะมัด เจ็บตัวฟรีด้วย”
นั่นแหละเหตุผลที่มันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ซึ่งผมทั้งขำทั้งตลก หรือจะโมโหมันดีที่คิดไม่ซื่อกับบอลลูน
ผมรู้ว่ามันพูดเล่นเอาฮา ความจริงมันไม่คิดไกลขนาดนั้นหรอก
ไม่งั้นคงมีข่าวเรื่องผู้ชายมาให้เวียนหัวแล้วล่ะ
ตั้งแต่รู้จักคบหาจนเป็นเพื่อนสนิท
ผมก็เห็นมันเที่ยวแหย่ไปทั่ว พอถึงเวลาเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่เล่นด้วย
เคยถามเหมือนกันว่าเค้าเล่นด้วยแล้วทำไมมันไม่เอา มันดันตอบมาว่า
“กูไม่กล้า..ยังสับสนตัวเองอยู่ว่าจะรุกหรือรับดี
จะให้กูรับมึงก็ดูตัวกูดิ ประเด็นหลักรังไข่กูนะมึง
ชนะเลิศไอ้พวกนั่นแน่ๆ กลัวมันเห็นแล้วตกใจหัวหดกันหมด
จะให้กูรุกก็ยังไม่มั่น ไว้พร้อมลุยเมื่อไหร่กูจะเล่าให้มึงฟังเป็นคนแรก”
นั่นแหละที่มันให้เหตุผล ผมหัวเราะน้ำตาเล็ด
ยังดีที่แบมกับกนกมันไม่ได้ฟังด้วย
ไม่งั้นคงเป็นโจ๊กเอาไปล้อสมชื่อมันเลยล่ะ
ว่าไม่ได้ ผมเองก็ได้แต่มองเหมือนกัน
มีไม่น้อยที่เข้ามาตีสนิทตั้งแต่รุ่นพี่ตอนผมอยู่ม.4
แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ไม่อยากให้น้องมองว่า
ผมเป็นพวกตุ๊ดสำส่อนร่านไปทั่ว เลยทำให้ไม่กล้าคบใคร
ได้แต่ปฏิเสธมาตลอด
รอจนกว่าบอลลูนโตและเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น
วันนั้นผมคงเปิดใจให้ใครโดยไม่ต้องกังวล
อย่างน้อยแฟนกับน้องเข้าหน้ากันได้
ผมรับปากพ่อกับแม่ว่าจะดูแลไม่ทอดทิ้งน้อง
หากมีแฟนแล้วทำตามสัญญาได้ไม่เต็มที่
ผมเลือกแฟนทีหลัง ทำหน้าที่พี่ให้สมบูรณ์ก่อนดีกว่า
ผมเพิ่งอายุ 18 มีเวลาอีกเยอะที่จะหาแฟนตามรสนิยมของตัวเอง
ปัญหาสำคัญน้องต้องเปิดใจยอมรับในตัวผมเสียก่อน
เราสองคนพี่น้องกลับมาสนิทรักใคร่กันเหมือนเดิม
ผมถึงจะมีความสุขอย่างเต็มที่ไม่คาใจพะวักพะวงอีกต่อไป
“คิดอะไรของมึงบูตัส..กูเรียกตั้งหลายครั้งไม่ตอบ”
แบมดึงสติผมกลับเข้าร่าง หลังจมอยู่กับความคิดลำพัง
“มึงเรียกกูเหรอ” ทำเหรอหรา มองหน้าสวยๆของมัน
“ท่าจะอาการหนักเข้าขั้นแล้ว กูไม่อยากให้เพื่อน
ต้องพึ่งจิตแพทย์หรอกนะบู..อาจารย์จะปล่อยเบรกแล้วมึง”
ฟังมันบ่นอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะหันมองหน้าห้อง
อาจารย์สั่งงานเตรียมเลิกคลาสสอน
ไปๆมาๆผมจมอยู่กับความคิดสองคาบรวด
ตั้งแต่กลับเข้าห้องมาอย่างมึนๆอึนๆด้วยเรื่องหนักใจในหัว
เหตุการณ์ต่างๆก็ไหล่เข้ามา มีทั้งทำให้ยิ้มได้
เศร้าบ้างหลากอารมณ์ เข้าข่ายได้พบจิตแพทย์แน่
ตราบใดที่ผมชอบจมกับความคิดตัวเองอยู่อย่างนี้..???
“กินอะไรดี..มึง” กนกถาม
ก่อนจะหันไปเอาใจน้องเดียร์ ซึ่งมันพามากินข้าวด้วย
“แหม!! ไอ้หนกทำเหมือนขอไปที..
คราวหลังมึงไม่ต้องเกรงใจพวกกูหรอก ดูแลแฟนมึงเหอะ..จิ๊”
โจ๊กออกอาการอิจฉา
ค่อนขอดกนกตามประสาคู่กัด
วันไหนไม่ได้แง่งใส่กัน คงทานข้าวไม่อร่อย
“เอาน่าอีโจ๊ก..มึงไปยุ่งอะไรมัน
นานทีน้องจะมากินข้าวด้วย
ปากแบบนี้เดี๋ยวน้องมันไม่กล้ามาอีกหรอก
เพื่อนมึงเองแหละที่ต้องตะลอนๆ
หายหัวไปจากกลุ่ม” แบมปรามโจ๊ก ได้ใจกนกไปเต็มๆ
ทอมสุดเท่ยิ้มยั่วตุ๊ดหน้าหล่อซึ่งหน้างอง้ำไปแล้วเรียบร้อย
“พี่แบมไม่ต้องว่าพี่โจ๊กหรอก เดียร์ไม่ได้คิดแบบนั้น
ทีจริงเดียร์ก็อยากมาทานกับพวกพี่บ่อยๆ
แต่กลัวเพื่อนพากันงอนใส่ ปีหน้าพวกพี่ก็เข้ามหา’ลัยแล้ว
ไม่อยากถูกเอาคืนตอนหัวเดียวกระเทียมลีบ..อิอิ”
น้องเดียร์ยิ้มน่ารักออกตัวแก้ต่างให้โจ๊กยกใหญ่
ส่วนกนกยักคิ้วส่งให้อวดแฟนเห็นๆ
“รอกูมีแฟนก่อนเหอะ กูจะหวานแข่งมึงให้ดู”
โจ๊กเลยค้อนใส่ควับ แล้วหันมาลงกับผมแทน
“ไปหาอะไรกินสิอีนี่..นั่งหน้ามึนเป็นนางเอกอยู่ได้”
ผมไม่ถือหรอกรู้ว่ามีผมคนเดียวแหละที่เป็นลูกไล่ให้มัน
คนอื่นมันข่มได้ที่ไหนไม่มีใครยอมลงให้มันหรอก
จากนั้นมันก็ลากผมเดินลิ่วๆ
ไม่รอฟังเสียงตะโกนตามหลังของแบมเลยด้วยซ้ำ
“สุกี้ทะเลแห้ง..กูด้วย” ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ได้ยิน
น้ำเสียงเย็นๆของตุ๊ดหน้าสวยชัดทุกประโยค
ออกเงินซื้อให้ก่อนเดี๋ยวแบมมันคืนให้ทีหลัง
น้อยครั้งที่เพื่อนจะยอมให้เลี้ยง
ยกเว้นโอกาสพิเศษเช่นวันเกิด ของผมเดือนหน้านี่แล้ว
“อีคุณนายสุกี้แห้ง กูขอแบบน้ำมั้งดีกว่า แล้วมึงล่ะ”
โจ๊กถามหลังลากผมมายืนหน้าร้านสุกี้
มีน้องๆสองสามคนรอคิวอยู่ก่อน
“กูอยากกินผัดพริกถั่วใส่กุ้งสด มึงรอสุกี้ไปเถอะ”
ผมบอกก่อนมันจะพยักหน้าให้ แล้วค่อยเดินแยกไปสั่งของตัวเอง
จังหวะรอแม่ค้าเขาทำให้ มีคนทักขึ้นข้างหลัง
“พี่บูตัส..หวัดดีครับ” น้องเอกกับน้องหนุ่ย เพื่อนบอลลูน
“ดีครับ..สั่งร้านนี้เหมือนกันเหรอ” ผมทักกลับ
“ครับ!อยากสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว ไอ้หนุ่ยยังนึกไม่ออก”
น้องเอกเป็นคนพูด ก่อนบุยปากให้กับน้องหนุ่ยที่ยิ้มให้ผมตาหยี่
“พี่บูตัสละครับ สั่งอะไรกิน” น้องหนุ่ยถาม
“พี่สั่งถั่วผัดพริกแกงใส่กุ้ง”
“ป้าครับๆ..ที่ผัดอยู่เพิ่มเป็นสองทันไหม”
แล้วน้องก็แหกปากบอกป้าคนขายไปทันที
“ทันจร้า!!..สองเลยนะ” ป้าแกตอบกลับมา
“แหมไอ้เหี้ย..ได้ทีแซงทางโค้งเลยนะมึง..สัดหนุ่ย”
น้องเอกกระทุ้งศอกใส่ท้องเพื่อน ก่อนอีกฝ่าย
จะหน้ายู่มือกุมท้องแกล้งเจ็บเกินจริง
“อูยยย!!เชี้ยเอก..เล่นซะจุกเลยมึง กูไม่อยากรอนานแซงห่าไรกัน”
น้องเขาพูดกับน้องเอกแต่ตามองมาที่ผม
คล้ายจะบอกผมไปด้วย
ไม่ค่อยเข้าใจเด็กพวกนี้เท่าไหร่ ตีซี้ประจำทั้งที่ผมไม่อยากสนิท
ไม่อยากให้บอลลูนว่าเอาอีก
เคยเผลอหยอกเล่นกับเพื่อนเค้าสมัยม.2
ตอนนี้ไม่อยู่แล้วย้ายตามครอบครัวไปเรียนที่อื่น
ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยพอกลับถึงบ้านโดนใส่ใหญ่
กล่าวหาว่าไปอ่อยเด็กหวังฟัน เพื่อนไปบอกเขาแบบนั้น
ตั้งแต่นั้นไม่จำเป็นผมไม่คุยกับพวกน้องๆเลย
ยกเว้นเลี่ยงไม่ได้ ส่วนใหญ่พวกน้องๆ
เป็นฝ่ายเข้ามาชวนผมคุยมากกว่า
“ได้แล้วค่ะจานละ..35 บาท” ป้ายื่นจานข้าวมาให้
“พี่ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ผมเลี้ยงเอง”
น้องหนุ่ยชิงจ่ายให้ผมหน้าตาเฉย
“ไม่ดีกว่า เนื่องในโอกาสอะไรมาเลี้ยงพี่”
ผมปฏิเสธ เตรียมยัดเงินคืนให้ แต่น้องกลับไม่ยอมรับ
“ในโอกาสที่พี่ทำให้ผมไม่ต้องคิดว่าจะกินอะไร
ที่สำคัญได้เร็วด้วยไม่ต้องรอนาน ไอ้เอกสั่งก่อนยังได้ทีหลัง ฮะฮ่าๆๆ”
น้องเขายืนกรานจะเลี้ยงผม ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วยังคงมึน
“ให้มันเลี้ยงเถอะครับพี่ เดี๋ยวคืนนี้มันจะนอนไม่หลับ”
น้องเอกช่วยพูดอีก คงเห็นผมตั้งท่าเตรียมยัดเงินคืนเพื่อนไม่หยุด
“เอาเถอะ ไว้พี่เลี้ยงคืนคราวหน้าไปก่อนนะ”
ไม่ยอมคงไม่จบ เลยบอกน้องเขาไปตามที่คิด
ค่อยปลีกตัวตรงไปร้านน้ำ เห็นหลังของโจ๊กยืนอยู่ก่อนแล้ว
บอลลูนดันยืนข้างๆ กำลังคุยกันอยู่
“อ้าวมาพอดี กูสั่งมะพร้าวกับมะนาวของอีแบม
ส่วนของมึงน้องบอลสั่งส้มคั้นให้แล้ว”
โจ๊กบอกทันทีที่เหลือบมาเห็นผม
แปลกใจบอลลูนซื้อน้ำให้ผมด้วย
“ขอบใจนะ” ผมหันไปพูดกับน้อง
“อืม” ขานรับสั้นๆ ก่อนจะยกน้ำใส่ถาด 5 แก้ว
คงซื้อให้เพื่อนด้วย หันหลังเดินออกไปเงียบๆ
วันนี้มีเรื่องแปลกหลายเรื่อง
ทั้งเรื่องพี่ตึ๋งให้ชกมวยการกุศล
เรื่องไปแอบฟังน้องสายไหมคุยโทรศัพท์
สุดท้ายมีคนเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำซึ่งไม่ใช่เพื่อนผม
ยิ่งน้ำส้มคั้นเป็นเรื่องประหลาดในรอบปีของผมเลยก็ว่าได้
จากนั้นผมกับโจ๊กก็กลับมาที่โต๊ะ เจอเรื่องแปลกอีกแล้ว
โต๊ะยาวที่พวกผมนั่งจองก่อน มีสมาชิกเพิ่มอีกเท่าตัว
แถมเป็นกลุ่มที่ไม่นึกว่าจะมานั่งรวมกับผมด้วยสิ
"ดีครับพี่บูตัส” น้องวิทย์ยิ้มทักผมด้วย
น้องหนุ่ยกับเอกเราเจอกันที่ร้านข้าวมาแล้ว เลยยักหน้าให้เฉยๆ
ส่วนบอลลูนเจอที่ร้านน้ำไม่ชายตามองด้วยซ้ำ
อีกคนน้องสายไหมยอมผละจากจานข้าวส่งยิ้มให้
ผมนั่งกับโจ๊ก เพื่อนในกลุ่มไม่มีใครพูดสักคำ
ต่างคนต่างทาน ปกติกนกกับโจ๊กมีเรื่องเย้าแหย่
กัดกันพอหอมปากหอมคอเป็นประจำ
หรืออย่างน้อยแบมต้องชวนคุยอยู่บ้าง
ผิดกับบรรยากาศตอนนี้ เพื่อนแต่ละคนดูสนอกสนใจ
กับอาหารของตัวเองอย่างกับว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้
“พี่บูตัสครับ..ผัดพริกถั่วของพี่อร่อยจริงๆ
ผมเพิ่งเคยกินครั้งแรก” น้องหนุ่ยทำลายบรรยากาศอึมครึม
เจาะจงพูดกับผมด้วยสิ
ได้แต่ยักหน้าให้ไปยิ้มๆ ไม่รู้ต้องตอบน้องมันว่ายังไง
ผมยังไม่ได้กินสักคำ
“ไหน..แบ่งกูชิมบ้างสิ อร่อยจริงหรือมึงแกล้งชม”
น้องเอกแย่งตักกับในจานข้าวเพื่อน โดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต
“ซู๊ดดด..อูยยย..แม่ง..แซ่บเว่อร์สัด” ออกอาการซู๊ดปาก
ปั้นหน้ายิ่งกว่านักชิมชื่อดังเสียอีก
เพื่อนผมพากันหลุดยิ้มกับท่าทางทะเล้นของน้องที่สร้างสีสัน
ช่วยให้บรรยากาศเบาโล่งขึ้นทันตา
“อิอิ..ท่าแซ่บน้องเอก ทำให้พี่คิดไปไกลเลยนะ” โจ๊กเริ่มมีบท
“อะไรพี่โจ๊ก..คิดอะไรกับผมหรือเปล่า”
น้องเอกก็เล่นด้วย แต่ละคนยิ้มขำกันระนาว
ไม่มีใครปั้นหน้าเครียดเพราะรู้ว่าต่างหยอกกันเล่นๆ
“แล้วถ้าพี่คิด น้องเอกว่ายังไงจ๊ะ” เพื่อนผมมีจ๊ะมีจ๋าแล้ว
โจ๊กก็เป็นของมันอย่างเนี่ยะ เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้า
“ไม่ว่ายังไงหรอกครับ อนุญาตให้คิดต่อ
พี่คงได้แค่คิด ฮะฮ่าๆๆ” คำตอบของน้องเขาพาเอาขำกลิ้งไปตามๆกัน
โดยเฉพาะกนกกุมท้องสะใจจนน้ำตาเล็ด
ไม่เว้นแม้แต่น้องผู้หญิงในโต๊ะ สายไหมกับน้องเดียร์
ก็ปิดปากหัวเราะไปด้วย สงสารก็แต่โจ๊กที่จ้องกนกคู่กัดอย่างกับจะบอกว่า
ฝากไว้ก่อนเถอะ ทีใครทีมัน..??
แทนที่มันควรมีอาการใส่น้องเอกซึ่งเป็นคนพูด
กลับออกอาการใส่กนกสุดเท่ของเราแทน
คงเห็นท่าทางของกนกที่ขำมันอย่างไม่ไว้หน้า เกิดห
มั่นไส้ขึ้นมามากกว่า
"ไอ้เอกมันให้พี่โจ๊กได้แค่คิด ไม่ลองถามผมดูบ้างหรือพี่”
น้องวิทย์พูดขึ้นบ้าง หลังพักหัวเราะลงได้แล้ว
“เสียใจ..พี่จะไม่ยอมโดนลอกซ้ำสองเด็ดขาด”
โจ๊กสะบัดค้อนพร้อมกับพูดชัดถ้อยชัดคำใส่น้องวิทย์
ประกาศจะไม่ยอมหลวมตัวเล่นตามเกมส์ของน้องมันอีก
“พี่เข้าใจไปถึงไหนหืม ที่ผมถามไม่ได้หมายถึงพี่
ผมแค่อยากบอก ถ้าเป็นผมยินดีให้พี่บูตัสทั้งคิดทั้งปฏิบัติเลยครับ”
งานงอก..จู่ๆดึงผมเข้าไปเอี่ยวดื้อๆเสียอย่างนั้น
“เห้ยยย!!..ถามกูยังว่าอนุญาตหรือเปล่า..สัด”
น้องหนุ่ยชิงพูดก่อนที่ใครจะทันเอ่ยอะไรเสียอีก
“มึงเป็นอะไรกับกู ทำไมต้องขออนุญาตมึงด้วย”
น้องวิทย์ก็ตอบเพื่อนกวนๆ ดูก็รู้ว่าหยอกกันตามปกติ
“กูเพื่อนมึง แต่พี่บูตัส..เป็นของกู”
พวกน้องก็เล่นสงครามน้ำลายกันสนุกปาก
มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ยกเว้นบอลลูนที่ไม่พูดเลย
ปกติเวลาน้องอยู่ในกลุ่มอย่างน้อยต้องหยอกเพื่อน
แต่คราวนี้นั่งทานนิ่งๆ ถึงหน้าไม่บึ้งแต่ก็ไม่ร่าเริงเท่าที่ควร
หรือไม่เต็มใจที่ร่วมโต๊ะกับผม แต่ผมจำได้ว่ามาก่อน
เข้าใจว่าโต๊ะในโรงอาหารเต็มเอี๊ยด
แต่ยังเชื่อว่าการตัดสินใจนั่งรวมกับกลุ่มผม
คงไม่ใช่ของบอลลูนแน่นอน
“อย่ามัวแต่กัดกันเพราะแย่งบูตัสเลยน้องๆ..
ถามตัวเองก่อนเถอะทนมือทนเท้ามันไหวหรือเปล่า
ได้ไประวังจะโดนเลี้ยงด้วยลำแข้งนะจ๊ะ”
แบมเป็นคนห้ามศึกด้วยประโยคขำๆ
ซึ่งกนกพยักหน้าตามงึกงัก
ส่วนโจ๊กหัวเราะสะใจที่แบมเอาคืนน้องเอกให้
ฝ่ายน้องๆ พอได้ยินพี่แบมสุดสวยเตือนแบบนั้น
แทนที่จะสลด กับยิ้มร่าทะเล้นใส่เสียนี่
“ผมไม่เชื่อพี่แบมหรอก เลี้ยงด้วยลำแข้งอะไร
ดูไอ้เจ้าชายกลุ่มผมเป็นตัวอย่าง หล่อหลากไส้ไร้เทียมทานขนาดนี้
ไม่เพราะพี่บูตัสดูแลมันดี คงไม่สมชายจรดปลายเท้าหรอกพี่”
น้องเอกเป็นคนแย้ง บอลลูนถึงกับหน้าแดงขึ้นเห็นๆ
แต่ก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไร ผมได้แต่อมยิ้มฟังเงียบๆ
อย่างหนึ่งที่ผมคิด กลุ่มเพื่อนของน้องไม่มีใครรังเกียจตุ๊ด
อาจเป็นเพราะไม่เคยเจอประสบการณ์เลวร้ายแบบบอลลูนมาก่อน
“ย้อนแบบนี้พี่จนปัญญา หลักฐานทนโท่ตัวเป็นๆเสียด้วยสิฮ่าๆๆ”
แบมส่ายหน้าเหมือนจนปัญญาจริงๆ
ก่อนจะหัวเราะปลายตาเรียวสวยบุยปากใส่บอลลูนที่นั่งหน้าแดงก่ำ
“เขินหรือว่ะเพื่อน” น้องวิทย์เอื้อมมือไปผลักไหล่คนที่ถูกพาดพิง
“เขินเหี้ยมึงดิ” เป็นประโยคแรกที่เอ่ยขึ้นในโต๊ะ
“คิกคิก..หน้าแดงใหญ่แล้ว” น้องสายไหมหัวเราะคิกคัก
สนับสนุนน้องวิทย์หันมารุมบอลลูนแทน
“ไหมก็ไปเชื่อมัน..อิ่มหรือยังพวกมึง” บอลลูนตัดบท
ผมอมยิ้มกับท่าทางที่น้อยครั้งจะเห็นน้องไปไม่เป็น
ก่อนจะถลึงตาใส่ผมดื้อๆ งงเต็ก..?
มื้อเที่ยงจบลงด้วยต่างฝ่ายต่างแยกย้าย แม้จะอุ่นใจอยู่ลึกๆ
วันนี้ผมเจอเรื่องแปลกที่ไม่เคยเกิด
หรือไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็หน่วงอกตามเมื่อเห็นท่าทาง
เดินคลอเคลียชิดใกล้ของบอลลูนกับสายไหม
คงดีกว่านี้หากสายไหมยังโสด ผมคงไม่ต้องกังวล
ถึงบอลลูนจะบอกว่ายังไม่ได้คบแค่ดูๆกันอยู่
แต่การเดินตีคู่อวดสายตาใครต่อใครแบบนี้
ภาพมันไปไกลกว่าที่พูด ปานนี้ทั้งโรงเรียนต้องเข้าใจว่าน้องผมกับสายไหม
คบกันเป็นแฟนแล้วเรียบร้อย
ผมควรลองเสี่ยงคุยเรื่องนี้กับน้องดูดีไหม
ไม่อย่างนั้นเสาร์นี้บอลลูนคงไปรับน้องสายไหมตามนัด
กังวลจะเกิดเรื่องจนได้ หากแฟนของน้องสายไหมไปซุ่มดูขึ้นมา..????
ความคิดเห็น