คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 4
(Special Prot)
“กว่าจะมากันได้ ต้องให้พ่อโทรตาม” แม่ทำน้ำเสียงตัดพ้อ แต่หน้าระรื่นเชียวครับ
“ทำอย่างกับผมตีพุงอยู่ว่างงั้นแหละคุณนาย แคมเปญญี่ปุ่นเลื่อนประชุมลูกน้อง
2 นัดแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมยาว” ไม่ได้แก้ตัว เรื่องจริงล้วนๆ
“อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยพรต โหมงานจนลืมทานข้าวปลา เจ็บป่วยไม่คุ้มนะลูก”
เจอหน้าแม่ไม่ย้ำเรื่องนี้คงแปลกพิลึก ฟังตั้งแต่จำความจนมีผัวเป็นตัวตน แม่ยังไม่เลิกย้ำผมอีก
“ผมไม่เท่าไหร่คุณณีช่วยได้เยอะ ห่วงลูกชายแม่โน้น เพิ่งได้เลขารู้ใจไม่ถึงอาทิตย์
ก่อนหน้าเอกสารจะทับหัวมันตายเอา” พยักเพยิดไปทางประตู ไอ้รันคุยอยู่กับพ่ออย่างออกรส
ผมเข้ามาดูแม่ทำมื้อเย็นในครัว วันนี้เรามาตามนัด..ทานข้าวร่วมกันบ้านใหญ่
“คิคิ..รายนั้นพ่อเราบ่นถึงประจำ ถูกใจกันนักหนา”
“ไม่รับเป็นลูกบุญธรรมยกสมบัติให้มันเสียเลย..หืม” แอบประชด
“เพี๊ยะ!..โตจนปานนี้พูดไม่รู้จักคิด รันได้ยินเข้าจะรู้สึกยังไง บ้านเขาออกมีหน้ามีตามีฐานะชาติตระกูล
อย่าพูดอีกนะตาพรต!!” ขู่ตาเขียวเชียว ฟาดไหล่ผมไปที อะไรจะปกป้องไอ้รันขนาดน้าน!!!!
“โด่! ว่าแต่พ่อ แม่เองก็ปลื้มมันจนออกนอกหน้า” ไม่ได้อิจฉารู้สึกภูมิใจแทนมัน
ที่ทำให้พ่อกับแม่รักขนาดนี้ แม้แต่ป้าอรแม่บ้านเก่าแก่ยังเอ็นดูยังกับอะไรดี ไอ้ห่านิมีขุนแผนชัวร์ นึกว่ากูหลงคนเดียวเสียอีก
“เหรอ!! แม่กับพ่อคงไม่เท่าลูกชายคนเล็ก เล่นจับเขามาเป็นคู่ชีวิต ทำปากดีประชดแม่นะเรา”
ผมหลุดยิ้มกว้าง คุณนายตอกหงายเงิบ..คึคึ
“มันแหละมาเอาผมเอง” ขอเอาแต้มหน่อย เสียหน้าแย่
“จร้า!! ทำอย่างกับแม่ดูไม่ออก..จิ๊!” น้าน! มีจิ๊ปากค้อนผมตากลับ
อารามออกอาการหมั่นไส้สุดๆ แล้วคุณนาย
“ตกลงผมลูกแม่หรือไอ้รันกันแน่..วุ้ย!” ทำบ่นไปงั้น
“เราสิลูกแม่ แต่ลูกเขยก็คือลูกเหมือนกัน” อรึ้ย! ไปไม่เป็นเลยตรู
“เสร็จหรือยังครับ ยกขึ้นโต๊ะเลยไหม” เปลี่ยนเรื่องขันอาสาช่วยยกสำรับจัดโต๊ะอาหาร
หนีบทสนทนาเข้าตัวนี้ก่อน เว้ย! ลูกเขยเต็มปากซะงั้น
“ไม่ต้องวุ่นวายเลยพ่อคุณ เดี๋ยวให้บังอรกับเด็กในบ้านเค้าจัดการ เราไปบอกพ่อกับรันเตรียมตัวดีกว่า”
แล้วคุณนายสุดสวยก็ดันหลังผมออกจากห้องครัว ท่ามกลางสายตาอมยิ้มกลั้นขำ
ของป้าอรที่แอบฟังผมกับแม่ปะทะคารมกันไปหลายยก..
“พ่อ..เตรียมตัวทานข้าว” พ่อคุยถูกคอหน้าบาน..ยิ้มตลอดเวลา
“อืม..พ่อกำลังฟังแคมเปญญี่ปุ่น ไอเดียตะเกียงชิ้นเอกที่จะไปโชว์เข้าท่ามาก งานนี้โดนเต็มๆ..คึคึ!”
ทิ้งท้ายหัวเราะเจ้าเล่ห์ มาดนักการค้าเข้าสิงอีกต่างหาก
“ไอ้รันคิดล้วนๆ” ยกผลประโยชน์ให้กุนซือเทพ ไม่อาจหาญรับความดีความชอบ สมองของมันนี่หว่า
“รันบอกพ่อ..พรตช่วยร่างแบบใช่ไหม” แหนะ!..อวยกูอีก เดี๋ยวปั๊ด! จูบโชว์พ่อเลยนิ..
“แหะๆ..นิดหน่อยน่า รันไม่ต้องอวยกู” เขินสัด!
“หึหึ! พรตร่างแบบให้แผนกดีไซน์ลงรายละเอียด อวยตรงไหน..หืม”
ยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ล้อกูใช่ไหม..สัดนิรู้กูเขินยังเสือกเล่น
“พอๆ..ทำกูปลื้มไม่รับเงินเดือนจะยุ่งนะโว้ย” ไปไม่เป็นตัดบทดื้อๆ
วันนี้คารมสู้ใครไม่ได้เลยวุ้ย! แพ้ตั้งแต่แม่ในครัว สงสัยต้องลับฝีปากให้เก่งกล้ากว่านี้ ขืนจนมุมตลอดมีหวังตายสนิท
“ทานข้าวกัน..รันไปกับพ่อ” ว้าว!! ชวนลูกเขยมีตบไหล่อีกต่างหาก ส่วนลูกชายทิ้งให้นั่งหัวโด่ไม่เรียกสักคำ
“อ้าว! แล้วผมล่ะไม่คิดชวนเลยงั้น” ขอนอยด์หน่อย
“ชวน?..ทำไมต้องชวน” กรรม! พ่อกูทำหน้างง?
“ทำไมถามแบบนี้เล่า ตกลงไม่ให้ผมกิน” ชักนอยด์จริงแล้วเว้ย!
“ประสาท เราเป็นคนตามพ่อกับรัน ต้องให้ชวนอีก..ไอ้ลูกบ้า” เงอะ!
“ผมตามแต่เจ้าบ้านคือพ่อนิ ชวนไอ้รันไม่ชวนผมได้ไง” เถียงใจขาด
“หืม..บ้านนี้เราไม่เคยอยู่เหรอพรต ออกเหย้าออกเรือนมีครอบครัว กลายเป็นอื่นไปแล้ว”
อร๊าก!! อยากกัดลิ้นตาย พ่อทำไมฝีปากร้ายเช่นนี้
“แหะๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพ่อ พูดซะแรงเชียว” แพ้อีกแล้ว
อยากเอานิ้วจิ้มลูกตาระยิบระยับกลั้นขำของไอ้รันสุดๆ
มึงจะขำห่าไรเนี่ยะ..จิ๊! กลับบ้านทีไรกลายเป็นลูกชายสุดโปรดเลยนะ
“ยิ้มเหี้ยไร..วะ!” สักทีเหอะ ลงใครไม่ได้ลงมันนี่แหละ
“พูดจาใช้ไม่ได้พรต หัดพูดกับผัวดี ๆ หน่อย ทำตัวแบบนี้รันหนีไปมีกิ๊ก
อย่าหอบผ้ามาร้องห่มร้องไห้ฟ้องพ่อกับแม่เชียวนะ” อึ้งตาค้าง ขอนอนตายโซฟาก่อนได้เปล่า
ไม่แดกแล้วข้าว ฟังพ่อพูดดิ..กรรม!
“ทำตัวเป็นเด็ก หึหึ!” ไอ้กุนซือเทพหัวเราะก่อนดึงมือผมลุก แม่งเพราะมึงทีเดียว
ทำกูเหวอะหวะพรุนไปทั้งตัว มีหน้าหัวเราะอีก ฝากไว้ก่อนเถอะสิงห์รัน
ไว้กูเอาคืนบ้านมึง คึคึ! พ่อแม่มึงหลงกูไม่ต่างกันหรอกวุ้ย! ทีใครทีมัน..ค่อยยิ้มออกเลิกขุ่นมัวบัดดล
“อืม” ผมลุกพรวดเดินดุ่มๆ สองหนุ่มต่างวัยแอบส่ายหัวให้ผมอีก
อะไรก็ช่างตอนนี้ท้องข้าพเจ้าต้องการพลังงานจากรสมือคุณนาย
นานทีจะลงครัวเองสักครั้ง เรื่องจิ๊บ ๆ ขี้หมูสุดหล่อวรพรตไม่ใส่ใจว่ะ..คึคึ!
“พรต!..พรุ่งนี้ทุ่มตรงเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ไปร่วมงานนักค้าอัญมณีที่โรงแรมxxx หน่อยนะ
พ่อบอกรันไปแล้วที ย้ำเราอีกคน” ระหว่างทานข้าวคุณผู้ชายก็เปรยกับผม
“อ้าว! ทำไมพ่อกับแม่ไม่ไป เขาเชิญมาไม่ใช่” โบ้ยหน้าที่ให้ผมเฉย
“เราเป็นประธานในอนาคต พ่อกับแม่จะเพลามือลงแล้ว รอเราสองคนกลับจากแคมเปญญี่ปุ่น
ตั้งใจพักร้อน 2 เดือน พาแม่แกไปเยี่ยมพี่ๆ ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยเลย” พ่อพรั่งพรูโปรแกรมออกมาทันควัน
“ฮั่นแน่! วางแผนฮันนีมูนรอบสองเหรอ” อดแซวไม่ได้
“บ้า! ตาพรตพูดจาแซวแม่แบบนี้นะ” คุณนายเขินเสียเอง
“แปลกตรงไหน พ่อทำงานมาทั้งชีวิต หาเวลาพาเมียไปรำลึกความทรงจำพิลึกยังไง..หืมเจ้าพรต”
แม่ตรูเขิน แต่พ่อยอมรับหน้าตาเฉย แถมค่อนขอดผมอีก
“แหม..แค่แซวเล่นนิดหน่อยเขิน โด่! มีของขึ้นนะพ่อ”
“เขินไม่ใช่พ่อแกแน่เจ้าพรต ถ้าเขินแกไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกมานั่งแซวพ่อหรอก..ไอ้ลูกบ้า”
ว๊าก! ทำไมมาด่ากันบ้าเล่าเนี่ยะ
“ผมบ้ายังไงฟ่ะ! ไอ้ที่ผมลืมตาดูโลกคือหนึ่งในความภาคภูมิใจของพ่อไม่ใช่
ไหนแม่เล่าพ่อเห่อตั้งแต่ผมปฏิสนธิไม่ถึงเดือน วิ่งโร่ให้หลวงตาตั้งชื่อรอ
เลือกไว้ทั้งชื่อผู้หญิงด้วยซ้ำ ชื่ออะไรนะ? อ๋อ! นึกออกแล้ว ‘วรนุช’ ชื่อตัวเหี้ยชัดๆ
โชคดีชะมัดผมเกิดมามีกระจู๋ เลยชื่อ ‘วรพรต’ รอดเหี้ยปริยาย” พูดผิดตรงไหนแม่เล่าให้ฟังนี่นา
พากันขำทั้งโต๊ะ คนบ้าพวกเขาต่างหาก..เหอะ! แค่นี้ก็หัวเราะหน้าแดง..
ผมกับไอ้รันขอตัวกลับหลังอยู่คุยสัพเพเหระกับพ่อแม่อีกครู่ใหญ่
ตลอดการคุยพากันหัวเราะผมไม่เลิก หรืออาชีพผมควรเป็นตลก
เมืองไทยคงโจษจันขนาดใหญ่ ตลกหล่อเท่ยังกับพระเอกฮอลลีวูด..ฮะฮ่าๆๆ!
“รันโทรหาไอ้โต๋ ชวนมันมาร่วมงานอัญมณี” บอกไอ้รันขณะมันทำหน้าที่สารถี เรากำลังเดินทางกลับบ้าน
“คิดยังไงมันจะมา” อ้าว! หันมาทำหน้านิ่งถามผมอีก
“แวดวงธุรกิจ ‘สิงห์อัคนีกรุ๊ป’ ของมันอาจอยากมาแจมต่อยอด”
“พรต! ธุรกิจของตะเกียงกับไอ้โต๋ คือพืชผลภาคเหนือ
เกี่ยวอะไรกับอัญมณีจิวเวลรี่..หืม” ดูทำสีหน้าระอาผมอีก
“มึงไม่รู้หรือแกล้งไม่เข้าใจ” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วไง” แน่ะ! หน้านิ่งชำเลืองผมแวบ หันไปสนใจถนนต่อ
“แล้วไง..ตะเกียงสามารถต่อยอดธุรกิจกับกลุ่มพ่อค้าอัญมณี
มึงเข้าใจที่กูอธิบายเปล่าเนี่ยะ!” หางเสียงลงหนัก เรื่องแบบนี้ก็ต้องอธิบาย
ไม่อยากเชื่อสมองอย่างไอ้รันดันไม่เข้าใจที่ผมสื่อ
“อะไรนะ พ่อค้าอัญมณีจะซื้อพืชผลเกษตรไปทำไม” มันงงจริงด้วย แบบนี้ได้โอกาสหากำไรคืนแล้ว
“ตกลงมึงไม่รู้” ทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้เห็นชัดๆ มึงแพ้กูแล้ว
“อืม..ไม่ใช่ไม่รู้..กูงง?” มันยอมรับตรงๆ ดีมากไม่ต้องเสียเวลา
“อยากให้เฉลย ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” คิ้วเข้มของมันแอบกระตุก
กูแอบเห็นนะ..พออ้างข้อแลกเปลี่ยนมีชะงัก..สัด!
“ว่ามา” แต่มันก็รับปาก
“กูเฉลย มึงต้องนวดให้กู ฮะฮ่าๆๆ” มีความสุขได้แกล้งไอ้รัน
“แถมนาบให้ด้วย” กวนตรีนนนน!!
“นาบพ่อง!!..กูให้นวดเว้ย!” ตอดตลอด
“รั่ว..กูบอกแถมเอาไหม” เรียกรั่วอีกแหละ
“ไม่ต้องการของแถม นาบตามกติกาพุธกับเสาร์” ข้อตกลงของเรา
ขืนยอมมันจัดทุกคืนเหมือนคบกันแรกๆ มีหวังเหนื่อยตาย
คึกยังกับม้าศึก..กูเป็นฝ่ายรับหรอกสาดดดด!!
“หึหึ! โอเคนวดก็นวด เฉลยดิ..ห้ามมั่ว ขืนมั่วมึงแพ้” ขู่ตบท้ายอีก
“ง่ายนิดเดียว พ่อค้าอัญมณีซื้อไปกินสิวะ..ฮะฮ่าๆๆ” ชนะขาดลอย
“ผลั๊วะ! สัด..ซื้อไปกินเฉลยพ่องมึงแน่ะ” ห่ารัน..ตบกบาลกู
“ตบกูไม..เฉลยผิดตรงไหน มึงไม่กินนิ..คนเรากินผักผลไม้ทั้งนั้น ผิดตรงไหนวะ!” ผมลูบหัวตรงที่มันเบิ๊ด
“มึงรั่วจนบ้าแล้วพรต มันจะขึ้นเครื่องจากเชียงรายมาร่วมงานพรุ่งนี้
เพื่อขายผักผลไม้ให้พ่อค้าอัญมณีนี่นะ” ไอ้รันเสียงห้วนสุดๆ บ่งบอกเริ่มมีน้ำโหในคำตอบของผม
“เออดิ..งานใหญ่ระดับนี้คนมาเป็นร้อยนะโว้ย แต่ละคนคอนเน็กชั่นกว้างขวาง
ถ้าตะเกียงกับไอ้โต๋จับลูกค้าได้ครึ่งหนึ่ง รับรองยอดขายผลผลิตของมันพุ่งทะยานไม่น้อยนะมึง” ผมยืนกราน
“50 คนที่ซื้อมันแดกนี่นะ จะคุ้มค่าเครื่องค่าขนส่งจากเหนือ..ห๊ะ!” มันยังดุผมไม่เลิก
“มึงคิดไม่ถึงจริงด้วย 50 คนยังมีครอบครัวมีคนรู้จัก อาจมีใครที่มีคอนเน็กชั่นระหว่างประเทศด้านผักผลไม้
หากไอ้โต๋กับตะเกียงได้สานสัมพันธ์พื้นฐาน ไม่แน่แจ็คพ็อตตูมเจอพ่อค้ารายใหญ่
ต่อยอดธุรกิจสั่งผลผลิตมันส่งออกไปยังประเทศที่มันไม่ได้เปิดตลาดใครจะไปรู้ ของแบบนี้ต้องลอง” ผมเถียงคอตั้ง
“หึ! ความคิดฟังดูดี ก่อนมึงโทรตามมัน ลองถามพ่อค้าเหล่านั้นก่อนไหม
มีใครพ่วงธุรกิจเกษตรบ้าง ค่อยแนะนำมันเอาทีหลัง ประเด็นคืออะไรกันแน่
ที่ให้กูโทรบอกไอ้โต๋” ว่าแล้วมันต้องนกรู้ หลอกไม่เคยสำเร็จ นอกจากมีขุนแผนแล้ว
ยังเลี้ยงกุมารทองอีก อย่าให้รู้ว่ามึงแอบเล่นของ..
“กูคิดถึงพวกมัน ไม่เจอหน้าหลายเดือนแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์เราต้องบินไปญี่ปุ่น
เผื่อพวกมันอยากฝากอะไรให้ไอ้กานด้วย” ยอมรับก็ได้ฟ่ะ! โด่กูแค่อยากเจอตะเกียงก็แค่นั้น
“ทำอ้างธุรกิจ นึกว่ากูโง่รู้ไม่ทัน” ป๊าด!! เพราะมึงฉลาดเกินนี่แหละ สัด! รู้ดีทุกเรื่อง
“ตกลงเอาไง จะโทรชวนมันไหม ข่มกูอยู่ได้”
“ได้..กูโทรให้แต่มีข้อแลกเปลี่ยน” อ้าว! ไป ๆ มา ๆ ไหงเป็นข้อเสนอของมันแทนได้วะ
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร” ชักเสียวประตูหลัง
“มึงต้องนวดกู” เฮ้ย! อะไรของมันเนี่ยะ
“แถมนาบด้วยไหม” ขอกูประชดบ้างเหอะ..ระยำ!
“อืม..เยี่ยมกูเอา”
“เฮ้ย! ทำไมมึงไม่ปฏิเสธ” แหกปากลั่นรถเลย ลืมตัว..
“แล้วไมกูต้องปฏิเสธ” ถามหน้าตายอีกไอ้นี่นิ
“อ้าว! ทีกูยังปฏิเสธมึงเลย” ผมรีบสมอ้างทันควัน
“นั่นมันมึง..แต่กูจะเอา นวดนาบ” อะไรฟ่ะ!
“มึงเปลี่ยนใจเป็นรับตั้งแต่เมื่อไหร่รัน” หรือมันอดใจไม่ไหวอยากหาประสบการณ์ให้ผมรุก กูชักงงกับมึง
“พ่องมึงแหนะ ใครให้มึงรุก นาบในความหมายกู มึงออนท็อปดิ”
“เฮ้ย! บรื๋ออออ!! กูไม่ทำ..สัด” ที่ผ่านมากูครึ้มใจยอมทำให้หรอกห่า ติดใจนะมึง อยากให้กูออนเนี่ยะ
“มึงไม่มีสิทธิ์เลือก ข้อเฉลยมึงมั่วซ่อนเร้นแอบแฝง
ความผิดกระทงนี้มึงก็หมดโอกาสแก้ตัวแล้วพรต
สำคัญคือจะให้กูโทรบอกไอ้โต๋กับตะเกียงลงมาเจอหรือเปล่า
ก่อนไปเคมเปญญี่ปุ่น..ว่าไงเลือกมาดิ” สีหน้าท่าทางมันอ่านยากมาก
ไอ้ห่ารันมันเจ้าเล่ห์ตัวพ่อจริงๆ ชนะไม่เคยได้สักที
“กูเปลี่ยนใจแล้ว ช่างหัวแม่งเหอะ มึงไม่ต้องโทร ไม่เจอก็ไม่เจอ
ไม่ต้องเสียท่านวดแอนด์นาบมึงด้วย” ผมยักคิ้วกวนอย่างถือไพ่เหนือกว่า
คงแอบคิดว่ากูจะหลงกลดิ โทษทีกูไม่หลงว่ะ!..ฮะฮ่าๆๆ
“อืม..ไม่ต้องเป็นธุระยุ่งยาก กลับไปนวดก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ นาบตามทีหลัง” อ้าว???
“เฮ้ย! ได้ไงมึงไม่ต้องโทรนิ ทำไมกูต้องทำด้วย นี่มึงอย่ามาตีขลุมเอาเองนะ..สัด”
“มึงแพ้ คิดจะเบี้ยวหืม” อะไรของมันฟ่ะ! หน้าด้านดื้อๆ
“แพ้ตรงไหนเว้ยเฮ้ย!” ค้านหัวชนฝา
“แพ้ที่ตั้งคำถามซี้ชั้วคำเฉลยบ้าบอ กูย้ำแล้วห้ามมั่ว ตามเงื่อนไข มึงต้องนวดให้กู
ส่วนนาบมึงเสนอเป็นของแถม กูตกลงเอาทั้งสองกรณีล้วนเป็นมึงแส่หาเรื่องใส่ตัว
อย่าพลิ้วกูเด็ดขาด..พรต” กรรม! ตกลงผมพลาดอย่างที่มันบอกเหรอเนี่ยะ
“ไม่จริงอ่ะ..มึงมัดมือชก” ไม่ยอมจนมุมหรอก
“ตามใจถ้ามึงหน้าด้านขี้โกง กูได้รู้ศักดิ์ศรีเหยี่ยวของมึงความหมายลมปาก
ไอ้พวกประเภทพูดแล้วกลืนน้ำลายตัวเอง เพิ่งรู้ว่ามึงเริ่มเอามาใช้
พรตคนที่กูรู้จักไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ แพ้คือแพ้ชนะคือชนะมันยืดอกรับอย่างสมเกียรติ”
เล่นพูดซะกูอึ้ง วันนี้เป็นเชี้ยไรตั้งแต่ที่บ้านแล้ว จนคำพูดตลอด เถียงไม่ออก..ง่าาา!!!
“แม่งเล่นพูดซะกูเน่าหนอนแดกเลยสัด แม่งเอร้ย! ระยำจริง
ตกลงนวดนาบ..แต่มึงโทรหาไอ้โต๋ให้กูด้วย สำคัญต้องให้มันพาตะเกียงมาให้ได้
ไหนๆ กูไม่มีทางเลี่ยงแล้วนิ เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง อย่างน้อยได้ตามต้องการถือว่าคุ้มทุน..ฮะฮ่าๆ
กูไม่เสียโง่มึงหรอกควายรัน” ผมยิ้มสะใจอย่างผู้ชนะ ในที่สุดผมก็ให้มันโทรตามไอ้โต๋สำเร็จ
แถมต้องให้พาตะเกียงลงมาให้ได้
ไอ้รันกลับยิ้มปากฉีกหัวเราะลั่นซะงั้น มันบ้าไปแล้ว เจอมุกเอาคืนไม่ขาดทุน
ดันจี้เส้นขำบ้องตื้น โด่! เพิ่งสำนึกสิมันต่างหากเสียรู้ผม..กร๊าก!
“ฮึมมมๆๆ!!!” เดินฮัมเพลงสบายอารมณ์ บ่ายมีประชุมทั้งวันถึงห้าโมงเย็น
เกี่ยวกับโปรเจคแคมเปญญี่ปุ่น วันนี้น่าจะสรุปทุกอย่าง
ที่อารมณ์ดีเพราะไอ้รันนัดตะเกียงกับไอ้โต๋สำเร็จ รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ
อย่างน้อยก่อนไปญี่ปุ่นมีโอกาสสังสรรค์กันก่อน สำคัญผมแอบส่งเมลล์นัดไอ้ชัด
ไอ้วิน ไอ้ต้าร์ ไอ้หน่อง เพื่อนเหยี่ยวกลุ่มผม มีตอบรับไอ้วินเป็นหมออยู่เชียงใหม่
กับไอ้ต้าร์สองคน ส่วนไอ้ชัดกับไอ้หน่องติดเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว
มีเมียมีลูกกันไปแล้ว ไอ้โต๋รับปากลงมาอาทิตย์หน้า ได้เจอตะเกียงคนสวย น้องชายสุดเลิฟแล้ววุ้ย!
“อารมณ์ดีอะไรมาคะ” พี่ณีทัก หลังผมเดินฮัมเพลงเบาๆ
“นิดหน่อยครับ มีงานด่วนอะไรไหม”
“มีเอกสารเตรียมประชุมให้คุณพรตดูความเรียบร้อย นัดสำคัญณีจัดตารางเป็นพรุ่งนี้
ตอนเย็นมีงานเลี้ยงโรงแรมxxx ” ผมพยักหน้ารับทราบพร้อมยิ้มหล่อให้เธอ
พ่อคงกำชับพี่ณีอีกคน กลัวเบี้ยวหรือไงย้ำจริงเชียว
“ถ้างั้นผมดูเอกสารเตรียมประชุม” ได้รอยยิ้มกลับมา
ทำงานใช้เวลาตรวจเอกสารไม่ถึงชั่วโมง จัดการสวมบทสโตกเกอร์ต่อเลยครับ
เปิดคอมฯ ดูกล้องรุ่นล่าสุดของโทนี่สั่งตรงจากอเมริกา ราคากันเอง
รุ่นจิ๋วหัวกล้องเท่ากระดุม ผมสั่ง 5 ตัวแอบติดห้องไอ้รันเรียบร้อย..ฮะฮ่าๆๆ
กำชับโทนี่ห้ามบอกมัน ไอ้ลูกครึ่งรับปากมั่นเหมาะคราวนี้ไม่ต้องไปถึงที่
นั่งในห้องตรวจพฤติกรรมแทน มีอะไรพิลึกพิลั่นลับหลังหรือเปล่า
ของแบบนี้ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ต้องมีบ้าง..มันหล่อน้อยเสน่ห์เบาเสียเมื่อไหร่
“ส่วนนี้ทำจากทองคำขาวตามที่คุณพรตเสก็ตช์แบบ
ตะเกียงเจ้าพายุคลาสสิคโบราณ เสาฝังเพชรสะท้อนไฟ
ฝาครอบทองคำขาวฝังทับทิมล้อมเพชร 50 กะรัต
ลายซากุระเพ้นท์ดิ้นทองรอบแก้วคริสตัล ตีราคาราว 80 ล้าน
ชุดเล็กสไตล์ตะเกียงญี่ปุ่น แบบละล้านอีก 10 ตัวค่ะ”
คำพูดพรั่งพรูจากปากคุณกอบสุขหัวเรือใหญ่แผนกดีไซน์ของบริษัท
กำลังอธิบายให้ไอ้รันฟัง ไอ้หล่อนั่งจ้องเธออย่างสนใจรายละเอียด
แอบสงสัยเด็กหนุ่มหน้าขาวนั่งข้างคุณกอบสุขคือผู้ใด วรพรตไม่ยักคุ้น
หน้าขาววอกละเมียดขนาดนี้ไม่น่ารอดสายตาได้ อย่างน้อยต้องคุ้นบ้างสิน่า
“ฐานทำจากวัสดุอะไร” ไอ้รันถามพร้อมชี้ไปยังแบบร่างบนโต๊ะ
“ส่วนนี้ทำจากนิกเกิล..ครับ” เด็กนั่นชิงตอบเสียเอง
“เดิมทีเราไม่ได้ใช้นิกเกิล” ไอ้รันคิ้วขมวด ย้ำวัสดุที่เคยเกริ่นไว้
“ใช่ครับคอนเซ็ปต์เดิมทองคำขาวทั้งเซ็ท ต้นทุนไม่ได้ ทองคำขาวเกินไปอยู่ห้าล้าน
จึงเปลี่ยนเป็นนิกเกิลแทน แต่ไม่เสียแบบสวยงามพอกัน อีกอย่างฐานตะเกียงไม่สำคัญเท่า
เราเน้นรูปทรงและอัญมณีที่ประดับไม่ใช่หรือครับ” เด็กนี่พูดแจ้วๆ
ปากสีสดแววตาโดดเด่นมั่นใจ แอบตงิดนิดๆ แววตาที่เห็นจากกล้องมีบางอย่างส่อให้รู้
ชื่นชมไอ้รันเป็นพิเศษ..หรือกูคิดมากหว่า?
“พลัสพูดถูกค่ะคุณรัน ทางแผนกเห็นร่วมกันไม่มีวัสดุใดเหมาะเท่านิกเกิลอีกแล้ว
ครอบแก้วเราใช้คริสตัลลงดิ้นทอง คุณค่าผลงานโดดเด่นในตัวเองเป็นทุน
หากเพิ่มคอสตรงฐานเป็นทองคำขาวราคาเกินงบมากจริงๆ” คุณกอบสุขรีบสนับสนุนตามทันควัน
“อืม..ผมไม่ได้บอกไม่ดี แค่แปลกใจนิดหน่อย เมื่อคุณกอบสุขยืนยันไม่มีปัญหาก็โอเค
ประเด็นชิ้นงานทำออกมาต้องประณีตเป็นพิเศษ เพราะงานชิ้นนี้ต้องมีชิ้นเดียวเท่านั้น”
ไอ้รันย้ำด้วยเสียงทุ้มนุ่มตามสไตล์ ฟราย!..แบบนี้เด็กพลัสมันตาลอยไปแล้วห่า
ชัดแล้วไอ้เด็กนี้เคลิ้มไอ้รัน
“เรื่องนั้นคุณรันไม่ต้องกังวลนะคะ น้องพลัสควบคุมคุณภาพลงดูการประกอบด้วยตัวเอง”
ตกลงยังไง เด็กหน้าขาวโผล่มาจากหนใด
“อืม..คุณกอบสุขเชียร์เรามากเนอะ” ไอ้รันหันไปเปรยกับเจ้าตัว
“ผมต้องขอบคุณพี่กอบที่เห็นความสำคัญ ให้โอกาสผม” มันหันไปยิ้มตาปิดให้คุณกอบสุข
ก่อนยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวให้ไอ้รันอย่างใสซื่อ เออ!..น่ารักไม่หยอก
“เป็นเพราะผลงานเราโดดเด่น โปรไฟล์ออกแบบอัญมณีชนะเลิศสองปีซ้อนของเรา
ทำให้พี่ยอมรับไอเดีย” คุณกอบสุขชมซึ่งหน้า พลอยทำให้รู้ว่าหนุ่มน้อยเจ้าคือผู้ใด
“ฝากดูด้วย ประชุมบ่ายคุณกอบสุขยืนยันให้น้องเขาพรีเซ้นท์ในที่ประชุมแทนใช่ไหม”
ไอ้รันพูดกับหนุ่มพลัส ก่อนหันไปขอคำยืนยันคุณกอบ
สายตาเด็กนั่นมองไอ้รันเคลิ้มสื่อความหมายชัด หลงสิงห์รันเรียบร้อย
แม่งฟีโรโมนเกลื่อนจริงมึง ไม่นับพนักงานสาวๆ ระทดระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟลองเผลอสบตามันเข้าดิ..เฮ้อ!
“ค่ะ..พลัสเขาเป็นเจ้าของธีม แถมร่วมเดินทางไปญี่ปุ่นกับกอบด้วย ไม่มีใครเหมาะแล้ว
คนเก่างานล้นมือ มหกรรมจิวเวลรี่แฟชั่นที่จะมีไม่กี่เดือนยังไปไม่ถึงไหน
กอบเลยยกงานนี้ให้พลัส เพราะแนวคิดลงตัวกับสไตล์นี้” น่าสนใจไม่หยอก
คุณกอบอวยขนาดนี้คงมีดีไม่น้อย ก็ดี..ได้พนักงานมือดีเข้ามาในบริษัท ผมรู้สึกยินดีเป็นพิเศษ
“ผมฝากเนื้อฝากตัวคุณรัน..ด้วยครับ” น้ำเสียงกับสายตาดูทะแม่ง
แต่ไอ้รันยังคงหน้านิ่ง สบตาเด็กนั่นตรงๆ มุมปากคลี่ยิ้มโชว์รอยบุ๋มกับเขี้ยวเสน่ห์กระแทกตาเต็มๆ
ฟราย! มึงทำแบบนี้ยิ่งกู่ไม่กลับ..ไอ้หอก!
“ฝากผิดแล้ว หัวหน้าเราโดยตรงคุณกอบสุขสิ ผมดูแลการตลาด
ความจริงคนดูแลด้านดีไซน์คือคุณพรต มาคุยกับผมเพราะโปรเจคนี้ผมต้องกลั่นกรองรอบแรก
ปกติงานดีไซน์ถ้าไม่โชว์สินค้าต่างประเทศผมไม่ค่อยดิวงานโดยตรงกับแผนกดีไซน์หรอกครับ” เด็กนั่นหน้าเจื่อนนิดๆ
“ถ้างั้นก่อนเข้าประชุม กอบพาน้องไปแนะนำกับท่านรอง
ตั้งใจพาไปช่วงเริ่มงานแรกๆ ติดงานเร่งเลยชลอไว้ก่อน อีกอย่างท่านรองก็ยุ่งด้วย
ก่อนพบคุณรันสอบถามคุณณีเลขา เช้านี้ท่านรองพอมีเวลาไม่ยุ่งเท่าไหร่
คิดว่าเสร็จธุระจากคุณรัน จะพาไปแนะนำท่านรองต่อ”
“ถ้างั้นเชิญครับ ผมไม่มีอะไรแล้วรายละเอียดเชิงลึกไว้คุยที่ประชุม”
ไอ้รันตัดบทอย่างสุภาพ จากนั้นทั้งคู่ก็ขอตัว ปลายทางต่อไปห้องผมสินะ
หลังสองคนกลับออกไป ไอ้รันหยิบแบบร่างดูอีกรอบ
ก่อนสอดเก็บในแฟ้มการประชุม แล้วมันก็หันมาจ้องจอคอมฯ บนโต๊ะ
ไอ้หย๋า! รู้สึกสายตามันกับสายตาผมปะทะกัน เหมือนกำลังสบตากันหรือผมคิดไปเอง
แต่ไอ้ห่ารันมันคิ้วกระตุก เลยต้องรีบเมินหลบรู้สึกทำผิดแล้วถูกจับได้
บ้า! คิดไปเองล้วนๆ จะจ้องตามันได้ยังไง ในเมื่อแอบมองผ่านกล้องอยู่นี่หว่า คิดมากแล้วกู..คึคึ!!!
“คุณพรตคะ คุณกอบสุขขอเข้าพบค่ะ” เสียงโฟนจากคุณณี
“เชิญครับ” ผมปิดกล้องพักไว้ เอนตัวพิงพนักสบายๆ สายตาจับยังประตู
คุณณีก็ผลักเดินนำคุณกอบสุข ตามหลังด้วยหนุ่มพลัส ตัวจริงบอบบางกว่าที่คิด
ขาวโอโม่หน้าเกาหลีสุดๆ ตาเรียวหวานจ้องผมอึ้งๆ
“เชิญครับคุณกอบสุข” ผมเชิญให้นั่ง คุณณีหลังเห็นคุณกอบพยักหน้าให้เด็กพลัส
นั่งเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะผมแล้ว ก็ปลีกตัวออกไปเงียบๆ
“กอบพาน้องทีมงานที่เพิ่งเริ่มงานในแผนก มาแนะนำท่านรองค่ะ”
คุณกอบบอกจุดประสงค์ ผมรู้ล่วงหน้าจากการแอบเป็นสโตกเกอร์แล้ว
“ครับ” ผมขานรับ ก่อนหันไปจ้องหน้าขาววอกอย่างพินิจพิจารณา
“สวัสดีครับ ผมชื่อเพลินพลัส xxx จบคณะxx
จากมหาวิทยาลัย xx เรียกสั้นๆ ‘พลัส’ ครับ” เป็นการแนะนำตัวรวบรัด
“ครับ” ผมขานรับ ตายังจับวงหน้าขาวเนียนเช่นเดิม
เริ่มซับสีเลือดหลังผมจ้องไม่วางตา เขินตรูอยู่นี่หว่า?
“น้องเขารับผิดชอบธีมแคมเปญญี่ปุ่น ช่วยกอบดูแลงานออกแบบควบคุมการผลิตสินค้าครั้งนี้
ประชุมบ่ายกอบมอบหมายให้เขาพรีเซ้นท์รายละเอียดสินค้าในที่ประชุมด้วยค่ะ” คุณกอบสาธยาย
“อายุเท่าไหร่ครับ” ผมถามเจ้าตัวโดยตรง
“ 22 ครับ” เด็กเพิ่งจบ
“น้องเขาอายุน้อย แต่ระหว่างเรียนมีส่งผลงานประกวดได้รางวัลชนะเลิศ
จากสมาคมนักค้าอัญมณีแห่งประเทศไทย 2 ปีซ้อน หลายบริษัทที่ต้องการตัว
แต่น้องเขาเลือกมาสมัครกับบริษัทเราค่ะ” คุณกอบอีกเช่นเคยรีบแจงดีกรีความสามารถต่างๆ
คงเป็นลูกรักไปแล้ว อายุคุณกอบเป็นแม่ของเด็กพลัสได้เสียด้วย
“ครับ..ยังไงฝากด้วยนะ” ผมบอกสั้นๆ
“ผมจะทำเต็มกำลังความสามารถครับ” น้องเขารับปาก
จากนั้นทั้งคู่ขอตัวกลับไป แววตาของเด็กพลัสถึงจะดูเขินผม
แต่ไม่มีแววเคลิ้มฝันเหมือนสายตาที่มองไอ้รัน ถุ่ย! เสน่ห์ตรูสู้ไอ้รันไม่ได้หรือวะ
ไม่ได้อยากชิงดีชิงเด่นกับแฟนตัวเองหรอก แค่รู้สึกทำไมมันเหนือกูทุกเรื่อง...เย้ยยย!!!
“คนพลุกพล่านฉิบหาย อยู่ทักทายผู้ใหญ่เล็กน้อยค่อยปลีกตัวกลับ
กูไม่เวิร์คกับงานแบบนี้เท่าไหร่” ผมคุยกับไอ้หล่อสมาร์ทใส่สูทหล่อชนิดเด่นสง่าตั้งแต่ร้อยเมตร
“อืม..ไปทักทายคณะกรรมการสมาคมเถอะ” มันรับปาก
จากนั้นเราสองคนเดินตีคู่ท่ามกลางสายตาหลากหลายมองตลอดทาง
ในห้องบอลลูนขนาดใหญ่ งานนี้เป้าหมายมาสังสรรค์เจอกันของแวดวงธุรกิจจิวเวลรี่
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหา ร่วมปรึกษาหารือจิปาถะสารพัด
มากกว่านั้นคือการที่พวกไฮโซเซเลบพาลูกหลานเปิดตัว
งานนี้จึงคลาคล่ำไปด้วยหนุ่มสาวที่ติดสอยห้อยตามพ่อแม่
ยกเว้นผมสองคนไม่มีพ่อแม่มา แต่เราได้รับเกียรติเป็นตัวแทนของพ่อโดยตรง
ผมกับไอ้รันเป็นที่รู้จักไม่น้อย ผลจากโพลจัดอันดับนักบริหารหนุ่มไฟแรงแห่งปี
ติด 1 ใน 10 ของประเทศสด ๆ ร้อน ๆ จึงมีคนเข้ามาทักทายไม่ขาด แถมพ่วงท้ายสาว ๆ เป็นโขยง
เข้ามาแนะนำตัวอย่างคาดหวัง ไม่ต้องแจงรายละเอียดว่าพวกเธอหวังอะไรกัน
“หวัดดีจร้า..คุณพรต คุณรัน คิดแล้วเชียวต้องเจอพวกคุณ”
หนึ่งในนั้นคือคุณหญิงเพ็ญจิตรควงลูกสาวเพ็ญแข เบียดคนอื่นยืนประจันหน้าผมอย่างคนคุ้นเคยกันดี
“หวัดดีครับคุณหญิง ดีครับคุณแข” ผมกับไอ้รันทักทายกลับ
ก่อนส่งยิ้มให้เพ็ญแขสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สวมชุดราตรีไข่มุก
อกตูมดันเต้าเต่งยั่วน้ำลายสอตรงหน้า ชนิดล้นทะลักทรวงทีเดียว
“เช่นกันค่ะคุณพรตคุณรัน แขดีใจที่เจอพวกคุณ ดื่มอะไรหรือยังคะ
คอกเทลตรงบาร์สักหน่อยไหม” เธอเอ่ยชวนพร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์ส่งให้
“ครับ” ไอ้รันชิงรับปาก เราปลีกตัวอย่างสุภาพจากบรรดาสาวๆ
แอบเห็นบางคนเหยียดปากใส่เพ็ญแขด้วย อิสตรีย่อมมีบ้างเป็นธรรมดา
คาดว่าไอ้รันเลือกปลีกตัวตามคำเชิญของเพ็ญแข
เพื่ออาศัยฉากจากวงล้อมของสาวๆ ที่ห้อมล้อมเราอยู่อย่างเนียนๆ
“สนใจดื่มอะไรดีคะ” เธอหันมาถามหลังยืนอยู่หน้าบาร์
“จินโทนิค” ไอ้รันบอกก่อน
“เหมือนกัน” ผมตาม เธอปรายตามองอย่างยั่วยวน
ก่อนยิ้มให้แล้วพยักหน้ากับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม
ที่ลงมือผสมจินโทนิคให้ผมกับไอ้รันคนละแก้วทันทีทันใด
เรายืนดริ้งกันหน้าบาร์ พูดคุยเรื่อยเปื่อยไม่มีสาระ เพ็ญแขเน้นคุยกับผมเป็นพิเศษ
สีหน้าไอ้รันถึงจะนิ่ง มีส่วนร่วมในการสนทนา
แต่ผมรู้สึกได้ถึงรังสีอึดอัด..มันจงใจแผ่ใส่ผมโดยเฉพาะ
อาการแบบนี้บ่งบอกอารมณ์บ่อจอยเท่าที่ควร
“โอยตายหนุ่มๆ มึนหรือยังคะ ป้าแวะทักทายเพื่อน
หวังว่าหนุ่ม ๆคงไม่มอมยัยแขเมาไปเสียก่อน”
คุณหญิงเพ็ญจิตรโผล่มาแจมหลังหายไปตอนทักทายกันครั้งแรก
“หึหึ! คุณแขดื่มเก่งกว่าพวกผมอีก” ไอ้รันตอบพร้อมรอยยิ้มการค้าของมันตามมารยาท
“แหม..คุณรันแกล้งแหย่ยัยแข ลูกสาวป้าดื่มไม่เก่งค่ะ
อย่าดื่มมากนะคะลูกแข เดี๋ยวอ้วกบนรถคุณพรตเขา” อ้าว! ไหงจู่ๆ ลงท้ายอ้วกบนรถผมได้เล่าเนี่ยะ
ผมกับไอ้รันหันสบตากันอัตโนมัติ หลังได้ยินประโยคท้าย
“อุ้ย! ขอโทษจริงๆ ป้าลืมบอก ขากลับขอติดรถคุณพรตไปด้วยสิ
บังเอิญคนขับมาส่งแล้วกลับไปก่อน
มีเหตุสุดวิสัยต้องไปขับรถให้คุณพ่อของยัยแขต่อ” ลูกไม้ตื้นๆ มาอีกแล้วงานนี้
“ผมไม่มีปัญหา งานนี้รถพรตเขาครับ ผมอาศัยมาด้วยช่วยประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน”
ไอ้รันออกตัวอย่างสุภาพ ปัดหน้าที่ให้ผมเฉย ไอ้ห่านิปกติมันมีแผนเลี่ยงดี ๆ
สงสัยงานนี้อยากลองเชิงผมจะทำยังไง ระยำจริง แม่งเสือกนอยด์เอาตอนนี้วะ!
“ความจริงผมไม่มีปัญหาเลยครับ ถ้ารถสปอร์ต 4 ที่นั่ง
วันนี้ผมดันเอาเปิดประทุน 2 ที่นั่งมานี่สิคุณหญิง” คึคึ! ไม่ได้โกหก
กูฉลาดหรอกเตรียมตัวล่วงหน้า กลัวปรสิตถึงได้เลือกคันนี้ออกงาน กร๊าก!! ไม่หมูโว้ย!
“ต๊าย! เหรอคะหลานพรต ป้าไม่รู้จริงๆ เอาไงดีล่ะทีนี้
ขากลับไม่แน่ใจโทรตามคนขับแวะรับจะดึกหรือเปล่า”
คุณหญิงมีอาการมือทาบอกตกใจสมบทบาทกับเหตุการณ์สุดๆ
“ผมแนะวิธีที่ดีกว่าให้เอาไหม ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย” แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
ไม่เพิกเฉยต่อปัญหาสตรีและคนกำลังย่างวัยชรา
“ยังไงคะ” เพ็ญแขรีบถามทันควัน
“ละแวกบ้านคุณแขมีเซเว่นไหมครับ” เดาว่าน่าจะมี
“มีสิคะหลานพรต เซเว่นสาขาเป็นดอกเห็ด
ขืนบ้านป้าไม่มีล้าหลังเขาตายเลย หลานพรตถามทำไมคะ” คราวนี้เป็นคุณแม่สงสัยบ้าง
“ถ้างั้นดีเลย ผมมีวิธีนั่งแท็กซี่ฟรีไม่เสียตังค์” สองแม่ลูกมองผมสายตาสนใจใคร่รู้
ยกเว้นไอ้สิงห์หล่อยังหน้านิ่ง ฟังผมหน้าตายตามสไตล์ไม่มีหลุดมาดหรอกมัน
“ทำยังไงเหรอคะ หลานพรต” คุณหญิงแม่ทนรอไม่ไหว
“คุณหญิงให้พนักงานโรงแรมเรียกแท็กซี่ ใกล้ถึงเซเว่นบอกให้แวะจอดหน่อย” ผมแนะนำเป็นขั้นตอน
“แวะทำไมคะ” คราวนี้ลูกสาวชิงถาม สายตาสงสัยเต็มแก่
“บอกเขาจะซื้อไฟฉาย” ผมตอบแกมยิ้มนิดๆ
“อ้าว! ให้ป้าซื้อไปทำไม” ตัวแม่ถามติดๆ
“บอกซื้อไปส่องหา ‘สร้อยเพชร’ ทำหล่นในรถ”
“หืม! ทำไมต้องพูดแบบนั้นคะ” เพ็ญแขถามทันควัน
“บอกไปเถอะ ย้ำว่าหาแล้วไม่เจอ” ผมพูดกึ่งกลั้นหัวเราะเต็มกลืน
“แล้วยังไงต่อ” คุณหญิงตื่นเต้นเห็นๆ
“พอเขาจอด คุณหญิงกับคุณแขก็ลงเข้าเซเว่น รับรองนั่งแท็กซี่ฟรี” ผมยิ้มกว้างหลังพูดจบประโยค
“อ้าว! เราไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่เหรอ” ตัวแม่ยังมึนปนงง?
“แค่คุณหญิงกับคุณแขลงจากรถหันหลังเข้าเซเว่น คนขับคงรอคุณหญิงหรอกครับ
กลับออกมาไม่เห็นแท็กซี่หรอกครับ..ฮะฮ่าๆๆ”
“คิกคิกๆ! แขเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่ามีโอกาสจะลองไปใช้ดู คิกคิกๆๆ” เพ็ญแขหัวเราะตามผม
ส่วนไอ้รันส่ายหัวให้กับวิธีนั่งแท็กซี่ฟรี แต่มันก็หัวเราะเบาๆ
เหอะ! ร้อยทั้งร้อยวิธีนี้ได้ผลเห็นๆ ไม่ติดเอาไปทำจริงก็นะ
“โอย! หลานพรตคิดได้ อิอิ!!” คนอื่นหัวเราะจนตลาดวาย
คุณหญิงตัวแม่เพิ่งเข้าใจ ให้ตายเถอะป้า! คิดช้าจริง..ฮะฮ่าๆๆ!
สรุปผมกับไอ้รันชิ่งได้ด้วยเงื่อนไข รถผมเป็นสปอร์ตสองที่นั่ง
ไม่มีเจตนาปฏิเสธบริการสตรีและคนย่างวัยชราแต่อย่างใด
แถมมีน้ำใจแนะวิธีนั่งแท็กซี่ฟรีให้พวกเธอด้วย
หากขี้เหนียวแล้วหน้าด้านเอาไปใช้ล่ะก็ ถือว่าพวกเธอแน่มากกกกก...กร๊ากกก!!!
ความคิดเห็น