คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กูเนี่ยนะ...พ่อสื่อ?
พวกมันพาผมมาบริเวณสวนหย่อมข้างสะพานพุทธ ตรงข้ามปากคลองตลาด พอลงจากรถพวกมันก็พาเดินมานั่งโต๊ะหินอ่อนซึ่ง กทม.เขาจัดเอาไว้ มีคนนั่งเล่นบ้างประปราย เพราะยังไม่เย็นมาก แค่บ่ายสี่โมงคนเลยไม่เยอะ
ผมคิดว่าถ้าหากลงมวยกัน พวกมันเลือกสถานที่ไม่เลว อัดผมเสร็จทิ้งซากไว้ทางหนีเพียบ ยุ่งยากนักหิ้วปีกโยนเจ้าพระยาอย่างที่มันขู่ไว้ก็ใกล้ดี คิดไปด้วยพรางสำรวจไปด้วย จากทำใจกล้ามาตอนนี้ชักหวาดๆ ยอมรับแบบไม่อายหากพวกมันรุม แถมมีดอีกต่างหาก ยังไม่รู้ซ่อนอะไรไว้ในตัวอีกหรือเปล่า? เด็กช่างกลคงไม่พกมีดเล่มปะติ๋วอย่างเดียวหรอกครับคู่อริเยอะจะตาย ก่อนความคิดจะไปไกล เหี้ยตัวหนึ่งในกลุ่มก็พูดขัดขึ้นมา
“เอาไงกล? มึงให้ลากมันมา ล่อแม่งเลยไหม?”
อ่าไอ้หัวโจกชื่อกล โทษทีได้ข่าวกูเดินมาเองมึงไม่ได้ลากกูสักหน่อย แล้วจะเล่นกูขอตัวต่อตัวได้เปล่า? เก่งจริงอย่ารุม ได้แค่คิดไม่ขยับให้จับพิรุธ รอดูมันจะเอายังไงกับผม
“มึงรู้จักน้องเกศ เรียนเลขาปีสองไหม?”
เหี้ยกลถามผมไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ถามนี่มันคงไม่ได้หมายถึงน้องเกศที่ถ่ายโฆษณาลูกอมยี่ห้อดังหรอกมั้ง
“เกศไหน คงไม่ได้หมายถึงเกศที่ถ่ายโฆษณาใช่ไหม?”
“ทำไมวะ! มีหลายเกศหรือไงคนเดียวกันเว้ย!” มันตวาดปั้นหน้าดุใส่กูอีก
“มึงถามทำไม แอบชอบเด็กโรงเรียนกูงั้น?” เห็นไอ้ลิงดำทำหน้าเหวอแล้วสนุกพิลึก ก่อนมันจะเหวี่ยงผมอีกครั้ง
“เรื่องของกูอย่าเสือก...ตกลงมึงรู้จัก”
“อืม..กูรู้จัก แล้วไง?”
ไม่อยากบอก น้องเกศเป็นเพื่อนไอ้คิ๋มนักกีฬาทีมผม ไอ้นี่มันแอ๊บแมน ก็นะนักกีฬาวอลเลย์บอล 80% เป็นหมด (รวมผมด้วยมั้งแต่ยังไม่รู้ตัวตอนนั้น) บางครั้งน้องเขาว่างก็มานั่งดูมันซ้อม พอได้ทักทายพูดคุยกันบ้าง แต่ผมไม่สนิท
“ดีเลย..กูมีงานให้ทำ มึงติดต่อน้องเขาให้กู ทำสำเร็จกูไม่เอาเรื่องมึง” งานเหี้ยไรของมัน อยู่ๆจะให้เป็นพ่อสื่อ ทำยังกับผมถนัด หญิงโดนใจสักคนผมยังไม่กล้าเข้าไปคุยกับเขาเลย ประสาอะไรให้ติดต่อน้องเขาให้มัน คงสำเร็จหรอก ฝันดิ...
“กูทำไม่ได้ว่ะ..ไม่ถนัดงานที่มึงสั่ง” ผมปฏิเสธทันที
“มึงเลือกเอา ถ้าทำกูหยวนให้ไม่ติดใจที่มึงด่าพ่อกู แต่ถ้าไม่ทำกูจัดหนักมึงแน่ มีผัวทีเดียวสี่ห้าคนชอบป่าว?..รุมโทรมน่ะเคยโดนไหม?” ผมมองไอ้เหี้ยนี้ปากอ้าตาค้าง อึ้งกับความคิดอุบาทว์ชาติชั่วของมัน คิดได้ไงจะโทรมผม ไหนมันพูดอยู่แหมบๆ อย่าหวังได้อมได้ดูดจ๊วยมันไง ไอ้สัดแม่งเอ้ย!...
“เหี้ยแล้ว! ตกลงพากูมาโทรม กะเทยมีออกเยอะแยะ โรงเรียนกูอย่างเพียบ ถ้าสนใจเดี๋ยวกูบอกพวกมันให้ไม่ต้องรุม รับรองพวกมันชอบเดี๋ยวกูแนะนำให้เอง” ผมพูดจริงพวกนี้คุยให้ได้ บอกพวกอีวิทย์อีเอกนักกีฬาในทีม ขี้คร้านมันจะรีบวิ่งไปเรียกเพื่อนมาร่วม ยิ่งเถื่อนๆ อย่างไอ้พวกเหี้ยนี่สเปคท์พวกมันเลยล่ะ
“มึงเอาสมองส่วนไหนคิดว่ากูจะล่อตูดมึง..สัด คนอย่างกูไม่สิ้นไร้ถึงกับเงี่ยนแล้วต้องให้มึงช่วยหรอก..ชื่อกูกลจำเอาไว้ มีแต่หญิงวิ่งเข้าใส่ อย่าคิดจัญไรอย่างที่พูดอีก จะหาว่ากูไม่เตือน”
อ้าวไอ้ควายไหงมาด่ากูซะงั้น ไม่ใช่ไอ้หมากลคนนี้หรือไง ที่บอกอยู่แหมบๆ จะรุมโทรมผมง่ะ...แสรด!
“ก็มึงพึ่งบอกกูเองว่า ถ้ากูไม่ทำมึงจะรุมโทรมกูนี่หว่า?”
“กูบอกรึยังว่าเป็นกู เพื่อนกูโว้ยพวกเหี้ยนั่นมันชอบ อย่างมันหญิงก็ได้ชายก็ดี มึงนี่พวกมันชอบเลยล่ะ หน้าเซ่อตัวบางปากแดง รับรองพวกมันจะขอบคุณกูด้วยซ้ำ ที่เอามึงไปกำนัลพวกแม่ง”
ว่ากูจัญไร ขอด่ามึงในใจสักทีเหอะ มึงดิโคตรของโคตรจัญไรเลย..เชี้ย!
“เห้ย!กลกูขอ ถ้าไงมึงไม่ต้องส่งมันให้พวกไอ้นพก็ได้ มาคิดดูแล้วพวกกูล่อได้ว่ะ กูกับไอ้ต่อเล่นเองดีกว่า”
ไอ้หน้าเหียก เพื่อนมันพูดขัดขึ้น แถมพยักพเยิดตอบรับกับไอ้หน้าปลวก ที่ชื่อต่ออีกตะหาก
“ตกลงพวกมึงเปลี่ยนรสนิยมแล้วหรือวะไอ้ก๋อย ไอ้ต่อ ไม่ยักรู้ว่าพวกมึงชอบแบบนี้ คบกันมาตั้งนานปิดกูนะมึง”
“เปล่าเปลี่ยนเหี้ยไรล่ะ กูเพิ่งตกลงกันหรอก ขอลองไอ้เหี้ยนี่หน่อยผิวมันเนียนดีหน้าตาใช้ได้ มึงไม่เคยได้ยินชายขี่ชายเป็นยอดชายไง หาประสบการณ์ไว้ก็ไม่เสียหาย พวกไอ้ห่านพมันฟันดะมึงก็รู้ แถมยังมาเล่าว่าฟิตยังงั้นตอดยังงี้ ยิ่งตอนโดดดูดหญิงยังอายสู้ไม่ได้เลยมั้ง กูก็แค่อยากลอง” ไอ้หน้าเหียกชื่อก๋อยพูดจนผมจะอ้วก...อรึ้ย!!
“ไม่ได้กูมีงานให้มันทำ รอดูมันก่อนยอมทำให้กูหรือเปล่า แล้วไงค่อยว่ากันทีหลัง” มันตบไหล่เพื่อนมัน ทำยังกับพวกมันเป็นเจ้าชีวิตตัดสินชะตาผมหน้าตาเฉย
“เอาไงมึงตกลงรับงานกูมั้ย? ไม่ยากหรอก แค่มึงติดต่อน้องเกศให้กู หรือมึงอยากจะเล่นแซนวิชกับเพื่อนกูแทน” ไอ้นรก! อย่าให้กูมีโอกาสเอาคืนนะมึง ผมได้แค่คิดทำไรมันไม่ได้
“กูต้องทำไง? มึงถึงจะเรียกว่าสำเร็จ” นั่นดิผมต้องทำเท่าไหร่ มันถึงจะยุติภารกิจ
“ก็แค่ขอเบอร์น้องเขามาให้กู นัดเขากินข้าวกับกูสักมื้อถือว่ามึงทำสำเร็จ แค่เนียะทำได้เปล่า?”
ไอ้แสรด! บอกเองว่าหญิงตรึมวิ่งเข้าใส่ไม่ขาด แล้วมึงเสือกมาขอให้กูช่วยติดต่อน้องเกศให้พระแสงอะไรวะ?
“เออ!กูจะลองดูแล้วกัน กูไปได้ยัง?” ผมรับปากมันไปส่งๆ จะห้าโมงแล้วต้องรีบกลับ เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วงหาว่าเถลไถลเอาอีก
“อย่ารับปากมั่วๆนะมึง อย่าคิดว่ากูตามไม่ได้ หลบกูเมื่อไหร่ละก็กูดักหน้าโรงเรียนมึงแน่ คงหลบกูได้ทุกวันหรอก ที่แน่ๆไม่มีโอกาสต่อรองกับกูอีก” ฟังมันพูดดิ ไอ้เหี้ยมีขู่ผมอีก
“รู้แล้ว..กูไปได้หรือยัง” พูดจบผมลุกยืนทันที
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไปบอกชื่อมึงมา ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น เรียนแผนกไรปีไหน?”
“หิดชื่อเล่นกู พัดสน พงษ์หิรัญ ชื่อจริงกู การตลาดปีสาม พอใจยัง” ผมตอบเร็วปรื๋อ งงกันดิว่าทำไมผมคิดได้เร็วปานนั้น แต่งไว้จนชิน เวลาไปแข่งชอบมีคนตามจีบ ส่วนใหญ่เป็นนักกีฬา เลยจัดชื่อนี้จำขึ้นใจเพราะไม่อยากสานสัมพันธ์กับใครใช้ชื่อนี้ประจำ
“ยัง..ไอ้ต่อมึงเอากระเป๋ามันมาเปิดดูดิ” คิดว่ามันจะโง่ เสือกให้ไอ้หน้าปลวกมาปลดกระเป๋าสะพายไหล่ค้นสมุดออกมาอีก แล้วยื่นให้ไอ้กลมันต่อ
“กูกะไว้แล้วมึงต้องโกหก สัด..เรียนบัญชีปีสาม ปวช.3/xx นายกวี สิงห์สุริยะ ตกลงชื่อเล่นมึงชื่อไร เอาจริงนะขืนยังเล่นลิ้นอีก ทีนี้มึงได้เลือดกบปากกลับบ้านแน่”
ไอ้ซาดิสม์เอ้ย ขู่ตลอดแน่จริงตัวต่อตัวดิ ถือว่าพวกมากทำเป็นเห่าเก่ง..เหี้ย!
“วี..ชื่อเล่นกู” เสียงห้วนใส่เลยครับ
“อืม..มึงชื่อกวี ชื่อเล่นวี เอาเบอร์บ้านมาอย่าตุกติก คืนนี้สองทุ่มกูโทรไปถ้าไม่ใช่ล่ะก็ วันจันทร์กูเยือนถึงโรงเรียนมึงแน่ จดใส่กระดาษมา” มันโยนสมุดใส่หน้าผม ไอ้ควายสมุดกูขาดขึ้นมากูจะฉีกหนังหัวมึงมั่ง ผมเลยหยิบกระดาษทดเลขในกระเป๋า เขียนเบอร์บ้านให้แม่งไปไม่คิดตุกติกกับมันหรอก ก็อย่างที่บอกเดี๋ยวมันยกพวกดักหน้าโรงเรียนจะเป็นเรื่องใหญ่
“เอาไป..โทรมาอย่าดึกนะมึง กูต้องทำการบ้าน”
บอกมันเสร็จ เก็บของใส่กระเป๋าเดินออกมาทันที ทันได้ยินเสียงหัวเราะกวนตีนของมันตามหลังอีก คงสะใจที่ข่มผมได้ ไอ้ลิงดำจำเอาไว้เลยมึง สักวันกูจะเอาคืนอย่าให้ถึงทีกูล่ะ
ผมนั่งทำการบ้านบัญชีอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่น ไม่มีเตียงผมนอนฟูกจะนอนก็ปู เสร็จก็พับเก็บในห้องเล็กๆขนาด 3x2 เมตร เท่ารูหนู บ้านพี่สาวผมเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูน ซื้อต่อเจ้าของเดิมเขา ผมอยู่ห้องใต้บันไดชั้นล่าง ดีหน่อยติดกับห้องน้ำ อยู่แถวตลาดจอมทองบางขุนเทียน ที่ทางในกรุงเทพฯพอกับทอง ได้ที่ซุกหัวนอนแค่นี้ก็บุญโขแล้วครับ
“วี..วี รับโทรศัพท์” เสียงพี่สาวผมเรียกรับโทรศัพท์ สงสัยไอ้โรจโทรมาชัวร์
“ฮัลโหล”
“วี..กูเอง..มึงโอเคใช่ไหม?” ไอ้โรจครับ มันคงเป็นห่วงผม กลับมาลืมโทรบอกมัน กะว่าทำการบ้านเสร็จค่อยโทรทีหลัง มันดันโทรมาก่อน
“อืม..บายดีกูโอเค หัวไม่แตกตาไม่เขียว เยี่ยวไม่เหลืองมึงไม่ต้องห่วง” ผมกวน
“สัดนี่..กวนกูอีก กูเป็นห่วงกลัวพวกเหี้ยนั่นรุมยำตีนมึง”
นั่นยัดเยียดตีนให้ผมอีก กูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มึงเก็บไว้กินเองเหอะ!
“ไม่มีไรมันไม่ได้ทำอะไรกู แค่วานติดต่อหญิงให้แค่นั้น” ผมบอกความจริงไป ผมกับไอ้โรจไม่ค่อยมีความลับกันหรอกครับ
“ใครวะ? ที่มันให้มึงติดต่อน่ะ?”
“น้องเกศเลขาปีสอง คนที่น่ารักๆถ่ายโฆษณาลูกอมยี่ห้อxxx..มึงยังเคยหม้อเค้าอยู่พักหนึ่งไง จำได้ป่ะ?”
“หะ! มันกล้าให้มึงติดต่อน้องเกศเลยหรือวะ! ไม่ได้ดูหนังหน้าเลยมั้ง เค้าคงเอามันหรอก หน้ายังกะกระรอกดอย กูหล่อถึงปานนี้ตามหยอดเขาตั้งหลายครั้งยังเมินกูเลย ประสาอะไรกะมันวะถุย!..ไอ้ไม่เจียมตัว”
“เฮ้ย! แล้วมึงจะมาถุยเหี้ยไรใส่หูกูเนียะ!”
“โทษทีว่ะอินจัดไปหน่อย เออแล้วมึงทำการบ้านเสร็จยัง? “อย่าบอกรอลอกกูอยู่”
“ถูกต้องนะคร้าบ โหยมึงโคตรรู้ใจกูจริงไอ้วี ไม่ติดเป็นผู้ชายกูจะจีบเป็นแฟนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย หาได้ที่ไหนหัวดีเรียนเก่ง กีฬาเยี่ยม แถมรู้ใจกูอีก”
“สัด..พอเลยมึง ถามกูรึยังกูจะเอามึงรึเปล่า ตกลงไม่มีไรแล้วใช่ไหม?”
“ทำไมวะ? กูคุยยังไม่รู้เรื่องเลย จะรีบวางไปไหน”
“กูจะทำการบ้านเดี๋ยวดึก..แล้วมึงจะคุยไรอีก?”
“กูจะถามว่า มึงจะติดต่อน้องเกศให้มันจริงอะ แล้วจะบอกน้องเขายังไง ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นมึงคุยกะเค้าเกินสามคำ อยู่ๆจะเข้าไปบอกเค้าว่ามึงเป็นพ่อสื่อเนี่ยนะ เค้าคงคุยกะมึงหรอก”
นั่นล่ะปัญหา ผมยังไม่อยากคิดให้ปวดหัวตอนนี้วันจันทร์ค่อยว่ากัน
“ยังไม่รู้โว้ย! แล้วไงค่อยปรึกษาไอ้คิ๋มดู มันเพื่อนน้องเขาเผื่อช่วยกูได้บ้าง ค่อยว่ากันอีกที กูวางนะจะรีบทำการบ้านต่อ”
“เออๆ..รักน้า..เด็กโง่”
“เด็กโง่ป๊ามึงดิ รอลอกการบ้านกู เสือกว่ากูโง่”
บทสนทนาผมกับไอ้โรจยุติลง แล้วผมก็กลับมานั่งปั่นบัญชีต่อ ก้นยังไม่ทันอุ่นพี่ผมเรียกอีกแล้ว โดนบ่นเลยคราวนี้ แล้วใครดันเสือกโทรมาอีกวะ..เหี้ยโรจมีอะไรอีกเล่ามึง
“ฮัลโหล มีอะไรอีกวะกูโดนบ่นเลยสัด ถ้าไร้สาระโดนกูโบกกบาลแน่” ยกหูได้ใส่เป็นชุดเลยผม
“มึงลองมาโบกดิ ไม่จมตีนให้รู้ไป” อ้าว! เสียงไม่ใช่ไอ้โรจนี่หว่า? เสียงใครวะ!
“ใคร? รู้จักกูได้ไง” งงอยู่..ถามกลับเลยครับ
“ลืมแล้วดิ ถ้างั้นเรื่องที่ให้ทำมึงจะจำได้ไหม? ยังไม่ทันข้ามวันยังลืมเลย" เหี้ยกลผมนึกออกแล้ว แต่เสียงมันในโทรศัพท์ทำไมทุ้มได้เนี่ย ผมถึงจำไม่ได้
“ไม..โทรมามีไร?”
“แค่ลองเช็กเบอร์ที่มึงให้ใช่บ้านมึงเปล่า เผื่อลีลากูจะได้ไม่ต้องรีรอ จัดหนักเลยวันจันทร์” นรกจริงขู่กูอีก คุยโทรศัพท์นะนี้
“รู้ยังว่าเบอร์บ้านกู..แค่นี้ใช่ไหม? กูจะวาง”
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่ง ขืนวางเจอกูแน่”
“อะไรของมึงว่ะขู่อยู่ได้ รู้หรอกมึงอันธพาลครองเมือง ไม่ต้องย้ำกูก็ได้”
“ปากดีนะมึง ว่ากูอันธพาล อย่างกูนักเลงโว้ย! ใครเขาเรียกอันธพาล เชี่ย!” แน่ะ! ไม่ยอมรับความจริงซะด้วย
“เออๆ..มึงจะอันธพาลหรือนักเลงก็ช่างหัวมึงเหอะ ตกลงมีไรกะกูรีบพูดมาเร็ว”
“รีบทำเหี้ยไร..ชักว่าวค้างอยู่ดิ?”
ดูปากมันพูดไม่อายสักนิด ลืมไปรึเปล่า กูกับมึงเพิ่งรู้จักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เหอะ กล้าคุยกะกูขนาดนี้เชียวเนอะ
“สัดพูดให้พ้นเรื่องพวกนี้ได้ไหม กูไม่ได้เงี่ยนตลอดเวลาแบบมึงสักหน่อย”
“นั่นดิโทษทีกูลืมไป มึงคงชักว่าวไม่เป็น เก่งแต่ชักให้คนอื่นเขา เพราะมึงมันตุ๊ดนี่หว่า? ฮ่าๆๆ!” เหลือจะทนกับคนอย่างมัน ผมวางโทรศัพท์ทันที ไม่อยากเสวนากับพวกไร้มารยาทให้รกหู หันหลังเดินได้ไม่กี่ก้าว
“กริ๊ง..กริ๊งๆ”
ดังอีกแล้วโทรศัพท์ จะไม่รับก็กลัวพี่ผมรับแล้วบ่นอีก เลยกลับไปยกหูฟัง
“เมื่อกี้มึงวางหูใส่กูทำไม?”
นั่นกูว่าแล้ว มารยาทสุดตีนจริงๆ มันไม่คิดบ้างว่าถ้าเกิดคนรับไม่ใช่ผมจะเป็นยังไง
“มึงพูดดีๆหน่อยได้ไหม เกิดเป็นพี่กูรับไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาจะรู้สึกยังไง ที่ต้องมาฟังมึงพูดแบบนี้เข้า”
“เพราะกูรู้ไงว่าไม่ใช่กูถึงพูด ถ้าเป็นพี่มึงกูก็ไม่พูดดิ” โอ้ย!ปวดกบาลเอากะมันดิ เทพฉิบหายหยั่งรู้ได้อีก
“พอเถอะกูขี้เกียจเถียงกะมึงแล้ว ตกลงมีอะไรรีบพูดมา กูบอกแล้วกูรีบทำการบ้าน”
“กูยังคุยไม่จบ มึงห้ามวางหูใส่กูเป็นอันขาด”
“ได้ข่าวพ่อกูตายเกือบสิบปี มึงเป็นใครสั่งกูจริง”
“กูไม่เปรี้ยวปีนเกลียวเล่นของสูง ไม่ใช่พวกเหี้ยด่าพ่อล้อแม่เหมือนใครบางคน” มันประชดเพราะผมด่าพ่อมันเกือบเป็นเรื่อง
“ตกลงมึงจะพูดแค่นี้ใช่ไหม กูวางละนะ” ตัดบทแม่งเลยรำคาญโคตรหงุดหงิดอารมณ์เสียเลยผม
“กูสั่งห้ามมึงวาง จนกว่ากูจะพูดจบ”
ฟังมันพร่ำแค่นั้น สิ้นสุดความอดทน ผมวางหูทันที ดึงสายโทรศัพท์ออกด้วยอีกต่างหาก กันไม่ให้มันโทรมาสามทุ่มแล้วคงไม่มีใครอุตริโทรมาหรอก กลับเข้าห้องสงบสติอารมณ์ก่อนจะปั่นบัญชีจนเสร็จ จากนั้นก็แปรงฟันเข้านอน เล่นเอาประสาทตาแข็งเลยครับ วันเดียวเจอแต่คนเหี้ยๆเรื่องเหี้ยๆ กวนสมองอยู่ได้ห่ารากเหี้ยกล....ไอ้นรก!
ผมผ่านวันหยุดอย่างสงบไม่มีโทรศัพท์กวนประสาท วันจันทร์ไปเรียนตามปกติ ไอ้โรจมันรอผมตรงม้านั่งใต้อาคาร จุดประสงค์เพื่อรอลอกการบ้าน มีไอ้ภา ไอ้เฟือง ไอ้มด หญิงห้าวสาวบัญชีอีกสามคนนั่งอยู่ด้วย
“มาแล้วเหรอยอดชายนายกวีคนดีของโรจ มามะขอสมุดบัญชีคุณวีให้กระผมหน่อย”
“เชี่ย! ประจำเลยมึง พูดเพราะตอนลอกการบ้านแหละ”
“อ้าว! เสือกอวยกูแต่เช้า มึงคือผู้มีอุปการะคุณส่งเสริมคะแนนและเกรดกูไม่ให้ตก พูดดีด้วยเป็นเรื่องธรรมดา พูดเวลาอื่นมันก็ไม่สนิทใจ ต้องเลือกโอกาสที่เหมาะสมดิว่ะ!”
“อย่าลิเกเลยไอ้เจ๊ก ฟังดูไม่เข้ากะหนังหน้ามึงเลย ได้ข่าวตกภาษาไทยไม่ใช่ เสือกสำบัดสำนวนได้อีก”
ไอ้ภาเบรกไอ้โรจจนได้ พาเอาเหี้ยโรจหุบปากฉับเห็นแล้วตลกชะมัด พอหยิบการบ้านส่งให้มันปรากฏการณ์แร้งลงก็เกิดขึ้น
“เฮ้ย! อย่าแย่งดิกูก่อน” ไอ้โรจโวย พอสมุดวางบนโต๊ะปุ๊บมือนิรนามยื่นมาตะปบกันปั๊ป วุ่นวายยังกะแร้งลง
“มึงกางแบ่งกันเลยไอ้โรจ รอมึงลอกเสร็จพวกกูทำไม่ทันกันพอดี เดี๋ยวก็เข้าแถวแล้ว ทำพร้อมกันนี่แหละ” ไอ้เฟืองสั่ง
“เออนั่นดิ ขอพวกกูทำด้วย” ไอ้ภา ไอ้มด สนับสนุนทันที
“ตกลงพวกมึงไม่ทำมาเลย เค้าจุดธูปให้มาเรียนกันรึไง?”
ผมประชดงงกับพวกมันจริง ยิ่งไอ้สาวห้าวสามตัวนั่น มันเป็นนักกีฬาบาสเรียนทุนเหมือนผม รู้จักตอนแยกแผนกมาอยู่ห้องเดียวกันช่วงปีสอง ปีหนึ่งไม่ได้คุยอยู่กันคนละห้อง เคยเห็นหน้าบ้างมาสนิทตอนเรียนห้องเดียวกันนี่แหละ เด็กบัญชีส่วนใหญ่ออกแนวเด็กเนิร์ดเรียบร้อยไม่พูดมาก แต่พวกมันนิสัยอย่างที่เห็นเลยสนิท
ในกลุ่มมีผมไอ้โรจ และก็ไอ้สาวห้าวทั้งสามตัว
“แหมเพื่อนวีก็พูดแรงไป..ที่พวกกูไม่ได้ทำก็เพราะมีแข่งวันอาทิตย์หรอกเว้ย กลับมาเลยนอนตายเป็นศพ ชนะเข้ารอบ 8 ทีมแล้วนะมึง เสาร์นี้เจอกับโรงเรียนสตรีxxx ไปเชียร์กูป่าว? แข่งบ่ายสอง ไปรถโรงเรียนพร้อมกันเลยเดี๋ยวกูบอกพี่เอกให้”
“อืม..ค่อยคุยอีกที ไว้ใกล้ถึงก่อน”
“แล้วมึงมีแข่งเมื่อไหร่?” ไอ้มดถามผม
“อังคารหน้าแมตช์กรมพละ นัดแรกชนช้างเจอกับโรงเรียนxx คู่ปรับสามสมัย ดีเจอกันรอบแรกผ่านได้ทะลุชิงแน่นอน”
ผมพูดจบพวกมันพยักหน้ารับ ส่วนใหญ่เวลาผมแข่งพวกมันว่างมักตามไปเชียร์ประจำ ผมแข่งสนามศุภฯ ไม่ก็สวนลุมฯ พวกมันชอบตามไปเชียร์ แข่งเสร็จเที่ยวต่อมาบุญครองบ้างสีลมบ้าง ขึ้นอยู่ว่าแข่งสนามไหน แต่คราวนี้สนามศุภฯ คงเดินมาบุญครองเหมือนเคย
เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย พวกมันก็ลอกการบ้านไปด้วยจนถึงเวลาเข้าแถวขึ้นเรียนตามปกติจนเลิก ผมก็ซ้อมกีฬาต่อ ลืมเรื่องที่ไอ้กลมันให้เป็นพ่อสื่อไปซะงั้น ที่สำคัญไอ้คิ๋มไม่มาซ้อมมันลาพอดี ไม่เจอตัวเลยอดถามเรื่องน้องเกศ จังหวะใกล้แข่งโค้ชซ้อมหนักด้วยเล่นเอาเหนื่อยหมดแรงไปตามๆกัน
เลิกซ้อมอาบน้ำเสร็จผมก็ออกจากโรงเรียน เดินคนเดียว ตอนนี้สามทุ่มแล้ว โรงเรียนผมอยู่ในซอยลึกประมาณ 200 เมตร ต้องเดินไปป้ายรถเมล์ตรงถนนใหญ่ จู่ๆพวกไอ้เหี้ยกลก็โผล่มาจากทางไหนก็ไม่รู้ คงหลบอยู่หลังป้ายโฆษณามั้งผมถึงไม่เห็น มากันสามคนมีมัน ไอ้ก๋อย ไอ้ต่อ อีกสองคนไม่มาด้วย เข้ามาประกบล้อมหน้าล้อมหลังผมทันที
“ตามกูมาอย่าเรื่องมาก..ไม่งั้นมึงเจ็บ”
อีกแล้วขู่กูประจำ ไม่มีครั้งไหนมันเจอหน้าผมจะไม่ขู่ ทำยังกับกูกลัว (ความจริงแอบกลัวเหมือนกัน มันโหด เล่นพวกด้วย) เลยจำใจตามมันไปเงียบๆ มันพาเดินเกือบสองป้ายรถเมล์ ก่อนเพื่อนมันจะดันหลังผมเข้าไปในตรอกแคบๆ ข้างสะพานประตูระบายน้ำ ยังไม่ทันถามว่าให้เข้าไปทำอะไร
‘ผลัวะ!..ผลัวะ!’
ซ้ายขวาเห็นดาววิ้งๆเลยครับ ไอ้กลมันตบผม..ตบแบบผู้ชายตบ ไม่ใช่แบบผู้หญิงเค้าตบกัน รู้สึกขมปร่าในปากเลือดออกชัวร์กระพุ้งแก้มคงแตก ผมจ้องหน้ามันนิ่ง สวนกลับคงไม่ได้พวกแม่งยืนคุมทั้งซ้ายทั้งขวา สวนไปพวกมันเอาผมตาย
“ตบทีแรกเพราะมึงเสือกวางหูใส่ เตือนมึงแล้ว ทีที่สองเสือกให้กูรอนาน กูรอมึงตั้งแต่บ่ายสองนี่ปาเข้าไปสามทุ่ม ถือว่าชดเชยค่าเสียเวลาของพวกกู”
ดูมันหาเรื่องตบผมด้วยเหตุผลเหี้ยๆของมัน พูดมาตรงๆก็ได้ว่าอยากตบกูก็แค่นั้น ไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้าง..ไอ้สัด
“พอใจรึยัง กูไปได้แล้วสิ”
“มึงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง เรื่องที่ให้มึงไปทำล่ะ?”
“กูยังไม่ได้คุย ไม่เจอน้องเขา..กูซ้อมบอลเพิ่งเลิก”
ผมพูดโดยเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มซับเลือดในปากไปด้วย แอบเห็นแววตามันไหววูบแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมากระด้างเหมือนเดิม
“บอลอะไร อย่าบอกว่ามึงเป็นนักฟุตบอล...หุ่นแม่งให้ฉิบหาย” สัด สบประมาทกูอีก
“กูเป็นนักเรียนทุน เล่นวอลเล่ย์” ผมตอบมันนิ่งๆ
“ซ้อมเหี้ยไรวะเลิกเอาป่านนี้ แล้วมึงซ้อมวันไหนบ้าง?”
“จันทร์ถึงศุกร์ บ่ายสามถึงสามทุ่ม” พอผมพูดจบ สีหน้ามันเหมือนรู้สึกผิดขึ้นมาแวบหนึ่ง
“แล้วจะจัดการเรื่องที่กูให้ทำเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้กูจะลองคุยดู” ผมบอกมันไป
“ดี...พรุ่งนี้กูจะรอเอาคำตอบ อย่าเสือกหลบหน้ากู เอาตารางเรียนมึงมาดิ”
ผมจำเป็นต้องปลดกระเป๋า หยิบตารางเรียนที่ถ่ายเอกสารไว้ให้มันไป ยังไงที่ห้องยังมีอีกสองแผ่น มันยืนดูครู่หนึ่ง
“พรุ่งนี้มึงเลิกบ่ายโมงแล้วออกมาเจอกูตรงร้านxxx กูจะรอที่นั่น”
ร้านที่มันว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องกับซอยเข้าโรงเรียนผม เป็นร้านอาหารตามสั่ง เด็กโรงเรียนผมชอบไปนั่งกันประจำ
“แต่กูต้องซ้อมบอล ใกล้แข่งแล้ว กูโดดไม่ได้”
“ใครบอกว่ากูให้มึงโดด มึงซ้อมบ่ายสามไม่ใช่เหรอ ออกมาเจอกูแล้วค่อยกลับไปซ้อม จัดการนัดน้องเกศให้กูเลย”
“แล้วให้กูนัดน้องเขาที่ไหน เค้าไม่รู้จักมึงคงยอมคุยกะมึงหรอก” ผมบอกมันไป
“บอกเค้าไปดิว่ากูเพื่อนมึง เอาเป็นว่า..มึงนัดที่มึงซ้อมนั่นแหละ เดี๋ยวกูเข้าไปเอง”
“มึงจะเข้าไปหากูที่ยิมได้ไง เรียนคนละที่ รปภ.คงให้มึงเข้าไปหรอก”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ก็บอกอยู่..เลิกแล้วออกมารับกูไง มึงพากูเข้าทำไมเค้าจะไม่ให้เข้า โง่หรือแกล้งเซ่อกันวะ!”
“แล้วจะให้กูบอกหน้าประตูว่าไง” ครับที่หน้าประตูผม..มีรปภ.เฝ้าอยู่ นักเรียนเข้าออกไม่ถามไรมาก นอกจากคนนอกที่มาติดต่อถึงจะสอบถาม
“มึงก็บอกเค้าไป พวกกูเป็นนักกีฬาเหมือนมึง เป็นเพื่อนกันอยู่คนละโรงเรียนมาดูมึงซ้อม แค่เนี้ย อย่าบอกนะว่ามึงทำไม่ได้ ครั้งก่อนกูก็เคยเข้าไป เพื่อนกูมันพาไปดูมวย”
จนปัญญา ไอ้เหี้ยนี้มันยกร้อยแปดเหตุผล ดักหน้าดักหลัง จริงๆแล้วโรงเรียนผมไม่ได้เคี่ยว หากจะพาเข้าไปก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ที่มันพูดมาก็ถูก
“ตกลง กูไปได้แล้วใช่ไหม?”
“มีอีกเรื่อง อย่าคิดนัดเพื่อนมารอรุมกูเด็ดขาด คนที่เสียเปรียบคือมึงถ้าเกิดเรื่องในโรงเรียนขึ้นมา บอกเองไม่ใช่เหรอ เป็นนักเรียนทุนนี่” มันคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ต้องยอมๆไปก่อน อย่าให้กูเหลืออดขึ้นมา ถึงตอนนั้นกูจะทบต้นทบดอกแม่งเลยทีเดียว
กลับถึงบ้านกินข้าวอาบน้ำ ทำการบ้านด้วยสภาพที่ขาดสมาธิ..ไม่เหมือนทุกวันเลย เหนื่อยซ้อมกีฬาพักผ่อนยังหาย เหนื่อยใจเรื่องเหี้ยกล ทำยังไงมันก็ไม่หาย ติดค้างอยู่ในหัวตลอด
เที่ยงคืนกว่าการบ้านจึงเสร็จ ทั้งที่วันนี้มีน้อยกว่าทุกวัน คงเพราะทำไปเหม่อไป น่าจะเสร็จตั้งแต่สี่ทุ่ม ดันปาเข้ามาเที่ยงคืนพึ่งจะเสร็จ จัดตารางเรียนพรุ่งนี้ไว้ให้เรียบร้อย ปูฟูกปิดไฟนอนแต่กลับลืมตาโพลง นั่นสินะจะหลับตาลงอย่างสบายใจเหมือนที่ผ่านมาได้ยังไงเมื่อมีเรื่องกังวลอยู่อย่างนี้
ผมเผลอเอานิ้วล้วงไปในกระพุ้งแก้ม ปวดจี๊ดขึ้นมาทันที ดีนะที่กินข้าวได้ ไม่แสบมาก อยากจบปัญหาซะทีจะได้ไม่ต้องเจอพวกเหี้ยมันอีก คิดจะเอาคืนมันเหมือนกัน แต่มานึกๆดูแล้ว เหมือนเอาพิมเสนไปแลกกะเกลือ กับคนเหี้ยๆพรรค์นั้นมันคุ้มกันที่ไหน ต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว พรุ่งนี้จัดการนัดหมายน้องเกศให้เจอมันซะ ที่เหลือตกลงกันเอาเอง จบแล้วจบเลย
เช้ามานาฬิกาปลุกตีห้า ผมสะโหลสะเหลตื่นมาขอบตาคล้ำ กว่าจะหลับลงได้ก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่า นับเลขไปเป็นหมื่นได้นอนสามชั่วโมง ต้องแหกขี้ตาตื่นไปโรงเรียนอีกแล้ว เมื่อไหร่จะจบได้ทำงานอย่างคนอื่นเข้าบ้าง จะได้พ้นสภาพชีวิตนักเรียนที่ต้องวนเวียนแบบนี้ซะที
“คิ๋ม..คิ๋ม...”
“อ้าว! ว่าไงพี่วี..มีอะไรมาหาผมถึงห้อง”
“เมื่อวานกะคุยด้วยแล้ว แต่เอ็งไม่มาซ้อม เลยต้องมาหาที่นี่”
“เมื่อวานผมติดธุระสำคัญพี่ วันนี้ถึงจะซ้อม แล้วพี่มีอะไรกะผม เรื่องสำคัญดิถึงรอเย็นนี้ไม่ได้”
“อื้อ..จะว่างั้นก็ได้ เอ็งสะดวกคุยหน้าห้องหน่อยไหม?”
“ได้เลยพี่อาจารย์ยังไม่เข้า คงอีกสิบนาทีพอไหมพี่?”
“พอๆ เดี๋ยวพี่ต้องรีบเข้าเรียนเหมือนกัน.”
“โอเค..งั้นตรงนี้เลยละกัน ว่ามาพี่มีไร”
“คิ๋ม..พี่ถามเอ็งหน่อยดิ น้องเกศเค้ามีแฟนหรือยังวะ?”
“ไอ้เกศเหรอ..มีแล้วพี่ก็ผมไงครับ ฮ่าๆๆๆ!!!”
“เอาจริงดิมึง..อย่าเล่นดิ”
“อ้าว! พี่ไม่เห็นเหรอ มันไปนั่งรอผมซ้อมออกบ่อย”
“ห่าคิ๋ม!..อย่ามาเยอะ..เดี๋ยวโบกให้เลยนิ...อย่างเอ็งควงหญิงได้อีกหรือวะ?”
“แรงอะ..พี่แรง....อย่างผมหญิงก็ได้ชายก็ดี หรือพี่จะลองดูปะ?...พิสูจน์ไง”
“สัด..พอเลย ตกลงจะได้เรื่องไหมเนี่ย คิดผิดป่าววะ?”
“โด่..ใจน้อยไปได้ แล้วพี่จะรู้ไปทำไม ว่ามันมีแฟนหรือไม่มีน่ะ? อย่าบอกพี่สนใจมัน? หน้าอย่างพี่จีบหญิงเป็นกะเค้าด้วยเหรอ?” แสรดดด..ย้อนกูซะงั้นมึง
“ไม่ใช่พี่โว้ย! เพื่อนพี่น่ะ มันเรียนช่างกล โรงเรียนxxx..มันฝากให้ติดต่อให้หน่อย เอ็งช่วยพี่หน่อยได้ไหมวะ?”
“อะไรกันพี่วี ริอาจเป็นพ่อสื่อแม่ชักตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“เอ็งอย่านอกเรื่อง เอาเนื้อๆ ตกลงช่วยพี่ได้ไหม?”
“ช่วยยังไง ไหนลองว่ามาดิ ถ้าไม่วุ่นวายมากก็อาจจะช่วย..เอาไง”
“ตกลงน้องเขามีแฟนรึยัง ตอบมาก่อน”
อย่างน้อยถ้ายัง จะได้ไม่รู้สึกผิดมาก แต่ถ้าเค้ามีแฟนแล้ว มาติดต่อให้ไอ้เหี้ยกลทำให้แฟนเค้าต้องเลิกกัน กูคงบาปว่ะ
“ไม่รู้นะพี่ ถึงสนิทกันก็จริง ไอ้เกศมันไม่ได้บอกว่าคบใครอยู่แต่คนจีบมันเยอะ ก็รู้อยู่ว่ามันนางแบบโฆษณา หน้าตาดีใครก็แย่งกันจีบแต่ไม่เห็นมันสนใจใครเป็นพิเศษ หรือไงไม่รู้สิพี่”
“ตกลงพี่เห็นพวกเอ็งไปไหนมาไหนกันนี่ ไม่ได้สนิทกันรึไงวะ?..เอ็งถึงไม่รู้เรื่องอะไรของเขาเลย”
“อ้าวๆพี่...เพื่อนกันก็ใช่จะรู้กันทุกเรื่องนิ เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้บอกผม จะรู้ก็ต่อเมื่อมันขอคำปรึกษา ผมเองก็ใช่ว่าจะบอกมันทุกเรื่องเหมือนกัน”
“อืม..เอ็งชวนน้องเกศไปดูเราซ้อมเย็นนี้ได้ป่าววะ?”
“ทำไมพี่ บอกผมมาก่อน”
“พี่นัดเพื่อนมาที่ยิมเย็นนี้อะดิ มันอยากคุยกะน้องเขา”
“อืม...แล้วไงเดี๋ยวผมลองชวนดู ถ้ามันไม่ติดอะไรก็คงไปแหละ มันชอบไปดูพวกเราซ้อมประจำอยู่แล้วนี่ พี่ก็เห็น”
“อืม..ขอบใจเอ็งมากว่ะ ไงพี่ไปก่อนนะ นี่ก็ใกล้เวลาอาจารย์เข้าสอนแล้ว เจอกันตอนเย็น อย่าลืมที่ฝากด้วยล่ะ”
ผมแยกกับไอ้คิ๋ม เข้าเรียนปกติ อย่างน้อยสบายใจไปเปลาะที่มันรับปากจะชวนน้องเกศไปดูซ้อมเย็นนี้ ถือว่ากูทำแล้วนะโว้ย ที่เหลือให้เหี้ยกลมันคุยเอง สำเร็จไม่สำเร็จโทษกูไม่ได้ แต่ผมภาวนาอย่าให้น้องเขาสนใจมันเลย คนเหี้ยๆอย่างมันอย่ามาดึงใครเค้าต่ำไปกะมันเลยจะดีกว่า
เลิกเรียนบ่ายโมง หลังเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์ที่ยิมเรียบร้อย ผมรีบดิ่งไปห้องไอ้คิ๋มทันทีเป็นช่วงมันเบรกรอเรียนคาบต่อไป
“คิ๋ม..คิ๋ม ออกมาหน่อยดิ”
“อะไรพี่.....เลิกแล้วเหรอ”
“เออ..พี่เลิกแล้ว...น้องเกศเค้าว่าไง ตกลงไปไหม?”
“อือ..ไปๆวันนี้มันไม่ติดอะไร เนี่ยเหลือคาบสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวไงเจอที่ยิมพี่”
“ขอบใจเอ็งมากนะโว้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงมื้อเที่ยงตอบแทน”
“ติดสินบนแค่เนี้ย..เปลี่ยนเป็นเลี้ยงหนังผมสักเรื่องดิ ไปสองคนตกลงป่าว?” ผมยังไม่รู้ตัว..ว่ารุ่นน้องชวนเดท ตอนนั้นโง่น่ะ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรแนวนี้เท่าไหร่
“เฮ้ย! แพงไปพี่ไม่มีตังค์ขนาดนั้น เวลาก็ไม่ค่อยมีด้วย”
“ก็วันแข่งไง อังคารหน้าแข่งเสร็จดูที่มาบุญครองเลย เรื่องตังค์ไม่ต้องห่วง ผมเลี้ยงพี่เองก็ได้ ตกลงตามนี้นะ”
“เฮ้ย!..จะดีเหรอวะ พี่ต้องเลี้ยงเอ็ง กลับให้เอ็งมาออกตังค์ให้เนี่ย เอาเป็นว่าเรื่องดูหนังตามนั้นแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าตั๋วพี่จัดการเอง แค่นี้นะพี่ไปก่อน แล้วเจอกันที่ยิม”
ผมรีบไปเจอเหี้ยกลที่ป่านนี้คงมารอที่ร้านข้าวแล้ว เห็นหน้าไอ้คิ๋มยิ้มแก้มฉีกถึงหูแล้วงง จะดีใจอะไรนักหนากะแค่กูเลี้ยงหนังมึงเนี่ย ผมตรงดิ่งมาที่ร้านข้าว มองเข้าไปเจอเหี้ยสามตัว นั่งแดกข้าวโต๊ะในสุด แดกไปตาก็จ้องทีวีที่ติดบนเพดานไปด้วย
มีความสุขสัดๆ ในขณะที่กูกลับต้องมาวุ่นวายเรื่องที่ยัดเยียดให้กูทำ ควายเอ๊ย....นึกแล้วอยากถีบยอดหน้าแม่งจริง
“มาแล้วเหรอวะ...รอพวกกูแดกข้าวแป๊บหนึ่ง มึงนั่งรอไปก่อน” พูดเสร็จพวกแม่งก็แดกกันต่อ ตาจ้องดูบอลในทีวี ไม่มีล่ะ...น้ำใจถามกูสักคำว่ากูแดกข้าวมาหรือยัง
ผมก็นั่งรอไปดิ อยากตะโกนใส่หน้าแม่งที่สุด ช่วงนี้สงสัยดวงผมตก เสาร์นี้ไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดสร้อยฟ้าดีกว่า กรวดน้ำให้สัมภเวสี เจ้ากรรมนายเวร กับไอ้พวกตัวเหี้ยที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต เผื่อจะได้สบายใจขึ้น คิดได้อย่างนั้นแล้วอารมณ์ขุ่นมัวในใจจึงค่อยสงบขึ้นตามลำดับ กำลังเพลินจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จู่ๆก็สะดุ้งเสียงเหี้ยมันเรียก
“เฮ้ย! ไอ้วี เป็นเหี้ยไรของมึง นั่งเหม่ออยู่ได้ กูเรียกตั้งสองครั้งเสือกไม่ได้ยิน”
“ไร..เรียกกูทำไมซะเสียงดัง เกรงใจร้านเค้าบ้างดิ มึงไม่ได้เรียนที่นี่ กูยังต้องอยู่อีกเป็นเทอมนะโว้ย”
หันไปเเหวใส่แม่งเลย ก็มันเสียงดังเล่นเอาคนมองทั้งร้าน ป้าเจ้าของร้านยังหยุดมือหันมามองเลย นิสัยห่ามไม่เกรงใจใคร ไม่เคยพบเคยเห็น เหี้ยได้โล่จริงๆ
“ก็มึงเสือกหูตึงทำเชี่ยไร กูเรียกธรรมดาเสือกไม่ได้ยิน ก็ต้องเสียงดังสิวะ มึงแหละผิดไม่ต้องมาโวยกู เดี๋ยวโบกกบาลเลยไอ้นี่” ดูมันโยนความผิดให้ผมเฉยเลย เชื่อแล้ว คนอย่างไอ้เหี้ยกลจนปัญญารักษา ตัดรำคาญถามมันไปซะ..เรียกผมทำไม
“เออ..กูผิด ตกลงมึงเรียกกูทำไม?”
“กูจะบอกว่าไปได้แล้ว พวกกูอิ่มแล้ว ป้าเก็บตังค์”
มันลุกเดินออกไปจ่ายตังค์กับป้าเค้าหน้าร้าน เลี้ยงเพื่อนมันอีก สงสัยไอ้นี่เพื่อนคบเพราะมันหน้าใหญ่มากกว่า ไม่งั้นนิสัยส้นตีนแบบมัน ไม่มีใครอยากคบด้วยหรอก แต่พอเหลือบมองหน้าไอ้ก๋อยกับไอ้ต่อแล้ว เหอๆ ขอเปลี่ยนความคิดได้ไหม ฝนตกขี้หมูไหล...คนจัญไรมาคบกัน
ผมพาเหี้ยสามตัว เข้ามาในยิมเป็นที่เรียบร้อย โดยพี่รปภ.ไม่ติดใจถามอะไรมาก อาจเพราะคุ้นหน้าผมดีอยู่แล้ว เห็นกันมาสองปีกว่า ซ้อมกีฬากลับดึกทุกวันแกเลยไม่เข้มงวดเท่าไหร่ ผมถึงพาเหี้ยสามตัวผ่านมาสบายๆ
“พวกมึงนั่งรอตรงนี้แหละ กูไปเปลี่ยนชุดซ้อมก่อน”
ผมบอกให้พวกมันนั่งตรงอัฒจันทร์ข้างสนามก่อนเข้าไปเปลี่ยนชุดกีฬาในห้องที่จัดไว้ให้โดยเฉพาะ ซึ่งมีล็อกเกอร์ประจำ มีห้องน้ำห้องอาบน้ำในตัวเสร็จ รวมๆกว่าหกห้อง
“ไหนล่ะน้องเกศ มึงนัดแล้วไม่ใช่เหรอ?” เหี้ยตัวพ่อ ทวงถามทันที
“เดี๋ยวก็มา เค้าเพิ่งเลิก มึงไม่ต้องกลัวไม่ได้เจอหรอก เพื่อนเค้าเป็นนักกีฬาทีมกู” บอกไปให้จบเรื่อง
“โอเค งั้นกูรอตรงนี้ มึงจะไปทำอะไรก็ไป” พอได้คำตอบ รีบไล่กูเลย..สาด เกลียดขี้หน้าฉิบเป๋ง
พอกลับออกมา เห็นไอ้คิ๋มคุยอยู่กับน้องเกศและน้องผู้หญิงอีกคน คนหลังผมไม่รู้จักน่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มน้องเขา เห็นหน้าหลายครั้งแต่ไม่เคยคุยกัน ตัดสินใจเดินเข้าชนเลยดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเดินเข้าหาผู้หญิง ชำเลืองดูไอ้เหี้ยตัวพ่อเห็นมันมองอยู่ก่อนแล้ว คงเห็นน้องเกศแล้วละมั้ง รอให้ผมเดินเกมอยู่อะดิ....
“ไงคิ๋ม..ยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือเอ็ง จวนได้เวลาวอร์มแล้วนะ..ช้าโดนซ่อมหรอก” หาเรื่องคุยกะไอ้คิ๋มมันก่อน
“เพิ่งมาถึงคร้าบผม พี่มาดีเลย..ฝากสาวๆแป๊บดิ ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” มันรู้งานเหมือนกันนะไอ้นี่
“บ้าคิ๋ม..ฝากเฝิกอะไรกัน ทำยังกะพี่วีเห็นเกศครั้งแรก มาดูคิ๋มซ้อมออกบ่อยไป”
น้องเกศต่อว่าไอ้คิ๋มแบบเขินนิดๆ มองน้องเขาใกล้ๆ ปากนิดจมูกหน่อย สวยน่ารักยังกะตุ๊กตาบาร์บี้ ไม่แปลกที่สะดุดตาแมวมองจนเขาติดต่อไปถ่ายโฆษณา กลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว
“ไปเหอะ...พี่ดูแลให้เอง” ผมบอกไอ้คิ๋มยิ้มๆ
“พี่วีมาแปลกนะคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยเข้ามาคุย ถ้าพวกเกศไม่ทักขึ้นก่อนนี่แทบจะไม่ได้คุยกันเลยซะด้วยซ้ำ”
อาฮะ! มาไม้นี้ เล่นเอาอึ้งไปเหมือนกัน ได้แต่เกาหัวแกรกๆ แก้เก้อไปก่อน ก็จริงอย่างที่น้องเขาพูด ไม่ใช่อะไรหรอก ผมไม่ค่อยถนัดคุยกับผู้หญิง ยกเว้นไอ้สาวห้าวสามคนในกลุ่มแล้วแทบไม่ได้สุงสิงพูดคุยกับสาวๆคนไหนเลย มันไม่มั่นใจ..ติดอายซะมากกว่า วางตัวไม่ค่อยถูกน่ะ
“คะ..คือ พี่ไม่รู้จะคุยอะไร อ่า..เอ่อ พี่คุยไม่ค่อยเก่งน่ะครับ” พูดไปก็ประหม่าไป น้องเกศเล่นจ้องผมตาแป๋วยิ่งทำให้ทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ยิ่งน้องอีกคนที่มาด้วยกันอมยิ้มมองผมตาวิ้งๆ เล่นเอาไม่รู้จะวางมือวางขาอิท่าไหนเลยทีนี้
“เมื่อก่อนเกศนึกว่าพี่วีหยิ่งซะอีก ไม่ใช่มีแต่เกศคิดแบบนี้นะคะ เพื่อนเกศมันก็พูดกัน โดยเฉพาะกีฬาสีที่ผ่านมา เกศกับเพื่อนเชียร์พี่แข่งอยู่ข้างสนาม พี่ไม่เห็นสนใจจะมองเลยด้วยซ้ำ หน้าเรียบสนิทเชียว ต่างกับคนอื่นที่ยังพอคุยเล่นหยอกล้อกะกองเชียร์ พวกเกศยังว่าพี่หยิ่งโคตรเลยล่ะ”
อุวะ! คิดได้ไง ลองใครมาสนิทกะผมสิ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมปากปีจอทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ...ตรงข้ามหากใครที่ผมไม่คุ้นเคยด้วยแล้ว ผมมักไม่คุยเลย คงเพราะพื้นเพผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่มั่นใจที่จะคุยกับใครเขาก่อน ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เลยทำให้เขาต่างคิดว่าผมหยิ่ง
“เฮ้ยวี รุ่นน้องน่ารักๆ ไม่แนะนำกันบ้างเลยหรือวะ?”
พวกเหี้ยยืนอยู่หลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เหี้ยตัวพ่อเอ่ยปากให้ผมแนะนำน้องเกศทันที มันคงทนรอไม่ไหว ดีเหมือนกันที่มันโยนหินถามทางมาขนาดนี้ ผมจะได้ไม่อึดอัดหาข้ออ้างเพื่อให้น้องเขาได้รู้จักกับมัน
“อืม..น้องเกศครับ นี่เพื่อนพี่เรียนอยู่เทคนิคxxx คนนี้พี่กล นั่นพี่ก๋อยกับพี่ต่อ พวกมึง..นี่น้องเกศ กับน้อง....เอ่อ..โทษทีน้องชื่อไรครับ?”
“ดาค่ะ”
“และน้องดา เรียนแผนกเลขา รู้จักกันไว้สิ” ถือโอกาสแนะนำแล้วกู โล่งซะที
“ยินดีรู้จักครับน้องเกศ..น้องดา” เหี้ยกลพูดกะหญิงซะสุภาพเลย..เหี้ยสองตัวโค้งหัวนิดๆ พร้อมยิ้มให้ ทำเป็นมารยาทดีขึ้นมาซะงั้น แอตติ้งโอเวอร์..แสรดดๆๆ
“เช่นกันค่ะ!..พวกพี่เป็นเพื่อนพี่วีเหรอคะ แปลกจังเลยเนอะ พวกพี่เรียนช่างกันทุกคน แต่พี่วีกลับเรียนพาณิชย์” เอาแล้วไง เนี่ยแหละ เค้าถึงบอกผู้หญิงมักขี้สงสัย
“ที่จริงพี่ก็ชอบสายช่างนะ...แต่มันไม่มีทุนให้เรียนฟรีเหมือนโรงเรียนเรา พี่เลยตัดใจสมัครเรียนที่นี่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเทอม ประหยัดช่วยชาติด้วยนะ ฮ่าๆๆ!”
โจ๊กฝืดชะมัดกู ก็ยังดี...อย่างน้อยน้องเกศกลั้นยิ้มขำกูละกัน ยกเว้นพวกเหี้ยสามตัวยังหน้านิ่ง ไม่ได้ขำไปกะผมด้วยหรอก
พอดีโค้ชมาถึงได้เวลาซ้อมแล้ว น่าจะเรียกวอร์มก่อนวิ่งรอบสนามฟุตบอลข้างนอกเหมือนเคย ผมเลยถือโอกาสชิ่ง
“เดี๋ยวพี่ไปซ้อมก่อนนะ ฝากเพื่อนพี่นั่งด้วยสิ มันไม่คุ้นโรงเรียนเรา น้องเกศน้องดาแนะนำให้ไปพลางๆก่อนนะครับ...เอ่อ พวกมึงกูไปซ้อมก่อน สงสัยอะไรถามน้องๆได้เลยนะพวก”
พูดจบผมก็เดินออกมาดื้อๆ หลังจากนั้นไม่รู้แล้วว่าคุยอะไรกันมั่ง ระหว่างซ้อมก็เห็นจับกลุ่มคุยกันบนอัฒจันทร์ ผมคงหมดภาระแล้วสิทีนี้ ที่เหลือเป็นเรื่องของมึงแล้วเหี้ยกล อย่าเสือกมาวุ่นวายบังคับกูทำอะไรแบบนี้ให้อีกล่ะมึง
สองทุ่มครึ่งโค้ชปล่อย ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุด หยิบสัมภาระส่วนตัวในล็อกเกอร์ ก่อนจะเดินไปหาพวกมันเพื่อชวนกลับ ยังไม่เห็นไอ้คิ๋มมันมา..คงยังอาบน้ำเปลี่ยนชุดไม่เสร็จ พอไปถึงไม่ทันได้พูดอะไร เหี้ยกลพูดขึ้นมาซะก่อน
“วี..เดี๋ยวนั่งรถไปส่งน้องเกศตรงปากซอยบ้านเขาหน่อยว่ะ”
นี่ตกลงถึงขั้นไปส่งกันแล้วใช่ไหมนี่ ไม่เลวไอ้เหี้ยนี่ หม้อหญิงไม่กี่ชั่วโมง เค้ายอมให้มันไปส่งซะงั้น ก้าวหน้าชะมัด นี่สินะ มันถึงคุยได้ไม่อายปากว่าหญิงมีมาให้พรึ่บ
“อืม..งั้นแยกกันตรงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยโรงเรียนแล้วกัน” ผมรับลูกเออออไป
“พี่วีไม่ไปด้วยกันเหรอคะ ถ้างั้นพี่กลก็ไม่ต้องลำบากไปหรอกค่ะ” จู่ๆ น้องเกศพูดขึ้นมาเล่นเอาผมงงไปเลย เกี่ยวไรกะผมด้วยวะ?
“ไปดิ..ไอ้วีไปอยู่แล้ว จริงไหมมึง?” ไอ้เหี้ยกล มันจ้องผมประมาณว่ามึงต้องไปด้วย ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ มันก็รีบเดินเอามือโอบไหล่ผม พร้อมบีบแรงๆสองทีให้รู้ว่าอย่าปฏิเสธ ผมเลยหุบปากฉับทันที ไม่เข้าใจมึงเอากูไปอ้างเชี่ยไรกัน จำใจมองหน้าน้องเกศกับน้องดาที่กำลังมองผมอยู่แล้วพยักหน้าให้น้องเขาไปซะงั้นกู..เวร
ไอ้คิ๋มมันแยกขึ้นรถเมล์ไปอีกทาง ปกติผมต้องนั่งรถกลับจอมทอง บางขุนเทียน เลยตกกระไดพลอยโจนนั่งไปถึงวังหลังศิริราช คนละทางกันเลยกะบ้านกู ระหว่างอยู่บนรถเก้าอี้ว่างอยู่สองที่น้องเกศกับน้องดาเข้าไปนั่ง แต่น้องเขาคงเห็นผมถือของเยอะ กระเป๋าใส่สัมภาระสะพายไหล่ แถมหอบหนังสืออีกปึกใหญ่ เค้าเลยเอาหนังสือที่ผมหอบไปวางบนตักแทน ไอ้กลมองผมตาขวาง
สัด...กูไม่ได้ใช้ว่าที่แฟนมึงนะโว้ย! เสือกไม่พอใจจนออกนอกหน้า น้องเขาอาสาเอาของกูไปเอง กว่าจะถึงยังต้องเดินไปส่งน้องเขาหน้าปากซอยทางเข้าบ้านก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม เวรเลยกูกลับถึงบ้านไม่ปาเข้าไปเที่ยงคืนเลยหรือนี่
ผมปล่อยให้พวกเหี้ยมันร่ำลากับน้องเขาให้พอใจ น้องเกศกับน้องดาหันมาขอบคุณผมด้วย เลยต้องยิ้มเจื่อนๆไปให้ ใจอยากตะโกนบอกชะมัดว่าพี่ไม่ได้เต็มใจมานะน้อง แต่ถูกเหี้ยบังคับมาตะหาก พอน้องสองคนหันหลังเดินเข้าซอยไปแล้ว ผมรีบโกยให้ว่อง ต้องรีบกลับจับพลัดจับผลูเลยเที่ยงคืนรถหมดขึ้นมาล่ะกลายเป็นซวยซ้ำซวยซ้อนเลยทีนี้
ถึงป้ายรถเมล์ รอรถสายไหนก็ได้ขอให้ผ่านวงเวียนใหญ่ไปได้หมดเพราะต้องไปต่อรถที่นั่นอีกที
พวกเหี้ยมันเดินมายืนไม่ห่างผมมากนัก คุยอะไรกันของพวกมันไม่รู้อยู่สามตัว จู่ๆรถสายโรงบาลตากสินมาพอดี เหี้ยก๋อยกะเหี้ยต่อพากันกระโดดขึ้นทันที มียกมือให้เหี้ยกลเป็นอันรู้กันว่าพวกมันไปก่อน ผมเหลือบมองแค่นั้น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตารอรถของผมต่อไป แม่งปาเข้าไปสี่ทุ่มสิบเข้าให้แล้วไม่โผล่มาสักคันเลยวะ!
ใจจดใจจ่อรออย่างพะวักพะวน กลัวดึกแล้วรถหมด
ถ้าต้องนั่งแท็กซี่กลับมีหวังหัวโตแน่กู คำนวณดูคร่าวๆแล้วหมดตูดพอดีค่าขนมทั้งอาทิตย์ นี่เพิ่งวันอังคารเอง ขืนขอพี่สาวเพิ่มโดนสวดยับแน่ถ้ารู้ใช้เงินสองวันหมด พาเครียดเลยกู ไอ้เหี้ยกล เข้ามายืนข้างผมก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“เสาร์นี้ช่วงบ่าย มึงไปดูหนังกะกูที่พาต้าปิ่นเกล้า”
ผมหันขวับมองหน้ามัน ไม่แน่ใจว่ามันคุยกะใคร อย่าบอกมันชวนผมดูหนัง กูคงไปกับมึงหรอก..ไอ้ฟราย
“มึงไม่ต้องดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้น กูจะไปเดทกับน้องเกศ น้องเขาอยากให้มึงไปด้วย กูเลยบอกมึงไว้ก่อน” ฟังมันพูด..ผมพูดได้คำเดียวว่า เชิญมึงไปสวีตกันตามสบายอย่ามามีน้ำใจเอากูไปด้วยเลย
“ตามสบายเลย กูขอบายว่ะ”
“ไม่ได้..มึงต้องไป” สัด..มีสิทธิ์อะไรมาบังคับกูเนี่ย
“อ้าว!..เหี้ย..กูไม่ไปแล้วมึงมาบังคับกูไมเนี่ย?”
“มึงไม่มีสิทธิ์เลือก มึงต้องไปเท่านั้น เพราะกูสั่ง” นรกแล้วไง กูไปติดหนี้อะไรมึงวะ บังคับได้บังคับดี ยิ่งกว่าทาสอีก
“กูงงกะมึงจริงว่ะ! มึงไปเดทกะหญิง จะเอากูไปเกะกะทำซากไรวะ?”
“กูบอกแล้วน้องเขาอยากให้มึงไป กูจำเป็นต้องเอามึงไปด้วย มึงมีปัญหาไรอีกไหม?” ควายเอ๊ย!..กูตะหากที่ควรเป็นฝ่ายถาม มึงมีปัญหาอะไรกับกูกันแน่
“กูหมดเรื่องที่ตกลงกะมึงแล้ว นัดน้องเขากูก็ทำให้แล้ว หนำซ้ำมึงยังก้าวหน้าถึงขั้นนัดเดทแล้วด้วย แล้วมึงจะอะไรกะกูอีก กูกับมึงไม่ได้ติดค้างอะไรกันแล้ว เลิกยุ่งกะกูสักที”
“เหี้ย...ทำยังกะกูอยากยุ่งกะมึงตายห่า ไม่ติดน้องเขาบอกว่าถ้ามึงไม่ไปด้วย..เค้าก็ไม่ไป กูคงไม่ต้องเสียค่าตั๋วหนังเพิ่มหรอก แต่เรื่องแดกข้าวนี่มึงต้องแชร์กะกู กูออกให้เฉพาะหญิงเท่านั้น รู้ไว้ด้วย”
“ควยเหอะ!กูไม่ได้อยากไปเสียตังค์ มึงบังคับกูไปยังจะให้กูหารอีกเนี่ยนะ กูอยู่เฉยๆไม่ต้องเจ็บตัวไม่ดีกว่าเหรอ เรื่องอะไรกูต้องไปกะมึง ธุระไม่ใช่ หญิงก็ของมึงจีบ เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง อยู่ดีๆเอากระดูกมาแขวนคอ กูคงไปกับมึงหรอก”
ผมพูดใส่มันเสียงแข็งจ้องตามันไม่ลดละ เอาดิ กูเหลืออดกะมึงเหมือนกัน อะไรกันวะบังคับอยู่ได้ ไม่นับที่โดนมึงตบอีก อุตส่าห์จะเลิกแล้วต่อกันไม่คิดแค้นแล้ว ดันเสือกไม่จบ วุ่นวายกะกูไม่หยุด
“มึง...ต้อง..ไป” มันพูดช้าๆเน้นๆทีละคำ จ้องผมเขม็งตาแม่งโคตรน่ากลัว ยิ่งหน้ามันเข้มๆ เคราเขียวครึ้มด้วยแล้ว ยิ่งดูดุเข้าไปใหญ่
“กู..ไม่..ไป” เอาดิ..กูไม่ไปซะอย่างมึงจะทำไม คิดไม่ทันไร มันยื่นมือมาจับคางผมบีบซะแรงจนเจ็บปากไปหมด ซ้ำแผลแตกตรงกระพุ้งแก้มที่โดนมันตบด้วยแล้ว น้ำตาเล็ดเลยทีนี้ ผมตัดสินใจเตะตัดลำตัวมันเต็มแรง
ตัวมันเซพร้อมกับมือที่บีบคางผมหลุดออก เจ็บชะมัดแผลเก่าน่าจะปริ รู้สึกกลิ่นคาวลือดเต็มปากไปหมด ไม่ทันไรมันสวนหมัดซัดเข้าเต็มโหนกแก้มผม ตอนนี้บริเวณป้ายรถเมล์ไม่มีคนเลย อาจเพราะมันห้าทุ่มแล้วด้วย เล่นเอามึนเลยผม หมัดแม่งหนักชะมัด ตัวมันสูงกว่าแถมดูหนาล่ำอีกตะหาก ซัดมาเต็มๆ เล่นเอาผมเอียงไปเหมือนกัน จังหวะไม่ทันระวังไม่คิดว่ามันจะสวนหมัดใส่เต็มเหนี่ยว พอจะตั้งหลักมันก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พัก เตะอัดเข้ามาเต็มสีข้างล่อเอาเซหลุนๆเลยผม หนังสือสมุดที่หอบอยู่กระเด็นหลุดมือกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
จุกเลยผม ถึงไม่ล้มก็เล่นเอาตัวงอไปเหมือนกัน เพราะตัวไม่โล่งเหมือนมันเลยหลบไม่ถนัด ไหนจะกระเป๋าสะพายใส่รองเท้ากีฬาชุดซ้อม กล่องเครื่องเขียน อุปกรณ์เรียนต่างๆ ไหนจะมือที่หอบหนังสือสมุดห้าหกเล่ม แต่มันตัวเปล่าๆไม่มีอะไรที่ต้องคอยระวังเหมือนผม ไม่รู้มันไปเรียนกันยังไง...ตั้งแต่เห็นพวกมันไม่เคยเห็นมันถือหนังสือเรียนเลยสักคน
“นี่แค่เบาะๆ อย่าคิดลงไม้ลงมือกับคนอย่างกู มึงจะโดนไม่น้อย หรือมึงอยากจะลองเอารูตรงท้องไว้ดูต่างหน้าสักรูสองรูดีไหม”
พูดจบ..มันชูมีดพกปลายแหลมแบบพับเก็บมีสปริงกดดีดออกมา คมมีดสะท้อนแสงไฟจากเสาวาววับพาให้ยะเยือก ผมได้แต่มองหน้ามันนิ่งๆ เม้มปากเน้นไม่ได้โต้ตอบอะไรมัน
“เก็บหนังสือมึงให้เรียบร้อย นั่งแท็กซี่ไปกะกู บอกทางไปบ้านมึง ทำตามที่กูสั่ง”
ผมค่อยก้มเก็บหนังสือที่กระจัดกระจาย..ขึ้นมาปัดฝุ่นเบาๆ ลิ้นก็เดาะกระพุ้งแก้มซับเลือดที่ซึมในปากไปด้วย แม่งโว้ย! กูจะแดกข้าวได้รึเปล่าคราวนี้ ดันซ้ำแผลเดิมกูอีก ทั้งบีบคาง ทั้งอัดหมัดเต็มโหนกแก้มกูเลย คงขึ้นรอยช้ำแล้วชัวร์ ยิ่งผมขาวเหลือง ถึงไม่ขาวจัดเหมือนไอ้โรจแต่ก็เรียกได้ว่าขาว มีแผลฟกช้ำนิดหน่อยเห็นรอยชัดเลยทีเดียว รู้สึกปวดหนึบๆแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไรกะมัน ไม่มั่นใจลูกบ้าไอ้เหี้ยนี่ เกิดแม่งเอามีดจิ้มพุงกูขึ้นมา กลายเป็นศพนอนข้างถนนแน่เลยกูมันเรียกแท็กซี่ ให้ผมบอกทางต่อรองราคา จากวังหลังไปจอมทองล่อกูสี่ร้อย กะไว้ไม่ผิด พอขึ้นนั่งในรถ มันพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย
“ค่ารถกูออกให้สองร้อยที่เหลือมึงจ่ายเอง กูต้องกลับบ้านกูอีก” นรกจริงกู บังคับกูนั่งแท็กซี่นึกว่าจะออกค่ารถ..กูกลับต้องออกครึ่งหนึ่ง เมื่อเป็นแบบนี้ผมเลยกะให้มันลงทางผ่าน จะมานั่งรถย้อนไปย้อนกลับทำเหี้ยไร ที่สำคัญกูเหลือจะทนที่จะนั่งรถร่วมกับมึงตอนนี้
“มึงลงทางผ่าน ต่อรถไปบ้านมึงเลยแล้วกัน หรือไม่เดี๋ยวจอดตรงแยกภาษีเจริญกูต่อรถไปเอง” ผมให้ทางเลือกมัน ไม่ว่ากรณีไหนกูต้องเสียตังค์อยู่แล้วสองร้อย กูขอเลือกความสบายใจกูดีกว่า
“ไม่ได้! กูต้องการไปรู้จักบ้านมึง มีปัญหากูจะได้ตามเล่นมึงถูก”
สัด..นี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่มึงยอมเสียเวลานั่งรถไปถึงบ้านกู รู้อย่างนี้ผมก็จนปัญญาที่จะคุยกับแม่งแล้ว คุยกะตัวเหี้ยสู้สีซอให้ควายฟังยังจะดีกว่า ผมเลยนั่งมองนอกหน้าต่างไม่พูดกับแม่งมันตลอดทาง...
ความคิดเห็น