คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แรกเจอ
“เหี้ยวี! รีบไปไหนวะ?..ห่ารอกูด้วย” มาหมดสัตว์สงวน ซึ่งคนเขาไม่อยากอนุรักษ์กันเท่าไหร่
ไอ้คนที่พาพวกมันออกจากปากมาด้วยเพื่อนผมเองครับ ไอ้โรจ..ชื่อจริงมัน นายโรจนะ วัฒนาภิรมย์ ลูกเจ้าของร้านทองแถววงเวียนใหญ่ ไม่ต้องบอกไอ้นี่เจ๊กเต็มร้อย เกือบยี่สิบปีก่อนเขาเรียกเจ๊กเพราะพ่อแม่ อากงอาม่า พูดไทยไม่ชัด สมัยนี้นิยมเรียกตี๋ พูดให้เท่ตี๋อินเทรนด์ มันแหกปากเรียก ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งตามผมเพื่อให้หยุดรอมัน ผมชื่อวี..หรือนายกวี สิงห์สุริยะ ไงครับชื่อเท่ไหม?
“มึงมีไร? กูรีบซ้อมบอล ขืนช้าโค้ชดุกูตาย มึงก็รู้กูเรียนทุนนักกีฬาไม่ได้บ้านรวยเหมือนมึงนิ โดนตัดสิทธิ์ขึ้นมาคงมีปัญญามานั่งเรียนกับมึงได้หรอก ค่าเทอมกว่าจะเรียนจบกูซื้อทาวน์เฮาส์ได้เป็นหลัง”
ผมเรียนทุนนักกีฬาของโรงเรียนพาณิชยการxxx ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านฝั่งธน คนมีกะตังค์ถึงมีปัญญาเรียน แต่พวกไม่รวยอย่างผมที่เรียนได้เพราะทุนที่ว่าครับ ของฟรีไม่มีในโลก เมื่อเรียนฟรีก็ต้องซ้อมบอลทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ซ้อมมหาโหดวันหนึ่งร่วม 6 ชั่วโมง ผมเรียนรอบเช้าเลิกบ่ายสองโมง เริ่มซ้อมตั้งแต่บ่ายสามถึงสามทุ่ม อ่านสามเหมือนกันแต่เข็มสั้นวนไปครึ่งรอบเชียวล่ะ กว่าจะถึงบ้านอาบน้ำกินข้าว ทำการบ้านเข้านอนก็โน่นเลย ห้าทุ่มเที่ยงคืนประจำ ผมเรียนบัญชีการบ้านยิ่งไม่ต้องพูดถึง แหกขี้ตาตื่นตีห้าหกโมงรีบออกจากบ้านไม่งั้นสาย นักกีฬามาสายฝ่ายปกครองส่งรายชื่อให้โค้ชเมื่อไหร่ โดนซ่อมให้วิ่งรอบสนามเพิ่มอีกสี่รอบ สนามมาตรฐานสี่ร้อยเมตรนะครับ ปกติวิ่งสิบรอบก็ขาลากแล้ว
รู้หรือยังว่าซ้อมหนักแค่ไหน ลืมบอกไปผมนักกีฬาวอลเลย์บอลชายไม่ใช่นักฟุตบอล แต่พวกผมเรียกสั้นๆ ว่าซ้อมบอลเป็นอันรู้กันครับ
ที่พูดมาทั้งหมดคือกิจวัตรที่ผมทำประจำเกือบสามปีแล้วตอนนี้ผมเรียน ปวช.ปีสุดท้าย ส่วนจะเรียนต่อปวส.ที่นี่หรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่! ผมเบื่อบัญชีถึงแม้ทางโรงเรียนเกริ่นจะให้ทุนอีกสองปีก็ตาม ผมตั้งใจเปลี่ยนแผนการเรียนเพราะบัญชีการบ้านเยอะยิ่งปีสามด้วย บัญชีต้นทุน บันชีชั้นสูง บัญชีธนาคาร โอ๊ย! เลิกคิดเลยครับ บัญชีเกือบ 7 เล่ม การบ้านทุกวัน วันหนึ่งตั้งหลายข้อ ดีหน่อยที่ผมเรียนดี เกรดทุกเทอม 3.5 ขึ้น ขืนต่ำกว่า 2.5 จะไม่ได้ทุนเรียนฟรีอีก ต่อให้เป็นนักกีฬาเขาก็มีมาตรการบังคับเกรดด้วย
ตอนนี้ผมได้รับการติดต่อจากมหาวิทยาลัยของรัฐ โควตานักกีฬา สอบแค่ 60% ผมจึงมุ่งทางนี้ดีกว่า คงเพราะสามปีนี้ผลงานด้านกีฬาโรงเรียนของผมโด่งดังมาก คว้าแชมป์กรมพละ เขตการศึกษาและนักเรียนกทม. ติดสโมสรธนาคารอีกต่างหาก
เอาเป็นว่าผมมีชื่อเป็นที่รู้จักในวงการวอลเลย์บอลเยาวชน ยิ่งตำแหน่งที่ผมเล่นหาตัวเกิดยากมากครับ มือเซตคือตำแหน่งสำคัญของทีม ขาดผมซะคนทีมไปไม่เป็นเชียวครับ รู้กันแล้วสินะว่าตำแหน่งผมคือหัวใจกีฬาวอลเล่ย์บอล
เข้าเรื่องไอ้เจ๊กโรจกันดีกว่า ที่มันเรียกผมเพราะ...?
“กูยืมบัญชีธนาคารมึงหน่อยดิ! กูทำโจทย์ที่อาจารย์ให้ในห้องไม่ทัน แกสั่งส่งไม่เกินสามโมง ช้ากว่านี้ไม่ยอมเซ็นให้ว่ะ! โคตรเขี้ยวเลย ของมึงส่งแล้วนี่น่า มาให้กูยืมซะดีๆ”
ประจำแหละครับ ผมต้องซัพพอร์ตเรื่องการบ้านตลอด จับคู่รายงานมันกระโดดเกาะผมตั้งแต่ปีหนึ่ง รู้จักกันวันปฐมนิเทศมาสนิทก็ตอนรับน้องดันเป็นบัดดี้แถมอยู่ห้องเดียวกันอีก มาแยกแผนกตอนปีสองมันเสือกตามมาเรียนบัญชีกับผมด้วย เรียน รด.เราก็เรียนด้วยกัน นั่นไม่เท่าสินน้ำใจที่มันให้ผมคือ..?
“พรุ่งนี้...ของหวานกูทับทิมกรอบ” ของกินแลกเปลี่ยน
“จัดไปกูแถมเป๊ปซี่ให้อีกแก้ว เป็นไงน้ำใจป๋าคุ้มไหม?”
นั่นแหละครับ ผมเอาสมุดบัญชีให้ ก่อนจะแยกตัวเข้ายิมเปลี่ยนเสื้อผ้าลงซ้อมกีฬาตามปกติ
บ่ายวันเสาร์ผมกับไอ้โรจเลิกเรียนเสร็จชวนกันมาเดินเล่นที่ห้างเซ็นทรัลลาดหญ้า ห้างดังแหล่งนักเรียนเที่ยว อยู่ถัดเมอรี่คิงส์วงเวียนใหญ่ไม่ไกล แถวบ้านไอ้โรจมันด้วย
ระหว่างที่พวกผมกำลังเล่นหยอดเหรียญทดสอบพลังหมัดกันอยู่ เคยเล่นกันไหมที่หยอดเหรียญแล้วให้เราอัดกำปั้นต่อยสุดแรงเกิดมันจะกระดอนขึ้นไปอัดเพดาน แล้วขึ้นแต้มว่าเราต่อยได้แรงแค่ไหน นั่นแหละผมกับไอ้โรจกำลังเล่นแข่งกัน ใครแพ้หยอดเหรียญ ซึ่งผมชนะมันสามรอบแล้ว
ควายเอ๊ย! กีฬาไม่ชอบเล่น จะมาออกแรงแข่งผมที่ซ้อมวันจันทร์ถึงศุกร์ ชนะได้ก็อัศจรรย์ละมึง
“เหี้ยวี! แม่งแรงควาย..กูหมดไปสามสิบแล้วโว้ย! ตัวยังกับกุ้งแห้ง มึงเอาแรงมาจากไหนวะ?” มันบ่นที่เสียเหรียญหยอดรอบละ 5 บาท รวมกันแล้วหมดไปสามสิบบาทได้ครับ
จริงอย่างที่มันพูดถึงผมเป็นนักกีฬา เชื่อไหมรูปร่างผมผอมบาง สูง 168 เองครับ ถึงได้เป็นตัวเซต เพื่อนในทีมแต่ละคน 178 ขึ้นทั้งนั้น ถึงผมจะตัวบางไม่หนาล่ำเหมือนคนอื่น แต่ข้อมือผมแข็งแรงสามารถเซตบอลตั้งลูกให้ตบได้สบาย ไอ้ห่าโรจมันไม่เข้าใจตรรกะข้อนี้เลยเสียค่าโง่ ซึ่งมันแพ้สามครั้งติดถึงเวลาทวงเดิมพัน
“อะไร..แพ้แล้วพาล ไม่ต้องไก๋เลยมึง ปะ! ไปเลี้ยงขนมจีนน้ำยากูซะดีๆ” ผมเข้าไปลากแขนกอดคอมันไม่ถึงหรอก แม้มันจะเจ๊กตี๋แต่สูงตั้ง 178 ผมจะให้มันพาไปเลี้ยงขนมจีนน้ำยาร้านอร่อยฝั่งตรงข้ามห้าง ร้านนี้มีทับทิมกรอบกะทิสดขายด้วย ขายมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว
“ไงมึง...เดิมพันกันป่าว?”
ขณะที่ผมกำลังจะลากแขนเหี้ยโรจไป พวกเด็กช่างกลเข้ามาท้าผมเดิมพันต่อยหมัด พวกมันมากันห้าคน เข็มหน้าอกกับหัวเข็มขัดบอกยี่ห้อโรงเรียนขึ้นชื่อ ‘เด็กเหี้ยสุดโต่ง’ ที่สำคัญพวกเด็กช่างชอบมองเด็กพาณิชย์อย่างพวกผมเป็นตุ๊ดซะงั้น ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากเสวนากับพวกมันเลยครับ ผมไม่สนใจกะเดินหนีซะจะได้ไม่ต้องมีเรื่อง
“เห้ย! ตุ๊ดว่ะ? กะแล้วหน้าติ๋มๆมีต่อยโชว์ พอท้าเข้าหน่อยเสือกป๊อด สงสัยรีบไปดูดจ๊วยกันเว้ย..ฮ่าๆๆ!”
ไอ้เหี้ยตัวเดิมปากหาเรื่องสุดๆ ผมโคตรโมโหแต่จำต้องอดทนไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งสวมเครื่องแบบนักเรียนอยู่ด้วย ที่สำคัญผมเป็นเด็กต่างจังหวัดอาศัยอยู่กับพี่สาว กำพร้าพ่อเหลือแต่แม่ ไม่อยากให้ครอบครัวผิดหวัง เลี่ยงได้ผมขอเลี่ยงดีกว่า แต่ไอ้โรจมันคนแถวนี้ ลูกเถ้าแก่ร้านทองดันมาพูดจาดูถูกหยามมันแบบนี้ด้วย
“เหี้ย! มึงว่าใครตุ๊ด ครวย! เดิมพันใช่ไหม? เท่าไหร่ว่ามา”
เหี้ยโรจสวนไอ้คนพูดทันที ท่าทางคงเป็นหัวโจก มันก้าวออกมายืนประจันหน้าไอ้โรจ ความสูงพอสูสีรู้สึกไอ้เหี้ยนั่นดูจะได้เปรียบนิดๆ หน้าตามันเหมือนคนใต้ คิ้วคมหน้าเข้ม ผิวสีแทน เคราครึ้มอีกต่างหาก แขนมีแต่ขนดำพรืดไปหมด เสื้อนักเรียนปลดกระดุมสองเม็ด เห็นขนหน้าอกแพลมเต็มพรืด ตกลงมันคนหรือว่าลิงกันเล่านี่?
แต่ถ้าไม่อคติโดยรวมแล้วมันดูหล่อเข้มคล้ายมุสลิม ตรงข้ามกับไอ้โรจที่เจ๊กตี๋ ตาชั้นเดียวผิวขาวแบบเชื้อสายจีนตัดกันอย่างขาวกับดำเชียว มองเพื่อนมันแต่ละคน..อันธพาลครองเมืองทุกตัว
ผมคงจ้องมันนานไปหน่อย ไอ้เหี้ยหัวโจกกวนใส่ผมซะงั้น
“มึงมองอะไรกู? กูไม่พิศวาสตุ๊ดกะเทย อย่าหวังจะได้อมได้ดูดกูเลยชาตินี้...ฮ่าๆๆ!” ฟังปากมัน..ยัดเยียดกูจริงตุ๊ดกะเทยเนี่ย ผมยังไม่ทันอ้าปากสวนกลับ เหี้ยโรจพูดแทรกขึ้นซะก่อน
“มึงเลิกว่ามันซะที มันไม่ได้เป็นอย่างที่มึงพูด ให้เกียรติกันหน่อยดิพวก” พระเอกจริงเพื่อนกู เกิดเรื่องขึ้นสู้ไหวรึเปล่า? ได้ข่าวไม่เป็นมวยด้วยสิ นี่ห้าต่อสองเลยนะเว้ย!
“ปกป้องจริงนะมึง ถามจริงมันเมียมึงหรือไง?กูเห็นเมื่อตะกี้ยังยื้อยุดฉุดแขนมึงอยู่เลยนี่หว่า?”
อะ! เหี้ยแล้ว เหลือจะทนอีกต่อไป ว่าจะไม่พูดถึงขั้นนี้เอาไงเอากันอย่างมากแค่ตาย เกิดหนเดียวตายหนเดียวลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้
“รู้สึกมึงข้องใจกับเพศกูจริง ต่อให้กูเป็นอย่างที่มึงพูด แล้วกูไปเป็นอยู่บนหัวพ่อมึงหรือไง?”
คำว่าพ่อหลุดปากผม มันปรี่เข้าใส่ทันที ไอ้โรจขยับตาม เพื่อนมันที่เหลือเข้าไปขวางเอาไว้ ไอ้หน้าเหี้ยเอามือจับคอเสื้อผมหิ้วขึ้น ผมเชิดหน้าจ้องมันไม่หลบ ตัวต่อตัวไม่กลัวครับ ผมเป็นมวย พี่ชายเป็นนักมวยทั้งบ้าน ชกมวยหาเงินเรียน สอนผมด้วยเลยทำให้ชกมวยเป็นตั้งแต่อายุ 12 ก่อนเข้ากรุงเทพฯอีก
มันง้างหมัดแต่ไม่ได้ต่อย ถ้ามันต่อยผมก็หลบทัน เตรียมยกขาเตะอัดผ่าหมากมันไว้แล้ว ดันหยุดมือค้างเอาไว้จ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ ลูกตาแดงก่ำคงโกรธจนควันออกหู ผมเล่นด่าบุพการีมันขนาดนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ต่อย ดูท่าก็ตั้งใจจะต่อยอยู่แล้ว จู่ๆหยุดมือทำไม ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน
“หึ..เปลี่ยนใจไม่ต่อยดีกว่า กูมีวิธีจัดการมึงเด็ดกว่าอีก รู้ไว้ไม่เคยมีใครด่าพ่อกูแล้วลอยนวลไปได้ มีเรื่องในห้างตอนนี้ไม่คุ้ม พาเสียแหล่งหลีหญิงหมด..พวกมึงปล่อยไอ้เหี้ยนั่นไป ส่วนไอ้ห่านี่เอามันมากับพวกเรา”
พูดจบพวกเพื่อนมันเข้าประกบจับแขนผมซ้ายขวา ดันหลังให้เดินไปกับพวกมัน ผมสะบัดตัวไม่ยอมเดิน กลับต้องหยุดกึกเพราะสัมผัสถึงวัตถุบางอย่างจิ้มตรงข้างเอว ดูน่าจะเป็นมีด
“มึงจะยอมไปดีๆ หรือจะให้พวกกูจิ้มเอาไส้ทะลักตรงนี้” มันจ้องผมพร้อมกระทุ้งสิ่งที่ใช้จี้ผม จิ้มเข้าตรงเอวจนรู้สึกเจ็บแปล๊บ ปลายแหลมทิ่มเนื้อผมนิดเดียว มันคงตั้งใจพิสูจน์ให้รู้ว่าเอาจริง
ผมเหลียวกลับไปดูไอ้โรจ มันถูกอีกสองคนประกบเช่นกัน ชั่วโมงนี้คิดว่าไหนๆ ต้องไปกับมันแน่ ขอต่อรองให้เพื่อนรอดก่อนดีกว่า ไอ้โรจมันไม่เกี่ยว ผมต่างหากที่ด่าพ่อไอ้เหี้ยนั่น คิดได้ดังนั้นเลยตัดสินใจต่อรองมันไป
“มึงปล่อยเพื่อนกูก่อน..กูยอมตามพวกมึงไป..กูด่าพ่อมันคนเดียวเพื่อนกูไม่เกี่ยว” พวกมันหันไปขอความเห็นไอ้หัวโจก พอไอ้เหี้ยนั่นพยักหน้า มันยอมปล่อยไอ้โรจ หลุดได้มันรีบดิ่งหาผมทันที
“วีเป็นไงมั่ง..มันจะเอามึงไปไหน?” หน้ามันซีดจนเห็นชัด ยิ่งผิวขาวอยู่ด้วย พอซีดไม่มีสีเลือดยิ่งไปกันใหญ่ ผมตัดสินใจส่งยิ้มให้มัน ก่อนบอกไปว่า
“กูตามไปเคลียร์กับมันก่อน มึงไม่ต้องห่วงรีบกลับบ้านไป เจอกันวันจันทร์ที่โรงเรียน กูเอาตัวรอดได้..สบายมากเพื่อน”
มันจ้องหน้าผมไม่วางใจ ผมพยักหน้าให้ คงดูขัดลูกตาไอ้เหี้ยหัวโจกมันมั้ง เลยเร่งพวกผมขึ้นมาทันที
“มึงจะสั่งเสียกันอีกนานไหม? กูจะได้จองศาลารอ ไอ้เจ๊กรีบไปเลยมึง ก่อนกูจะเปลี่ยนใจลากมึงไปยำตีนอีกคน”
ฟังมันดิ เลี้ยงหมาเต็มปากเลยมั้ง หมาเน่าซะด้วยแต่ละตัวถึงได้กลิ่นเหม็นขนาดนี้
“มึงจะเอาเพื่อนกูไปไหน พามันไปทำอะไร?”
“กูไม่เอามันถึงตายหรอกน่า ก็ไม่แน่ถ้ามึงยังวอนไม่เลิก ทำกูรำคาญขึ้นมา รอฟังข่าวศพนักเรียนขึ้นอืดในเจ้าพระยาได้เลย”
ไอ้โรจโดนไอ้เหี้ยตัวพ่อขู่เข้าให้ตาแดงจะไปแล้ว เห็นมันสภาพนี้ก็เข้าใจนะ คุณชายเสียขนาดนั้นชีวิตเคยมีเรื่องกับใครเขาหรือเปล่าเถอะ อดพูดขัดไม่ได้
“โรจมึงกลับไปก่อน กูไม่เป็นไรหรอกเชื่อกูสิ แล้วเจอกันวันจันทร์ หรือไม่มึงค่อยโทรหากูโอเคป่ะ?”
สมัยนั้นไม่มีมือถือมีแต่โทรศัพท์บ้าน มันพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังเดินออกไป ยังมีเหลียวมองเป็นระยะ ผมได้แต่ถอนหายใจ แต่เรื่องค้างคาตรงหน้ายังไม่จบ
“ไปได้แล้ว..” มันสั่ง ไอ้เหี้ยสองตัวรีบดันหลังผมออกเดิน
“มึงไม่ต้องดัน ปล่อยแขนกูได้หรือยัง กูเดินเองไม่หนีหรอกน่าคำไหนคำนั้น บอกไปก็ไปดิโรงเรียนกูมึงก็รู้จัก หนีได้มึงก็ไปดักหน้าโรงเรียนกูอยู่ดี” นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่หนี เพราะเรื่องมันจะไม่จบ เคยมีเด็กโรงเรียนผมไปมีเรื่องกับโรงเรียนมัน สาเหตุแย่งผู้หญิงอะไรกันเนี่ยแหละ..สาวพาณิชย์โรงเรียนผมขึ้นชื่อว่าสวยในย่านนี้ ไม่แปลกที่จะมีนักเรียนชายโรงเรียนอื่นมาคอยจีบประจำ โรงเรียนไอ้เหี้ยนี้ก็หนึ่งในนั้น ที่รู้จักเพราะพวกมันชอบมามีเรื่องหน้าโรงเรียนผมออกบ่อย ผมถึงกล้าพูดว่าป้ายยี่ห้อโรงเรียนนี้เด็กเหี้ย เพราะเด็กโรงเรียนผมเคยโดนรุมยำตีนหน้าโรงเรียนเชียวครับ ผมถึงตัดปัญหาเคลียร์ให้จบๆไปซะ ขืนไปมีเรื่องต่อที่โรงเรียน มีหวังผมซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง ยิ่งเป็นนักเรียนทุนอยู่ด้วย โดนหลายกระทงอีกต่างหากถ้าก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็โดนโทษทางวินัยอยู่ดี เคยมีรุ่นพี่เป็นตัวอย่าง ถูกสั่งตัดทุนแถมโดนรีไทร์ด้วย ไม่คุ้มเลยครับ
ในที่สุดพวกมันยอมฟัง ปล่อยผมเดินอิสระ โดยมีไอ้เหี้ยตัวพ่อเดินนำหน้า ไอ้สี่ตัวประกบผมเดินตามมันไป พอถึงหน้าห้างพวกมันเรียกรถตุ๊กๆ ดันผมขึ้นนั่งตักไอ้เหี้ยตัวพ่อซะงั้น ส่วนที่เหลือนั่งเบียดอัดกันเต็ม ผมไม่มีทางเลือกอนาถตัวเองชะมัด ‘แม่งเอ้ย!ทำไมกูต้องตกอยู่ในสภาพอุบาทว์แบบนี้ด้วยวะ?’
แปลกใจกันไหม? ทำไมผมไม่ร้องให้คนช่วยทั้งที่อยู่ย่านชุมชน คงต้องบอกว่าไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องเด็กช่างตีกันหรอกครับ ต่อให้ไล่ตีกันเป็นกลุ่มโดนรุมกระทืบต่อหน้าต่อตาก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย เขากลัวโดนลูกหลงกันหมด เลี่ยงได้พยายามไม่เข้าใกล้เป็นดีที่สุด.....
ความคิดเห็น