ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZE-NA : สายพันธุ์ซีเอ็นเอ [ฉบับรีไรท์]

    ลำดับตอนที่ #4 : CON-C 3 : ชายตาสองสี (Man in the Dark)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 60







    บทที่ 3

     

                จัสติน พอเถอะฉันผละตัวเองออกจากเขาได้ในที่สุด แม้มันจะค่อนข้างยากลำบากที่จะทำแบบนั้น ก่อนจะพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นด้วยการต่อยไหล่เขาเบาๆ หน้านายมีแต่น้ำยาล้างจานแหน่ะ

                จัสตินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมเธอชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย

                ทำอะไร

                ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยยังไงล่ะ ทั้งๆที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอรู้สึก เมื่อฉันอ้าปากจะคัดค้าน จัสตินจึงรีบแทรกพูดต่อ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไปนอนเถอะ ฉันจะไม่คาดคั้นอะไรจากเธอแล้ว

                จัสติน คือฉัน...ฉันส่ายหน้าเบาๆ ฉันไม่...

                ฉันจะล้างจานแล้ว จัสตินไม่สนใจคำพูดของฉันอีกต่อไป เขาเพียงแค่เดินกลับไปที่ซิ้งค์เงียบๆ  ฉันได้ยินเสียงน้ำไหลกับเสียงกระทบกันของจาน

                สงสัยคราวนี้เขาคงจะโกรธจริงๆแล้ว

                ฉันเดินกลับขึ้นมาบนห้องของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ มันช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้าของฉันได้มากพอสมควร ฉันปล่อยร่างกายทุกส่วนให้นอนแผ่ สายตาเหม่อมองไปบนเพดานห้องสีครีม ซึ่งภายใต้ความมืดมิด ณ เวลานี้มันคล้ายจะออกสีเทาอ่อนๆ

                ฉันไม่สามารถสลัดภาพของจัสตินออกจากหัวได้เลย ราวกับภาพของเขาฉายอยู่บนเพดานห้อง แววตาเป็นประกายคู่นั้นทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขก็จริง ทว่ามันยังไม่ใช่ แม้ว่าเขาพยายามทำสิ่งต่างๆมากมายแค่ไหน แต่คนที่มันไม่ใช่ ต่อให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร

                ก็ไม่มีวันใช่

                ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในจิตใจของฉันมันเป็นเพียงภาพลวง จัสตินเป็นเด็กเรียนเก่ง   เล่นฟุตบอลและเป็นประธานนักเรียน เขามีทุกอย่างที่ฉันไม่มีวันมี และในอนาคตเขาคงได้ทุนด้านไหนซักด้านเพื่อไปต่อจนจบปริญญาเอก ซึ่งฉันไม่มีวันทำได้ เขาจะได้อยู่ในสังคมที่ดีกว่ารัฐเท็กซัส ได้เจอผู้หญิงฉลาด รอยยิ้มอ่อนหวานและฐานะดี ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เขาคู่ควรที่จะได้รับ

                ไม่ใช่ต้องมาจมปลักอยู่กับเด็กมีปัญหา

                นาฬิกาหัวเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า ฉันดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาบน้ำแล้วกลับมานอนให้เข้าที่ ไม่นานนักเปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้งและกลืนกินความเป็นจริงทุกอย่างไป

               

     

     

                กรุบ!

                ฉันสะดุ้ง เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างไม่รีรอ ทว่าฉันไม่สามารถแยกได้ว่าเสียงที่ฉันได้ยินเป็นความจริง หรือเพียงแค่ฝันไป   ฉันขยี้ตาเล็กน้อยเพื่อปรับระยะการมองเห็น พลางมองไปยังนาฬิกาหัวเตียง

    ตีสองครึ่งเองหรอ ให้ตายสิ

    ฉันเอื้อมมือไปเพื่อที่จะเปิดโคมไฟ ทว่าหลังจากกดปุ่มแล้วก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ  ฉันพยายามกดเปิดปิดอีกหลายครั้งแต่ผลก็ยังออกมาดังเดิม คือไฟไม่ติด

    เยี่ยม ฉันถอนหายใจ ไฟดับอีกแล้ว

                กรุบ!

                เสียงนั่น...  ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้ฉันรับรู้ได้ในทันทีว่ามันคือเสียงเดียวกันกับที่ได้ยินในไร่ข้าวโพดเมื่อหัวค่ำ และมันดังมาจากนอกหน้าตาทางฝั่งหัวเตียงของฉันเอง ด้านนอกคือบรรยากาศของไร่ในยามค่ำคืน ชั่งดูเงียบงันและเปล่าเปลี่ยว

                ฉันยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมค่อยๆคลานเข้าหาหน้าต่างด้วยจิตใจกระสับกระส่าย ทว่าไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว มันปะปนไปด้วยความใคร่สงสัยและอยากรู้

                เปิดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ฉันคิด ก่อนจะเอื้อมมือไปข้างหน้า คว้าขอบหน้าต่างทั้งสองบานเอาไว้ แล้วเริ่มดันมันออกไปด้านนอก ลมหายใจของฉันถี่ขึ้นทุกวินาที ภาวนาขออย่าให้มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างสัตว์ร้ายเลย ขอให้มันเป็นเพียงลูกแมวที่อยากให้ฉันรับเลี้ยงจึงตามกลับบ้านด้วย

                ฉันเปิดหน้าต่างจนสุด สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วค่อยๆชะเง้อคอออกไปมองสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง  แวบแรกฉันเห็นเพียงทุ่งหญ้าและถนนดิน มันไม่มีวี่แววสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ตรงนั้น

                ทว่าฉันคิดผิด

                กรุบ!

                เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ความสงสัยใคร่รู้ของฉันหนีหาย สติของฉันแตกกระเจิดกระเจิง ฉันหลบออกจากหน้าต่าง ก่อนจะวิ่งตรงไปยังประตูห้องแล้วเปิดออกไปสู่ทางเดินชั้นสอง

                ทั้งบ้านมืดและนั่นยิ่งทำให้ฉันสติแตก

                ฉันวิ่งตรงไปยังห้องของแม่ซึ่งอยู่ใกล้กว่าเป็นห้องแรก ก่อนจะเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง 

                แม่!” ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น เมื่อความอดทนหมดลงและความกลัวเข้าครอบคลุมทั่วทั้งความคิด ฉันตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ

                ก่อนจะพบว่าภายในห้องว่างเปล่า

                ไม่มีผู้หญิงท่าทางใจดีนั่งอยู่หน้ากองเอกสารเท่าภูเขาอย่างที่ฉันคาดเอาไว้ ข้างในไม่มีแม่ เตียงราบเรียบราวกับยังไม่มีใครจับจอง ฉันเอามือขึ้นมาขยี้ผมด้วยความเครียด พร้อมถอยหลังแล้วตรงไปหาห้องของจัสติน

                 จัสตินเปิดที!” เมื่อยังไม่มีเสียงตอบรับ ฉันจึงพยายามหมุนลูกบิดประตูห้องหวังจะเปิดเข้าไป ทว่ามันล็อคไว้  จัสติน!” เสียงเรียกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกรีดร้อง

                พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน!

    ฉันมองกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้ง  ประตูที่แง้มเปิดอยู่ทำให้เห็นว่าภายในห้องฉันยังคงมืดมิด  มีเพียงหน้าต่างบานหัวเตียงโบกพัดไปมาตามกระแสลมยามวิกาล  แสงสะท้อนสีขาววิบวับเกิดขึ้นตลอดเวลาที่กระจกขยับ  เสียงหวีดหวิวเมื่อกิ่งไม้เสียดสีกันดังราวกับแมวที่กำลังร้องโหยหวน  ก่อนจะเงียบลงและดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นแบบนั้นอยู่หลายนาทีจนกระทั่งสายลมที่พัดผ่านไปไม่ได้กลับมาอีก

    ฉันทำได้เพียงทิ้งตัวลงบนพื้น เอาหัวพิงประตูห้องของจัสตินเอาไว้อย่างวิงวอน จากที่หายใจรัวด้วยความหวาดกลัว ลมหายใจเริ่มกลับมาระดับปกติอีกครั้ง  ฉันข่มตาลงพยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่คิดไปเอง

                และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณห้า หรือสิบนาที ฉันตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วพบว่าทุกอย่างรอบตัวยังคงปกติดี

                สงสัยฉันคงบ้าไปแล้วจริง ฉันหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ซักพัก กับการกลัวเสียงไร้สาระจนเกินเหตุ

                หนึ่งนาทีต่อมาฉันตัดสินใจลุกขึ้นจากพื้น แล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อตามหาแม่กับจัสติน จินตนาการภาพทั้งคู่กำลังนั่งคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ทว่ามันคงไม่ใช่บรรยากาศที่ดีเท่าไหร่นักในเมื่อตอนนี้ทั้งบ้านตกอยู่ในสภาพไร้แสงไฟ

                แม่คะ จัสติน อยู่ไหนกัน ฉันตะโกนเรียก แต่เสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงแห่งความเงียบ ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องกินข้าว ทุกที่ว่างเปล่า

                หรือพวกเขาจะออกไปข้างนอกกัน ฉันมองผ่านหน้าต่างออกไป ทว่าจักรยานสีแดงของจัสตินยังคงจอดอยู่บนสนามหญ้าดังเดิม  ฉันคิ้วขมวดพลางเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย  บ้านที่อยู่ข้างๆไฟยังคงติดดี แม้แต่ไฟถนนต้นที่ตั้งอยู่หน้าบ้านของฉันก็ยังติดดีเหมือนกัน

                แปลกแฮะ

                ฉันหันกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อหาไฟฉาย และตอนนั้นเองที่เงาของบางสิ่งบางอย่างพาดผ่านบนพื้น หายเข้าไปบริเวณทางเดินซึ่งถูกบดบังด้วยกำแพงกั้นระหว่างห้อง 

                ใครน่ะ จัสตินหรอฉันตะโกน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หาไฟฉายเจอพอดิบพอดี ฉันจัดการเปิดมัน ก่อนจะเดินไปยังบริเวณที่เงาปริศนานั้นหายไป ทว่าตรงทางเดินว่างเปล่า หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่สุดทางยังคงปิดสนิทดี 

    ทันใดนั้นหางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเงานั่นอีกครั้ง มันอยู่ในห้องกินข้าวทางซ้ายมือ

                โอเคจัสติน ไม่ตลกเลยนะ ฉันส่องไฟฉายเข้าไปภายใน เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงคว้าร่มจากตะกร้าขึ้นมาหนึ่งคัน หลังสำรวจห้องกินข้าวแล้วไม่พบใคร ฉันจึงเดินต่อไปยังห้องครัว ก่อนจะพบสิ่งผิดปกติ

    หน้าต่างบานใหญ่หลังบ้านเปิดอยู่

                ซึ่งนั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย

                บ้าชิบ ฉันสบถ รับรู้ในทันทีว่ากำลังอยู่ร่วมกับผู้ไม่ประสงค์ดีปริศนาภายในตัวบ้าน  ฉันจำได้ว่าแม่มีเก็บปืนสั้นไว้ในลิ้นชักข้างบน จึงรีบออกจากห้องครัวในทันที ฉันวิ่งอย่างรวดเร็วจนกระทั่งกลับมาโผล่ในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

                ทว่าสายเกินไป

                ใครคนหนึ่งยืนก้มหน้าอยู่กลางห้อง เขาใส่เสื้อฮูดและกางเกงสีดำ ข้างกายมีผ้าสีขาวลักษณะคล้ายถุงใบใหญ่กองอยู่  ฉันชะงักฝีเท้าก่อนจะถอยหลังรัวจนกระทั่งชิดกำแพง พร้อมตัดสินใจเลิกส่องไฟฉายใส่คนตรงหน้าแล้วขว้างมันใส่เขาแทน

                แต่เขาก็ปัดมันกระเด็นไป

                ฉันคว้าทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวขว้างใส่เขาอย่างไม่รอช้า แจกัน กรอบรูป หรือแม้แต่โคมไฟกระทบพื้นแตกกระจัดกระจาย แต่ชายปริศนากลับยังปกติดี ฉันหันไปรอบกายเพื่อหาสิ่งของ ทว่าไม่เหลืออะไรให้ฉันหยิบอีกต่อไป

                หมดแล้วสินะ ชายผู้นั้นกล่าวขณะเริ่มก้าวเดินเข้ามาหาฉัน

                ไปให้พ้นนะ!” ฉันกรีดร้อง พลางง้างร่มในมือขึ้นกางอากาศแล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของเขาทันทีที่มาประชิดตัว ผู้ถูกกระทำใบหน้าหันขวับไปด้านข้าง ฮูดที่คลุมหัวอยู่หล่นลง เผยให้เห็นใบหน้าอันรางเลือนที่กำลังหลับตาสนิท

                เขาค่อยๆหันใบหน้ากลับมาอีกครั้ง ฉันได้ยินเสียงกระดูกดังกรอบทันทีที่เขาเอียงคอไปมา

                รู้มั้ยว่ามันเจ็บ เขาเอ่ยเสียงต่ำ ขณะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่นั้นจ้องมองฉันด้วยความหมายที่ยากจะตีความ ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนใจ เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเข่าอ่อนยวบขึ้นมากะทันหัน คือสีตาของเขา ที่ข้างซ้ายเป็นสีฟ้า ส่วนข้างขวา

                เป็นสีแดง

                นายเป็นใครกันแน่ เสียงของฉันสั่นเครือ นาย..นายต้องการอะไร

                เขาแสยะยิ้ม ต้องการตัวเธอ

                ฝันไปเถอะ ฉันอาศัยจังหวะช่วงวินาทีหนึ่งฟาดร่มเข้าไปที่ขาของเขาทั้งสองข้าง ส่งผลให้เขาล้มลงคุกเข่ากับพื้น  แล้วรีบวิ่งตรงไปยังบันไดในทันที

                เธอคิดจริงๆหรอว่าจะหนีพ้น!” เขาคำรามกู่ก้อง ชายตาสองสีผู้นั้นวิ่งตามฉันขึ้นมายังชั้นสอง ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องแม่ ก่อนจะพยายามหากระบอกปืนในลิ้นชัก เมื่อเห็นเขาโผล่มายืนที่ประตู ฉันจึงขว้างร่มในมือใส่เขาเพื่อยื้อเวลา

                เลิกขว้างนู้นนี่ใส่ฉันซักทีได้มั้ย!” เขาตวาดขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ฉันหาสิ่งที่ต้องการเจอ

                งั้นเอานี่ไปกินแทนแล้วกัน!” ฉันเลื่อนท้ายกระบอกปืน ก่อนจะใช้มือขวาจับปืนเตรียมลั่นไก จ่อปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ชายตาสองสี

                เธอไม่ยิงแน่ เขาหัวเราะในลำคอ

                โอ้ นายไม่รู้จักฉันเลยซักนิดเดียว!” ฉันกดลั่นไกอย่างไม่ลังเล แรงอัดทำให้แขนของฉันขยับขึ้น ราวกับทุกอย่างกลายเป็นภาพช้า ลูกกระสุนพุ่งตรงเข้าหาชายตาสองสี ทว่าตอนนั้นเองที่ความน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น

                ก่อนที่กระสุนจะปะทะเข้ากับร่างกายเขา ชายผู้นั้นยกมือซ้ายขึ้นมาบัง เศษเสี้ยววินาทีต่อมาอะไรบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นบนมือของเขา มันหมุนวนเป็นแผ่นวงกลมราวกับโล่กำบัง ลูกกระสุนกระแทกเข้ากับมัน ก่อนจะสะท้อนกลับไปโดนโคมไฟที่ตั้งอยู่เยื้องไปทางซ้าย

                โล่นั้นคือแผ่นน้ำแข็ง และฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ

                พระเจ้า นายเป็นตัวอะไรกันแน่ราวกับพูดกับตัวเอง

    ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเดินตรงไปด้านหน้า แล้วยิงใส่เขาอีกหลายนัดแต่แผ่นน้ำแข็งนั้นก็ช่วยปกป้อง จนกระทั่งไม่เหลือกระสุนในกระบอกปืนอีกต่อไป

                หมดตัวช่วยแล้วสินะ เขาสะบัดมือซ้ายหนึ่งครั้ง แผ่นน้ำแข็งจงหล่นร่วงลงพื้นแล้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คราวนี้ถึงตาฉันบ้าง

                เขาปราดเข้ามาแย่งกระบอกปืนไปจากมือฉัน โดยการใช้มือข้างหนึ่งกระแทกมือของฉัน ส่วนอีกข้างดึงปืนไป ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที จากนั้นเขาก็ง้างกระบอกปืนขึ้นในอากาศ แล้วฟาดเข้าที่ขมับของฉันทันที

                หลับฝันดีนะ เจเจ โจนส์


     
    ❆แอดแฟนคลับ❆
    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×