ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction Super Junior WONTEUK] __,, " Poison Ivy " (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #11 : [Poison : 09] Devilish

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 52


    Devilish

     

     

     

     เจ็บ..” เสียงหวานร้องแหบพร่า เรียวขาเล็กสั่นอย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าก็ไม่สามารถเลือกจะหยุดเดินได้

     

    “ฉันเจ็บ อึ่ก..” เท้าเปลือยเปล่าเสียดสีกับพื้นหินจนเกิดแผล ปล่อยให้เลือดสดไหลเลอะไปตามทางที่เดิน ตาคู่สวยแสนอ่อนล้าที่ปรือแทบปิดนั้น ยังคงจับจ้องแผ่นหลังกว้างของคนที่พยายามลากเค้าไปที่ไหนสักแห่งซึ่งเค้าเองก็ไม่รู้ เพราะแม้กระทั่งคฤหาสน์หลังใหญ่เมื่อครู่ เค้าก็รู้แค่ว่า..มันไม่ได้ตั้งอยู่บนโลกมนุษย์

     

    “ฮึ่ก..” สุดท้าย เรียวขาเล็กก็ไม่สามารถต้านทานความเจ็บปวดได้ไหว ร่างบางล้มลงไปกองอยู่กับพื้น โดยที่แขนข้างหนึ่งยังถูกอีกคนรั้งไว้

     

    “ถ้าไม่ลุก ก็อยู่มันตรงนี้แหละ” เจ้าของสายตายเย็นชายเอ่ยบอกเสียงเรียบโทนเย็นชาไม่ต่างกัน พร้อมทั้งปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ

     

    “...” ยิ่งเห็นคนตัวเล็กก้มหน้าหลบสายตายิ่งพาให้หงุดหงิด ร่างสูงย่อตัวลงเชยคางมนขึ้นให้มาประจันหน้ากับตน

     

    “หรือคิดว่าไอ้คิบอมมันจะมาช่วย?”

     

    “...”

     

    “ฝันเฟื่อง!

     

    “ต่อให้ไม่มีใครมาชาวย ฉันว่าตายอยู่ตรงนี้ ก็ยังดีกว่าต้องกลับไปกับนาย” เสียงเล็กเค่นตอบ

     

    “หึ จะเอาอย่างงั้นใช่มั้ย ..ดี!!” มือหนาสะบัดหน้าหวานที่เชยไว้บนคางมนทิ้ง ลุกขึ้นทิ้งมองร่างบางบนพื้นด้วยหางตา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป.. ทั้งที่รู้ว่ากลิ่นเลือดหอมหวานนั้นเย้ายวนใจเหล่าสิ่งมีชีวิตในปราสาทและรอบบริเวณมากเพียงใด ...ทั้งที่รู้.. ว่าอันตราย .....ต่อตัวเอง.......

     

     

     

     

     

    “กลิ่น ...เลือด” หลังจากประสาทหูซึ่งดีกว่ามนุษย์หลายเท่า ได้ยินการตั้งข้อสงสัยของใครสักคน ห้องจัดงานขนาดใหญ่ที่เคยห้อมล้อมด้วยเสียงเซงแซ่ก็เงียบลงถนัดตา ต่างคนต่างมองหาแหล่งกำเนิดของกลิ่นหอมนั้น เพราะไม่ใช่เพียงแต่แวมไพร์ที่โหยหาเลือดสด.. สิ่งมีชีวิตดุร้ายเหนือการควบคุมของสติเช่นมนุษย์หมาป่า.. ก็โหยหามันไม่แพ้กัน

     

    แต่ก่อนจะได้ออกไปหาอาหารอันโอชะ.. เพื่อจะเป็นที่หนึ่งของผู้ล่า ก็จำเป็นจะต้องกำจัดคู่แข่งซะก่อน

     

    “โฮกกก ก !!!!

     

    ท่ามกลางความวุ่นวายของสงครามขนาดย่อม ชนชั้นสูงที่สามารถครองสติไว้ได้ ต่างพากันสลายตัวไปจากงาน เหลือเพียงคิม คิบอม ..ที่จำกลิ่นหอมเย้ายวนนั้นได้แม่นยำ

     

    “จองซู...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮึ่ก.. ฮืออ อ” อีทึกนั่งกอดเก่าร้องไห้อยู่กลางทางเดินไม่ไปไหน ไม่รู้ว่าน้ำตาหรือน้ำเลือดที่ไหลออกมาได้มากกว่ากัน ครั้นเงยหน้าข้นมองบรรยากาศรอบตัวก็ต้องสะอื้นหนัก เมื่อเห็นว่าตนกำลังอยู่ในวงล้อมของสัตว์ท่าทางหิวโหย ..สิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าที่เห็นในงานเลี้ยง หากแต่ดวงตาที่แสดงแต่ความกระหายโดยไร้สามัญสำนึกใดๆ นั่น เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างเล็กกลัวสุดหัวใจคำบอกเล่าของซีวอนครั้งพบกันใหม่ๆ ลอยวนเวียนอยู่ในหัว..

     

    พวกแวมไพร์ชั้นต่ำเป็นพวกที่ถูกกัดโดยไม่ยินยอม พวกนี้จะกระหายเลือดมาก พวกมันหิวโซตลอดเวลา.. ไม่เคยลังเลที่จะกินเนื้อมนุษย์เข้าไปพร้อมๆ กับเลือด หากจะทำให้มันอิ่มท้องขึ้น

     

    เสียงสะอื้นไห้ดังหนักขึ้น เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นใกล้เข้ามา รอบปากพวกมันยังปรากฏให้เห็นคราบเลือดและสิ่งสกปรกที่น่าขยะแขยง

     

    ..ร่างบางขดตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองอย่างหวาดกลัว..

     

    อย่างน้อยถ้าจะต้องตาย.. ขอให้มันไม่ทรมาณได้มั้ย..

     

    ถ้าแค่ปล่อยให้เค้าตายซะตั้งแต่วันนั้น ..

     

    วันนี้เค้าคงไม่ต้อง... ทรมาณ..

     

     

    “ฮีชอล ..ฮึ่ก” เป็นทุกครั้งที่มีปัญหา..แค่นึกถึงเท่านั้น ฮีชอลก็มา..

     

    ริมฝีปากบางพึมพำชื่อเพือนรักซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ความกลัวเข้าครอบงำจนเค้าไม่สามารถรับรู้อะไรรอบกายได้อีก ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    “มนุษย์หน้าโง่คนไหนมันทำลายงานนี้ได้!!” เสียงแหลมหวีดสูงเจือความไม่พอใจระคนโกรธา ตาคมดุจเหยี่ยวตวัดมองคนทั้งคู่ที่ยืนนิ่งราวกับจะกัดกินซะให้ได้

     

    “มนุษย์หน้าโง่ที่ทุกคนให้ความสนใจมากกว่าคุณไงครับ” คิบอมฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงตัวสวยตามสไตล์ ก่อนจะเดินตามเยซองไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนฟึดฟัดไม่พอใจอยู่อย่างนั้นเพียงคนเดียว

     

    “ฮึ้ย ~!!

     

     

     

     

     

     

    “อื้ออ ..” เสียงหวานโอดครวญทั้งที่ยังปิดปากแน่น ..ถ้าฮีชอลไม่มา เค้าก็จะไม่ขอร้องให้ใครช่วย.. ตากลมเหลือบมองแวมไพร์โสโครกตัวหนึ่งที่ฝังคมเขี้ยวลงที่แขนเค้าช้าๆ ฟันสวยขบริมฝีปากล่างแน่นจนน่ากลัว..

     

    ทั้งที่คิดว่าจะไม่พูด ..

     

    ทั้งที่คิดว่าจะไม่เรียก ..

     

    แต่..

     

     

    “อึ่ก.. ซีวอน..”

     

     

     

    “พวกแกนี่มัน..เห็นแล้วน่าหงุดหงิด..” เสียงต่ำเอ่ยราบเรียบ ตาคมกวาดมองชนชั้นที่ตัวเองเรียกว่าต่ำ ก่อนจะมองไปยังกลางวงล้อมซึ่งปรากฏให้เห็นคนของเค้านั่งอยู่

     

    “หลบไป..” เสียงที่เอ่ยนั้นแผ่วเบา..ทว่าหนักแน่น เสียงทรงอำนาจนั้นเรียกให้เหล่าอมนุษย์ไร้สติหันมาสนใจร่างสูงใหญ่นั้น หากแต่ก็เพียงเพราะรู้ว่ามีคนกำลังมาขัดขวางมื้ออาหารโอชะนี้เท่านั้น

     

    ฝ่ายซีวอนเมื่อเห็นว่าพวกนั้นหันมามองตนเป็นตาเดียว บางตนก็ทำแยกเขี้ยวขู่ แต่ที่ทำเหมือนกันหมด คือจ้องมองเค้าอย่างไม่พอใจ.. แต่เพียงแค่เค้ากราดมองด้วยแววตาที่สงบนิ่ง..พลังอำนาจของเลือดบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในตัวก็มากเพียงพอจะทำให้พวกนั้นหวาดกลัว..

     

    หากไม่อยากต้องไปทนทรมาณกับเพลิงโลกันต์..ก็แค่ยอมทิ้งเหยื่อแล้ววิ่งหนีไป..

     

     

     

    ร่างสูงเดินผ่านวงล้อมของปีศาจร้ายที่ยินยอมแหวกเป็นทางให้เค้าเดิน ตรงไปยังร่างเล็กตัวสั่นเทา.. ซีวอนย่อตัวลงช้อนคนตัวเล็กนั้นขึ้นอุ้มแนบอก ตาคมจับจ้องแขนข้างที่เลือดยังไหลไม่หยุด เลยไปจนถึงใบหน้าหวานซีดเผือด ก่อนจะหันไปมองเจ้าของการกระทำนั้นเขม็ง ใส่ความโกรธและเจ็บแค้นลงไปในสายตา กระทั่งเปลวเพลิงลุกโชนท่วมร่างอมนุษย์นั้น ร่างสูงจึงได้เดินจากไปพร้อมร่างเล็กในอ้อมแขน..

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    “รอยเขี้ยวหลังคอ ถูกกัดที่แขน ........ แกดูแลอีทึกยังไงห๊ะ!!!” มือเรียวจับผ้าขนหนูที่เพิ่งเช็ดตัวร่างบางบนเตียงเสร็จเขวี้ยงใส่หลานชายตัวดี ..ทั้งๆ ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้ห่าง ..ก็น่ากินซะขนาดนี้ !

     

    “เรื่องมันเกิดไปแล้วจะให้ทำยังไง”

     

    “..ตื่นมาเค้าจะกลัวแค่ไหนคิดซะบ้าง..” ตาเรียวทอดมองหน้าซีดเผือดของคนบนเตียงก็อดคิดมากไม่ได้ .. “นี่ซีวอน..”

     

    “ครับ?”

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    “อือ..”  ร่างเล็กปรือตาขึ้นมองเห็นเพดานเป็นอย่างแรกก็เข้าใจว่าตัวเองอยู่ไหน อีทึกค่อยๆ พยุงตัวขึ้นนั่งพิงไปกับหัวเตียง ตาหวานเหม่อมองไปนอกหน้าต่างนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านน้ำตาก็พาลจะไหล.. เค้าว่าตอนอยู่เป็นมนุษย์ดีๆ ชีวิตก็แย่พอแล้ว .. ตอนนี้..

     

    พระเจ้าเกลียดอะไรผมนักหนา ?

     

    “อ่ะ..” พอรู้สึกปวดตุบๆ ที่ต้นคอ นึกจะยกมือขึ้นสัมผัส..แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด อีทึกเหลือบมองแขนขวาที่มีผ้าพันไว้อย่างดี หากแต่เลือดที่ยังซึมออกมาไม่หยุด จนทำให้ผ้าพันแผลที่เค้ามั่นใจว่าก่อนหน้านี้เป็นสีขาว แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ..กลิ่นคาวเลือดกับภาพตรงหน้าทำเอาเจ้าของท่อนแขนยังเบือนหนี.. ใครกับที่บอกว่าเลือดเค้าหอมหวาน

     

    นิ้วเรียวค่อย ๆ แกะเอาผ้าพันแผลออก.. เพราะในเมื่อแผลยังไม่แห้งดี จะพันไปทำไมกัน ..พอแกะผ้าเรียบร้อยภาพรอยแผลก็ทำเอาร่างบางมือไม้อ่อน.. มันไม่ใช่แค่รอยเขี้ยวฝังลงไปตรงๆ อย่างที่เคยโดน รอทางยาวที่เขี้ยวลากลงไปเป็นทางนั้น ทำให้เกิดแผลที่น่ากลัว..

     

    “อ๊ะ !” ครั้นเงยหน้าขึ้นพบร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าแสนเสน่ห์ก็ตกใจ ..ถึงคุณอาจะชอบเข้ามาแบบที่เค้าไม่ทันตั้งตัวก็เถอะ ก็ยังไม่ชินอยู่ดี..

     

    ตาคู่สวยมองตามคนตัวที่เดินมานั่งลงข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือมารับเอาท่อนแขนเค้าไปประคองไว้..

     

    “เลือดยังไม่หยุดอีกเหรอ”

     

    “ฮ..ฮะ”

     

    จุนกิยกแขนเพรียวขึ้น ลากไล้ปลายลิ้นอุ่นไปบนรอยแผลนั้นด้วยความเคยชิน.. ฝ่ายคนถูกกระทำก็ได้แต่หลับตาแน่น เพราะจำได้ดีว่าซีวอนเคยบอก.. ว่าไม่มีอะไรจะสมานแผลจากเขี้ยวแวมไพร์ได้ดีไปกว่านี้

     

    “ยังไงฉัน ..ขอโทษเธอแทนซีวอนแล้วกัน” ยกมือเรียวขึ้นเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากตัวเอง ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม

     

    “ถึงเจ้านั่นมันอารมณ์ร้อน ..ขี้โมโห ..แต่อย่างน้อยมันก็ห่วงเธอนะอีทึก..”

     

    ห่วง .. หรือแค่หวง

     

    “เค้ากลัวจะไม่มีอะไรกินล่ะมั้งครับ.. เค้าก็พูดออกชัดเจนว่าผมเป็นทาสเค้า..”

     

    “อีทึก..” คุณอาหน้าสวยถอนหายใจยาว เอื้อมมือไปทัดผมข้างแก้มขาวไปไว้หลังหูอย่างอ่อนโยน “เธออาจะไม่เข้าใจเรื่องคนของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อะไรนี่สักเท่าไหร่ ..ตำแหน่งนี้จะว่าล้ำค่าก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเป็น..”

     

    “...”

     

    พอเห็นอีกคนตีหน้างงใส่ จุนกิก็อธิบายต่อ “แวมไพร์ตนนึงน่ะ ..ถึงจะออกปากพูดปาวๆ ว่าคนของเราเป็นแค่ทาส ไม่มีสิทธิ์เถียง ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ..แต่ถ้าลองได้ไว้ใจให้ใครได้ตำแหน่งนี้แล้วจริงๆ เราจะไม่มองใครอื่นอีก.. ซื่อสัตย์แต่กับคนของเราเพียงคนเดียว ..เราจึงหวังให้เค้าซื่อสัตย์กับเราด้วย..”

     

    “เพราะฉะนั้นการที่คนของเราไปบอกใครต่อใครว่าเจ้าของเค้าเป็นคนอื่น ..มันเหมือนการหักหลัง ..เป็นการทรยศที่เจ็บปวด .. แต่สำหรับกรณีของเธอ จริงๆ ฉันก็เข้าใจว่าหลานฉันมันเป็นยังไง..”

     

    มือเรียวเอื้อมไปกุมมือเล็กที่กำผ้าห่มแน่นไว้ก่อนจะคลี่ยิ้มให้จางๆ เมื่อหน้าหวานยอมเงยขึ้นสบตากับเค้า

     

    “ฉันรู้ว่าเธอก็เจ็บ.. จนรู้สึกทรมาณ ..แต่ฉันอยากขอร้องให้เธอไม่พูดถึงคนอื่นอีก ไม่บอกคนอื่นผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าของตัวเธอ.. ได้มั้ย?”

     

    “...”

     

    “เพราะถึงยังไงตอนนี้ เธอเองก็กลับไปใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เดินดินปกติได้อีกแล้ว ..แค่ลองทำใจยอมรับมันดู มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายนักก็ได้ ..นะ” สิ้นคำพูด ลี จุนกิก็หายตัวไปจากตรงนั้น ทิ้งไว้ให้ร่างบางได้แต่คิด

     

     

    ..ยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    To be continue.

     

    “มาต่อไว ๆนะ เห็นวันที่อัพครั้งที่แล้วกับล่าสุดแล้วมันปวดใจงิ
    เดือนห้ากับเดือนสิบ อยากจะบ้า TOT~~

     

    เห็นคอมเม้นท์นี้แล้วรู้สึกผิดมหันต์ ! เสียงความดีในหัวใจ(?) กระซิบบอกว่าแกดองมากไปแล้วจริงๆ T[]T เพราะฉะนั้นถึงแม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงกับมีไคลแมกซ์เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ขอเอามาลงก่อนจะดีกว่า เพราะไม่งั้นปีนี้ชีวีจะไม่เป็นสุข ๕๕  ไม่อยากให้รีดเดอร์รอนาน น  ๆ มันเป็นบาป (??)

     

    จะบอกว่าคาร่าดีใจตัวลอย ย เห็นคอมเม้นแล้วมันชื่นใจจังค่ะ > < เป็นความสุขขั้นสุดยอดของไรท์เตอร์จริงๆ ~!!

     

    นึกว่าจะลืมฟิคเรื่องนี้กันไปซะแล้ว > < แต่คิดได้คิดมา ..เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่คิดจะแต่งแนวนี้ ๕๕ เอ่อ ..แฟนตาซีหน่อยๆ มันเป็นอะไรที่ไม่ถนั๊ดดดไม่ถนัด ..แต่คนเราไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดหรอกเนอะ ~!! ฮี่ ๆ

     

     

    พระเจ้าอวยพรนะค้า : )

     

     

     

     

      t em    

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×