คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [Poison : 06] Torment
Torment
“อึ่ก...” ฟันขาวขบลงที่ริมฝีปากแห้งผากอย่างเหนื่อยล้า.. เกือบสามวันเต็มที่เค้าถูกปล่อยให้อยู่ในกล่องใสใบสี่เหลี่ยมซึ่งบรรจุน้ำเหนียวๆ สีเลือดจนปริ่มคอ มีเพียงแขนขวาที่ถูกล็อคไว้เหนือหัวเท่านั้นที่แห้งสนิท..
ตลอดเวลาที่ถูกจำกัดพื้นที่เอาไว้ในกล่องแคบๆ ใบนี้ ไม่มีน้ำแม้สักหยดเดียวที่ได้แตะลงบนลิ้มนุ่ม.. ไม่ได้รับรู้ถึงลมเย็น ..ไม่ได้เห็นไอแดด.. ไม่ว่าจะมองไปทางไหน..ก็เห็นเพียงความมืดเท่านั้น
...ทรมาน...
คำๆ เดียวที่สื่อความรู้สึกได้ทั้งหมด แขนข้างที่ถูกตรึงไว้เคยเจ็บจนรู้สึกชา ริมฝีปากที่ขาดน้ำ แห้งแตกจนเลือดซึม ท้องว่างๆ ที่ไม่รู้ว่าปล่อยให้ถูกน้ำย่อยกร่อนไปมากเท่าไหร่ เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่ถูกฤทธิ์ของกรดอ่อนๆ จากยางไม้กัดจนแสบ ..คงไม่มีคำไหนจำกัดความทั้งหมดได้ดีไปกว่าคำนี้..
หากเพียงจะให้มีชีวิตอยู่ต่อจนถึงพรุ่งนี้ ..ก็คงยากเกินกว่าเค้าจะทำได้
“แค่ก ๆ ๆ” ร่างกายที่อ่อนแรง สั่งให้ลำคอที่ตั้งเกร็งมาตลอดล้าจนไม่สามารถพยุงหัวหนักๆ เอาไว้ได้ ร่างเล็กก้มลงอย่างหมดแรง ส่งผลให้น้ำสีแดงข้นกระเซ็นเข้าโพรงปากไป ...รสฝาดและกลิ่นคาวที่ไม่ต่างจากเลือดนักทำให้จองซูสำลัก
“อีทึก.. อีทึก..”
“ปาร์ค จองซู!”
เสียงเรียกครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ทำให้คนในตู้กระจกใส่ใจจะหันมามอง ..ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาอย่างเป็นกังวัล
“คุณอา ..” เมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินลงบันไดมา ซีวอนก็หันกลับไปมองและพบกับคุณอาของเค้าที่ลงมาพร้อมกับเยซอง ..ซึ่งนั่นหมายความว่าสิ้นสุดเวลาที่รอคอยแล้ว
“ได้เวลาแล้วล่ะ ..พาอีทึกออกมาเถอะ” เมื่อได้ยินชัดเจนว่าเป็นไปตามที่ตนคิด ร่างสูงก็ดีดนิ้วเปาะให้สัญญาณถ่ายเทน้ำสีเลือดออก แล้วเดินตรงไปปลคล็อคตู้กระจกนั้น ก่อนจะไขโซ่ที่คล้องไว้กับข้อมือเล็กนั้นออกด้วย
“..ฮึ่ก..” ซีวอนย่อลงรับคนที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่ไว้ในอ้อมแขน
“วันนี้คือวันแรกของชีวิตการเป็นคนของแวมไพร์ที่แท้ ณ ตรงนี้กับสักขีพยานคนแรกของเธอ ..ต่อไปนี้จะไม่มีคนที่ชื่อปาร์ค จองซูอีกแล้ว ..อีทึกเท่านั้นที่มีตัวตน..ในฐานะคนของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์” จบคำพูดจากจุนกิ ริมฝีปากหนาก็ประกบลงกับปากอิ่มตรงหน้า ..จูบที่กระชากเอาสติสัมปชัญญะสุดท้ายให้หลุดลอยไป ..
.
.
.
“อือ ..แค่ก ๆ” ร่างบางลืมตาตื่นขึ้นด้วยอาการแสบร้อนไปทั้งตัวรวมถึงในลำคอ ..ตาหวานกรอกมองบรรยากาศรอบตัวที่จำได้ดีว่าเป็นห้องที่เค้าเคยนอนมาหนึ่งคืนก่อนจะต้องไปทนทรมาณอยู่ในกล่องกระจก
“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณอีทึก ..ผมทำอาหารมนุษย์ไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ แต่นี่เค้าบอกว่าเหมาะสำหรับคุณ” ซองมินว่าพลางวางถาดข้าวต้มลงที่โต๊ะข้างเตียง
“ทานสักหน่อยก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะจัดยาขึ้นมาให้นะครับ” เอ่ยบอกก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป ..
อีทึกมองชามข้าวต้มอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบช้อนขึ้นมาด้วยมือสั่นๆ แล้วจึงเอื้อมไปหยิบชามข้าวขึ้นมาด้วย
“อ๊ะ! อึ่ก ..” ฟันขาวขบริมฝีปากล่างแน่นเมื่อมือเล็กไร้เรี่ยวแรงจะพยุงชามข้าวเอาไว้ได้ ข้าวต้มร้อนๆ จึงพลิกหกราดลงบนท่อนแขนเรียว
“อีทึก?!” ผู้มาเยือนเรียกชื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างตกใจ หยิบเอาชามกระเบื้องเขวี้ยงออกไปอย่างแรงพร้อมทั้งสะบัดผ้าที่อุ้มน้ำซุบร้อนๆ ออกจากคนตัวเล็ก
“รู้ตัวว่าทำไมได้ก็เรียกคนอื่นเค้ามาช่วยสิ!” พูดเสียงแข็งก่อนจะลุกไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆ แล้วกลับมานั่งลงที่เดิมข้างเตียง
“อื้อออ อ” เสียงหวานครางแผ่วในลำคอเมื่อน้ำเย็นจัดแตะลงบนผิวขาวที่แดงเพราะความร้อน
“เฉยๆ ได้มั้ย” เสียงเข้มบ่นเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะชักแขนกลับทุกครั้งที่เค้าพยายามจะลดความร้อนด้วยผ้าผืนนั้น
“มันเจ็บนะ..”
“แล้วทิ้งไว้มันจะหายงั้นเหรอ?” เพราะประโยคที่ฟังดูมีเหตุผลนั้น อีทึกถึงได้ยอมเงียบไป
“เดี๋ยวจะให้คนทำมาให้ใหม่”
“ไม่กินแล้ว..”
“อยากตายรึไง? อดอีกวันเดียวได้ตายสมใจแน่”
“กินก็ได้ ..”
“อืม ..รอก่อน” ซีวอนว่าก่อนจะเดินไปทางประตูห้องเตรียมจะลงไปบอกให้ทำข้าวชามใหม่ให้ที แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยเสียงหวานๆ ของอีกคนซะก่อน
“หิวน้ำ.. เอาน้ำให้ก่อนได้มั้ย” มือบางดึงแขนเสื้อคนตัวโตไว้ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนวอน
“เรื่องมาก” ถึงจะบ่นออกไปอย่างนั้น แต่ซีวอนก็เปลี่ยนเป็นเดินไปรินน้ำให้ร่างบางแทนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ขอบคุณนะ”
“อยากเข้าห้องน้ำ”
“ก็ไปสิใครเค้าห้าม” บอกกลับพร้อมทั้งรับแก้วน้ำมาวางที่เดิม
“ถ้าไปเองไหวก็ไปแล้ว ....พยุงหน่อยสิ”
“ยุ่งจริงๆ” และถึงจะออกปากบ่นอีกครั้ง แต่ร่างสูงก็ค่อยๆ สอดแขนไปโอบรอบเอวบาง แล้วรั้งให้อีกฝ่ายลงจากเตียงอย่างระแวดระวัง
“จะให้เข้าไปด้วยมั้ย?”
“ไม่ต้อง! ขอบใจ” ตอบกลับเสียงหวานก่อนจะค่อยๆ พาร่างของตัวเองเข้าห้องน้ำไป
.
.
.
“อ้าว อีทึกฟื้นแล้วเหรอ” จุนกิเอ่ยทักเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับหลานตัวดีของเค้า
“ฮะ ^^”
“งั้นมาดื่มน้ำมะเขือเทศสักหน่อยละกัน จะได้บำรุง” ว่าแล้วก็หายเข้าครัวไปสักพัก ก่อนจะกลับออกมาพร้อมน้ำสีแดงในแก้ว
“ขอบคุณครับ”
“อ้อ ..แล้วก็นี่ ..ดังหลายรอบแล้ว” ยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กคืนให้กับเจ้าของ ที่เมื่อได้รับกลับคืนก็ต้องตาโตอย่างตกใจ
318 Missed Call
ไม่ต้องกดดูเจ้าของมิสคอลนั้นให้เมื่อย อีทึกก็รู้ดีว่าเป็นใครที่โทรมา ..ก็ทั้งชีวิต เค้าจะมีเพื่อนสักกี่คนกันเชียว
แต่คิดได้อย่างนั้นก็แทบเป็นลม ..ถ้าโทรกลับไปจะเกิดอะไรขึ้นนะ ..
ถึงจะกลัวปลายสายโวยวายกลับมา..แต่ถ้ายิ่งปล่อยไว้นานขึ้น ก็คงโดนโวยมากขึ้น
นิ้วเรียวกดปุ่มสีเขียวบนมือถือโทรกลับไปหาเจ้าของมิสคอลมากมาย ..คิมฮีชอล
“ฮัลโหล” อีทึกชิงเอ่ยทักทายก่อนทันทีที่เสียงสัญญาณติดต่อหมดลง และรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรับโทรศัพท์แล้ว
(“ฮัลโหล! นี่นายอยู่ที่ ..ตู๊ด ๆ”) ไม่ทันได้ฟังอีกคนพูดได้ถึงไหน สายก็ถูกตัดไปซะก่อนเพราะแบตที่ไม่ได้รับการชาร์จมาตลอดสามวันของอีทึก
“เอ่อ ..ขอชาร์จแบตมือถือได้มั้ยฮะ?”
“เอ่อ ..เอาสิบนห้องเธอก็มีปลั๊กอยู่”
“ครับ” พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเผลอตัววิ่งขึ้นบันไดไปและเกือบจะล้มไม่เป็นท่าหากว่าไม่มีใครมารับไว้ซะก่อน
“ระวังตัวหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ได้มีเวลามาดูแลนายทั้งวันหรอกนะ” ว่าพลางช้อนคนตัวเล็กขึ้นแนบอก แล้วอุ้มขึ้นห้องไปทั้งอย่างนั้น
.
.
.
อีกด้านนึงที่ไม่สามารถติดต่อเพื่อนรักที่หายไปได้ก็เริ่มกระวนกระวายกับสายที่ถูกตัดไป แล้วพอโทรกลับ ..ก็ดันปิดเครื่องซะอีก
ตลอดสามวันที่ผ่านมาฉันเป็นห่วงนายมากขนาดไหน
อย่าให้ฉันเจอนาย
ครืดด ด
ไม่ต้องรอให้มือถือเครื่องบางสั่นซ้ำสอง นิ้วเรียวกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนจะเอาแนบหูอีกครั้ง
“จองซูนายอยู่ไหน? เป็นอะไรรึเปล่า? จะไม่มาทำไมไม่โทรมา ทำไมไม่รับโทรศัพท์ แล้วทำไมเพิ่งจะโทรกลับมาป่านนี้!!”
(“เดี๋ยวๆ ฮีชอล ..ทีละคำถามนะ ..ฉันอยู่ที่บ้านซีวอน ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่ว่างรับโทรศัพท์ และฉันก็เพิ่งจะว่างโทร..”)
“นายไปอยู่กับหมอนั่นมาทุกวันทุกคืนที่หายไปเลยงั้นเหรอ?”
(“ก็อือ ...แล้วก็คงอยู่ไปอีกนานเลยแหละ”)
“จองซู!”
(“ฉันบอกแล้วว่าจะอธิบายให้ฟัง ..เดี๋ยวอีกสองวันฉันไปหา”)
“วันนี้เลยไม่ได้รึไง?”
(“คือ ..ฉันไม่ค่อยสะดวกน่ะ”)
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ ฉันจะไปรับนายเองนายอยู่ที่ไหนบอกมาเลย”
(“โอเคๆ ..พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันไปหาเอง นายมารอที่บ้านฉันแล้วกัน”) เอ่ยบอกที่นัดหมายไปอย่างนั้น ..เพราะถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานมากเท่าไหร่ ฮีชอลก็ยังไม่เคยยอมพาเค้าไปที่บ้านเลยสักครั้ง แต่เค้าเองก็เชื่อว่าเพื่อนคงมีเหตุผลสักอย่าง..ถึงได้ไม่เคยเซ้าซี้
“โอเค ..แต่นายไม่เป็นไรจริงๆ นะ ? เสียงนายฟังดูแหบๆ ไม่สบายรึเปล่า?”
(“เปล่าๆ ฉันไม่เป็นไร”)
“อือ ..ถ้างั้นพักผ่อนเยอะๆ นะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
(“อื้อ บ๊ายบาย”)
หลังจากวางสายจากเพื่อนรักไป นิ้วเรียวก็กดหารายชื่อคนที่เพิ่งได้เจอกันเมื่อสองวันก่อนพร้อมกับข่าวคราวของจองซู
“ฮัลโหล คิม คิบอม ..”
To be continue.
ตอนนี้มาเวอร์ชั่นพระนางในละครเลยแฮะ ๕๕ ติดมาจากตอนแต่งฟิควันเกิดป๊ารึเปล่านะ > < วันนี้คิมฮีชอลออกมาเกือบหน้ากระดาษแล้วนะคะ ฮี่ ๆ
จะต้องเริ่มเรียนพิเศษแล้ว T T ลำพังไม่เรียนยังอัพช้าเลยนะเนี่ย ..ส่วนเปิดเทอมนั้น คาราเมลขอบอกเลยว่าคงอัพได้ไม่มาก ต้องจริงจังกับการเรียนซะแล้วค่ะ !
โฟทานอนคะ~ เพลงประกอบฟิคเรื่องนี้ชื่อ 습관 (Seub gwan) ซึ่งแปลตรงๆ แปลว่า นิสัยค่ะ แต่มันมือชื่อภาษาอังกฤษอันเป็นที่ยอมรับทั่วโลก( - - )ว่า Poison Ivy ล่ะค่ะ (แหม เหมือนชื่อฟิคเป๊ะ !) ศิลปินคือ Fly To The Sky ค่า ^^ ภูมิใจนำเสนอ เพลงเพราะมากค่ะ ๕๕ เพราะทุกเพลง ทุกอัลบั้มด้วย (ขายเต็มที่) ถ้าไม่ชอบก็ฟัง Let’s Not.. ไปพลางๆ ก่อนก็ได้ค่ะ ฮวานฮีหนึ่งใน FTTS แต่ง > < เอิ้ก ก ๆ ๆ
ก่อนที่แพล่มจะยาวกว่าฟิค
พระเจ้าอวยพรนะค้า : )
t em
ความคิดเห็น