ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction Super Junior WONTEUK] __,, " Poison Ivy " (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : [Poison : 01] Unbelievable ,Frist meet

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 52


    Unbelievable ,Frist meet

     

     

     

    สัตว์ร้ายในคราบมนุษย์มีอยู่จริง ..แต่จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ ที่ได้สัมผัส...และรู้จักกับมัน

     

     

     

     

     

     

    เจอตัวแล้ว!” เสียงเข้มตะโกนผ่านโทรศัพท์มือถือ เรียกให้อีกคนที่มาด้วยกันรู้ตำแหน่งของบุคคลที่ตนกำลังตามหา

    เฮ้ย~~!”ใครอีกคนที่ถูกเจอร้องเสียงหลง ก่อนจะออกวิ่งเพื่อหนีอีกครั้ง โดยไม่ทันได้ระวัง ร่างเล็กก็ไปชนกับใครอีกคนเข้า

    ขอโทษครับ เอ่ยพร้อมกับก้มหัวให้อย่างมีมารยาท และคงจะเริ่มวิ่งต่อไปหากไม่ถูกรั้งเอาไว้

    ...น่ากิน คำพูดนั้นเรียกให้จองซูขนลุกเกรียวอย่างช่วยไม่ได้ ..ไม่ใช่เพราะคำพูดชวนวาบหวามนั่น แต่เป็นเพราะเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างเย็นยะเยือกนั่นต่างหาก

    อ่า~ ปล่อยนะฮะ ผมรีบ สะบัดข้อมือหนีการจับกุมอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกคนก็ยังไม่ละสายตาจากแผ่นหลังเล็กๆ นั่นไปเช่นกัน..

    ร่างบอบบางวิ่งสุดชีวิตขึ้นไปบนดาดฟ้าเมื่อหมดทางจะหนี

     

    ..ทำไมทั้งชีวิตเค้าถึงเจอแต่เรื่องร้ายๆ นะ

     

    ตาหวานมองไปยังประตูที่ตัวเองปิดล็อคกับมือ เพื่อกันไม่ให้ชายฉกรรจ์สองคนที่ไล่ล่าเค้าอยู่ตามขึ้นมาได้

     

    ปัง! ปัง! ปัง!

    เสียงทุบประตูที่จองซูไม่ต้องมีตาเลเซอร์อย่างซุปเปอร์แมนก็พอจะรู้ว่าเป็นใครนั้น ทำให้ร่างบางต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

     

    ถ้าเค้าจะหนีอีก ...แล้วจะต้องต่อไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ? 

     

    คิดไปพลางมองไปยังท้องถนนเบื้องล่าง ที่ปรากฏให้เห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่แต่ขนาดที่เห็นนั้นเล็กกว่าไม้ขีดด้วยซ้ำไป

     

    ถ้าทิ้งตัวลงจากบนนี้ ..ก็ไม่ต้องหนีอีกต่อไปแลวสินะ

     

    ตากลมเหลียวมองไปยังกลอนประตูที่ทำท่าจะพังลงอีกในไม่ช้า ก่อนจะหันกลับมามองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง ...ขาเรียวก้าวขึ้นไปอยู่บนริมตึกอย่างน่าหวาดเสียว เปลือกตาบางค่อยๆ หลับลง เตรียมจะปล่อยตัวไปตามแรงโน้มถ่วงในไม่ช้า ..หากแต่ก็ถูกเสียงเสียงหนึ่งขัดไว้ซะก่อน

     

    ถ้าชีวิตนายมันไร้ค่าขนาดนั้น ..ก็ขอฉันเถอะ อีกครั้งที่เสียงเย็นๆ นั้นทำให้ร่างบางต้องขนลุก ..จองซูเหลือบไปมองเจ้าของเสียงอย่างไม่เชื่อสายตา ..ใช่ นั่นคือคนคนเดียวกับเมื่อกี้ที่เค้าเพิ่งจะชนไป ..แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือเค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!?

    ก็ในเมื่อสองคนที่ไล่ตามเค้ามา ..ยังทุบประตูปังๆ อยู่นั่นเลยนี่หน่า..

     

    ให้ชีวิตนายเป็นของฉัน ..แล้วฉันจะจัดการทุกอย่างให้ พูดจบประโยค ประตูไม้ก็ถูกเปิดออกในวินาทีเดียวกัน

    ถ้ายืนอยู่ด้วยขาของตัวเองไม่ได้ ..ผมก็ขอตายดีกว่า ตาคู่สวยมองไปทางเจ้าหนี้สองคนนั้น ก่อนจะไปจบสายตาลงที่ชายแปลกหน้าอีกคน แล้วตัดสินใจกระโดดลงไปจากตึกสูงนั้นอย่างไม่ลังเล

     

    บอกแล้วไง ถ้าชีวิตนายมันไร้ค่าขนาดนั้น ก็ขอฉันเถอะ

    คุณ!!” ร้องเรียกอย่างตกใจ เมื่ออีกคนกระโดดตามลงมาด้วย ..มือหนาคว้าเอาเอวบางไว้มั่นหลับตาลงเหมือนรวบรวมสมาธิ ..กำลัง...หรืออะไรสักอย่าง

    สองคนแบบนี้ไม่ไหว...ฉันขอก่อนละกัน พูดพึมพำคนเดียวเสร็จ ริมฝีปากหนาก็ประกบลงกับปากอิ่มตรงหน้า ลิ้นร้อนถือสิทธิ์กวาดต้อนไปทั่วโพรงปากเล็ก ควานเก็บเกี่ยวทุกอณูสัมผัส ก่อนปีกสีดำขลับจะกางออกพาเอาร่างเล็กที่อ่อนแรงในอ้อมแขนบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

     

     

    .

    .

    .

    อื้อ... เสียงครางอื้ออึงในลำคอ เกิดขึ้นพร้อมกับการขยับตัวขยุกขยิกของร่างบางเอง ..มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาอย่างงัวๆ เงียๆ

    ...ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกเหมือนตัวเบาโหวงจนน่าแปลก...

     

    นี่เราเพิ่งตื่นจากฝันหรือว่ายังไงนะ...

     

    ร่างบางกวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่คุ้นเคย ..ก็ห้องเรานี่หน่า..

     

    มือบางใช้ช่วยยันตัวเองขึ้นจากเตียง มองชุดที่ตัวเองใส่ผ่านกระจกก็ต้องส่ายหน้าให้กับตัวเองช้าๆ

    ชุดก็คนละโลกกันเลยจองซูเอ้ย~ เมารึไงนายน่ะ ชี้หน้าตัวเองในกระจกก่อนจะฝืนหัวเราะ ออกมาเบาๆ ...

     

    ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ?

    เป็นความคิดที่ไม่เลวนักหรอก ..การวิ่งหนีหนี้ที่พ่อทิ้งไว้ให้ทุกวัน ..มันก็ไม่ได้สนุกสนานหรือเชิญชวนให้น่ามีชีวิตอยู่ต่อไปนักนี่ ...

     

    หือ? ครางออกมาอย่างสงสัย เมื่อสายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นแสงไฟจากข้างล่าง ซ้ำยังได้ยินเสียพูดลางๆ ซะด้วย ...ใครมันมาเปิดทีวีทิ้งไว้วะ ..

     

    ใครน่ะ? ฮีชอลเหรอ เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับเดินลงมาดูด้วยตาของตัวเอง ...ตาคู่สวยหรี่ลงจ้องมองคนที่นั่งอยู่หลังจอที่อย่างฉงน ..ไฟฟืนก็ไม่เปิด

    นี่~ อ๊ะ~!!!” ก่อนที่เสียงหวานจะได้เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิท ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวพลาดจากบันไดขั้นสุดท้าย เกือบจะหล่นมากองกับพื้น ถ้าหากไม่มีอีกคนมารองรับไว้เสียก่อน

    ระวังตัวหน่อยได้มั้ย? ฉันไม่ชอบของฟกช้ำ

    อ๊ะ!! นาย!!” ชี้หน้าคมหล่อเหลาที่คับคล้ายคับคลาว่าจะเพิ่งเห็นในฝันเมื่อครู่อย่างตกใจ

    นายเป็นใคร เข้ามาบ้านฉันได้ไง!!”

     

    ..ฉันเป็นคนพานายมาที่นี่

    ห๊ะ? ม่ะ ..หมายความว่า... ไม่ใช่ฝันหรอกเหรอ?!?!?

    อืม ...ถือซะว่านายตายไปแล้ว ..ต่อจากนี้ไป ชีวิตนายเป็นของฉัน พูดจบก็วางร่างบางลงกับพื้น ก่อนจะเดินกลับไปนั่งดูทีวีโดยไม่สนใจอะไรอีก

     

    โอ้ยย~ นี่มันอะไรกัน!!

     

    ปาร์ค จองซูจะบ้าตาย ...ก็หมอนี่มัน..ไม่ใช่คนหนิครับ!

     

    เดี๋ยว! นายมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้มั้ยเนี่ย

    อะไร? คำตอบสั้นๆ กับหน้าตากวนๆ นั่นช่างชวนโมโหได้เหลือเกิน

    นายเป็นใคร?

    ชเว ซีวอน

    ฉันถามว่านายเป็นใคร ไม่ได้ถามว่านายชื่ออะไร

    เป็น...แวมไพร์ ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

    เฮอะ บ้าบอใหญ่แล้ว

    ...

    แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันตาย เอ่ยถามอีกข้ออย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก ..ถึงตอนแรกจะคิดว่าเป็นความฝัน ..แต่เรื่องการฆ่าตัวตาย..ก็ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เค้าจะไม่เคยคิด

    ก็ในเมื่อนายไม่ต้องการชีวิตของตัวเอง...ฉันก็ขอแล้วไง

    ฉันไม่ให้!”

    นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น.. ตาคมช้อนมองกลับมาอย่างเชือดเฉือน แววตาดุดันแต่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ นั้น ทำเอาจองซูตัวสั่น ร่างสูงก้าวอย่างมั่นคงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกคน มือหน้าคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้

     

     

    จากนี้ไปนายเป็นของฉัน..จิตวิญญาณ ร่างกาย ...เลือด... นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือเรียกร้องถ้าฉันต้องการ เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอก อีกครั้งที่ปากหนาถือวิสาสะกดจูบลงบนกลีบปากนุ่ม

    อื้อ!” มือเรียวผลักอกแกร่งออกจากตัวอย่างรุนแรง หลังมือถูกยกขึ้นถูริมปากจนช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    หยุดได้แล้ว! แล้วก็หัดทำตัวให้ชินซะ ซีวอนยื้อเอามือบางที่ยังพยายามจะเช็ดปากตัวเองอยู่อย่างนั้น

    หมายความว่าไง..ถ้านายบอกว่านายคือแวมไพร์ ..สิ่งที่นายต้องการมันคือเลือดไม่ใช่รึไง

    ใช่...สิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างฉันคือเลือด เหมือนกับที่นายขาดน้ำไม่ได้...แต่การเก็บเอาพลังชีวิตของมนุษย์ไว้..มันก็เหมือนๆ กับการที่พวกนายกินอย่างอื่นกันนั่นแหละ...

    แต่..

    ถ้านายคิดจะปฏิเสธฉันล่ะก็ ..ฉันจะเอานายไปไว้ที่ปราสาท ให้พวกแวมไพร์ชั้นต่ำมันค่อยๆ ดูดเลือดนายช้าๆ แล้วปล่อยให้พวกบ้าหิวกระหายอย่างมัน แทะเล็มเนื้อนิ่มๆ ของนายไปเรื่อยๆ ..จนกว่านายจะขาดใจตาย..ดีมั้ย? และคำพูดขู่แบบนั้น ก็ทำให้จองซูส่ายหัวปฏิเสธพัลวัน

    ดี ..ถ้างั้นสงบปากสงบคำซะ ออกคำสั่งกับร่างเล็กเสร็จ ก็กลับไปนั่งบนโซฟาที่เดิม

     

    ฝ่ายจองซูที่เพิ่งจะตื่น จึงเลือกที่จะเข้าครัวไปหาอะไรใส่ท้องแทนการกลับไปอุดอู้อยู่บนห้อง

     

    หลังจากหยิบนู่นเตรียมนี่อยู่สักพัก ร่างบางก็เดินออกจากห้องครั้ว ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก่อนเอ่ยปากถาม

    นายจะกินอะไรมั้ย?

    ...ถ้าจะกินก็จะกินนายนั่นแหละ

    ................................................... ได้รับคำตอบมาแบบนั้น จองซูจึงเดินกลับเข้าห้องครัวไปในทันใด ..ก็เค้าเป็นแวมไพร์นี่เนอะ - -

     

     

    จองซู~ ฉันเอาขนมมาฝากด้วย.......เห้ย!!! แกเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อนฉันได้ไง ออกไปนะ!!” มือเรียวคว้าเอาร่มแถวหน้าประตูมาเป็นอาวุธป้องกันตัวอย่างรวดเร็ว

    เดี๋ยวๆๆๆ ฮีชอล คือนี่เป็น ......เพื่อนฉันน่ะ

    เพื่อน? นายมีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉันด้วยเหรอ? ถามพร้อมกับยังมองที่อีกคนอย่างหวาดระแวง

    เอาหน่า ..นายวางร่มลงเหอะ เมื่อได้ยินเพื่อนรักยืนยันหนักแน่นก็ยอมวางอาวุธลงแต่โดยดี

    ฉันแวะเอานี่มาฝาก .. ก้มลงหยิบถุงขนมที่เผลอทิ้งลงบนพื้นเมื่อครู่ขึ้นมาชูให้เพื่อนรักเห็น

    อื้อ ขอบใจนะ

    งั้นฉันไปก่อนนะ ..บ๊ายบาย ล่ำลาเพื่อนเสร็จก็เดินกลับออกไปโดยไม่สนใจอีกคนที่อยู่ด้วยแม้แต่น้อย

     

    ใคร?

    เพื่อน เมื่ออีกฝ่ายถามมาสั้นๆ ร่างบางเองก็ตอบไปแบบสั้นๆ ไม่แพ้กัน

    อืม

    นายมีเพื่อนมั้ย?

    มีสิ ..ฉันก็เป็นสิ่งมีชีวิตนะ

    ก็ไม่รู้นี่หน่า ฉันไม่ใช่แวมไพร์เหมือนนายสักหน่อย พองลมที่แก้มอย่างเคืองๆ ..ถามแค่นี้เรื่องอะไรจะต้องมาขึ้นเสียงใส่ด้วยเล่า ก่อนจะต้องเงยหน้ามองอีกคนอย่างแปลกใจ เมื่อจู่ๆ ก็พูดชื่อของใครอีกคนออกมาอย่างไร้สาเหตุ

    เยซอง

    ทันทีที่จบคำพูดก็เกิดกลุ่มควันสีจางๆ ขึ้นกลางห้อง และเมื่อควันสีเทานั้นจางลงก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตที่มักจะเห็นคู่กับแวมไพร์เสมอ ...ค้างคาว

    แค่ก ๆ ๆ ค้างคาวตัวเล็กๆ ที่เห็นอยู่เมื่อกี้แปรเปลี่ยนมนุษย์ในชุดสีดำไม่ต่างจากซีวอน

    เรียกทำไม มีอะไร? เอ่ยถามคนที่เรียกตัวเองมาแต่ยังทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวเมื่อเค้าปรากฏตัว

    เปล่า ...คนข้างหลังนายเค้าทำท่าไม่เชื่อว่าฉันมีเพื่อนเท่านั้นเอง ได้ยินซีวอนพูดอย่างนั้น ตาเรียวคมก็เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะอุทานออกมาอย่างตกใจ

    เหวออ~   ตุ้บ~!!” ด้วยความที่ปรากฏตัวมาบนโต๊ะรับแขกพอดี การหันไปตกใจกับอีกคนทำให้เยซองเสียหลักและล้มลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดาย

     

    เป็นมนุษย์เหรอ? ถามพลางลูบก้นตัวเองป้อยๆ

    อ่ะ ..อื้อ พยักหน้าสองสามทีเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามตัวเองอยู่

    เฮ้ย~!!” แล้วก็ร้องเสียงหลงอย่างตกใจอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาแบบงงๆ

    ไม่ต้องห่วง ..เค้าเป็นของฉัน

     

    เอาเหอะ ... แล้วที่เรียกมา..เพราะแค่นี้เนี่ยนะ? เห็นฉันว่างมากนักรึไงวะ

    รู้ว่าแกไม่มีอะไรทำที่มีสาระนักหรอก -*-

    เออ กูมันไร้สาระ เวรจริงๆ ว่าแล้วก็บ่นอุบอิบเบาๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้เมื่อหันไปเจออีกคนยืนยิ้มให้อยู่

     

     

    เยซองก็เป็นแวมไพร์เหรอ?บทสนทนาในห้องครัวดังขึ้น ขณะที่คนที่นั่งอยู่บนโซฟามาตั้งแต่ต้น ก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น

    ครับ

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีแวมไพร์อยู่จริงๆ ..

    ฮะๆ ...จริงๆ แล้วพวกเราก็ไม่ได้ออกมาแสดงตัวตนแบบนี้หรอกนะ รู้..ว่าใครๆ ก็กลัวเรา ..เราเองก็ใช่ว่าจะไม่กลัวมนุษย์ซะหน่อย..

    ...

    แล้วไปไงมาไงถึงได้เจอซีวอนมันได้ล่ะครับ? เอ่ยถามพลางหยิบอะไรแถวนั้นเข้าปากไปเคี้ยวๆ แล้วก็คายออกมาในที่สุด

    บังเอิญน่ะครับ

    แล้วไม่กลัวเหรอ?

    เค้าก็ ...เหมือนคน ตอบออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิด ..ถ้ากลัวแล้วไงล่ะ ..ในเมื่อเค้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรอยู่แล้วนี่..

    แล้วยอมรับ ..ที่จะเป็นของซีวอนแล้วเหรอครับ?

    ฮะ .. พยักหน้ารับ

    อื้อ~ เจ็บมั้ย? หรี่ตาลงคิดภาพความเจ็บปวดก่อนจะเอ่ยถาม

    หือ? อะไรครับ?

    อ่าว ...ซีวอนมันยังไม่ได้บอกเหรอ? ...ถ้ามนุษย์คนไหนตกลงจะยอมเป็นของแวมไพร์แล้ว ก็ต้องสละเลือดให้ด้วยน่ะ

    .........เค้าไม่ได้บอกอะไรเลย แต่ปกติแวมไพร์ก็กินเลือดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

    ..ใช่ ..เลือดเป็นสิ่งที่แวมไพร์อย่างเราต้องการมากที่สุด ..แต่ถ้าไม่มีมนุษย์คนไหนยินยอมยกเลือดให้ดีๆ ล่ะก็ แวมไพร์ดีๆ เค้าก็ไม่ไปบังคับเอามาหรอก ...ถ้าหากว่าเราไม่ได้เลือด ก็จะเก็บเอาพลังชีวิตของมนุษย์มาใช้แทนด้วยการจูบ ..ยังไม่โดนไอ้นั่นจูบอีกเหรอ? เอ่ยถามงงๆ แหม~ หน้าตาอย่างงี้ไม่น่ารอด

    เอ่อ ..ก็ ...ไปแล้วแหละตอบรับอย่างขัดเขิน ..ก็มันไม่ใช่เรื่องปกตินักนี่หน่าถ้าจะถูกผู้ชายสักคนมาจูบน่ะ

    แหะๆ ไม่น่าถามเลยเนอะ ....นั่นแหละ~ ทำให้แวมไพร์ส่วนใหญ่ต้องมีรูปร่างหน้าตาดีกว่าคนทั่วไป และก็เป็นเหตุผลว่าทำไมแวมไพร์อย่างเราถึงไม่แก่เร็วนัก

    เพราะไม่อย่างงั้นนายก็จะหาเหยื่อกันไม่ได้ใช่มั้ย?เสียหวานถามย้ำความเข้าใจของตัวเองอีกครั้ง

    ถูกต้อง~ แล้วก็ ..เตรียมใจรอไว้ละกัน ตอนที่เขี้ยวคมๆ มันกดลงไปบนเนื้อน่ะ ..อาจจะเจ็บหน่อยนะ

     

     

    คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เรียกนายมาเยซอง ..ไหนๆ ก็อธิบายไปหมดแล้ว ..พร้อมรึยังล่ะ? หันไปถามอีกคนที่เริ่มจะมือไม้อ่อนทิ้งข้าวของในมือร่วงกราวลงสู้พื้นอย่างห้ามไม่อยู่

     

    สิ่งที่สำคัญคือสักขีพยานอีกคนนี่ต่างหาก ... รั้งเอาร่างบางบอบเข้าสู่อ้อมกอด คมเขี้ยวกดฝังลงบนผิวขาวๆ ก่อนเลือดสีแดงสดจะทะลักออกมาจากรอยบาดแผลนั้น ริมฝีปากได้รูปค่อยๆ ละเลียดซึมซับเลือดสีสดเข้าสู่โพรงปากอย่างนุ่มนวล ไม่นานนักเขี้ยวแหลมก็ถูกถอนออกจากต้นคอขาว เปลี่ยนเป้าหมายไปทางริมฝีปากอิ่มแทน.. กลิ่นคาวเลือดที่ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากร่างสูง ส่งผลให้คนที่เป็นฝ่ายถูกจูบต้องจำยอมกลืนมันลงไปด้วย.. ไม่นานนักร่างบางก็หมดสติไปในอ้อมแขนแกร่ง ราวกับเรี่ยวแรงถูกดูดกลืนหายไปพร้อมๆ กับรสจูบนั้น..

     

     

     

    To be continue.

     

     

     

    สวัสดีค่ะทุกคนนน คิดถึงคาราเมลกันมั้ยเอ่ย? (คำตอบที่ได้คือไม่ -0-) เริ่มต้นกันมาแบบนี้ต่อไปจะเป็นยังไงหนอ (ถามใครวะคะ?) ตอนนี้คาราเมลสอบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วคึ่ จบอีกหนึ่งเปาะ แต่ชีวิตยังอีกยาวไกลเหลือเกินนน ..

    ยังไงก็ตาม(นอกเรื่องมานาน) ..ขอให้รักเจ้าฟิคเรื่องนี้ด้วยก็แล้วกันนะคะ ^^ รับรองความสนุกสนานโดยพี่แพรรี่ (เหอะ ๆ ๆ เกี่ยวกะเค้ามั้ย?)  5555 แล้วเจอกันใหม่นะค้า ^O^

     

    พระเจ้าอวยพรค่ะ : )


    t em 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×