คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] สุดที่รัก
Date : 2007.10.12
Title : สุดที่รัก
Pairing : Won Teuk
Author : luvly_Teukkie ((คาราเมลชีสเค้ก))
Rating : PG-13
Author note : ฟิคเรื่องที่สอง แต่เป็นการแต่งฟิคเศร้าครั้งแรกค่ะ..ฮ้า~ จำได้ว่าตอนนั้นแต่งไปยังร้องไห้ไปเองเลยค่ะ (เหอะๆ) คิดเอาเองว่ามันเศร้า..ตั้งความหวังไว้กับมันนิดนึงค่ะ อิอิ..ก็เวลาที่อ่านฟิคหรือนิยายของใครสักคนแล้วเราร้องไห้ตามไปด้วย จะรู้สึกว่าทำไมคนเขียนเก่งจัง..แค่ตัวหนังสือแค่นี้ก็ทำเราร้องไห้ได้ด้วยแฮะ~ ก็เลยอยากทำให้คนร้องไห้เพราะฟิคเราได้บ้างอ่ะค่ะ..ประกอบกับช่วงนั้นฟังเพลงนี้บ่อย..เลยรู้สึกรันทดชีวิตนิสสส นึง (55) จึงแต่งออกมาเป็นฟิค HBD. ตัวเองเช่นนี้แล~
~* เพียงเวลาแค่ไม่นาน ทำให้เราได้คุ้นเคย สุขและทุกข์ที่ล่วงเลย มันทำให้เรายิ่งผูกพัน *~
โรงพยาบาล Miracle
ภายในห้องสีขาว...บนเตียงสีขาว ปรากฏให้เห็นร่างเล็กร่างหนึ่ง นั่งหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง สายตามองทอดยาวไปยังวิวภายนอกอย่างเลื่อนลอย
“อ๊ะ” เสียงหวานร้องเบาๆ ก่อนจะหันไปหาคนที่เข้ามาโอบกอดตัวเองไว้จากด้านหลังอย่างเอาเรื่อง แต่ก็ต้องยิ้มแป้นจนเผยให้เห็นลักยิ้มสวยออกมาในที่สุดเมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของอ้อมกอดนั้น
“ซีวอน! ^^” เรียกชื่อคนตัวโตอย่างดีใจ ก่อนจะถูกเจ้าของชื่อนั้นขโมยหอมไปจากแก้มนุ่มเสียหนึ่งที
“วันนี้มาเร็วจังเลย^^” คนตาสวยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ดีเหรอ” ร่างสูงถาม ขณะที่ใบหน้าคมยังคงคลอเคลียอยู่ข้างแก้มใส
“ดี^^ พี่อยากอยู่กับซีวอนนานๆ.....นานที่สุด เท่าที่จะทำได้...” ประโยคหลังเจือไปด้วยความเศร้าจนรู้สึกได้
“งั้นพี่คงได้อยู่กับผมจนเบื่อเลยล่ะ เพราะพี่ต้องอยู่กับผมอีกนานนนนนนนน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีหรอก...”
“ไม่เอาหน่าพี่อีทึก...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่ารู้มั้ย?”
“เหรอ...”
“อื้ม...เวลาที่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน พี่ก็จะยิ้มให้กับมันเสมอไม่ใช่เหรอ...”
เค้ายังจำได้ดี...ถึงวันที่เค้าได้พบกับอีทึกครั้งแรก...วันที่ทำให้เค้าหลงรักคนคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น
.
.
.
“ปาร์ค จองซูครับ ขอโทษที่มาสาย” ชายหนุ่มร่างบางที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องประชุมเอ่ย
‘อะไรกันน่ะ...เป็นลีดเดอร์ไม่ใช่เหรอ ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย’
เป็นความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้น
“ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะ” ผู้บริหารเอ่ยถามเหตุผล
“พอดีผมไปเจอลูกหมามันขาหักน่ะครับ ก็เลยเอามันไปส่งโรงพยาบาล กว่าจะมานี่มันเลยสาย” อีทึกอธิบายเหตุผลพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจ....มันดูฟังไม่ขึ้นเลยสักนิดเดียวกับเหตุผลแปลกๆ นั่น....แต่รอยยิ้มและแววตาที่ใสซื่อ ทำให้สิ่งที่ร่างบางนั้นพูด ดูน่าเชื่อถืออย่างประหลาด...
ทำไมคนคนนี้ถึงได้มีรอยยิ้มที่สวยขนาดนี้นะ...น่ารักจังเลยแฮะ~
“งั้นก็มานั่งเถอะ”
“ครับ!~” ร่างบางรับคำหนักแน่น ก่อนจะมานั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ ซีวอน
“สวัสดีผมอีทึกนะ ^^” ร่างบางเอ่ยทักทายคนข้างๆ
“ผมซีวอน”
“กาแฟค่ะคุณจองซู” แม่บ้านสูงวัยในชุดเมตของบริษัท ถือแก้วกาแฟมาให้อีทึกที่เพิ่งจะมาถึง ขณะที่อีทึกกำลังจะเอื้อมมือไปรับกาแฟนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านปล่อยมือพอดี....
โดยที่ไม่ทันได้ระวัง กาแฟร้อนๆ ก็หกราดลงมาบนหน้าขาของอีทึก
“ว้าย~ ขอโทษค่ะๆๆๆ ป้าไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษค่ะ” แม่บ้านก้มหัวให้อีทึกหลายๆ ทีอย่างตกใจ ตายแล้ว ซวยแหงๆ
“^^ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เอง แค่คุณป้าจะเอากาแฟมาให้ผม ผมก็ขอบคุณแล้วล่ะครับ แค่นี้ไม่ตายหรอก ดูสิ กาแฟมันก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากนี่หน่า สบายๆ ผมเอาน้ำเย็นราดหน่อย 2 วันก็หาย ^^” พูดไปก็ยิ้มไปตามประสาคนยิ้มง่ายนิสัยดี...ก็เค้าไม่ได้ตั้งใจ โกรธไปก็เท่านั้น โกรธแล้วได้อะไรล่ะ? เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ เนอะ~
.
.
.
“^^” อีทึกยิ้มให้ซีวอนอย่างเคย...ขอเพียงมีซีวอนคนนี้อยู่ข้างๆ กาย...ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตหรอกนะ
“พี่รักนายนะซีวอน ^^”
“ผมก็รักพี่เหมือนกัน..รักมากด้วย ที่รัก ^^” ตอบออกมาก่อนจะลูบผมคนรักอย่างรักใคร่ แล้วจึงย้ำความรู้สึกนั้นด้วยรสจูบที่แสนหวานและอ่อนโยน......
~* แต่เวลาคือสิ่งเลวร้ายเช่นกัน เวลาช่างแสนสั้นทำให้เราต้องจากกัน *~
แอ๊ด....
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ก่อนร่างสูงจะปรากฏตัวให้เห็น...คนที่ร่างบางรอคอยมาทั้งวัน
“ซีวอน~” เอ่ยเรียกชื่อคนรักอย่างเคย ก่อนร่างสูงจะเดินมานั่งกอดร่างบางบนเตียงอย่างเคยอีกเช่นกัน
“ทำไมวันนี้มาช้า” อีทึกทำแก้มพองลมอย่างงอนๆ ก็วันนี้สายไปตั้งเกือบชั่วโมงนี่หน่า~
“มีงานด่วนนิดหน่อยนะครับ ไม่โกรธนะ...” ร่างสูงกดฝังปลายจมูกลงกับเรือนผมนุ่มอย่างออดอ้อน
“ไม่โกรธก็ได้ ก็ฉันรักซีวอนนี่หน่า โกรธไม่ลงหรอก” หันมาหอมแก้มอีกคน พร้อมกับยิ้ม..ยิ้มอย่างนางฟ้า
อันที่จริง...เมื่อกี๊ผมไปคุยกับคุณหมอมาต่างหาก...ถึงอาการของพี่อึทึก
..
.
.
.
“คุณหมอครับ อาการของพี่อีทึกเป็นยังไงบ้างเหรอครับ?”
“คุณจองซู มีกำลังใจที่ดีมากนะครับ แต่อาการของโรคมะเร็งที่สมอง มันเอาแน่เอานอนไม่ได้...ถ้าเป็นที่อื่นคนที่มีกำลังใจมากขนาดนี้ หมอบอกได้เลยว่าจะอยู่ได้อีกนาน เพียงแต่ถ้าเกิดที่สมอง หมอบอกตรงๆ ว่าต้องทำใจ เพราะคนไข้มีโอกาสจากเราไปได้ทุกเมื่อ”
“ครับ....”
‘คนไข้มีโอกาสจากเราไปได้ทุกเมื่อ’ คำพูดประโยคนี้ ทำเอาหัวใจของชเว ซีวอนกระตุกวูบ...ถ้าชีวิตเค้าไม่มีพี่อีทึก...เค้าจะอยู่ต่อไปได้เหรอ.....
ถ้าไม่มีรอยยิ้มนั้นเป็นกำลังใจ...เค้าจะมีเรี่ยวแรงไปทำงานเหรอ
.
.
.
“ผมรักพี่อีทึกนะ”
“อ่ะ...เอ่อ พี่ก็รักนายเหมือนกัน”
“ผมรักพี่...รักพี่มาก......พี่เป็นสุดที่รักของผม...” ใบหน้าคมซุกลงกับไหล่บาง ริมฝีปากร้อนกดจูบลงบนผิวขาวที่พ้นจากเสื้อคอกว้างที่สวมใส่อยู่อย่างแผ่วเบา ก่อนจะขบเม้มลงฝากรอยรักไว้ชัดๆ
“พี่ก็รักนายมากเหมือนกันซีวอน...นายจำไว้นะ วันไหนที่พี่จากไป” ร่างเล็กไม่มีโอกาสได้พูดต่อ...คำที่จะเปล่งออกมาถูกกลืนหายไปในลำคอ เพราะจูบที่ร่างสูงมอบให้..อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ....
“พี่อย่าพูดแบบนี้อีกนะ...”
“ขอร้องล่ะ ซีวอน...พี่ไม่รู้ว่าพี่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน...1 เดือน..1 อาทิตย์
1 ชั่วโมง...หรืออีกแค่ 1 นาทีข้างหน้า ขอร้อง...ฟังพี่” อีทึกมองซีวอนอย่างเว้าวอน...ถ้าลองขอขนาดนี้ ให้ปฏิเสธ...ก็คงทำไม่ได้
“ถ้าวันไหนที่พี่จากไป...นายห้ามทำร้ายตัวเองเด็ดขาดเข้าใจมั้ย?”
“แต่ผมไม่รู้จะอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีพี่...”
“ไม่ซีวอน...ฟังนะ...นายสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด...ถ้าพี่ต้องเป็นต้นเหตุให้นายป่วย หรือไม่สบาย...นายคิดว่าพี่จะมีความสุขเหรอ...เพราะฉะนั้น พี่ขอล่ะซีวอน...อย่าทำอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเอง...อดข้าวซักมื้อเดียวก็ไม่ได้...สัญญานะ” นิ้วก้อยเล็กๆ ยื่นมาไว้ตรงหน้าร่างสูง
ร่างสูงมองนิ้วเล็กๆ นั้นอย่างลังเล ก่อนจะเอื้อมไปเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญาตอบ..อย่างน้อย มันก็ทำให้พี่อีทึกสบายใจ....
“โอ้ย!” เสียงหวานร้องลั่น มือที่เคยเกี่ยวก้อยอยู่กับซีวอนนั้น ถูกชักกลับมากุมขมับตัวเองเอาไว้
“พี่อีทึกเป็นอะไร!!” เสียงทุ้มถามอย่างตกใจ พี่อีทึกเป็นอะไรไป...พระเจ้า ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งพรากพี่อีทึกไปจากผมเลย...ผมขอร้อง ให้ผมได้อยู่กับพี่เค้า อีกแค่วันเดียว แล้วแลกกับเวลาที่เหลือทั้งหมดของผม...ก็ยอม
“ปวดหัว ซีวอน พี่ปวดหัว” ร่างเล็กกรีดร้องด้วยความทรมาน มือบางจิกทึ้งผมตัวเองอย่างเจ็บปวด
“พี่อีทึก อย่า” ซีวอนตะครุบที่มือบางไว้ กอดร่างบางไว้อย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ซีวอน พี่ปวดหัว ฮือ..ฮึ่ก” น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นมาจากดวงตาคู่สวย
เห็นอย่างนั้น ซีวอนจึงกดออดเรียกหมอที่หัวเตียง
“ซีวอน ขอร้องล่ะ บอกรักพี่เป็นครั้งสุดท้าย ฮึ่ก...ได้มั้ย” ร่างบางดึงแขนเสื้อคนตัวโตอย่างเจ็บปวด
“ไม่ ผมจะไม่บอกพี่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ผมรักพี่ ผมรักพี่ ผมรักพี่ รักพี่ได้ยินมั้ย” ซีวอนกอดรัดคนตัวเล็กไว้แน่นกว่าเดิม ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้านี้จะหายไป
“ซีวอน...พี่ไม่ได้ยินเสียงนายเลย นายพูดดังๆ สิ พี่รักนายนะ นายก็รักพี่ใช่มั้ย”
“ผมรักพี่อีทึก ผมรักพี่” ร่างสูงพร่ำบอกรักคนในอ้อมกอดไม่หยุด หากแต่อีทึกกลับไม่ได้ยินเสียงนั้นแม้แต่น้อย เห็นเพียงภาพ...ก้อนเนื้อร้ายกดทับเส้นประสาทการรับฟังของอีทึก...กดจนอีทึกกลายเป็นคนหูหนวก..
“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะซีวอน...ถึงพี่ไม่ได้ยิน..แต่พี่รู้สึกนะ....^^” ในช่วงเวลานี้...อีทึกก็ยังยิ้มได้...ผมบอกแล้ว ถ้าผมมีซีวอนอยู่ข้างกาย...ถึงตาย ก็ไม่เสียดายชีวิต
ดวงตากลมใสจ้องมองคนรัก...เก็บทุกรายละเอียด ราวกับว่านี่จะเป็นการมองครั้งสุดท้าย....มองรอยยิ้มของคนรัก ที่มีให้ตนเสมอมา
“พี่ชอบรอยยิ้มของนายจัง~” ร่างบางว่า ก่อนจะโอบกอดร่างสูงตอบ แล้วผละออกมาจ้องมองรอยยิ้มนั้นอีก มือบางยกขึ้นลูบไล้ไปตามใบหน้าของคนรัก...ก่อนภาพทุกอย่าง จะค่อยๆ เลือนลาง
“ซีวอน ฮึ่ก...พี่...พี่มองไม่เห็นแล้ว ซีวอน...ทำไมมันมืดขนาดนี้ล่ะ ซีวอน!~”
“ผมอยู่นี่พี่ ผมอยู่นี่” ร่างบางที่บอดสนิทตั้งตาและหู ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก..นอกจากสัมผัสที่ร่างสูงมอบให้
ร่างสูงก้มลงประกบจูบให้ร่างบางอีกครั้ง...ทางเดียวที่ร่างบางจะรับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่ร่างสูงมีให้...หนทางสุดท้าย
“โอ้ยย! ปวดหัว ซีวอน ฮึ้ก.....ซีวอน...พี่รักนายนะ ฮึก...ฮือออ”
“อึ่ก..พี่หายใจไม่ออกซีวอน อึ่ก ฮืออ ช่วยพี่ด้วย อึ่กก....”
เสียงหวานเอ่ยบอกรักกับคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเสียงจะเงียบหายไป...ร่างกายเล็กๆ ที่เคยดิ้นพล่านเพราะความเจ็บปวดนิ่งสงบลง
“พี่อีทึก!!!!!!! พี่อีทึก!!!!!!!!!” ร่างสูงกอดร่างบางที่แน่นิ่งไว้แน่นกว่าเดิม ราวกับจะยื้อให้ร่างบางอยู่ต่อ
หมอและพยาบาล แยกร่างสูงออกห่างจากเตียงคนไข้ ก่อนจะเริ่มปั๊มหัวใจเรียกชีวิตของร่างบางคืนมา
“3 2 1 ปั๊ม” ทันทีที่กระแสไฟถูกส่งลงไปในร่างบาง ร่างเล็กๆ นั้น ก็กระตุกวูบทันที...หากแต่กระตุกเพียงร่างกาย...เครื่องวัดชีพจรนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะเพิ่มรอยหยักขึ้นมาแม้สักนิดเดียว
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ร่างของอีทึกถูกปั๊มหัวใจ ความเจ็บปวดยิ่งตอกลึกไปถึงขั้วหัวใจของร่างสูง....
“พอแล้ว!!! พอแล้ว พี่อีทึกเจ็บมามากพอแล้ว....พอแล้ว....” ไม่อยากต้องทนเห็นพี่อีทึกเจ็บไปมากกว่านี้...พอแล้ว...พอแล้วจริงๆ
~* สุดเส้นทางปลายขอบฟ้า ชะตาได้กำหนด ไม่อาจจะพบกัน แต่ตัวฉันไม่เคยจะลืมเธอ *~
ตลอดงานศพของอีทึกมีแต่ความเงียบสงัด ทุกคนตกอยู่ในอาการเศร้าสลด เหล่าเมมเบอร์ต่างพากันยืนร้องไห้ต่อหน้าภาพของอีทึกซึ่งกำลังยิ้มอย่างร่าเริง...ไม่อยากเชื่อว่าต่อไปนี้ จะไม่มีรอยยิ้มนั้นอีกแล้ว...
มือบางของดงแฮลูบไปมาที่รูปของพี่ชายคนเก่งอย่างเลื่อนลอย...
“พี่อีทึก ฮึ่ก...พี่ใจร้าย...ทิ้งผมไปได้ยังไง ฮึก...”
“จากเนื้อหนัง สู่ดิน จากดิน สู่ธุลี จากธุลี กลับคืนสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า......ปาร์ค จองซู ลูกจะเป็นที่รักของเพื่อนพ้องญาติพี่น้องตลอดไป....อาเมน”
“เดี๋ยวครับ!” เสียงทุ้มโผล่งขึ้น ก่อนที่ผู้ช่วยบาทหลวงจะตักดินกลบลงบนโลง ทุกคนหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว...
ซีวอนอยู่ในชุดสูทสีดำทั้งชุด ดวงตาแดงช้ำราวกับร้องไห้มามากมาย ในมือถือดอกลิลลี่แบบเดียวกับที่อีทึกชอบ
“ผมจะรักพี่จนวันตายเลยนะ...พี่อีทึกของผม” ซีวอนลูบไล้ฝาโลงราคาแพงซึ่งใส่ร่างของอีทึก ขณะหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายที่เขาสูญเสียให้กับอีทึกมามากมาย อย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เค้าเป็นอย่างนี้ได้มาก่อน
จากนั้นซีวอนก็ลุกขึ้น เป็นสัญญาณให้ผู้ช่วยบาทหลวงดำเนินการต่อไป
หัวใจผมอยู่ที่พี่...ถ้าผมไม่มีหัวใจ...ผมจะยังอยู่ได้จริงๆ น่ะเหรอ...
“ซีวอน กลับบ้านเถอะ....” เสียงใสๆ ของฮีชอลร้องเรียกชายหนุ่มที่ยืนจ้องมองหลุงฝังศพ..ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น..มีเพียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าผ่อนออกอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ที่บ่งบอกให้รู้..ว่าคนคนนั้นยังมีชีวิต
“ซีวอน....กลับบ้านกัน”
“พี่กลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมกลับเอง ผมยังอยากอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
“ก็ได้ซีวอน...แต่นายลองนึกดูให้ดีนะ วันที่อีทึกบอกพวกเราว่าป่วย...เค้าบอกกับพวกเราว่ายังไง”
“ครับ...” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ..แต่ทว่าสายตา ก็ยังไม่ละจากจากหลุมฝังศพนั้น
“รีบๆ กลับล่ะ” ฮีชอลพูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถพร้อมกับลูกลิงอีก 10 ตัว ที่วันนี้ต่างนั่งกันเงียบเชียบ...ถ้าเป็นวันปกติคงถือเป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก หากแต่สำหรับวันนี้...วันที่เพิ่งสูญเสียพี่ชายใหญ่ผู้เป็นที่รักไป...จึงไม่แปลกเลยที่บรรยากาศมันจะเป็นเช่นนี้
‘วันที่อีทึกบอกพวกเราว่าป่วย...เค้าบอกกับพวกเราว่ายังไง......’
วันที่พี่อีทึกบอกเหรอ...วันนั้น....
.
.
.
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังอยู่ในบ้านพักของเหล่า Super Junior ...
“กลับมาแล้วคร้าบ~” เสียงสดใสของอีทึกดังขึ้น เป็นต้นเหตุให้ทุกคนเงียบ แล้วหันมาทักทายพี่ชายที่แสนน่ารักคนนี้
“พี่อีทึกเป็นไงมั่งฮะ ไม่สบายเป็นอะไรมากรึเปล่าฮะ”
“เป็นไมเกรนรึเปล่าครับ ถึงปวดหัวบ่อย”
“ฮยองมีไข้รึเปล่า ถึงปวดหัว”
เสียงเจื้อยแจ้วของน้องๆ ในวง เอ่ยถามสาเหตุของอาการปวดหัวของอีทึก ที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ และดูจะรุนแรงมากซะด้วย
“^^” อีทึกยิ้มอย่างอ่อนโยนให้น้องๆ ก่อนจะหันไปสบตาซีวอน ที่กลับมาจากการไปหาหมอด้วยกัน แล้วจึงหันมาพูดกับน้องๆ ที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่
“พี่เป็นมะเร็งที่สมอง...” อีทึกกล่าว สร้างความตกใจให้ทุกคนได้ไม่น้อย
“พี่อีทึกเล่นแบบนี้มันไม่ตลกนะครับ” ดงแฮว่า
“ก็เพราะมันไม่ตลกไงดงแฮ...พี่ถึงไม่ได้พูดเล่น”
“พี่อีทึก..” เสียงของซองมินดังขึ้น พร้อมกับเบ้ปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่เอาหน่าซองมิน พี่ยังอยู่บ่นพวกนายได้อีกนาน”
“พี่อีทึกต้องอยู่กับพวกเรานานๆ จริงๆ นะ” ดงแฮว่า ก่อนจะลุกขึ้นไปหาพี่ชายใหญ่ แล้วโอบเอวบางๆ นั้นไว้
“อืม...จริงๆ แล้ว พี่เองก็ไม่รู้ว่าพี่จะอยู่กับพวกนายได้อีกนานเท่าไหร่ แต่พวกนายจำไว้นะ วันไหนที่พี่จากไป..”
“พี่อีทึก..” เสียงซองมินเรียกชื่ออีทึก เหมือนกับจะปรามไม่ให้พูดต่อ แต่อีทึกก็เพียงแค่ยิ้มให้ซองมิน แล้วพูดต่อ
“วันไหนที่พี่ต้องไปอยู่ที่สุสาน...พวกนายไม่ต้องไปหาพี่ที่นั่นนะ เพราะพี่จะไม่อยู่ที่ที่น่ากลัวแบบนั้นหรอก พวกนายไม่จำเป็นต้องไปหาพี่ที่นั่นบ่อยๆ ไม่ต้องไปเสียเวลาครึ่งค่อนวันที่นั่น ไม่ต้องไปนั่งคุยกับพี่...เพราะมันไม่จำเป็นเลย” อีทึกพูดพลางลูบหัวดงแฮอย่างเอ็นดู
“แต่..” อีกครั้งที่เสียงของดงแฮดังขึ้นราวกับจะประท้วงประโยคของพี่ชายเมื่อครู่ และเช่นเดิม อีทึกเพียงแต่ยิ้มให้กับน้องชายแสนรัก แล้วพูดต่อ
“นายก็รู้..พวกเรานับถือศาสนาคริสต์ใช่มั้ย...ตามที่ไบเบิ้ลบอก...ถ้าพี่จบชีวิตจากโลกนี้ไปแล้ว..ที่ที่พี่จะได้ไปอยู่คือบนโน้น..” นิ้วเรียวเล็กชี้ผ่านหน้าต่างออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก ส่งผลให้คนที่เหลือ มองตามนิ้วนั้นออกไป
“แล้วก็ในนี้ ในนี้ ในนี้ ของพวกนายทุกคนไงล่ะ” นิ้วเรียวเลื่อนตำแหน่งลงมาจิ้มที่อกข้างซ้ายของซองมิน เรียววุค และดงแฮตามลำดับ
“เพราะฉะนั้น นายไม่จำเป็นต้องไปหาพี่ที่สุสาน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวอะไรให้พี่ฟัง เพราะพี่อยู่กับพวกนายตลอดเวลา...จะคอยมองพวกนายจากบนฟ้า..พี่สัญญา เมื่อไหร่ที่นายต้องการพี่ พี่จะอยู่ข้างๆ นายเสมอ..ตราบจนวันที่พวกนายลืมพี่ วันนั้นล่ะ...พี่ถึงจะไปจากนายทุกคน...”
“จำไว้ให้มั่นๆ นะ ไม่ต้องอยู่กับพี่ที่สุสาน...พี่อยู่ในใจของพวกนายเสมอ...อยู่ข้างๆ นาย...ตลอดไป^^” ปิดท้ายคำพูดนั้นด้วยรอยยิ้มที่สวยหวานราวกับนางฟ้าของอีทึกอย่างเคย...
จากวันนั้น...พี่อีทึกก็ไม่เคยแสดงอาการเจ็บปวดให้ทุกคนเห็น นอกจากผม...ที่มีสายตาไว้เพื่อมองพี่อีทึก ที่เห็นทุกความเจ็บปวดนั้นตลอดมา....
.
.
.
‘จำไว้ให้มั่นๆ นะ ไม่ต้องอยู่กับพี่ที่สุสาน...พี่อยู่ในใจของพวกนายเสมอ...อยู่ข้างๆ นาย...ตลอดไป^^’
ครับ... ในเมื่อพี่ไม่ได้อยู่ที่นี่...ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่...แต่ถ้าพี่อยู่ข้างๆ ผม...หัวใจผมก็อยู่แค่ข้างกาย ไม่ใช่ในอกเหมือนเดิม...เพราะงั้น จะให้ผมใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม...ก็คงจะยากนะครับ
~* ภาพเก่าคืนย้อนมา จุดจบคือน้ำตา และรักที่ยังไม่เคยจางหาย *~
ซีวอนนั่งนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ตั้งแต่เค้าไปพบกับอีทึกวันแรกเงียบๆ คนเดียวภายในห้อง....ห้องซึ่งเป็นสีน้ำตาลเรียบๆ เพราะเจ้าของห้องไม่ได้เรื่องมากอะไร ที่ดูจะมีสีมีสันขึ้น ก็เพราะตุ๊กตาของเจ้าของห้องอีกคน...ซึ่งได้จากไปแล้ว อย่างไม่มีวันหวนกลับ...
ซีวอนยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อรู้ว่าเวลาที่ผ่านมา ชีวิตเค้ามีความสุขแค่ไหน เมื่อมีอีทึกอยู่เคียงข้าง...
ทุกวันมันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว...อย่างที่หลายๆ คนบอก ว่าช่วงเวลาแห่งความสุข มักจะผ่านไปเร็วเสมอ...เพราะฉะนั้น...ต่อจากวันนี้ เวลาของชเว ซีวอน...จะหมุนช้าลง
~* แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล แต่ความทรงจำดีๆ นั้นไม่เคยจางหาย *~
.
.
.
“พี่อีทึกครับ....ผมรักพี่” คำสารภาพรักที่ดูธรรมดาที่สุด ถูกเปล่งออกจากลำคอของชายหนุ่มที่ชื่อชเว ซีวอน..
ไม่ว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะออกมาเป็นแบบไหน...ผมทำใจไว้แล้วล่ะครับ ก็ผมรักนี่หน่า
จะให้ผมเก็บไว้คนเดียวเหรอ ไม่เอาหรอก อึดอัดตายเลย....
“...คือ...”
“พี่บอกมาเถอะครับ..ผมรับได้ทุกอย่าง....” ทั้งๆ ที่เตรียมใจมาแล้วแท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริง...มันก็หวั่นๆ จนได้สิหน่า
“พี่....”
“....”
“....พี่....”
“....”
“..พี่ก็รักนายนะ^^” ตอบออกมาก่อนจะยิ้มให้อย่างทุกๆ ครั้ง
ทำเอาร่างสูงอดใจไว้ไม่ไหว ต้องคว้าร่างบางนั้นมากอดแน่นๆ เสียทีให้หายอยาก...
“นายนี่ไม่โรแมนติกเลยเนอะ...” อีทึกว่า
“อ่า...พี่อยากให้ผมทำอะไรให้ล่ะ ผมทำให้ได้ทุกอย่างเลย ยกเว้นเลิกรักพี่”
“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ยล่ะ” ร่างบางขอ...ไม่ได้คิดจริงจัง ก็แค่อยากแกล้งร่างสูงที่ไม่ชอบร้องเพลงให้ใครฟัง นอกจากจะขึ้นเวทีเท่านั้นเอง...
“ได้สิครับ”
“ได้เหรอ???”
“อื้ม พี่จะฟังเพลงอะไรล่ะ? ^^”
“เห~ นายก็ร้องมาสิ ไม่ถูกใจพี่โกรธจริงๆ ด้วย”
เพลงที่พี่อีทึกชอบเหรอ....
“How do I live without you? I want to know, How do I breathe without you? If you ever go, How do I ever, ever survive? How do I, how do I, oh how do I live?”
“เพราะจัง...”
“หึหึ ผมก็ชอบเพลงนี้นะ...ผมอยากรู้เหมือนกัน ว่าผมจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีพี่...ผมจะหายใจยังไงถ้าไม่มีพี่...”
“นายต้องอยู่ได้สิ...ก่อนมาเจอพี่ นายก็อยู่มาตั้งเป็น 10 ปี ทำไมนายจะอยู่อีกไม่ได้...”
“ไม่ได้แล้วล่ะ...ก็หัวใจผมมันทรยศ...ย้ายไปอยู่กับพี่ซะอย่างงั้น” พูดเหมือนน้อยใจ ก่อนจะโน้มหน้าลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นเป็นเชิงหยอกล้อ
“คิกคิก ไม่เอาหน่าซีวอน”
.
.
.
วันนั้นเป็นวันแรก...ที่ผมได้ใช้คำว่าแฟน...กับพี่อีทึก
ร่างสูงเดินออกไปที่ระเบียงห้อง ในมือถือรูปคนรักที่จากไป มองท้องฟ้าซึ่งมีดาวกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด...สายลมอ่อนๆ พัดผ่านปะทะใบหน้าคมตลอดเวลา....
ไกลจังเลย.............
พี่อยู่บนนั้นใช่มั้ย?
พี่กำลังมองผมอยู่รึเปล่า...ถ้าพี่มองผมอยู่...เราก็คงสบตากันอยู่ใช่รึเปล่า...
“ผมรักพี่นะ” อีกครั้งที่ร่างสูงเอ่ยบอกรักกับคนรัก...
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งไหนๆ
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่มีคนคนนั้นอยู่ในอ้อมกอด
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่มีเสียงหวานๆ ตอบกลับมา...
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่มีแก้มนุ่มๆ ให้หอมหลังบอกเสร็จ
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่มีท่าทีเขินอายของคนที่โดนบอกรัก..
เพียงแต่ครั้งนี้ ไม่มีคนนั้นอยู่...
เพียงแต่ครั้งนี้....อีทึกได้จากไปแล้ว
~* ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ หลับให้สบายสักวันคงพบกัน สุดที่รัก *~
ผมสัญญา...ว่าผมจะรักพี่ตลอดไป...
...ตราบใดที่ดาวยังเต็มฟ้า...
...ตราบใดที่ดวงตะวันยังทอแสง...
...ตราบใดที่พระอาทิตย์ ยังคงขึ้นในทิศตะวันออก คนรักของผม...จะยังคงเป็น ปาร์คจองซู ตลอดไป...
เพราะผมเกิดมาเพื่อรักพี่...
ชเว ซีวอนเกิดมาเพื่อรัก ปาร์ค จองซู...
แล้วเราจะพบกันบนแผ่นดินของพระเจ้า...ในสักวัน
.
.
.
จงใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันให้คุ้มค่า อย่าให้การจากลาบอกคุณว่าใครคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ
The End.
ความคิดเห็น