คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [SF] Cherish
Date : 2009.01.02
Title : Cherish
Pairing : Siwon X Eeteuk
Author : luvly_Teukkie ((คาราเมลชีสเค้ก))
Rating : PG-13
Author note : จากคอนเซี่ยงไฮ้ที่ถูกแบ่งสันปันส่วนกันมาคนละพาร์ท ,,จริงๆ แล้วมันไม่น่าเป็นฟิคที่แต่งยาก ..แต่มันก็อยากอยู่ดี T T เพราะฉะนั้นถ้ามันจะออกมา ป่วงๆ ไปหน่อยก็อย่าถือสาเลยนะคะ~~ และมีอีกสองพาร์ทสำหรับคอนเซี่ยงไฮ้นี้ที่คาร่าไม่ได้เป็นคนแต่งเชิญติดตามชมในบ้านแองเจิ้ลเทลจ้า ^^
บางทีการที่คนรักชอบทำอะไรเปิ่นๆ มันก็น่ารักดีใช่มั้ยล่ะครับ?
การที่บางความเปิ่นนั้นทำให้ข้าวของเราสักชิ้นเสียหาย แล้วเค้าหันกลับมายิ้มแห้งๆ ให้เป็นเชิงขอโทษบางครั้งมันก็น่ารักจนเรื่องสิ่งของที่เสียหายนั้นกลายเป็นเรื่องเล็ก
แต่บางครั้งการเห็นคนที่เรารักต้องเจ็บตัวบ่อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก...
“ฮาโหล~~” เสียงหวานใสที่กรอกมาตามสายโทรศัพท์ ส่งผลให้คนที่เพิ่งเสร็จจากงานคลี่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย
(“ทำอะไรอยู่ครับ? หืม?”)
“กำลังจะไปซื้อขนมนิดหน่อยน่ะ ..พรุ่งนี้ขึ้นเครื่องเดี๋ยวพวกลิงนี่ก็บ่นจะกินนู่นกินนี่อีก”
(“อ๋อ~ ..พรุ่งนี้ก็จะได้เจอกันแล้วเนอะ”)
“อื้อ ~ คิดถึงนายจะแย่”
(“คิดถึงพี่เหมือนกันครับ ...ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ อย่าไปหกล้มข้างนอกอีกนะ”}
“พูดเหมือนพี่ซุ่มซ่ามอย่างงั้นแหละ~”
(“ก็หรือพี่ไม่ใช่ล่ะครับ”)
“เปล่าซะหน่อย.. อ๊ะ! อูย ย~ ใครเอาเก้าอี้มาวางไว้ตรงนี้เนี่ย~!” ทันทีที่เสียงหวานร้องบ่นก็มีเสียงจากคนที่นอนเล่นเกมอยู่ตอบกลับมาทันควัน
“มันก็วางอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ได้มาแล้วนะครับพี่อีทึก~”
(“พี่เป็นอะไรครับ!?”) เสียงเข้มเอ่ยถามคนรักอย่างร้อนรน
“แหะๆ ..แค่เดินไปเตะขาเก้าอี้น่ะ ..นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก”
(“เห็นมั้ยล่ะครับ ผมพูดยังไม่ทันขาดคำเลย จะออกไปข้างนอกก็หาคนที่ดูแลพี่ได้ไปด้วยนะครับ”)
“ซีวอน~~ พี่ไม่ใช่เด็กๆ นะ”
(“ไม่ต่างกันหรอกครับ ..อ่ะ ผมไปก่อนนะครับพี่อีทึก พรุ่งนี้เจอกันครับผม”)
“อื้อ บ๊ายบาย” เอ่ยคำลาเรียบร้อยนิ้วเรียวก็กดตัดสายโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะเดินไปหยิบเอาเสื้อโค้ทตัวใหญ่ขึ้นมาใส่ แล้วทำท่าเดินออกจากบ้านไป
“พี่อีทึกจะไปไหนน่ะครับ?” เสียงเข้มจากรุ่นน้องที่ไม่ค่อยจะได้เห็นว่าอยู่บ้านเท่าไหร่นักอย่างคิม คิบอมเอ่ยถาม
“ออกไปซื้อของข้างนอกหน่อยน่ะ ทำไมเหรอ?”
“ผมไปเป็นเพื่อนดีกว่าครับ” ยิ้มตาหยีให้คนตัวเล็กก่อนจะคว้าเอาเสื้อมาใส่แล้วเดินออกไปพร้อมกัน
.
.
.
บนนกเหล็กที่ทรงตัวอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เคว้งคว้าง แต่เพราะการนอนหลับอย่างเต็มอิ่มก่อนการขึ้นเครื่องส่งผลให้เหล่าสมาชิกของซุปเปอร์จูเนียร์ทั้งหลายยังร่าเริงแม้จะอยู่บนเครื่องบินมานานแล้วก็ตามที
“พี่อีทึก ไม่ไปเล่นกับพวกเราเหรอฮะ?” ซองมินที่เพิ่งชนะการเล่นไพ่เป็นคนแรกวิ่งมาชวนลีดเดอร์คนเก่งให้เข้าไปร่วมวงด้วยกัน
“ไปๆ แต่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ^^”
“โอเคฮะ แล้วรีบตามมาละกันนะฮะ” ยิ้มกว้างๆ ให้พี่ชายคนดี ก่อนจะลุกขึ้นเปิดทางให้อีกคนได้ลุกขึ้นมาบ้าง..
โป้ก!!
หัวกลมๆ ชนเข้ากับชั้นวางของเหนือหัวอย่างแรงทันทีที่ลุกขึ้นโดยไม่ได้ระวัง
“โอ้ย ยย ><” มือเรียวยกขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ บรรเทาความเจ็บปวดอย่างเคยชิน
“พี่อีทึก!! เอาอีกแล้ว~”
.
.
.
“พี่อีทึก~ คิดถึงพี่จังเลย!!” เสียงหวานที่ตามมาด้วยการโอบกอดอย่างแรกของดงแฮ เล่นเอาอีทึกที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวต้องเซแทบจะล้มถ้าหากว่าไม่บังเอิญไปชนกับอีกเข้า
“ระวังหน่อยสิครับพี่”
“อ๊ะ! ซีวอน~!” ทันทีที่หันกลับไปเจอเจ้าของร่างที่เซไปชนเข้า ร่างเล็กก็ฉีกยิ้มให้คนรักกว้างๆ อย่างดีใจ
“ไม่ต้องมายิ้มเลย ..ถ้าผมไม่ยืนอยู่ตรงนี้พี่จะล้มมั้ยเนี่ย?”
“ไม่ล้มหรอก ^^”
“ไม่จริงหรอก..”
“จริงๆ นะ พี่ไม่ล้มหรอก เพราะถึงซีวอนจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่ถ้าหากว่าพี่จะล้มนายก็ต้องเข้ามาช่วยพี่ ^^ ใช่มั้ยล่ะ?” เพราะเหตุผลน่ารักๆ แบบนั้น อีทึกถึงต้องเซกับแรงโถมกอดแบบเต็มรักของคนตัวสูงนั้น
“แฟนใครเนี่ย~ น่ารักจัง” ตบท้ายคำพูดนั่นด้วยการหอมแก้มคนในวงแขนแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“นี่! ไม่อายเค้าบ้างรึไง ><”
“อายทำไมล่ะครับ? มีแฟนน่ารักแบบนี้จะต้องอายไปทำไม” เพิ่มแรงกอดรัดคนตัวเล็กกว่าให้จมลงกับอกแกร่งแน่นๆ วางหน้าหล่อเหลาทับลงบนหัวกลมๆ อีกคนอย่างชื่นใจ แต่..
“โอ้ย~! เจ็บอ่ะ” ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายลูบหัวตัวเองป้อยๆ ..เพิ่งจะโดนชนมายังจะเอาคางมาเจาะอีก - -
“เป็นอะไรฮะ?”
“คือ ...ไปชนชั้นวางของมาน่ะ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น ร่างสูงก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“พี่อีทึก ..ระวังตัวหน่อยสิครับ วันนึงๆ พี่จะชนไอ้นู่นไอ้นี่สักกี่รอบฮะ?”
“ก็ไม่ได้อยากจะชนนี่หน่า ...จะให้ทำไงได้ล่ะ”
“แล้วเจ็บมั้ยน่ะ”
“ไม่หรอก ..”
“เฮ้อ~ ..ถ้างั้นวันนี้พี่ห้ามหกล้มหรือเดินชนอะไรอีกแล้วนะ”
“ง่า~ พี่....”
“ห้ามเถียง” ตบท้ายคำพูดด้วยถ้อยคำสั้นๆ ทรงพลัง ก่อนร่างสูงจะคลายอ้อมกอดออกจากคนตัวเล็กเพื่อนจะเดินไปทักทายคนอื่นๆ บ้าง
“อ๊ะ~ เดี๋ยวสิ” เสียงเรียกหวานๆ จากร่างเล็กที่ร้องเรียกอยู่นั้นไม่ได้เรียกให้ร่างสูงหันกลับมาสนใจใดๆ ...
“ซีวอน!”
.
.
.
“ไปเร็ว ไปเตรียมซ้อมกันได้แล้วเล่นกันอยู่นั่นแหละ!” เสียงเข้มของผู้จัดการคนเก่งเอ็ดเหล่าลูกลิงที่ไม่ยอมเดินขึ้นรถกันสักที ..บอกให้มาขึ้นก็กว่าจะวิ่งกันลงมาถึง - -
“มาแล้วคร้าบบบบ~” เสียงตอบทะเล้นๆ ของฮยอกแจเรียกสีหน้าเอือมระอาจากผู้จัดการคนเดิมได้เป็นอย่างดี ..ใช่ ..เค้าคงจะไม่ทำหน้าอย่างงี้ถ้าหากว่าไอ้คนที่พูดมันกำลังเดินมาขึ้นรถ ไม่ใช่กำลังวิ่งไล่จับดงแฮอยู่นั่นน่ะ!!
“ทำไมวันนี้ช้าจังห๊ะ? อีทึก?”
“ขอโทษทีครับ” ผงกหัวพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษเสร็จสรรพ ร่างบอบก็แทรกตัวผ่านหน้าผู้จัดการเข้าไปนั่งด้านในของรถเงียบๆ
ใช้เวลาไม่ช้าไม่นานนัก รถคันหรูที่แบกรับกว่าสิบชีวิตไว้ก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
“เฮ้! ซีวอน ..นายเดินไม่รอพี่อีทึกเลยเหรอ”
“ห๊ะ? อ่าว ..พี่เค้าไม่ได้เดินมาแล้วเหรอ ก็ตอนผมออกมารถที่พวกพี่นั่งมามันออกไปแล้วนี่ครับ” ซีวอนเอ่ย ..ท่ามกลางสีหน้างุนงงของเยซอง
“อ่าวเหรอ ไม่รู้เหมือนกันเว้ย ...” เกาหัวกลมๆ แกรกๆ วิ่งขึ้นไปหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เดินอยู่ข้างหน้า แต่เหลียวซ้ายแลขวาแล้วก็ยังไม่เห็นลีดเดอร์อยู่ตรงไหน
หลังจากที่เข้ามาถึงยังหลังเวทีแสนจะอลังการได้สักพัก ร่างบางที่ซีวอนกำลังมองหาก็เพิ่งจะโผล่เข้ามาให้เห็น
“ไปไหนมาฮะ?”
“เปล่า” คำตอบสั้นๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง ก่อนเจ้าของเสียงหวานจะเดินหนีไปหาคนอื่นๆ แทน
“...อะไรของเค้า...” ตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังห่างออกไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ก่อนจะเห็นคนตัวเล็กนั้นทำท่าจะเดินไปเหยียบอะไรบนพื้นเข้า
เสียงห้าวที่เตรียมจะร้องบอกให้ระวังเป็นอันต้องชะงักลง แล้วเลือกที่จะวิ่งเข้าไปประคองคนตัวเล็กแทนเมื่อเห็นว่าจะเรียกไม่ทันซะแล้ว
“อีกแล้วนะฮะ ..ผมบอกแล้วไงว่าห้ามล้มอีกแล้วน่ะ ถ้าล้มอีกผมไม่มารับแล้วนะ~”
“ไม่มาก็ไม่ต้องมาสิ พี่ก็ไม่ได้ขอให้นายมาสักหน่อย ปล่อย..” แกะมือหนาออกจากเอว ทิ้งให้คนตัวโตได้แต่ยืนงงกับอาการอย่างนั้นคนเดียว
“พี่อีทึกฮะ ..เดี๋ยวสิ!” กว่าจะประมวลผลเสร็จว่าควรจะทำอะไร ร่างเล็กก็เดินตัวปลิวออกจากห้องแต่งตัวไปซะแล้ว ..อะไรของเค้าเนี่ย~
ซีวอนทำท่าว่าจะเดินออกไปตามคนตัวเล็ก ..และก็คงจะก้าวออกจากห้องไปอย่างที่ตั้งใจถ้าหากว่าซองมินไม่มาตามให้ไปแต่งหน้าทำผมซะก่อนล่ะก็นะ..
“เป็นอะไรห๊ะ? ทำหน้าซะยุ่งเชียว” เสียงหวานๆ จากคิม ฮีชอลเอ่ยถามน้องร่วมวงที่นั่งอยู่หน้ากระจกข้างๆ กับตัวเอง
“กลัวแก่ไม่ทันอีทึกรึไง?” เอ่ยปากพูดต่อเมื่อไม่เห็นว่าเจ้าคนที่ถูกถามมันคิดจะอ้าปากตอบ
“ก็พี่อีทึกเค้านั่นแหละ เป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็หงุดหงิดใส่ผมซะงั้น”
“อีทึก? อยู่ดีๆ เค้าจะมาหงุดหงิดใส่นายทำไม ..ทำเป็นไม่รู้จักอีทึกไปได้”
ก็นั่นน่ะสิครับ เพราะผมรู้ว่าอยู่ดีๆ พี่อีทึกเค้าไม่มาหงุดหงิดใส่ผมโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอก ..ผมถึงได้นั่งคิดอยู่นี่ไง ว่าผมทำอะไรผิด..
“อ้าวพี่อีทึก~ ผมกำลังจะไปตามอยู่พอดีเลยฮะ ^^ เหลือพี่คนเดียวแล้วน้า” ซองมินเอ่ยพลางดันไหล่เล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอช่างมาปรุงแต่งให้ ชั่ววินาทีที่อีทึกถูกกดลงให้นั่งกับเก้าอี้นั่นเองที่ซีวอนสังเกตเห็นอาการอะไรบางอย่าง ..
“มานั่งนี่ดีกว่าทึก ฉันเสร็จแล้ว ตรงนั้นไดร์มันไปไม่ถึง” ว่าพลางลุกขึ้นให้ที่นั่งใหม่แก่อีกคน
“คุยกันให้คุ้มกับที่ฉันสวยไม่เสร็จด้วยนะ -*-” บอกกับคนที่นั่งอยู่อีกข้างด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
“พี่อีทึกครับ..” เสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นไม่ได้เรียกความสนใจจากร่างบางที่จับจ้องอยู่กับนิตยสารฉบับเก่าที่ถืออยู่ในมือแม้แต่น้อย
“พี่ครับ..” อีกครั้งที่เสียงเรียกไม่ได้รับการใส่ใจ จนคนเรียกอดที่จะขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคืองเสียไม่ได้
“พี่ครับ ถ้าพี่เงียบอย่างงี้แล้วผมจะรู้มั้ยครับว่าพี่เป็นอะไร” เพราะคำพูดกึ่งประชดประชัดนั้นแหละที่เรียกให้อีทึกหันมาสนใจกับคนข้างๆ นี้ได้สักที
“ถ้ามันลำบากนักไม่ต้องคุยกับพี่ก็ได้ ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องพูด” พูดจบก็หันกลับไปสนใจกับหนังสือในมือต่อ ..การกระทำที่บั่นทอนความอดทนของร่างสูงลงเรื่อยๆ
“พี่อีทึกที่ผมรู้จักมีเหตุผลมากกว่านี้!” ว่าพลางลุกพรวดขึ้นขณะที่ช่างกำลังไดร์ผมอยู่โดยที่ไม่ได้สนใจว่าทรงผมที่ได้ตอนนี้มันจะออกมาเป็นยังไง
มือแกร่งคว้าเอาข้อมือเล็กพร้อมกับออกแรงฉุดให้ร่างบางยืนขึ้น ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากให้เดินออกไปด้วยกัน
ปังง ง ง!!
เสียงบานประตูปิดลงอย่างแรง ..อีกฟากของประตูที่ซีวอนเท้ามือกับกำแพงล็อคให้อีทึกอยู่ตรงกลางระหว่างแขนแกร่งนั้น
“พี่เป็นอะไรฮะ? อยู่ดีๆ ก็เป็นอะไรขึ้นมา”
“ก็บอกแล้วไงว่าเปล่า”
“พี่คิดว่าผมเชื่อเหรอ? ใครดูไม่ออกก็โง่แล้วว่าพี่ไม่ได้คิดอย่างที่พูด”
“ก็นายไง!” มือบางผลักอกแกร่งๆ สุดแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนโดนผลักเซหรืออะไร
“นายไงที่เชื่อที่พี่พูดทุกอย่าง ...นายไม่ใช่เหรอ?”
“..”
“แล้วก็เป็นนายเองด้วยที่พูดทุกอย่างออกมาโดยที่ไม่ใส่ใจคำพูดของตัวเอง”
“...”
“แล้วก็นายนั่นแหละ ..ที่ไม่ได้ใส่ใจพี่” ประโยคสุดท้ายที่ติดจะสั่นน้อยๆ ที่ปลายเสียงทำให้คนฟังรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะร้องไห้ ..เพราะเค้า..
“พี่หมายความไงฮะ?” ส่งคำถามออกไปพร้อมๆ กับการรั้งคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอดโดยไร้การขัดขืนใดๆ
“ฮึก ...ที่พี่บอกว่าเดินชนอะไรแล้วไม่เจ็บนายเชื่อมั้ย”
“ชะ ..เชื่อครับ”
“นายเชื่อเหรอว่าชนอะไรสักอย่างแล้วมันจะไม่เจ็บ”
“...” ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ จากร่างสูง ..เพราะคำตอบนั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี
“พี่แค่อยากให้นายสนใจ ..อยากให้นายใส่ใจจะถามมากกว่านั้น ฮึก ..แต่มันก็จบที่คำของพี่ทุกที ..บางทีพี่ก็เข้าใจว่านายอาจจะเชื่อทุกอย่างที่พี่พูด ..แต่บางที อึ่ก ..มันก็เกินไป..”
“ผมขอโทษครับก็ผม..”
“แล้ว ฮึ่ก ..ที่นายพูดมาว่าเป็นห่วง ..นายคิดอย่างที่พูดมั้ย?”
“คิดสิครับ..” ไม่รู้ว่าคำตอบที่ตอบออกไป เข้าหูคนถามหรือไม่ ..ถึงได้รัวใส่ซีวอนต่อ
“นายเป็นคนห้ามไม่ให้พี่หกล้มหรือทำอะไรซุ่มซ่ามอีก ..พี่ก็พยายามระวัง ฮึก ..แต่นายสนใจมั้ย ทำไมพี่ถึงลงมาจากห้องช้า? ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ช้า? พี่หายไปไหนมา? ที่พี่เดินหนีออกมานายคิดจะเดินออกมาตามบ้างรึเปล่า? ใส่ใจพี่บ้างมั้ย?” เอ่ยถามไปตรงๆ อย่างน้อยใจ ..ใช่ปกติเค้าไม่ใช่คนขี้น้อยใจหรือคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเรื่องนี้มากมาย ก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่าทุกๆ วันแต่ละคนก็มีเรื่องให้คิดกันมากพออยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เพราะความห่างเหินจากคนรักนานเหลือเกิน ..พอกลับมาเจอกันแทนที่อีกฝ่ายจะใส่ใจกลับเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับคนอื่นๆ มากกว่า ..
“ผม ..” ไร้ซึ้งข้อแก้ตัวใดๆ ถึงเค้าจะคิดสงสัยทุกอย่างที่อีทึกพูดมา ..แต่เค้าก็ไม่ได้ออกไปตามคนตัวเล็กอย่างที่ควร
“ฮึก ..รู้มั้ยว่าพี่มันคิดมากแล้วก็ขี้น้อยใจ ..รู้มั้ยว่าตอนที่นายบอกว่าจะไม่รับอีกแล้วถ้าพี่หกล้มพี่รู้สึกยังไง ฮึก ...” ยอมซุกหน้าหวานที่ประปรายไปด้วยคราบน้ำตาลงกับอกแกร่งเพื่อพักพิง ..มือหนายกขึ้นลูบไล้เรือนผมนุ่มอย่างเอาใจ
“ขอโทษครับ ..ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วนะ ..ไม่ว่าพี่จะล้มอีกสักกี่ครั้งผมก็จะไปช่วย ..ทีนี้ถ้าพี่เจ็บมา ไม่ว่าแผลมันจะเล็กจะใหญ่แค่ไหน ผมก็จะเป็นคนทำแผลให้พี่เองนะ ..” ฝังจมูกลงที่พวงแก้มขาวๆ อย่างออดอ้อน
“ที่ผมห้ามไม่ให้พี่ซุ่มซ่ามอีกผมก็รู้ว่ามันทำไม่ได้หรอก ..แต่ผมก็ไม่อยากเห็นพี่เจ็บตัวบ่อยๆ นะครับ ..เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ถ้าพี่ล้มลงไปวันไหนแล้วผมไม่อยู่ข้างๆ พี่..ใครจะช่วยพยุงพี่ล่ะครับ?”
“ฮึก...” มีเพียงเสียงสะอื้นตอบกลับไปโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดแต่อย่างใด ..เพราะสัมผัสจากปลายนิ้วที่เชยคางเค้าอยู่ก็นุ่มนวลเกินทน ..ถ้าได้เงยขึ้นมองแววตาอ่อนโยนที่ออดอ้อนนั้นแล้วอาจจะต้องละลายไปตรงนี้เลยก็ได้ ..
“ไม่โกรธผมแล้วนะ?” เอ่ยถามพร้อมๆ กับเชยคางมนบังคับให้ดวงตาคู่หวานต้องจ้องมาที่ตน
“อื้อ” พยักหน้ารับ แล้วหลบสายตาที่เหมือนกับที่คาดไว้ไม่มีผิด .. ก่อนสัมผัสนุ่มๆ จากริมฝีปากได้รูปจะแตะลงบนกลีบปากบางเบาๆ อ้อนวอนขอรสสัมผัสที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ..
“อ่ะแฮ่ม ..ใกล้ได้เวลาแล้วย่ะ” ฮีชอลที่เปิดประตูออกมาเจอเอ่ยปากบอกอย่างไม่เกรงใจ ส่งผลให้อีทึกที่ผละออกมาจากร่างสูงเดินก้มหน้าก้มตาซ่อนสีแดงๆ ที่แก้มเข้าห้องไปเสริมหล่อต่ออย่างรวดเร็ว
“ชิ หมั่นไส้!” อดจะกัดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้เหมือนเห็นหน้าตายิ้มแป้นของคนที่ยืนอยู่นั้น
.
.
.
ในฮอล์อลังการที่คนดูนับพันต่างจับจองกันเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของเหล่าซุปเปอร์จูเนียร์
การแสดงเริ่มขึ้นด้วยดีท่ามกลางความสุขของทั้งผู้แสดงและผู้รับชมเหล่าเมมเบอร์ทั้ง 13 คนที่กระจัดกระจายกันอยู่บนเวทีต่างพากันมอบความสุข ความสนุกสนานให้ผู้ชมอย่างเต็มที่ แน่นอนว่ารวมไปถึงลีดเดอร์คนเก่งที่ทุ่มเทเต็มที่ให้กับทุกๆ การแสดงเช่นกัน
เพราะบทเพลงสนุกๆ จังหวะเต้นมันส์ๆ อย่าง Dancing Out ดังขึ้น จึงไม่แปลกที่จะปลุกสัญชาตญาณนักเต้นและความคึกคักของเหล่าซุปเปอร์จูเนียร์ขึ้น
ร่างบอบบางที่ตื่นตาตื่นใจไปกับคลื่นลูกโป่งที่สวยงามและแท่งไฟสว่างไสวค่อยๆ เดินถอยหลังลงไปเพื่อจะมองทุกสิ่งทุกอย่างในมุมที่กว้างขึ้น และโดยไม่ทันได้ระวังขาเจ้ากรรมก็ดันพันกันซะเอง แต่ร่างเล็กที่กำลังจะล้มก็ได้รู้สึกถึงสัมผันอบอุ่นที่คุ้นเคยจากใครสักคน ..สัมผัสที่ไม่ต้องเหลียวกลับไปมองสักนิดก็บอกได้ว่าเจ้าของแขนแข็งแกร่งที่โอบรอบเอวเค้าอยู่นี่คือใคร
แต่สัญชาตญาณหรืออะไรสักอย่าง..สั่งให้อีทึกหันไปมองเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นกับสายตาที่เหมือนจะบอกความนัยอะไรสักอย่าง
อีทึกฉีกยิ้มหวานฉ่ำให้ซีวอน ก่อนมือบางจะยกขึ้นจับมืออีกคนบ้างตามความเคยชิน
“เกือบแล้วมั้ยล่ะ~ แฟนใครเนี่ยซุ่มซ่ามจัง” ก่อนเสียงหวานจะได้เอ่ยค้านข้อกล่าวหา ก็ถูกผละออกด้วยแรงส่งน้อยๆ จากซีวอนเอง โดยไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายคำพูดไว้ด้วยว่า
“ต้องโดนทำโทษ”
และเพราะบอกเอาไว้อย่างนั้นหลังจากถูกปล่อยออกจากอ้อมอกอุ่นๆ อีทึกก็ถูกทำโทษด้วยการถูกซีวอนตีที่ก้นเบาๆ
อยากจะหันกลับไปว่าให้สักคำว่าทะลึ่ง~ แต่พ่อตัวดีก็หันหนีไปซะแล้ว~
.
.
.
“เฮ้อ~ เหนื่อยจังง” ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน ตามมาด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ ของรูมเมทอีกคนที่ควบตำแหน่งคนรักของเค้าอยู่ด้วย
“หกล้มกี่ครั้งครับ?” เอ่ยถามหลังจากนั่งลงบนเตียงข้างๆ คนตัวเล็กแล้วเรียบร้อย
“หือ? ..ไม่รู้อ่ะไม่ได้นับหรอก”
“จะทำโทษให้เข็ดเลย” ก้มลงทำท่าจะช่วงชิงความหวานจากริมฝีปากเล็กๆ ไป แต่คนที่นอนอยู่ก็ดันรู้ทันซะก่อน
“ใครจะให้นายทำโทษกัน..”
“ตกลงกันก่อนขึ้นคอนเสิร์ตแล้วนี่หน่า” รั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด วางหน้าหล่อเหลาลงบนไหล่นุ่มนิ่ม
“นายพูดเองเออเอง~”
“เจ็บมั้ยฮะ?”
“หะ หือ??” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองอีกคนตาแบ๊ว
“ไม่ต้องทำตาแป๋วใส่เลย ..เจ็บทำไมไม่บอกครับ?” รั้งคอเสื้อฝั่งนึงออกให้เห็นไหล่เนียนขาวที่เป็นรอยแดงพาดผ่าน
“ก็ ..”
“โดนอะไรมา?”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว ..ซีวอนบอกไม่ให้ซุ่มซ่าม ..ก็เลยไม่อยากบอก”
“วันหลังบอกนะครับ..” กดจูบลงบนรอยแดงช้ำเบาๆ ราวกับจะรักษา ก่อนจะค่อยๆ ไล่ขึ้นมาตามซอกคอขาว ..พวงแก้มใส ..จบลงที่ริมฝีปากอุ่น
“ถึงพี่จะซุ่มซ่ามยังไง ผมก็ไม่ได้โกรธที่พี่จะเจ็บตัวนะฮะ ..ผมโกรธตัวเองที่ดูแลพี่ไม่ได้ซะมากกว่า..ผมรักพี่นะ~” กระซิบบอกคำรักแผ่วเบาแนบชิดใบหูแดงจัด อีทึกย่นคอหลบลมหายใจอุ่นที่ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ เห็นอย่างนั้นซีวอนก็อดจะหัวเราะชอบใจไม่ได้
“พี่อีทึกเหมือนเด็กๆ เลย ฮะๆๆ” ยิ่งหัวเราะชอบใจหนักขึ้นเมื่อเห็นหน้าหวานแสดงอาการไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น
ฉันไม่เด็กหรอกนะ!
“รู้มั้ยตอนนายไม่อยู่พี่ซุ่มซ่ามจนเจ็บไปหมดเลย~” เปลี่ยนจากผู้รับฟังเป็นฝ่ายป้อนคำถามบ้าง ร่างบางหันหน้าเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาแทน
“เห็นมั้ย ..ผมถึงเป็นห่วงพี่..”
“แล้วนาย..” มือหนาที่เคยสัมผัสอยู่ที่แก้มนุ่ม ถูกมือบางจับมาไว้ตรงเอวคอดแทน
“ไม่อยากเห็นเหรอว่าพี่เจ็บที่ตรงไหนบ้าง?”
The End.
ความคิดเห็น