คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [Poison : 08] Dark Night
Dark Night
“เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ” ถอนหายใจพรู มองหน้าเพื่อนรักที่ส่งแววตาแห่งความกังวลกลับมา
“ถ้ามันทำอะไรนาย บอกฉันนะ”
“อือ~ ..แล้ว.. นายรู้มั้ยว่าคิบอม..”
“เป็นแวมไพร์ด้วย?” ก่อนจองซูจะได้พูดจบ ฮีชอลก็ชิงโพล่งออกมาซะก่อน
“อ๋า~ ..ทำไมนายรู้ล่ะ”
“ฉันได้กลิ่น”
“กลิ่น ?”
“อืม ..จริงๆ แล้วแวมไพร์น่ะไม่ชอบพวกใช้เวทย์แบบฉันหรอก เพราะเวลาที่พวกมันทำตัวเป็นมนุษย์มาหาเหยื่อ พวกฉันนี่แหละที่จะจับมันได้แล้วพาคนใกล้ตัวออกห่าง”
“หมายความว่านายก็รู้แต่แรกสิว่าซีวอนเป็นแวมไพร์”
“ก็ใช่ ..แล้วพวกแวมไพร์เองก็รู้ได้เหมือนกันว่าฉันเป็นอะไร ..ฉันถึงพยายามออกห่างหมอนั่นไง ..เกิดมาพูดอะไรแปลกๆ ให้นายฟังล่ะฉันแย่เลย..”
“..อย่างงั้นหรอกเหรอ..” พยักหน้ารับรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เพิ่งได้เรียนรู้ ..ความจริงแล้วสิ่งต่างๆ ที่เค้ากำลังรับรู้อยู่นี่.. ยิ่งทำให้เค้ารู้สึกว่าห่างไกลกับเพื่อนคนเดียวของเค้าคนนี้มากแค่ไหน
“จริงๆ หมอนั่นก็คงไม่อยากให้นายมาสุงสิงกับฉันเท่าไหร่หรอกรู้เปล่า ..ยิ่งถ้ารู้ว่านายรู้ว่าฉันเป็นใครแล้วนะ.. เพราะฉะนั้นนายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าฉันเป็นใครไปเถอะ”
“อือ ..ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วน่ะ” ..เพราะเค้ารับปากว่าจะต้องรีบกลับบ้านให้ทันภายในห้าชั่วโมงนี่หน่า ..แต่ว่าต่อให้ไม่กลับตรงตามเวลา ซีวอนก็คงจะหาเค้าไม่เจอหรอกมั้ง..
“หกโมงแล้วล่ะ”
“ห๊ะ~!” หมายความว่าเกินห้าชั่วโมงไปแล้วจริงๆ นี่ ..แต่ก็อย่างที่บอก..ซีวอนคงไม่สามารถตามหาเค้าเจอได้ในบ้านของฮีชอลที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของโลก
“มีอะไรเหรอ” ร่างโปร่งเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการตกใจของคนตัวเล็กกว่านั้น
“ปะ ..เปล่า แต่ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ”
“อ๋อ ..ได้สิ” ว่าพลางลุกขึ้นมองไปที่หม้อน้ำใบใหญ่กลางห้องอย่างสงสัย ที่เห็นว่าอยู่ๆ น้ำที่นิ่งสนิทเกิดเป็นคลื่นขึ้นมาน้อยๆ ด้วยแรงสั่นอะไรเสียอย่าง ก่อนตาโตจะเบิกโพลงเมื่อนึกอะไรได้
“จองซูเร็วเข้า!” คว้าข้อมือเล็กไว้ เจ้าของหน้าสวยคมหลับตารวมสมาธิ ริมฝีปากอิ่มเอ่ยร่ายมนตร์ยังไม่ทันจบดีก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาสของมหาอำนาจ และเมื่อลืมตาขึ้นมองก็ไม่ได้พบอะไรที่ต่างไปจากที่เค้าคิด ..
ชเว ซีวอน ..
“จะรีบไปไหนเหรอ ?” เสียงทุ้มเอ่ยยะเยือก ตาคมจับจ้องไปทางฮีชอลที่จับมืออีกคนไว้แน่น
“กำลังจะพาจองซูไปส่ง”
“ไม่ต้อง ..ก็รู้ว่าฉันกำลังมา ..ทำไมต้องหนี?”
“ใครหนี ? ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าอยู่ๆ นายจะโผล่มาบ้านคนอื่นโดยที่เค้าไม่ได้รับเชิญ”
“นายไม่ได้เชิญ แต่ฉันมาพาคนของฉันกลับ ..อีทึก มานี่” ถึงจะเรียกออกไปแล้วอย่างนั้น แต่ฮีชอลก็ยังไม่ยอมปล่อยให้คนตัวเล็กเดินไปหาอีกฝ่าย
“จะเป็นศัตรูกับฉันเหรอ?”
“...”
“อีทึก..” เสียงเข้มเอ่ยเรียกชื่อร่างบางตาหวานอีกครั้งด้วยเสียงแสดงอารมณ์ไม่พอใจมากกว่าเก่า ส่งผลให้เจ้าของชื่อขืนข้อมือออกจากการจับกุมของเพื่อนรัก ยอมเดินไปหาร่างสูงแต่โดยดี
“ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็น ..ไม่ต้องยุ่งกับคนของฉันอีก” ย้ำคำสุดท้ายที่ไม่ต้องบอก ฮีชอลก็พอจะอ่านจากสายตานั้นออก
.
.
.
“เจ็บนะปล่อยก่อนได้มั้ย !” กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนแขนแกร่งของคนที่กำลังลากเค้าให้เดินตามไปยังห้องโถงเพื่อหยิบอะไรบางอย่างที่เค้าก็ไม่ทันได้มองเห็น และลากกลับขึ้นไปบนห้องนอน
“บอกว่าเจ็บไง นี่ ! อ๊ะ~!” ร้องเสียงหลงเมื่อถูกผลักลงบนเตียงนุ่มของตัวเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงจัดการพันธนาการข้อมือบางข้างหนึ่งไว้กับหัวเตียง
“ทำอะไร !?”
“บอกแล้วใช่มั้ยห้ามกลับช้า”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ ..นายจะไม่ได้ออกไปไหนจนกว่าฉันจะอนุญาต!” พูดจบก็เดินลิ่วออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะกระแทกปิดประตูแรงๆ แสดงความไม่พอใจให้ใครต่อใครได้รับรู้
“โธ่เว้ย!!”
เวรกรรมอะไรนักหนา .. ทั้งๆ ที่แค่ตายไป.. ก็ง่ายดีออก
“ซีวอน ..” เสียงหวานร้องเรียกคนที่อยู่ห่างออกไปเพียงผนังกั้นอย่างวิงวอน ..เค้าแค่เริ่มรู้สึกคอแห้งจนอยากจะดื่มน้ำขึ้นมาบ้าง
“ซีวอน ....”
“ซองมิน..” เมื่อร่างสูงนั้นไม่ได้มีทีท่าว่าจะให้ความสนใจกับเค้า เสียงหวานจึงเปลี่ยนไปเรียกคนอื่นที่คิดว่าพอจะช่วยเค้าได้บ้าง ..
“คุณอา..”
“หืม?”
“อ๊ะ !” ร่างเล็กสะดุ้งตัวโยน เมื่อยังไม่ทันเรียกได้สุดเสียงดีจุนกิก็โผล่มานั่งบนเตียงแนบชิดเค้าซะแล้ว
“คือ ..ผมหิวน้ำน่ะฮะ ..แล้วซีวอนเค้า..”
“อ๋อ~ ... ซีวอนมันก็แบบนี้แหละ” ว่าพลางลุกไปรินน้ำใส่แก้วมาให้
“...”
“ไม่ชอบให้ใครขัดใจ ..ทนหน่อยละกันนะ”
“ยังไงผมก็ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธอยู่แล้วนี่ฮะ..” ว่าพลางรับแก้วน้ำมาจากเรียวมือสวย เมื่อดื่มจนหมดแก้วแล้วก็คืนให้กับคนที่ยังแบมือรอเก็บให้อยู่อย่างนั้น
“ขอบคุณครับ” เอ่ยบอกก่อนจะซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม พลิกตัวหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างเสียมารยาท ฝ่ายคนมองก็ได้แต่ยิ้มออกมาจางๆ ..ก่อนหายจะตัวไปจากตรงนั้น
.
.
.
“จะพาฉันไปไหน ?” เสียงหวานที่ร้องถามติดจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ก็เค้าถามคำถามนี้มาตั้งแต่ที่คนตัวโตไปอุ้มเค้าออกมาจากห้องจนกระทั่งเดินลงไปที่ห้องชั้นล่าง พูดอะไรกับซองมินสองสามคำแล้วพาเค้ากลับขึ้นมาหาคุณอาจุนกิที่ตอนนี้หายตัวไปแล้ว ..จนตอนนี้เค้าก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น..
“เงียบหน่อยมันจะตายมั้ย”
“ก็นายจะพาฉันไปไหน ไปทำอะไรก็บอกมาสิ”
“นายจะถามไปทำไม เดี๋ยวก็รู้เอง ..เพราะถึงยังไงนายก็ต้องไป”
“ฉันรู้ ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ..ไม่ต้องย้ำบ่อยนักก็ได้”
“แล้ววางฉันลงได้รึยัง?” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าก็ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่ซีวอนกำลังทำคือรอให้คุณอากลับมา ..แล้วจะยืนอุ้มเค้าอยู่ทำไมให้เมื่อยตุ้ม ?
“ฉันมาแล้ว~ เรียกซองมินขึ้นมา ส่วนนายน่ะไปเตรียมตัวเถอะ” โบกมือไล่หลานรักอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะวางของที่ถือมาลงบนเตียง กวักมือเรียกให้ซองมินเดินเข้ามา
“คุณอา ..มีอะไรกันเหรอครับ?”
“งานนิดหน่อยน่ะ.. ไปอาบน้ำอาบท่าซะก่อน.. เดี๋ยวฉันกับซองมินเตรียมชุดให้”
“ค..ครับ” พยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ..แต่ก็อย่างว่า..ถึงถามไปเค้าก็คงไม่ได้คำตอบที่แจ่มชัดขึ้นอยู่ดี
โชคดีที่ชุดไปงานที่ว่าไม่ได้พิศดารแต่อย่างใด ..เป็นเพียงแค่เสื้อสูทสีขาวธรรมดา ๆ ..จะติดก็แค่..ตัวอักษรสีแดงที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตด้านซ้าย ..ซึ่งเป็นภาษาที่เค้าอ่านไม่ออก
“งานนี้มันมีประจำทุกปี.. เป็นงานค่อนข้างใหญ่เลยล่ะ..ยังไงก็อย่าอยู่ห่างซีวอนมันแล้วกันเดี๋ยวหลงหายไปไหนแล้วจะยุ่ง”
“ครับ..”
บรรยากาศอึมครึมของงานเลี้ยงใหญ่โตทำให้ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง..แน่นอนว่าแทบทุกคนเดินขวักไขว่กันอยู่ในงานเลี้ยงหรูหรานั้นสวมเครื่องแต่งกายสีดำทะมึน ซึ่งก็ไม่แปลกหากเค้าจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนที่เดินผ่าน..
“ซีวอน..” ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดในสิ่งที่ต้องการต่อ เจ้าของชื่อก็ลุกขึ้นก่อนจะหันกลับมามองคนที่เกาะแขนตัวเองอยู่อย่างนั้น
“นั่งตรงนี้ไปก่อน ฉันจะไปหาอะไรที่มันน่าทำกว่าการนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้” พูดจบก็เดินไปอย่างที่บอก ทิ้งให้คนตัวเล็กยิ่งนั่งให้ตัวเล็กลงไปอีก ..ลำพังงานเลี้ยงที่มีแต่คนแปลกหน้าก็แย่พออยู่แล้ว ยิ่งต้องมาเจอสายตาแปลกๆ ..ที่แต่ละคนมองเหมือนเค้าน่าอร่อยซะเต็มประดาแบบนั้น..ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
เมื่อรู้สึกเกร็งจะหันซ้ายแลขวาก็ไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกผ่อนคลายลง รังแต่ทำให้วิตกหนัก ไอ้ครั้นจะเดินไปไหนมาไหน นึกถึงคำเตือนของคุณอาแล้วก็ทำเอาไม่อยากจะลุก แต่สุดท้าย ลำคอที่แห้งผากก็เรียกร้องให้เจ้าของร่างบอบบางต้องสละที่นั่งเพื่อไปหาเครื่องดื่มดับกระหาย ..แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีเครื่องดื่มไหนที่เหมาะกับเค้าสักอย่าง
ตาหวานกวาดไปตามเครื่องดื่มสีแดงเข้มที่มองอย่างไรก็ไม่ต่างไปจากสีเลือดแล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะมองเลยไปยังเครื่องดื่มที่วางอยู่เคียงข้างกัน ..นั่นก็สีเขียวเข้มปี๋ซะจนน่าขยะแขยง ที่ดูว่าปลอดภัยที่สุดก็เห็นจะเป็นน้ำสีฟ้าใสที่ดูคล้ายกับบลูมาร์กาเร็ตต้า ..จะต่างกันก็ตรงที่ของที่นี่มีควันลอยขึ้นจากปากแก้วตลอดเวลา ..ดื่มไปท่าทางกระเพาะจะพัง
สุดท้ายแล้วร่างบางก็เลือกจะหันหลังให้เหล่าเครื่องดื่มหน้าตาประหลาดนั่น หมายจะกลับไปนั่งเงียบๆ ที่โต๊ะเช่นเดิม แต่เพราะมัวแต่หาที่นั่งจนไม่ทันได้ระวัง ร่างเล็กชนเข้ากับชายแปลกหน้าร่างใหญ่อย่างจังจนไม่สามารถทรงตัวไว้ได้
“โอ๊ย..” เสียงหวานโอดครวญเพียงแผ่วเบาก่อนจะพยายามยันตัวขึ้นจากพื้น ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายที่ยื่นมาเป็นหลักจับยึด พออีทึกเอื้อมมือไปวางมือลงบนมือที่ยื่นมา แรงมหาศาลก็ฉุดให้เค้าลุกขึ้นอย่างง่ายดาย ทว่ามือคู่เล็กนั้นก็ยังไม่ได้ถูกปล่อยเป็นอิสระ ร่างสูงใหญ่ถือวิสาสะจับมือนั้นไว้แน่น แล้วยังทำเอาอีทึกตกใจหนักกว่าเก่าเมื่อแนบริมฝีปากลงกับหลังมือเรียว ฝังปลายจมูกแนบแน่นสูดเอากลิ่นกายเข้าไปเต็มปอด ก่อนลิ้นร้อนจะไล้ไปทั่วหลังมือนั้น
“หวาน..” เสียงแหบพร่าฟังดูน่าขนลุก กับการกระทำจาบจ้วงนั่นทำเอาความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ เพราะรู้ว่าต่อให้ดิ้นรนยังไงเค้าก็ไม่มีทางสู้คนที่นี่ได้อยู่แล้ว ก็ได้แต่ภาวนา..ว่าใครสักคนจะช่วยเค้าได้บ้าง
“จองซู?”
ได้ยินเสียงคุ้นหูยามนี้ก็เหมือนสวรรค์ลอยมาอยู่ตรงหน้า ต่อให้สมองยังประมวลผลได้ไม่แน่ชัดนักว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร แต่เค้าก็พร้อมจะหันไปหาต้นเสียงอย่างไม่ลังเล
“คิบอม~!”
“ขอโทษนะครับ คนนี้มีเจ้าของ” เอื้อมไปจับข้อมือหนาของคนแปลกหน้าก่อนจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วซีวอนไปไหนซะล่ะครับ?” เอ่ยถามพร้อมทั้งมองหาโต๊ะนั่งที่มีสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยตั้งไว้ มือข้างนึงจับมืออีทึกไว้แน่น พูดจบชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างให้คนตาสวยอีกครั้ง
“ไม่รู้สิครับ เค้าบอกว่าเบื่อก็เลยเดินออกไป ..เหมือนผมไม่เบื่ออย่างงั้นล่ะ” น้ำเสียงของการพูดจาตัดพ้อคนที่ไม่อยู่รู้เรื่องด้วย ทำเอาคิบอมยิ้มไม่หุบ
“แล้ว.. นี่เค้าคืองานอะไรเหรอครับ?” เอ่ยถามพร้อมทั้งยังกวาดสายตาไปรอบๆ งาน
“อ๋อ ดาร์คไนท์นะครับ..” ตอบออกไปโดยไม่ได้มองหน้าคนพูด จนกระทั่งมองเห็นที่นั่งของตัวเองแล้วถึงได้กลับมายิ้มให้คนตาสวยอีกที
“หือ?” ส่งเสียงทำตาโตส่งไปให้แทนคำถาม
“คือ.. จะเรียกว่าอะไรดี..เป็นงานที่รวม..อ่า ..อมนุษย์..น่ะครับ..” นิ้วเรียวยกขึ้นเกาแก้มแก้เก้อ.. ทั้งที่รู้ว่าพูดไปแบบนี้มันจะทำให้มนุษย์อย่างจองซูหวาดกลัว..แต่ก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาใช้แล้ว
“แล้วแบบนี้ฮีชอลเค้าจะมามั้ยครับ?” แต่แทนสายตาหวาดหวั่นหรือน้ำเสียงหวาดกลัวอย่างที่คาดไว้ ..กลับกลายเป็นเสียงสดใสอย่างคนมีความหวังแทนซะได้
“ผมก็ไม่แน่ใจ ..แต่ถ้าเค้ามาก็น่าจะบอกผมนะ” พูดจบก็เลื่อนเก้าอี้ให้ร่างบางได้นั่งอย่างมีมารยาท ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน
“หมายความว่าเค้าจะไม่มาใช่มั้ย..” ว่าพลางยกแขนขึ้นเท้าคาง ลอบถอนหายใจอย่างผิดหวัง ..แหงล่ะ เค้ามีเพื่อนเป็นฮีชอลคนเดียว..ยังไงๆ เค้าก็อยากเจอฮีชอล
“ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนี่ครับ ..เอาผมเป็นเพื่อนคุยไปก่อนก็ได้..” ยิ้มกว้างให้ตาแทบปิด เรียกรอยยิ้มจากคนตาสวยขึ้นมาได้บ้าง
“ผมก็ว่าจองซูเหมาะกับรอยยิ้ม ^^”
“ใครก็เหมาะกับรอยยิ้มทั้งแหละครับ~” สวนกลับเสียงหวาน ก่อนจะทั้งคู่จะพุ่งความสนใจไปที่ผู้ร่วมโต๊ะคนใหม่ ..หญิงสาวสวยในชุดราตรีสีแดงเข้ม.. ทั้งที่มองแล้วให้ความรู้ว่าเซ็กซี่ แต่ก็แฝงความน่ารักไว้ได้อย่างประหลาด ..ถ้าลองให้เค้าเดา สิ่งมีชีวิตที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นแวมไพร์
“มองหาใครเหรอครับ?” คิบอมเอ่ยถามราวกับคุ้นเคย ตาเรียวเล็กของสาวเจ้าตวัดมองคนถาม เหลือบมองไปอีกคนข้างๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบ
“ซีวอน”
“เห็นว่าออกไปเดินเล่น ..จะไปไหนซะล่ะครับ? ที่นั่งของแวมไพร์อย่างคุณ ตรงนั้นก็ถูกแล้ว”
“มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะอยู่ตรงนี้ ในเมื่อซีวอนเค้าไม่อยู่” สวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้าเย็นชา ทำเอาอีกคนที่ร่วมโต๊ะไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
“งั้นก็ตามใจคุณเถอะครับ แต่ว่า..ถึงผมไม่พูด คุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าซีวอนมันไม่อยากให้ใครเจอ คุณหาเค้าทั้งชีวิต..คงจะได้เจอ” ประโยคเหล่านั้นดูจะไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก เพราะยังไม่ทันที่คิบอมจะพูดจบดี เจ้าของเรือนร่างอรชรก็สะบัดหน้าเดินหนีไปไกลซะแล้ว
“ใครเหรอครับ?”
“อย่าไปสนใจเลยครับ..” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปคว้าเอาเครื่องดื่มจากบริกรมากระดกทีเดียวหมดแก้ว ริมฝีปากหยักยกยิ้มข้างแก้ม แล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ..
“เดี๋ยวผมนะครับจองซู ..แป๊บเดียว” คิบอมว่า ขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับแต่โดยดี ถึงจะไม่อยากอยู่คนเดียว แต่จะให้รั้งคิบอมไว้..ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอ
และยังไม่ทันที่คิบอมจะลับสายตาเค้าไปดี ชายหนุ่มแปลกหน้าจากโต๊ะข้างๆ ก็พากันย้ายมานั่งขนาบร่างบางไว้
“เด็กใครเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เอนตัวมาเท้าคางจ้องหน้าหวานตาไม่กระพริบ และยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ มือเรียวที่เคยวางไว้บนตักก็ถูกฉกไปกุมไว้แน่นด้วยชายแปลกหน้าอีกคน
“ถามทำไมล่ะ ..นั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ หลงงานรึเปล่า?” ตากลมกรอกมองซ้ายที ขวาทีอย่างเป็นกังวล
“ฉันว่าเค้าดูเกร็ง ๆ ..สงสัยในงานจะน่ากลัว ออกไปสูดอากาศดี ๆ หน่อยเป็นไงครับ?” ไม่ต้องรอคำตอบรับใดๆ ร่างหนาก็ออกแรงฉุดให้คนตัวเล็กต้องลุกขึ้นตาม
“ปล่อยผมนะ !” ข้อมือเล็กบิดพยายามขืนออกจากการจับกุมที่แน่นหนา
“ถ้าอยากไปข้างนอก ไปข้างบนก็ได้” พูดจบก็กึ่งลากกึ่งจูงให้ร่างบางออกเดินไปด้วยกัน ..ลำพังคนเดียวแรงเค้าก็สู้ไม่ได้แล้ว ..มาสองคน..จะให้เค้าทำยังไง
“ปล่อยนะ!! ผมเจ็บ!”
“อย่าร้องหน่า”
“บนนี้นี่บรรยากาศดีจริงๆ ..” เอ่ยบอกพร้อมทั้งยืนอ้าแขนเงยหน้ารับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังดาดฟ้าของคฤหาสน์แห่งนี้..
“ผมมีเจ้าของนะ!” ในเมื่อเค้าทำพิธีแสดงตัวเป็นคนของแวมไพร์ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ก็หมายความว่าการมีเจ้าของจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ..
“งั้นเหรอ? ..บอกหน่อยได้มั้ย เจ้าของนายเป็นใคร”
“......”
“บอกมาสิคนสวย..” มือสากไล้ไปตามข้างแก้มใส ก่อนจะเชยคางมนขึ้นสำรวจ ซอกคอขาวชวนให้ฝังเขี้ยวนั้น
“มีรอยเขี้ยวนี่หน่า..”
“บอกชื่อเจ้าของมาสิคนสวย” อีกคนที่ยืนโอบกอดเค้าไว้จากด้านหลัง เอ่ยถามแนบชิดใบหูเล็กนั้นด้วยเสียงเย็นเยียบ
“คิบอม..” กลั้นใจเอ่ยชื่อนั้นออกไป ..เพราะบางทีมันอาจจะน่าเชื่อกว่าบอกชื่อคนที่ไม่ได้อยู่ข้างๆ เค้าสักวินาทีตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในงาน
“หึ~ งั้นก็ไม่แย่เท่าไหร่” คนด้านหลังนั้นว่า เอนซบลงกับไหล่บาง ลมหายใจอุ่นจับจองพื้นที่บริเวณซอกคอฝั่งขวา ส่งสายตาให้คนด้านหน้าใช้พื้นที่ฝั่งซ้ายของอาหารอันโอชะ
มือบางยกขึ้นดันอกแกร่งของคนด้านหน้าไว้สุดแรง ส่วนด้านหลัง..ในมื่อเค้ามีปัญญาทำอะไรก็กันให้ได้สักคนจะดีกว่า
“ผมไม่อร่อยหรอกครับ”
“กลิ่นนายไม่ได้บอกอย่างนั้นน่ะสิ..” คนมีโอกาสได้เข้าใกล้ ถือเอาความโชคดี ไล้ลิ้นร้อนไปบนซอกคอหอมกรุ่นเพื่อเตรียมการ
“อึ่ก.. ขอร้องผม ..ฮึ่ก..” น้ำใสๆ เริ่มไหลจากดวงตาคู่สวย ลำพังมีชีวิตอยู่กับมนุษย์ก็เลวร้ายพอแล้ว.. ทำไมถึง..
“หวาน..” พึมพำหลังจากเอื้อมไปสัมผัสหยาดน้ำตา และเอากลับมาแตะลงบนลิ้น อีกฝ่ายพอได้ยินอย่างนั้น แววตาปกติก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน เขี้ยวที่งอกยาวกว่าปกตินั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพร้อมที่จะจัดการกับเหยื่อในอ้อมแขน อีทึกหลับตาปี๋รอรับชะตากรรมอันน่าหวาดเสียวนั้นตัวสั่น..เมื่อรู้สึกถึงคมเขี้ยวที่ทิ่มแทงลงมาช้าๆ ริมฝีปากบางพึมพำร้องหาคนรู้จักที่ไว้ใจได้เช่นคิบอม..
“เฮ้ย!!” เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้น เรียกให้ร่างเล็กปรือตาขึ้นมองอย่างมีความหวัง แม้จะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เสียงของคิบอม ..หรือแม้กระทั้งซีวอนก็ตาม
“เยซอง!!”
“ฮี่~ ^^” ยิ้มกว้างให้คนตัวเล็กตาปิด ก่อนจะเก๊กหน้าเหี้ยมใส่อีกสองตัวที่เหลือ
“เก่งเหรอวะมาคนเดียว”
“จองซู !!”
“คิบอม..” ทันทีที่เห็นเจ้าของชื่อที่ว่า สองคนนั้นก็ดูจะเกรงเมื่อเห็นว่าเจ้าของเค้าปรากฏตัว
“เฮ้อ ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวกันนักนะ” เยซองว่าก่อนจะชักเอาปืนมายิงเฉียดไปที่มือซึ่งวางอยู่บนไหล่ขวาของอีทึก แรงลมน้อยๆ พัดให้เสื้อเปิดออกเห็นอกเสื้อเชิ้ตด้านในชัดเจน ภาษาแปลกๆ ที่อีทึกเองอ่านไม่ออก แต่อมนุษย์ทุกคนเข้าใจดี !
“เห้ย!!” มือหนาผลักคนตัวเล็กออกห่างอย่างไม่สนใจกับสวัสดิภาพของเรือนร่างที่ต้องล้มลงไปพับอยู่กับพื้นอย่างนั้น
“ไหนว่าไอ้นี่เป็นเจ้าของไง”
“ห๊ะ?” เยซองร้องเสียงหลง มองตามนิ้วที่ขี้ไปทางคิบอมซึ่งวิ่งไปประคองอีทึกที่ล้มลงอย่างไม่เข้าใจ
“ค..คิบอม ..” มือเล็กขยำเสื้ออีกคนแน่น เรียวแรงที่เหลือใช้โถมเข้ากอดอีกคนอย่างหวาดกลัว
“พวกแกถ้าไม่อยากตาย ก็ไปจากที่นี่ซะ!!” ใช้ปลายกระบอกปืนชี้ไปชี้มา ก่อนจะเก็บปืนกระบอกนั้นลงเมื่อสองคนนั้นหายวับไปกับตาแล้ว
“เอ่อ..” นิ้วสั้นๆ ยกขึ้นเกาแก้มแกรกๆ กับภาพสองคนกอดกันกลมตรงหน้า
“ถ้าซีวอนเห็น ..จะต้องไม่พอใจมากแน่ๆ”
“ใช่! ฉันไม่พอใจ!!”
โทนเสียงทุ้มต่ำเย็นยะเยือกนั้น ต่อให้สติเลือนลางสักแค่ไหน ใครก็จำมันได้ดี..
ร่างสูงย่างสามขุมไปหาคนที่พยุงตัวลุกขึ้นโดยมีอีกคนคอยช่วย มือหนารีบคว้าเอาข้อมือเล็กไว้ ออกแรงกระชากให้เซเข้าหาตัวอย่างแรง แต่อีทึกกลับเป็นฝ่ายขืนออกตัวจากซีวอน ยอมยืนโงนเงนอย่างไม่มั่นคงด้วยตัวเอง กระทั่งคิบอมมาช่วยพยุงไว้ในอ้อมแขน ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดดาล
“มานี่!”
“ปล่อยนะ!”
เพี๊ยะ !
หน้าคมหันไปตามแรงตบที่ไม่ได้แรงนัก ..แต่คนความอดทนต่ำอย่างซีวอน..
“ทำไม! นายจะทำไม ..อึก.. โกรธฉันเหรอ? ฉันทำอะไรผิด?” ฟันสวยกัดปากตัวเองแน่น ฝืนเอาร่างที่รู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงให้ยืนไว้ได้อยู่
“นายเป็นของฉัน เข้าใจมั้ย!!” เขย่าคนตัวเล็กเหมือนเรียกสติ ..หากแต่คนที่เสียสติ ดูเหมือนจะไม่ใช่ร่างบอบบางนั้น
“ฉันเป็นของนาย เป็นของนาย นายพูดแต่คำนี้ เอาแต่พูด แล้วเมื่อกี้นายอยู่ที่ไหน!! ตอนที่ของของนายกำลังจะถูกแย่งไปนายอยู่ไหน !!” นอกจากขึ้นเสียงแข็ง มือบางยังผลักอกแกร่งตบท้ายการกระทำทั้งหมดด้วย
“ถ้ามันลำบากนัก ยกฉันให้คิบอมก็ได้ ฉันยินดีจะอยู่กับเค้ามากกว่า!!!” สิ้นคำพูดท้าทายนั้น มือหนาก็คว้าเอาแก้มนุ่มเต็มแรง แรงซะจนคนถูกกระทำเจ็บจนร้าว
“อีทึก!! หึ ...ฉันอาจจะดีกับนายเกินไป จนนายลืมไปว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร”
“....”
“ก็ดี ..จากนี้ไปฉันจะทำให้นายเข้าใจ ..ว่าทาส เค้าอยู่กันยังไง!!!”
To be continue.
กลับมาแล้วค่ะ T[]T ทั้งที่คิดว่าปิดเทอมนี้มันจะว่างมากกว่านี้แท้ ๆ ..ลืมเลือนเรื่องนี้กันไปรึยังคะ แหะ ๆ ยอมรับความผิดโดยไร้ซึ่งข้อแก้ตัวใด ๆ การเรียนมันหนักหน่วง เอาตัวเองจะไม่รอด ให้อภัยด้วยนะคะ T/\T
ส่วนฟิคตอนนี้ถ้ามันแปร่ง.. มันเลวร้ายอะไรยังไง มันแย่เกินจะรับไหว คาร่าจะมารีไรท์ให้ก็ได้นะคะ =[]= เพราะว่าห่างหายจากการแต่งฟิคนี้ไปนาน ..ความมั่นใจมันสั่นคลอน ~~
ถึงยังไงก็ฝากด้วยนะค้า ~ เรื่องมันเพิ่งจะเริ่มต้น ~!! ๕๕๕
พระเจ้าอวยพรนะค้า : )
ความคิดเห็น