คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : {✟} Maybe God Knows ;; chapter I
Maybe God Knows
“ถ้าทำงานที่นั่นไม่สำเร็จ ..พ่อก็คงยกหน้าที่นี้ให้ลูกได้ไม่สนิทใจ”
เสียงโทนทุ้มต่ำของผู้เป็นพ่อยังคงก้องกังวาลอยู่ในหัว.. ถึงพ่อจะบอกว่าไม่ได้บังคับให้มาทำที่นี่ ..แต่ลองพูดถึงขนาดนั้นแล้ว จะไม่มาก็คงเจอพ่อนั่งทำหน้าตาเบื่อโลกทุกวันแน่ๆ
คิดไปพลางหักพวงมาลัยเข้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ แถบชานเมืองซึ่งเป็นจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้.. เมื่อขับเข้าไปจนสุดทางก็พบกับวิหารขนาดไม่ใหญ่โตนัก เห็นอย่างนั้นซีวอนจึงดับเครื่องยนต์ลงเปิดประตูก้าวลงจากรถพลางไล่สายตาสำรวจสิ่งก่อสร้างตรงหน้าอย่างเพลินตา..
สวยเหมือนที่พ่อบอก ..ดูเงียบสงบ ..เหมาะสำหรับเป็นสถานที่นมัสการอย่างที่ใครๆ เค้าว่า .. แต่ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ..แล้วนี่ก็เพิ่งจะเที่ยง ทำไมในโบสถ์ถึงได้ดู...เงียบจนวังเวงขนาดนั้น
“โบสถ์ที่นั่นน่ะ เพื่อนพ่อเป็นศิษยาภิบาลเองนั่นแหละ.. ครอบครัวมันเป็นกันมาหลายรุ่นแล้ว แต่ไม่กี่เดือนมานี่เพื่อนพ่อคนนั้นจากไป.. หลังจากนั้นลูกคนเดียวของเค้าก็เปลี่ยนไป จากที่เคยไปโบสถ์แทบทุกวัน สนุกสนานกับการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ..เห็นเค้าว่าเปลี่ยนไปจนแทบจะกลายเป็นคนละคนไปแล้ว ..แล้วที่สำคัญที่สุดโบสถ์นั้นไม่มีใครดูแล.. พวกคนในหมู่บ้านนั้นก็หันมาเฝ้าเดี่ยว อธิษฐาน นมัสการกันเอง.. พ่อกลัวความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้านมันจะแย่หนักนะลูก”
“ก็แค่ทำให้เด็กคนนั้นหันกลับมาหาพระเจ้าได้.. ทุกอย่างก็จบใช่มั้ยครับ”
“อืม ..มันพูดง่าย ..แต่ลงมือทำมันจะเท่าไหน”
“เท่าไหนก็เท่ากันสิครับ ..ถ้าผมทำสำเร็จแล้ว ให้ผมกลับมาเป็นบาทหลวงที่นี่นะครับ ให้ผมรับช่วงต่อจากพ่อ.. ผมอยากให้พ่อได้พักบ้าง” ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบว่าอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจลูกชายไปเต็มเปี่ยม
.. เห็นท่าเรื่องที่พ่อบอกจะจริง ..
ร่างสูงสมส่วนเดินผ่านประตูรั้วของโบสถ์เข้าไปสำรวจบริเวณรอบๆ ..ถึงจะเงียบจนเหมือนถูกทิ้งร้าง.. แต่บริเวณรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งพักชุมนุมด้านข้างตัวโบสถ์ที่ถูกทำความสะอาดอย่างดีนั้น หรือจะมองเลยไปยัง สวนดอกไม้ขนาดย่อมด้านหลังทั้งที่ถ้าหากนับตั้งแต่คุณปาร์คเสียชีวิต..มันน่าจะกลายเป็นดินเปล่าๆ ที่ไม่เหลือแม้แต่ซากดอกไม้สักดอกไปแล้ว ..ก็หมายความว่ายังมีคนดูแลที่นี่อยู่..
เพื่อจะพิสูจน์ว่าดอกไม้ที่ตนเห็นไม่ใช่ของปลอม ..ร่างสูงเดินตรงไปหยุดอยู่หน้าแปลงดอกไม้ที่เห็น ย่อตัวลงหมายจะเอื้อมไปสัมผัสกลีบดอกสีสดสักกลีบ แต่แล้ว..
“จะทำอะไรน่ะ?!” เสียงแว่วหวานที่ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เรียกให้คนมาเยือนร้อนตัวหันกลับไปหาต้นเสียงนั้นทันควัน ..ร่างสูงลุกขึ้นปัดมือสองข้างที่ไม่ได้เปื้อนอะไรก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนชัดๆ
“ผมแค่สนใจดอกไม้พวกนั้น ..ไม่ได้มีเจตนาจะเด็ดหรืออะไรหรอกนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างสุภาพ
“..แล้วคุณเข้ามาในนี้ทำไม คุณไม่ใช่คนที่นี่หนิ” เพราะขนาดหมู่บ้านที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก..คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากมีคนแปลกหน้าเข้ามาแล้วคนพื้นที่จะรู้สึกได้
“ผมมาตามหาคนน่ะครับ”
“ตามหาใคร ที่นี่ไม่มีใครหรอก”
“ผมมาตามหาคุณอีทึก ลูกของคุณปาร์คน่ะครับ”
“..อีทึก?” อีกฝ่ายทวนชื่อนั้นเพื่อเป็นการย้ำให้เค้าแน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด
“ครับ คุณ..เอ่อ ..ปาร์ค จองซูน่ะครับ”
“คุณมาตามหาผมทำไม?”
“ห๊ะ! ว.. ว่าอะไรนะครับ”
“ผมนี่ไงปาร์ค จองซู”
“ห๊ะ!?” แล้วก็ทำหน้างงหนักกว่าเก่าใส่คนตัวเล็ก ..ก็เท่าที่พ่อเค้าบอกมา.. ปาร์ค จองซู หรือ อีทึก ที่เค้าต้องตามหาน่ะ ..ผู้หญิงนี่หน่า !! ............ถึงพ่อจะไม่ได้บอกว่าเป็นผู้หญิง แต่ไอ้ลักษณะที่บอกมาน่ะ ..ฟังยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชายหรอก !
“แล้วอีทึกอะไรเนี่ย.. เค้ารูปร่างหน้าเป็นยังไงพ่อพอจะรู้มั้ยครับ ผมจะได้ตามหาเค้าถูก”
“ก็.. ครั้งล่าสุดที่เห็นเมื่อสาม-สี่ปีก่อน.. หนูจองซูเค้าก็หน้าตาน่ารักนะ..”
“ผมขอละเอียดกว่านั้นได้มั้ยพ่อ”
“ก็เดี๋ยวสิ พ่อยังพูดไม่จบ.. เค้าก็ตาหวานๆ ริมฝีปากบางๆ จมูกก็โด่งเป็นสันเลยล่ะ รูปร่างไม่ใหญ่..ออกจะอ้อนแอ้นดูบอบบางซะด้วยซ้ำ.. พ่อก็จำได้ไม่มากหรอก ไปถามเอากับคนที่นั่นง่ายกว่านะ”
เค้าก็ตาหวานๆ
ซีวอนนึกทวนคำพูดของผู้เป็นพ่อก่อนจะพินิจดวงตากลมโตของคนตรงหน้า ..อืมตาหวานสวยทีเดียว
ริมฝีปากบางๆ
อื้ม.. ถ้าบอกว่ากลีบปากนั้นสีฉ่ำด้วยคงเข้าใจง่ายกว่า
จมูกก็โด่งเป็นสันเลยล่ะ
นั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อบอกได้ดี..
รูปร่างไม่ใหญ่..ออกจะอ้อนแอ้นดูบอบบางซะด้วยซ้ำ..
ลาดไหล่ที่ดูเล็กกว่าเค้าหลายเท่า ..เอวบางที่คอดเว้าเกินกว่าจะเป็นสรีระของชายหนุ่มทั่วไป .. ใช่..คนตรงหน้านี้ดูบอบบาง..
ไม่ผิดไปจากที่พ่อเค้าพูดสักนิด ..
“มองฉันแบบนี้หมายความว่าไง?” ร่างเล็กกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง.. ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้าเค้าอยู่นั่นล่ะ ..แล้วยังมามองคนอื่นหัวจรดเท้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกัน!
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ..ผมชเว ซีวอน”
หลังจากเป็นฝ่ายแนะนำตัวกลับไป แทนรอยยิ้มหวานหรือการจับมือทักทายที่ควรจะได้รับ กลับกลายเป็นว่าคนที่เค้าสู้อุตส่าห์มาตามหา ดันหลังเดินหนีเค้าไปซะเฉย ๆ .. ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ?
เพราะงั้นแทนที่ผมจะวิ่งตามให้เหมือนคนโรคจิตหนักกว่าเก่า ..ตอนนี้ผมว่าปล่อยให้เค้าไปไหนต่อไหนที่เค้าสบายใจก่อนดีกว่า ..ส่วนผม ขอไปสืบสาวราวเรื่องกับคนแถวนี้ก่อนว่าพื้นเพของอีทึกเป็นยังไง.. เผื่ออะไร ๆ มันจะง่ายขึ้น
“หนูอีทึกน่ะเหรอ.. น่ารักมากเลยล่ะ เค้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโบสถ์กับพ่อ ซ้อมร้องเพลงเพื่อนมัสการในวันอาทิตย์ ..นี่ยายยังคิดถึงเสียงร้องเพลงของหนูอีทึกเค้าอยู่เลย ได้ยินแล้วมีความสุขเนอะตา..” เสียงแหบสั่นหันไปขอความเห็นจากคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
“อื้ม..” ชายชราพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงสั่นไม่แพ้กัน “ยิ่งวันไหนนึกครึ้มอกครึ้มใจไปนั่งเล่นเปียโนเองด้วยเนี่ย ..ตาไม่อยากออกจากโบถส์เลยล่ะ”
“ใช่..ตอนนั้นน่ะ ทุกคนรอคอยให้วันอาทิตย์มาถึง พวกเราไปรวมตัวกันที่โบสถ์ของตาปาร์คแทบทั้งวัน ..กินข้าวกลางวัน ..นั่งคุยกันจนเย็น..”
“ตอนนี้ไม่มีแล้วเนอะยาย ..”
“นั่นสิ ..ไอ้ฉันก็แก่ปูนนี้แล้ว ..อยากจะมีความสุขแบบนั้นไปจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่เห็นทีจะลำบาก..” บทสนทนาเงียบลงสนิทจนซีวอนเป็นฝ่ายเอ่ยถามความเป็นไปต่อ
“แล้ว..ทำไมอีทึกเค้าถึง..”
“เห็นกันมาแต่เด็กแต่เล็ก ..เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตาปาร์คจากไปนั่นแหละ ..แต่ยายก็ไม่อยากโทษหนูอีทึกเค้าหรอกนะ ..เป็นยาย ยายก็คงทำใจลำบาก เฮ้อ..” สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่คุณยายนั่งเงียบตาแดงก่ำขึ้นมาจนร่างสูงไม่กล้าจะเอ่ยปากถามอะไรต่อ ถึงได้ขอตัวกลับออกมา
..นี่ก็หลังที่สี่แล้ว ..พูดเหมือนกันหมดเลยแฮะ ..
ร่างสูงยืนนิ่งพิงรถอย่างใช้ความคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจกลับเข้าไปถามหาบ้านของร่างบางเจ้าของโบสถ์นั้น ก่อนจะตรงไปยังสถานที่ที่ว่าโดยไม่ลังเล
ทว่าเมื่อขับมาถึงหน้าบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์นั้น ก็ต้องใจแป้วเพราะบ้านเงียบฉี่ ประตูบ้านก็ถูกล็อคไว้แน่นหนา..
ที่โบสถ์ก็ไม่อยู่ ..ที่บ้านก็ไม่มี ..จะไปตามหาที่ไหนได้ล่ะเนี่ย
“เฮ้ออออออออ” ร่างสูงถอนหายใจยาว ทิ้งตัวลงนั่งที่ตรงหน้าบ้านนั้นอย่างไม่เกรงสายตาใคร
“คุณ ..มาหาอีทึกเหรอ?”
“ค ..ครับ” พยักหน้ารับก่อนลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นเศษดินออกจากกางเกงตัวเก่ง
“รอตรงนั้นคุณได้หนาวตายแน่ๆ ..ป่านนี้อีทึกออกไปที่บาร์โน่นแล้วมั้ง” คนบอกว่าพลางเงยหน้ามองฟ้า ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“บาร์?”
“อืม ..ตรงไปทางเข้าเมือง ห่างจากนี่ไปประมาณสักกิโลนึงน่ะ ..ว่าแต่ ..คุณเป็นใครเหรอ?” บอกไปเสร็จสรรพ คนใจดีก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบางทีคนตรงหน้านี่อาจจะไม่ได้มาดีก็ได้นี่หว่า - -*
“ผม ..คือ .. ผมเป็น..บาทหลวงครับ” ตอบอ้อมแอ้มได้ไม่เต็มปากนัก นั่นก็เพราะหน้าที่นั้นเค้าจะได้รับช่วงต่อจากพ่อ.. และจะได้ก็ต่อเมื่อทำให้อีทึกกลับมาเป็นบาทหลวงของที่นี่ได้ซะก่อน.. แต่ก็อย่างที่เห็น เหมือนหนทางมันยังอีกยาวไกล แต่จะให้บอกสถานะอื่นใด ณ ตอนนี้ซีวอนก็คิดไม่ออก
“จะมาเป็นบาทหลวงใหม่ของที่นี่ ..หรือจะมาพูดกับอีทึก?”
“ผม..”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ..แต่ผมบอกได้เลย ว่ายากพอกัน หึ~” หัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนจะโบกมือลาคนแปลกหน้านั้นแล้วหายเข้าบ้านตัวเองไป
ผมควรจะขอบคุณเค้าที่บอกทางไปหาอีทึกดี ..หรือไม่พอใจที่เค้าริดรอนความหวังผมดีนะ ??
เดินทางไม่นานนัก ร่างสูงก็มาหยุดอยู่หน้าบาร์ที่ถูกเอ่ยถึงอย่างประหม่า ..อ่า~ ใช่ว่าผมไม่เคยเที่ยวหรอกนะ .. แต่คนที่ผมมาตามหา เค้ายังมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผมเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าถ้าเค้าเจอผมก็คงจะหลบอีก..แล้วบาร์มืดๆ แบบนี้ผมจะหาเค้าเจอมั้ยนะ..
ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักก็สะบัดหัวไล่เอาความคิดพวกนั้นออกไป แล้วยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาอีกครั้ง ..ต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ ขืนชักช้ากลับบ้านดึกผมจะง่วงแล้วไม่ได้เฝ้าเดี่ยวก่อนนอนเอา~
เพียงแค่ผลักประตูเข้าไป เสียงเพลงที่ดังอื้ออึงก็ประดังเข้ามาจนคนที่ห่างเหินสถานที่แบบนี้ไปนานแก้วหูแทบแตก ..ให้ตายเถอะอยู่กันเข้าไปได้ยังไงหลายๆ ชั่วโมง .. หน้าหล่อเหลาส่ายอย่างหงุดหงิดก่อนจะชะงักไปทันทีที่คนที่เค้าตั้งใจมาหานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์นั่นเอง ..ไม่นึกว่าจะหาง่ายขนาดนี้เลยนะ~ ขอบคุณพระเจ้า
ซีวอนตรงรี่เข้าไปหาร่างเล็กที่นั่งอยู่เพียงคนเดียว แม้ว่าเสื้อตัวบางกับกางเกงเอวต่ำนั้นจะล่อตาล่อใจคนมองมากเพียงใด แต่สิ่งที่ร่างสูงสนใจ กลับเป็นแก้วใส่น้ำแดงเลือดในมือนั้นต่างหาก
“อ๊ะ~!!” เสียงหวานร้องแสดงความไม่พอใจเมื่อมีใครมาแย่งเอาเครื่องดื่มไปจากมือเสียดื้อๆ
“ดื่มทำไมครับ?”
“ธุระอะไรของนาย เอาคืนมานะ”
“ที่แบบนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก”
“นายเป็นใคร?! เอาอะไรมาตัดสินว่ามันเหมาะหรือไม่เหมาะกับฉัน ..เอามานี่!!” ลุกขึ้นหมายจะแย่งแก้วนั้นคืน แต่ถ้าเทียบสรีระกันแล้ว..ยังไงเค้าก็เสียเปรียบ
“ผมชื่อชเว ซีวอน ..พ่อของผมกับพ่อของคุณเป็นเพื่อนกัน ท่านให้ผมมาดูแลคุณ”
“ฉันไม่ได้ถาม!”
“ก็เมื่อกี้คุณเพิ่งถามว่าผมเป็นใคร”
“...........ช่างนายเถอะ” ถอนหายใจยาวอย่างหัวเสีย ..คนบ้าอะไร ..แยกคำว่าประชดกับประโยคคำถามไม่ออก ?
ร่างบางแทรกตัวผ่านหน้าซีวอน แฝงไปกับผู้คนจนร่างสูงมองหาไม่เจอ ..ตาคมตวัดกลับมามองแก้วน้ำในมืออย่างสงสัย..แล้วก็อดไม่ได้ที่จะลองยกขึ้นมาพิสูจน์กลิ่น..
น้ำองุ่น ?
To be continue
ยังไงฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมแขนก่อนนะคะ ฟิคเรื่องนี้ความยาวมันคงไม่เกิน ๕ ตอน เอาไว้อ่านแก้เซ็งเนอะ^[]^ เพราะ Poison Ivy อัพยาก แปะอันนี้ให้แลดูไม่ขี้เกียจ ฮ่า ๆ
พระเจ้าอวยพรค่ะ :)
t em
ความคิดเห็น