ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #57 : ตอนพิเศษ โอ๊ต ::: แสนล้านนาที :::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      9
      31 ม.ค. 55



              ตอนพิเศษ โอ๊ต

     

     

    .

    .

    .

    .

     

    กูขอโทษ กูเมาคำพูดของไอ้เดชที่บอกผม ในครั้งที่เราพลาดมีอะไรด้วยกันครั้งแรก

    ขอโทษแล้วไง ก็ไม่มีไรดีขึ้น แล้วนี่มึงเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ มึงชอบผู้ชายด้วยเหรอความงุนงงสงสัยในตัวผมเต็มตัวไปหมด ว่าเพื่อนรอบตัวที่ตัวเองไว้ใจ มีรสนิยมแบบนี้ด้วย

    กูได้ทั้งนั้นคำตอบที่ไม่เต็มปากเต็มคำนั้น ทำเอาผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะมันก็เคยมีแฟนผู้หญิงมาก่อน

    เออ ก็ดี ว่าแต่มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั๊ย ?” ผมถามมันไปด้วยใจกังวล ในใจก็ลุ้นกับคำตอบของมัน ตอนนั้นบอกไม่ถูกเลย ว่าอยากได้ยินคำว่าใช่  หรือคำว่าไม่ใช่กันแน่ ..

     

    ไอ้เดชใช้เวลาคิดอยู่นาน จนผมชักจะกลัวคำตอบของมันมากขึ้น

     

     

    ไงมึง กูถาม อย่าบอกนะว่ามึง .. 

    เออ กูไม่ได้ชอบมึง พอใจยังคำตอบของมันทำเอาผมใจหล่นวูบ  คำว่าไม่ได้ชอบของมันทำผมนอยด์ๆตัวเองเล็กน้อย ไม่รู้สิว่าทำไม อาจเพราะผมอาจต้องการใครสักคนที่รักผมบ้างมั้ง ..

     

     

     

     

    ต้องยอมรับว่าการมีอะไรกับไอ้เดชครั้งนั้น ทำให้ผมมีความต้องการในตัวมันมากขึ้น  เรากำลังทำอะไรกันโดยใช้สถานะว่าเพื่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดูเลยเถิดจนยากจถอยกลับ  ความต้องการในตัวมันของผมมีพอๆกับที่ผมต้องการในตัวมัน เรียกใช้ไม่เคยขาด และเราก็เติมเต็มให้กันจนผมรู้สึกอิ่มเอม ขาดแต่เพียงความรู้สึกว่า รักก็เท่านั้น ..

     

     

    นานวันเข้า เราสองคนเหมือนคนติดยา ติดความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพศสัมพันธ์ที่ยากจะแยกออกจากกัน แม้ว่ไอ้เดชจะมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยเหตุผลใดๆของมันก็แล้วแต่ และผมก็แอบเข้าข้างตัวเองว่า มันคงมีไว้ประชดผม แต่ทุกอย่างระหว่างเราสองคนก็ยังคงดำเนินไปดังเดิม

     

    “แฟนมึงไม่ว่าเหรอ ที่มาหากูบ่อยๆเนี่ย” ครั้งหนึ่งผมเคยถามมันเมื่อเราสองคนเสร็จกามกิจ

    “ก็กูอยากมา ใครจะว่าอะไรกูได้” มันตอบมาแบบไม่คิดอะไร

    “แล้วทำไมไม่เลิกๆไปเสียละ” ผมพูดออกไปเล่นๆ

    “มึงอยากให้กูเลิกเหรอ ?” มันหันมาถามผมจริงจัง

    “แล้วแต่มึงดิ เมียมึงนี่” ผมตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมากนัก

    “แต่ถ้ามึงบอกให้กูเลิก กูก็จะเลิก แค่มึงบอก” ตอนนั้นผมคิดว่ามันจะจริงจังไปไหน

    “กูสำคัญขนาดนั้นเชียว ?” ผมถามลองใจมันดู

    “อย่าให้กูพูดดีกว่า  ไม่รู้แหละ ถ้ามึงถามแปลว่ามึงไม่สบายใจ งั้นกูจะไปเลิก” มันพูดอย่างจริงจังและมองหน้ามาที่ผม  ผมไม่มีคำตอบอะไรให้กับมัน ได้แต่ยิ้มไป .. เป็นยิ้มที่พอใจในการกระทำนั้น

     

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นตัวเองเห็นแก่ตัวมากเกินไปไหม แต่ในใจก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ที่ต้องแบ่งของให้ใครก็ไม่รู้มาใช้ร่วมด้วย ถึงแม้คนๆนี้จะไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมด แต่มันก็อดที่จะหวงในคนๆนี้ไม่ได้

     

     

    .

    .

    .

    .

     

    ผ้าขนหนูผืนเล็กที่เปียกน้ำค่อยๆเช็ดลงบนแขนของคนที่นอนหลับใหลในช่วงนิทรามาแรมเดือน  ใบหน้าที่มีชีวิตชีวา ขาดแค่การลืมตาและการเคลื่อนไหวของร่างกายเท่านั้น ที่จะทำให้ร่างกายที่แน่นิ่งนี้เป็นหิน กลับมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแฟนผม ..

    กี่ครั้งแล้วที่ผมเช็ดร่างนี้ไปร้องไห้ไป ภาพความหลังต่างๆที่เคยทำตัวเลวร้ายกับมัน เหมือนเข็มคอยตำมือให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา คนที่เคยอยู่เคียงข้าง คอยเช็ดน้ำตาให้ผมในวันที่ผมเจ็บปวดเพราะรักคนที่ไม่เคยเหลียวมอง คงไม่ต่างจากความรู้สึกของมัน ที่เจ็บปวดเพราะรักผม ..

     

     

    .

    .

    .

     

    มือที่กอดผมไว้แน่น ในห้องน้ำของหอผม สภาพห้องน้ำเต็มไปด้วยกลิ่นฉี่ กลิ่นอ้วก เต็มไปหมด ผมขยับตัวลืมตามองคนที่โอบผมไว้ และคงหลับไปด้วยความเพลีย ..

    “ไอ้เดช ..” ปากผมเหมือนจะพูดออกมา แต่กลับไม่มีเสียงออกไป ผมคงเหนื่อยจนแทบไม่มีกำลังจะออกเสียง เลยพยายามขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้อีกคนรู้สึกตัว

     

    ไอ้เดชค่อยลืมตาขึ้นมามองผม 

    “มึงเป็นไงบ้าง” ทันถามมาอย่างกับว่าที่ผมเป็นอยู่นี่แค่อาการคนเป็นลม แต่ตอนนั้นผมก็ไม่มีแรงจะตอบอะไร ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ข้าวมื้อสุดท้ายของวันมันตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ และตอนนี้มันก็ออกจากปากผมมากองอยู่เต็มห้องน้ำไปหมด ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างระอา นี่คือผลงานของผมสินะ

     

    ไอ้เดชเหมือนจะเห็นสายตาที่ผมมอง มันรีบลุกขึ้นเปิดผักบัวฉีดน้ำที่พื้น อีกมือก็โกยเศษอาหารกองใหญ่ๆ เอาใส่ในชักโครก ผมเบือนหน้าหนีภาพนั้น เพราะรู้สึกได้ถึงความขยะแขยง แต่ก็ต้องหันหน้ากลับมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่า นั่นมันคือเศษอาหารที่ออกมาจากปากผมนี่ แล้วมันเป็นใครกัน ทำไม่ถึงทำให้ผมได้ขนาดนั้น ..

     

    มันใช่เวลาล้างพื้นห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเม็ดข้าวและกลิ่นฉี่

    “อาบน้ำหน่อยนะมึง” คำพูดที่เหมือนพี่ชายบอกน้องชาย สายตาที่เป็นห่วงเป็นใย ไม่มีวี่แววขอความรังเกียจ หรือขยะแขยงแต่อย่างใด

     

    ไอ้เดชค่อยๆอาบน้ำให้ผม แว๊บแรกที่ตัวผมสัมผัสกับหยดน้ำ มันทำให้ใจผมแทบหยุดเต้น ความหนาวจากน้ำทำเอาตัวผมสั่นไม่เป็นท่า ไอ้เดชรีบโผเข้ามากอดผมเอาไว้อย่างไว

    “หนาวเหรอวะ” มันถามผม มือก็คอยลูบๆตัวผมอยู่ แล้วก็ช่วยสะบัดน้ำที่อยู่บนตัวผม

    “เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้ดีกว่านะ มึงจะได้หอมๆ” มันบอกผม ก่อนที่จะอุ้มตัวตัวผมออกจากห้องน้ำไป ภายนอกห้องน้ำเห็นบรรดาเพื่อนๆของผมกำลังหลับไหลอยู่ตามมุมต่างๆของห้อง นี่ไอ้พวกนี้มันมาทำไมห้องผมเนี่ย ไม่หลับไม่นอนกันหรือไง ภาพการตั้งวงที่ยังคงมีก้นบุหรี่ที่ยังคงมีควันไฟแสดงให้ผมเห็นว่าพวกมันเพิ่งจะได้นอนกัน

     

    แค่นั้นก็ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง คำถามมากมายที่เกิดขึ้นตอนนั้นแทบจะไม่อยากตอบอะไรแก่ตัวเอง แค่คำถามว่านี่กูทำอะไรลงไป ? แค่นี้ก็ร้ายแรงเกินจะแก้ไขแล้ว

     

    ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกชุบด้วยน้ำอุ่นๆ ถูกเช็ดตัวผมด้วยมือไอ้เดช ผมมองแววตาของมันที่เศร้าไม่ต่างอะไรจากผมนัก แต่ใบหน้าของมันกลับมีรอยยิ้ม มันคงอยากจะให้กำลังใจผม เหมือนกับทุกครั้งที่มันเคยอยู่เคียงข้างผม ในวันที่ผมล้มแล้วล้มเล่า ..

     

    จะว่าไปก็มันอีกนั่นแหละ .. ที่เป็นคนส่งมือมาให้ผมและออกแรงดึงให้ผมลุกขึ้นมาใหม่เพื่อเดินต่อไป ..

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ผมนั่งจับมือไอ้เดชไว้แน่น เพราะตอนนี้ไม่รู้จะสื่อสารกับมันแบบไหนดี มีแค่มือที่จับกันไว้ตลอดเวลาเท่านั้น ที่จะทำให้มันรู้สึกได้ ว่ายังมีผมอยู่เคียงข้างมันตลอด ..

     

    “ไอ้เดช กูยื่นมือดึงมึงให้ลุกแล้วนะ เมื่อไหร่มึงจะลุกสักที” ผมบอกพร้อมกับมองใบหน้านั้น

    “แต่มึงไม่ต้องกลัวนะ ถึงมึงไม่ลุก กูก็จะไม่ปล่อยมือมึงไว้แน่”  ผมพูดพร้อมกับกำมือมันไว้แน่นกว่าเดิม ไอ้น้ำตาบ้านี่ก็ไหลลงมาอีก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ 

     

    จากคนที่เคยเข็มแข็ง ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ ก็ต้องกลับมาเป็นคนที่ร้องไห้ได้ทุกทีที่อยู่ที่นี่  หรือว่าที่ผมอ่อนแอนั้น ผมต้องการคนที่เข็มแข็งมาดูแลผม ..

    “กูอ่อนแอ เพราะอยากให้มึงมาดูแลไงเดช  ตื่นมาปกป้องกูได้แล้ว” พูดไปร่ำไห้ไป มือก็สวมกอดร่างนั้นไว้แล้วซบลงบนตัวของไอ้เดช 

     

    เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้ผมต้องกลับลุกขึ้นมานั่ง เอามือเช็ดน้ำตาตัวเองออกไป เป็นไอ้โป้กับน้ำมนต์นั่นเองครับ สองคนนี้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยม มาเปลี่ยนเวรกับผมบ่อยๆ

    “กินไรยังมึง” ไอ้โป้ถามผมทันทีที่ผมกับมันสบตากัน แม้สายตาของมันจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคราบน้ำตาของผม

    “ยังว่ะ ยังไม่หิว” ผมบอกไป

    “ไปหาอะไรกินก่อนไป กูดูไอ้เดชให้เอง” มันบอกผม ก่อนที่จะเดินมาเอามือแตะที่บ่าผมเชิงปลอบใจ

    “กูกินอะไรไม่ค่อยลงว่ะ”

    “กินๆซะบ้าง ดูดิผอมโซกว่าคนนอนป่วยอีก ไอ้เดชตื่นมาจำแฟนมันไม่ได้จะให้ทำไง”

    “แค่มันตื่นมา แม้จะจำกูไม่ได้ กูก็ดีใจแล้ว”

    “เน่าสาดดดดด ไปกินข้าวเลยไป หรือจะให้กูไปซื้อมาให้” ผมพยักตอบมันไป ไม่รู้เหมือนกันว่าพยักหน้าไปทำไม ไอ้โป้ทำหน้างงๆอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าน้องน้ำมนตื และจูงมือกันออกไป

     

    คำพูดที่ไอ้โป้บอกว่าแสนจะเน่านั้น ถ้าเป็นจริงขึ้นมาผมจะดีใจอย่างที่พูดไหมนะ ถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วจำผมไม่ได้ ผมจะมีความสุขเหมือนที่บอกไปไหมนะ .. และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ โลกนี้มันก็คงจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วมั้ง ..

     

     

    หรือว่าแท้จริงแล้วผมสมควรจะได้โทษจากสิ่งที่ผมเคยทำ ?

     

     

     

     

    ไม่นานนักไอ้โป้ก็กลับเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารมากมาย แต่คราวนี้ไม่เห็นน้องน้ำมนต์มากับมันด้วย

    “น้องน้ำมนต์ละ” ผมถามไป

    “กูไปส่งไปเรียนแล้ว มันมีเรียนบ่าย” มันตอบผม มือมันก็แกะถุงเทอาหารใส่ชาม

    “แล้วทำไมมึงไม่ไปเรียน” ผมถามมัน

    “แล้วทำไมมึงไม่ไปละ” มันถามสวน

    “กูไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง ค่อยอ่านตอนสอบทีเดียว”

    “กูไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง ค่อยอ่านตอบสอบของมึงทีเดียวเหมือนกัน” คำตอบของมันฟังง่ายมากๆ

     

    ผมเลิกถามมันแล้วครับ อย่างไอ้โป้ไม่ยอมใครง่ายๆหรอก ถามอะไรไปไม่ตอบได้หมด ก็ดักได้ทุกทาง เพราะเป็นอย่างนี้สินะ ถึงได้น้องน้ำมนต์มาเป็นแฟน

    “ปีโป้ ..” ว่าจะไม่ถาม แต่ก็อยากจะถามอยู่ดี

    “มีไร หิวแล้วเหรอ กินเลยไหม” มันถามมา พร้อมกับทำหน้าเชิญชวนให้ผมไปนั่งกินอาหารที่มันซื้อมา

    “ทำไมมึงถึงรักน้องน้ำมนต์วะ” ถึงแม้จะรู้ว่ามันรักมาก และไม่เคยทำอะไรกับใครได้เท่ากับคนนี้มาก่อน แต่ก็อยากรู้อยู่ดี

    “จะรู้ไปทำไมวะ” มันนิ่งเล็กน้อยที่ผมถาม ก่อนจะถามผมกลับ

    “แค่อยากรู้ แค่ถามดู” ผมพูดไปอย่างกับจะร้องเพลง

    “ไม่รู้วะ” มันตอบมาทำสีหน้าเครียด

    “มึงรู้สิ และกูคิดว่าน้ำมนต์ก็ต้องเคยถามมึง และมึงก็เคยบอกไปแล้ว” ผมคิดแบบนั้น

    “คงงั้นมั้ง แต่กูก็คงลืมไปแล้ว ว่าตอนนั้นใช่คำพูดตะล่อมยังไงให้น้ำมนต์ตายใจ” มันแกล้งพูดเล่นๆกับผมมา

    “บอกกูไม่ได้เลยเหรอ” แต่ผมถามไปอีกครั้ง แบบจริงจังกว่าเดิม มันมองหน้าผมอย่างจริงจังอีกครั้ง มือปล่อยถุงอะไรที่กำลังทำอยู่ พิงหลังกับโซฟา และเอามือกอดอกไว้ ..

     

     

    “โอเค บอกก็บอก” มันพูดขึ้นมา ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยรอมันเล่า

    “อย่างแรกเลย กูว่าน้ำมนต์แม่งน่าเอาวะ”

    “เอาดีๆ” ไอ้นี่ทะลึ่งตลอด

    “ก็เอาดีนะ น้ำมนต์ไม่เซียนต้องสอนไปทีละนิด”

    “ไอ้โป้ !!” มันยังไม่หยุดครับ

    “นี่แหละจริงสุดแล้ว ก็ตอนแรกใครมันจะคิดละวะ ว่าจะรักหัวปักหัวปำแบบนี้”

    “หลงมนต์ของน้ำมนต์เข้าให้ละสิ”

    “เออว่ะ หรือว่ามันทำเสน่ห์ใส่กูวะ” มันถามมาหน้าตื่น

    “มึงอย่ามาบ้า กูว่ามึงต่างหากที่เอาน้ำมันพรายไปป้ายน้องเค้า”

    “เอ๊ยยย ทำไมมึงรู้”

    “หยุดตลกแดกได้แล้วไอ้โป้ เล่าต่อดิ๊” ไอ้นี่จริงจังสองนาที แต่เหลวไหลได้เป็นชั่วโมง

    ก็นั่นแหละ ความรู้สึกแบบเพลงตั้งใจมาหลอกอ่ะ เคยฟังป่ะ ที่ร้องว่า ยอมมม รับว่าตั้งใจมาหลอก  ทุกคำที่บอกล้วนแต่หลอกล้วนแต่ลวง” มันพูดพร้อมร้องเพลงประกอบให้ผม

    “แต่พอได้รู้จัก ได้ลองจีบ ได้เห็นมุมมองของคนอย่างมัน มันเหมือนคนมาดัดนิสัยกู แล้วก็เปลี่ยนอะไรหลายต่อหลายอย่าง จนวันนึงรู้ตัวอีกที ก็ขาดมันไม่ได้เสียแล้ว” ไอ้โป้อธิบายด้วยคำพูดง่ายๆ สั้นๆ แต่ก็ดูจริงใจที่สุดแล้ว เท่าที่มันพูดมา

    “แค่นี้แหละ เหตุผลที่กูรักมัน มึงอยากรู้อะไรอีกมั๊ย” มันถามผมมาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม และแววตานั้นก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องบอกว่ามันรักน้ำมนต์มากแค่ไหน เพราะแววตาและรอยยิ้มที่มีความสุขของมันในตอนนี้อธิบายได้ทุกอย่าง

    “ไม่มีแล้ว ขอบใจมึงมากที่บอกกู” ผมตอบมันไป

    “มากินข้าวมา จะได้มีเรี่ยวแรงดูแลไอ้เดชมัน เกิดมึงเป็นอะไรไปอีกคน แล้วใครจะดูแลมันได้ได้ดีเท่ามึง” มันพูดพร้อมกับกวักมือเรียกผม พร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตามที่มันบอก

    “ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย ข้าวตามสั่งกล่องเดียวก็พอแล้ว” ผมบอกมันเมื่อเห็นอาหารที่มันซื้อมาเยอะแยะไปหมด

    “ได้ไงกัน เมื่อก่อนมึงดูแลกูดีกว่านี้อีก ที่กูทำให้มึง ก็ยังไม่เท่าที่มึงทำให้กูเลยนะเนี่ย” มันพูดแล้วยิ้มๆให้ ดีใจครับที่มันยังจำได้ ว่าเมื่อก่อนผมก็ชอบซื้ออะไรเข้าไปให้มันกิน แกะถุงแกง จัดใส่จาน แล้วก็เรียกมันมากินแบบนี้ ตอนนั้นทำให้มันไปด้วยความรัก และมันก็คงทำให้ผมด้วยความรู้สึกเดียวกัน ..

     

     

    ผมกับไอ้โป้นั่งกินข้าวด้วยกันครับ มีคุยอะไรบ้างเล็กน้อย ไอ้โป้เหมือนจะกินเป็นเพื่อนผมเฉยๆครับ เพราะดูท่ามันจะกินมาแล้ว เพราะก็ไม่ได้กินอะไรมาก การมีเพื่อนชวนคุยเวลากินข้าว คงทำให้ผมอยากกินอะไรมากขึ้น ดีกว่านั่งกินคนเดียว

    สักพักไอ้โป้ก็ขอตัวกลับ สภาวะในห้องกลับเข้าสู่สภาะเดิมอีกครั้ง

     

    “เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะจบไปพร้อมกับรอยจูบจากคุณเท่ห์บนหน้าผากผม  อยู่เป็นคู่ชีวิตกับผมตลอดไปนะ   นั่น คือประโยคคำถามในความฝันของผม ซึ่งวันนี้มันได้ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากคนตรงหน้า ที่ผมรักเค้าและอยากอยู่เป็นคู่ชีวิตกับเค้าตลอดไปในโลกของความจริง  อย่าทำให้ผมเสียใจล่ะ ผมพูดพร้อมโผเข้ากอดคุณเท่ห์โดยมีคุณเท่ห์รับกอดนั้นไว้ น้ำตาแห่งความดีใจของผมหลั่งออกมาไม่หยุด   ชั้นสัญญา ว่าจะไม่ทำให้นายเสียใจ ชั้นรักนายนะ นายเต้ คุณเท่ห์พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวผมเบาๆ ...  ผมก็รักคุณครับ...  นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวของผม คุณเท่ห์ และเจเจ แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของพวกเราสามคน เรื่องราวที่พวกเราจะใช้คำว่า ครอบครัวร่วม กัน ...  ปัญหาหรืออุปสรรคใดๆที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ผมไม่รู้ คุณเท่ห์ก็ไม่รู้ และไม่มีใครที่รู้ แต่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ คนที่จะคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผม คือคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผม ณ ตอนนี้ ... และตลอดไป

    ผมปิดหนังสือนิยายเล่มนั้นลงเมื่ออ่านมาจนถึงบทสุดท้าย ความรักที่ผ่านเรื่องราวต่างๆนานากว่าจะรักกันได้ กว่าที่ทุกอย่างจะโอเค กว่าที่จะมีใครบางคนมาร่วมทางของเราไปด้วยกัน กว่าจะเจอกับคำว่าจบบริบูรณ์

     

    ผมยิ้มให้กับความน่ารักของตัวนิยาย ที่อ่านเรื่องนี้ให้คนป่วยฟังมาร่วมเดือน วันละเล็กวันละน้อย เพื่อให้คนป่วยได้รับรู้ถึงเรื่องราวของตัวอักษรที่เล่าผ่านเสียงของผม ได้เห็นมุมมองความรักของคนอื่นๆ และตื่นขึ้นมาสร้างความรักของเราให้งดงาม

     

    มือของผมจับมืออีกคนไว้ น้ำตาที่ทำท่าจะไหลเพราะความเหงาใจ ความท้อใจ ความวังเวงและเหว่ว้า กำลังมาจ่ออยู่ตรงขอบตาขึ้นทุกวินาที

     

    จะเป็นดาวดวงใดที่ปลายฟ้า จะเป็นรุ้งเส้นใดที่ทอดมา จะเป็นใครคนใดก็ไม่เข้าตา ไม่สวยงามได้อย่างเธอ  ผมพูดฮัมเพลงขึ้นมาด้วยความที่อยากกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ และอยากขับร้องให้อีกคนฟัง

    “จะเป็นเพื่อนใกล้ชิดสนิทเพียงไร จะเป็นใครคนใดที่เคยพบเจอ ไม่มีใครเข้าใจฉันเหมือนเธอ ไม่มี” ผมร้องเพลงไป มือก็จับอีกคนแน่นขึ้น มึงจะเจ็บ จะอึดอัดบ้างมั๊ยนะไอ้เดช

     

    “จะเป็นใครคนใดเมื่อก่อนนั้น  ที่บอกกับฉันว่ารักกันมากมาย  แต่ละคนเข้ามาก็เลยพ้นไป ไม่รักฉันจริงสักคน

     

    “อยู่บนโลกที่แสนกว้างใหญ่เกินไป เหนื่อยใจจนมันเกือบจะไม่ทน แต่ฉันก็ยังได้พบคนอย่างเธอ” ทำไมเนี่ย ทำไมน้ำตาต้องไหลด้วย

     

     

    “หมื่นแสนล้านนาทีต่อไปนี้ ขอใช้มันไปกับเธอ  อยากมีวันเวลาที่สวยงาม ดั่งความฝันที่เคยละเมอ”

     

     

     

     

     “แสนล้านนาทีต่อไปนี้ ไม่มีใครเทียมเท่าเธอ  จะบอกให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า  ..  หนึ่งชีวิตฉันยกให้เธอทั้งหัวใจ”

     

     

    “ไอ้เดช  ตื่นมาร้องเพลงกับกูสิ  ตื่นมาเช็ดน้ำตาให้กูหน่อย .. ฮือๆๆ” ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ทำไม ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ผมเคยบอกตัวเองว่ารอได้ กี่เดือนกี่ปีผมก็รอได้ ..

     

    แต่ทำไม นี่ผ่านมาแค่เดือนกว่าๆ ผมก็แทบจะบ้ากับร่างกายที่เคยตอบสนองความรู้สึกของผมเลย การส่งความรักให้กับคนที่ไม่รู้สึกอะไรกับเรานี่ มันทรมานจริงๆนะครับ มันทรมานมากกว่าตอนชอบไอ้โป้อีก

     

     

    “กูรักมึงนะเดช กูรู้แล้วว่ากูขาดมึงไม่ได้ มาอยู่เป็นเพื่อนกูในวันที่กูไม่มีใครเลยนะ ตื่นมาห้ามกูทำตัวเลวๆหน่อยสิ ตื่นมาตามใจกูหน่อย” มือที่จับไว้แน่น เริ่มปล่อยไปตามแรงที่ผมรู้สึกเพลียกับการเสียน้ำตา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบหน้าตัวเองซ้ำๆ ไหลลงบนมือนั้นทุกคืนวัน ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ..

     

     

     

     

     

     

     

    “...”

     

     

     

     

    ร่างกายที่กำลังฟุ้งซ่าน ทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังคิดไปเอง คิดไปว่ามีการตอบรับจากร่างกายที่นอนแน่นิ่ง คิดไปว่าอีกคนรู้สึกได้ถึงความรักและความเสียใจครั้งนี้ คิดว่ามีการบีบมือผมกลับ

     

    นี่ผมคิดไปเองใช่ไหม

     

     

    ภาพของมือผมที่จับมือไอ้เดชไว้ยังคงอยู่ในสายตาของผมตอนนี้ ผมไม่อยากแม้แต่กระพริบตาเพื่อสังเกตอีกครั้งว่าที่ผมรู้สึกไปเมื่อครู่นั้น ผมไม่ได้คิดไปเอง  ผมไม่ได้เพ้อ ผมไม่ได้ฝัน ..

     

     

     

     

     

     

    มือที่จับยังคงแน่นิ่ง น้ำตาก็ยังคงไหล ไม่มีปาฎิหารย์ใดๆเกิดขึ้นอย่างที่หวัง ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม ความเศร้ากำลังปกครุมไปทั้งห้อง ผมมองหน้าออกไปมองท้องฟ้าข้างนอกที่ใกล้จะเย็นแล้ว พระอาทิตย์ยังคงเสมอต้นเสมอปลายกับการทำงานของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดินทางไปตามทางที่อยากเดิน

     

    ผมก็ยังนั่งอยู่ทีเดิม ยังยิ้มให้กับคนเดิมๆ ร้องไห้ให้กับเรื่องเดิมๆ จับมืออยู่กับคนๆเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม และยังคงรอวันเปลี่ยนแปลง ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อ๊ะ ..” เสียงอุทานออกมาจากปากผมอย่างตกใจ

     

     

     

    จะไม่ให้ตกใจได้ไงละครับ ในเมื่อมือของผมถูกกำไว้แน่นด้วยมือของอีกคน  เป็นผมที่โดนจับมือนั้นไว้ ใบหน้าของอีกคนน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง กำมือผมแน่นอย่างกับกลัวผมจะจากไป 

    “ไอ้เดช .. มึง” ไม่รู้จะพูดประโยคไหนดี ไม่รู้จะบอกว่าดีใจแค่ไหน ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร น้ำตาแห่งความปิติไหลมาอย่างไม่ขาดสาย  แม้มันจะไม่ลืมตามาดูผม แค่สัมผัสที่อบอุ่นและสัญญาณบ่งบอกกับผมแค่นี้  ผมก็ดีใจเกินจะบรรยายแล้ว มืออีกข้างปาดน้ำตา และเอามากำมือของมันไว้อีกที ไม่ทันไรน้ำตาก็ไหลมาอีก ปากที่ค้างไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ..

     

     

     

    “มึง  .. มึง ..”

     

     

     

     

     

    “มึงกลับมาแล้ว”








    ..............................................................................................................................................................................................................




    ฝากกดไลท์แฟนเพจนักเขียนหลังเขาด้วยนะครับที่ https://www.facebook.com/pages/Lungkhao/262017157203925

    (เพื่อติดตามตอนพิเศษ บนสนทนาขำๆของตัวละครต่างๆ เรื่องราวน่ารักที่มีนอกเหนือในนิยายครับ)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×