ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #53 : วุ่นวาย .. ท่ามกลางความเป็นความตาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      11
      17 ม.ค. 55

    ตอนที่ 46.2

                      “เปลี่ยนนะมันเปลี่ยนกันได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลา อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง มันคงไม่ใช่” พี่บ่าวเริ่มมีเหตุมีผล

    “ใช่สิ เอาหน้ามาจนชินแล้วนี่” แต่ช้างน้อยนี่อารมณ์ล้วนๆ

    “โอ๊ย ไม่คุยแล้ว เถียงไปยังไงก็ไม่ชนะ ดื้อจริงๆเลย” พี่บ่าวเริ่มหัวเสียครับ

    “ก็มันเป็นอย่างนี้ มันดื้อ มันชอบเอาแต่ใจ มันไม่ได้น่ารัก ไม่ได้แสนดี เอาใจเก่งเหมือนคนอื่นๆนี่”

    “ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว”

     

     

    สิ้นเสียงนั้นเล่นเอาอีกคนนิ่งเงียบไปเลยครับ อึ้งไม่ต่างอะไรจากผมที่ยืนเป็นส่วนเกินอยู่หรอก .. ตอนนี้ช้างน้อยมองหน้าพี่บ่าวอย่างงงๆ อย่างกับไม่มั่นใจว่าที่ตัวเองได้ยินนั้นหูฝาดไปหรือเปล่า .. ปากที่เตรียมจะสวนพี่บ่าวยังอ้าค้างอยู่ น้ำตาที่เต็มหน้ากลับเหือดหายไปอย่างมหัศจรรย์ ..

     

    รอยยิ้มของทั้งสองคนค่อยๆผลุดขึ้นมาบนใบหน้าเล็กๆ ให้พอได้รู้สึกถึงความเขินอาย

     

     

    “หมายความว่า .. พี่บ่าวก็..”

     

     

    “พี่บ่าวคะ  ที่โต๊ะกำลังมีเรื่องค่ะ” ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกัน หญิงที่วิ่งมาหน้าตื่นก็พูดประโยคนั้นขึ้นมา พี่บ่าวได้ยินแล้วหันไปมองที่โต๊ะก่อนที่จะวิ่งไปที่โต๊ะทันที

     

    “เกิดอะไรขึ้นหญิง” ผมถาม

    “ไอ้พวกนักเลงมันหาเรื่องพี่โป้ คือมันล้อพวกเราอ่ะ แล้วพวกพี่ๆเค้าไม่ยอมกัน” หญิงพูดเสียงสั่น

    “ชั้นว่าไปที่โต๊ะเถอะ อยู่ตรงนี้คงช่วยอะไรไม่ได้” ช้างน้อยพูดพร้อมกับชวนพวกเราวิ่งกลับไปที่โต๊ะ

     

     

     

    “รำคาญชิบหาย ทำไมมึงไม่เอากันกลางร้านเลยละวะ” เสียงหนึ่งดังมา เมื่อเราสามคนวิ่งไปถึงโต๊ะ เป็นเสียงของนักเลงอีกฝ่ายนึง

    “พูดกันดีๆหน่อยสิพี่ น้องๆผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้พี่เดือดร้อนนี่” พี่เอกที่อาวุโสสุดเป็นคนออกโรงคุยครับ ผมเดินไปหานายปีโป้ ที่ถูกพี่บ่าวและพี่เอ็มจับแขนไว้ทั้งสองข้าง

    “ใครบอกว่ากูไม่เดือดร้อน กูรำคาน มึงเข้าใจมั๊ย” เอาแล้วครับ ขึ้นมึงกูแล้ว

    “พูดดีๆสิวะ พวกกูไปจีบกันบนหัวมึงเหรอ” นายปีโป้ครับ คงเก็บอารมณ์ไม่ไหวแล้ว ผมเลยดินไปหาครับ

    “ใจเย็นๆสินาย อยากมีเรื่องนักเหรอ” ผมถามไป

    “ก็ดูมันมาหาเรื่องถึงที่ขนาดนี้สิ” นายปีโป้บอกผมครับ

    “ใจเย็นมึง ให้พี่เอกเค้าคุยก่อน” พี่เอ็มเริ่มดุนายปีโป้

    “แล้วพี่จะเอาไงครับ ผมไม่อยากมีเรื่อง งั้นเดี๋ยวผมกับน้องๆผมกลับไปกินกันที่หอแล้วกัน พี่จะได้ไม่รำคาญ” ถือว่าพี่เอกเป็นคนที่อารมณ์เย็น และยอมคนดีครับ คงไม่อยากให้พวกเรามีเรื่อง เพราะวันนี้ยังมีผม หญิง และช้างน้อยที่ดูจะเป็นตัวถ่วงไม่น้อย

    “เออ กลับกันไปเลยไป จะไปเอากันให้ฟ้าเหลืองก็เรื่องของพวกมึง อย่ามาทำอะไรให้กูขนลุกแถวนี้” อีกคนพูดมาพร้อมกับโบ้ยมือไล่ ท่าทางจะเมาไม่น้อย เพื่อนๆของเค้าก็กำลังปรามๆกันอยู่

    “มันชักจะเยอะไปแล้วนะมึง พูดกันดีๆไม่ได้หรือไง มาว่าน้องพวกกูทำไม หือ ?” เอ่อ พี่เอกอารมณ์ขึ้นแล้วครับ หลังจากอีกฝ่ายด่ามาขนาดนั้น พี่เอกอารมณ์ร้อนเดินเข้าไปประจันหน้ากับไอ้คนที่พูดเมื่อกี้แล้ว

    “ทำไม ทำไมกูจะพูดไม่ได้ หรือมึงอยากจะมีเรื่อง”

    “ปลั๊กก !!!” ไม่ต้องอยากครับ มีเรื่องแล้ว พี่เอกต่อยหน้าเข้าไป ไอ้นั่นหน้าหงาย ล้มไปเลย เพื่อนของพวกมันเริ่มลุกขึ้นเดินเขามาแล้วครับ

     

    “น้ำมนต์ หญิง ช้างน้อยไปหลบก่อน” พี่เอ็มบอกพวกผมครับ ผมมองหน้านายปีโป้ที่อารมณ์เดือดเลือดพร่าน ณ ตอนนี้

    “นายใจเย็นๆนะ ระวังตัวด้วย” ผมบอกอีกคน จับมือเขาที่กำลังกำแน่น นายปีโป้ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรที่ผมพูดหรือเปล่า

     

    ผมกับหญิงและช้างน้อยเดินมาอยู่ข้างหลังของวงการต่อสู้ครั้งนั้น ภาพทีเห็นคือกลุ่มของนายปีโป้ กำลังยืนประจันหน้ากับอีกกลุ่มหนึ่ง

    “ไอ้เหี้ยไหนต่อยกู” ไอ้คนที่พี่เอกต่อยแล้วล้มไป ยืนขึ้นมาถาม

    “กูนี่แหละ” พี่เอกบอก

    “เมื่อกี้พี่กู แต่หมัดนี้ของกู”

     

    สิ้นเสียงนั้น นายปีโป้ก็ซัดหมัดเข้าตรงหน้าของนายคนนั้น ล้มลงไปอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ชกต่อยกันอลม่าน นายปีโป้ลงไปนั่งบนตัวที่เค้าต่อยล้ม แล้วยัดหมัดเข้าหน้าไม่ยั้ง

     

    “เอาไงดีน้ำมนต์” หญิงถามผม

    “โทรหาตำรวจดีมั๊ย” ช้างน้อยถามด้วย

    “แล้วถ้าพวกพี่ๆเค้าโดนจับไปด้วยละ” ผมก็ถามขึ้นมาอีก

     

    โอ๊ยยย ทำไงดีละเนี่ย เกมการต่อสู้ดำเนินกันไปอย่างดุเดือด นายปีโป้โดนพวกมันรุมตีนกันใหญ่เลย แล้วทางพี่บ่าวก็กำลังยืนกระทืบอีกกลุ่มหนึ่งอย่างมัน  ผมแอบเห็นเจ้าของร้านคุยโทรศัพท์ซึ่งแน่นนอน โทรหาตำรวจแน่ๆ

     

     

    ผมเดินไปมาอยู่ที่เดิมจนหญ้าแถวนั้นตายไปหมดแล้ว ไหนใครบอกว่าพอมีเรื่องตกใจแล้วเราสามารถแบกตุ่มได้ ทำไมผมไม่เดินเข้าไปแบกตุ่มไปคว่ำหัวพวกมันละ แต่ก็นั่นละ ไฟไม่ได้ไหม้นี่

    “แก พี่โป้เก่งวะ ต่อยแต่ละทีนะพวกนั้นหน้าหงายเลย” เสียงช้างน้อยทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด มองหภาพตรงหน้า ภาพของคนทีได้ชื่อว่าแฟนผม ดาหน้าเข้าหาพวกมันแล้วซัดหมัดและสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหน้าแข้งเข้าไปกลางลำตัวพวกมันอย่างกับเป็นกระสอบทราย  .. โอ๊ยยยย ยังมีเวลามาพรรณนาภาพนี้อีก คิด สิ คิด น้ำมนต์

     

    “เอ๊ย พวกมันมีปืน” เสียงของหญิงตะโกนขึ้น ผมหันหน้าไปดูทันที เช่นเดียวกับช้างน้อย

     

     

    “นายปีโป้ ระวังปืน”

    “ไอ้โป้หลีก”

    “ปัง !!!!

     

     

     

    สิ้นเสียงดังสนั่นนั้น คนทั้งร้านกรี๊ดกร๊าดก่อความวุ่นวายภายในร้านย่อมๆจนยากจะควบคุม ร่างหนึ่งร่วงลงบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก เสียงอีกฝ่ายตะโกนถามลั่นว่าใครยิง ใครใช้ให้ยิง แล้วก็มีคนใดคนหนึ่งบอกว่าให้หนี จึงได้เห็นว่ามีคนกรูวิ่งออกไป แขน ขา ปากของผมค้างนิ่ง ไม่มีแรงขยับเขยื้อนไปไหน เพราะภาพทีเห็นก่อนหน้าคือภาพของคนที่ถือปืนเดินเข้ามาหานายปีโป้ และเสียงปืนนั้นดังขึ้น

     

    “ไอ้เดช !!!” เสียงของคนที่ผมรักตะโกนขึ้นเรียกสติให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ไม่ใช่นายปีโป้ที่โดนกระสุนลุกนั้นครับ แต่เป็นพี่เดชคนที่เดินเข้าไปผลักนายปีโป้ และตะโกนเสียงให้หลีกนั้น

    “เดช มึงผลักกูทำไมวะ ไอ้เหี้ย” เสียงของนายปีโป้ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมือที่โอบร่างของพี่เดชขึ้นมา ผมค่อยๆขยับขาไปหาฝูงชนนั้นอย่างช้าๆ

    “เดช ไอ้เดช มึงเป็นไรมั๊ย มึงอย่าหลับนะเว๊ย”

    “เอ๊ย ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย”

    “ไอ้โป้ กูว่าพาไปเองเลยดีกว่า”

    “เอ๊ยไอ้เอ็มไปเอามอไซค์มา”

    “ไอ้โป้กูเอาไปเอง มึงพาน้องไป”

    “โอเคไอ้โอ๊ย เอ๊ย พวกมึงยืนทำห่าอะไรอยู่ รีบดิวะ เพื่อนโดนยิงจะตายห่าแล้ว ไปเอารถสัด”

     

    บทสนทนายังคงดังท่ามกลางความวุ่นวาย ผมเห็นพี่ๆคนอื่นๆวิ่งไปเอารถกันให้วุ่น วาย ช้างน้อยกับหญิงไปจากผมตั้งแต่เมือ่ไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าผมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่ผมไม่เข้าใจ ..

    “น้ำมนต์  น้ำมนต์” เสียงคุ้นเค้ยเรียกผมขึ้น

    “นาย ..” ผมจำเสียงนั้นได้ดี แม้ประสาทรับรู้จะยังทำงานไม่เต็มที่ก็ตาม

     

    “นายปีโป้” ผมเรียกชื่อนั้นก่อนจะสวมกอดคนๆนั้นไว้ด้วยใจที่เป็นห่วง กอดแน่นอย่างกับกลัวว่าคนๆนี้จะจากไป น้ำตาที่ไหลไม่รู้ออกมาตั้งแต่ตอนไหน แต่รู้ว่าตอนนี้มันเต็มแก้ม เต็มเสื้อของนายปีโป้ไปหมด

    “ไอ้บ้า ไอ้ปีโป้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า” ผมด่าไป มือก็ทุบหน้าอกของอีกคนไป ไม่รู้จะระบายด้วยวิธีไหนดี ถึงจะหายรู้สึกแย่แบบนี้

    “กูไม่เป็นไร กูอยู่ตรงนี้แล้ว มึงเห็นมั๊ยว่ากูไม่เป็นไรแล้ว” เสียงนุ่มๆ ที่เหมือนกำลังพยายามระงับความโกรธของตัวเองพูดปลอบผม มือก็ลูบหลังผมเบาๆ

    “กูไม่เป็นไรแล้วน้ำมนต์ มึงลืมตามาดูกูสิ กูปลอดภัย กูยังอยู่ให้มึงด่าได้อีกนาน มึงดูกูสิ” คำพูดอวดเก่งท้าทายของผู้ชายคนนี้ไม่เคยใช้ได้ผลกับผมสักครั้ง แม้ว่าผมจะกอดเขาไว้แน่น แต่รอยกอดจากอีกคนก็กอดไว้ผมหลวมๆ ผมปล่อยกอดจากนายปีโป้ มายืนมมองสภาพของคนข้างหน้า สภาพเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ มีร่องรอยเลือดที่ติดมาจากพี่เดชเล็กน้อย ปากที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการชกต่อยนั้นมีเลือดอยู่เล็กน้อย ผมเอามือไปช่วยเช็ดเลือดให้

    “โอ๊ยย”

    “ไม่ต้องมาสำออยเลย โดนแค่นี้เอง ตอนไปต่อยคนอื่นทำไมไม่คิด”

    “มันหาเรื่องกูก่อน มึงก็เห็นนะ”

    “ไม่ต้องเถียงด้วย ไปดูพี่เดชกัน” ผมบอกแล้วก็ลากมืออีกคนไปที่รถ นี่ผมมัวแต่เสียเวลาอะไรอยู่เนี่ย กว่าจะตั้งสติได้ ก็ปาไปกี่นาทีแล้วเนี่ย  ตอนนี้พี่เดชจะเป็นยังบ้าง 

     

    “รีบเลย ไม่รู้พี่เดชจะเป็นอะไรบ้างเนี่ย” ผมบอกคนที่ตามหลังก่อนจะได้ยินเสียงบ่นแว่วมาเบาๆ

     

     

     

    “มึง  มึงปรับอารมณ์เก่งมาก กูตามไม่ทันมึงแล้วเนี่ย !!!






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×