ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #44 : คนของเขา และรักของเรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      12
      31 ม.ค. 55

    ตอนที่ 40

     

    “ฮัลโหล ว่างอยู่มั๊ย”

     

    “อืม ไม่เท่าไหร่ว่ะ กำลังช่วยขนงานป๊าอยู่ มึงมีอะไรมั๊ย”

     

    “อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”

     

    “เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูว่าง กูโทรไป”

     

     

    ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด 

     

     

     

    ผมนั่งมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปจากคนรักของผม บทสนาทนาซ้ำๆเดิมๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบครั้งในองสามวันที่ผ่านมา เราสองคนคุยโทรศัพท์กันน้อยลง ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาจากบ้านเค้า ตอนกลางวันอีกคนก็บอกว่ายุ่ง พอตกดึกอีกคนก็บอกว่าง่วง .. ความเข้าใจ  และความพยายายามเข้าใจของผมเริ่มจะหมดลง หมดลงทุกวัน

     

    คำถามแต่ละครั้งที่โทรหา เล่นเอาคนโทรไปไปต่อไม่ถูก “มึงมีอะไรมั๊ย” แค่คำถามนี้คำถามเดียวเล่นเอาผมแปลกใจกับคนที่เคยคุยเคยโทรหาทุกครึ่งชั่วโมงเพียงเพราะว่าแค่คิดถึง และแค่อยากได้ยินเสียง ..

     

    ถ้าไม่คิดมากไป .. ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไป .. จากใครอีกคน

     

     

     

    “ไงน้ำมนต์ มาเช้าจังเลยนะ”  เสียงของหญิงทักผมในเช้าของวันเปิดเทอม ในมุมเดิมๆของร้านป้าตามสั่ง หญิงยิ้มให้ผม เช่นเดียวกันกับที่ผมยิ้มตอบให้เธอ ก่อนที่จะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของผม

    “เป็นไงบ้าง สบายดีนะ โทษทีที่ไม่ค่อยได้โทรหาเลย” หญิงพูดกับผม

    “อืม สบายดี ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ค่อยได้โทรหาหญิงเหมือนกัน” ผมบอกเธอไป

    “แล้วนี่เป็นไร ทำไมดูไม่ค่อยสดใสเลย ไม่สบายหรือเปล่า” หญิงถามมาสีหน้ายิ้มๆ เปลี่ยนเป็นกังวลแทน

    “เปล่าหรอก มีเรื่องให้เราต้องคิดนิดหน่อย” ผมบอกเธอไป

    “เรื่องพี่ปีโป้หรือเปล่า” เธอถามย้ำ

    “ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องนั้นละ  หรือว่ารู้อะไรมา” สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมมาทันที ว่าหญิงต้องรู้อะไรที่ผมไม่รู้

    “คือหญิงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจริงเท็จยังไง วันนั้นหญิงได้ยินพี่เอ็มกับพี่ปีโป้คุยกัน ว่าเพื่อนเก่าของเค้าสองคนกลับมา อันนี้น้ำมนต์รู้ป่ะ”

    “อันนี้เราก็พอรู้ นายปีโป้บอกเราว่าเพื่อนเก่าตอนเด็กเค้ากลับมา” อันนี้นายปีโป้บอกผมแล้วครับ

    “นั่นแหละ หญิงมารู้ตอนหลังว่าเพื่อนเก่าคนนั้นอ่ะ เป็นรักแรกของพี่ปีโป้” หญิงตอบมาหน้าตาจริงจัง เช่นเดียวกับหัวใจของผมที่กำลังเต้นแผ่วลงที่ได้ยินเรื่องนี้ ความรู้สึกใจหาย .. มันเป็นแบบนี้นี่เอง

    “น้ำมนต์ น้ำมนต์ ฟังหญิงอยู่ป่ะ” หญิงเรียกสติผมคืนอีกครั้ง

    “อ๋อ อือ ว่าไง” ผมตอบหญิงไป

    “แต่น้ำมนต์อย่าไปคิดมากเลย หญิงว่าพี่ปีโป้เค้าคงลืมไปหมดแล้วมั้ง ไอ้รักครั้งแรกมันก็นานมาแล้ว ตอนนี้เค้าคงมีแต่น้ำมนต์แล้วแหละมั้ง” หญิงพูดปลอบใจผม

    “อะไรกัน อะไรกัน ชั้นได้ยินอะไร อะไรรักแรก บอกชั้นมานะ กำลังเมาส์ชั้นอยู่ใช่มั๊ย” ช้างน้อยที่เดินเข้ามาได้ยินไม่กี่ประโยค ตีความไปต่างๆนานา พร้อมกับรอยยิ้มเรียกเสียงฮา

    “บ้าเหรอ จะไปนินทาเธอทำไม มีเรื่องอะไรให้นินทา” หญิงสวน

    “งั้นเรื่องรักแรกของใคร ของยัยน้ำมนต์เหรอ”

    “เปล่า” ผมปฎิเสธไป

    “โอ๊ย ชั้นหงุดหงิด ไม่อยากรู้มันละ แต่แค่อยากพูดอะไรเล็กน้อย ว่ารักแรกมันลืมยาก แล้วถ้ายิ่งรักมาก มันยากจะลืม” ช้างน้อยพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปสั่งข้าวกับป้าตามสั่ง

     

    รักแรก .. มันลืมยากจริงๆเหรอ ?

     

    แล้วถ้ายิ่งรักมากๆ .. มันจะลืมยากจริงๆเหรอ ?

     

    “น้ำมนต์ อย่าไปใส่ใจคำพูดช้างน้อยเลย ยัยนั่นมันปากเสียแต่เช้า ไปสั่งข้าวกันเถอะ”

     

     

     

    วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกครับ การเรียนการสอนเลยดูสบายๆ อาจารย์แค่เข้ามาชี้แจงรายวิชา และก็เนื้อหาที่จะสอนตลอดทั้งเทอม แล้วก็ปล่อยพัก พอตกบ่ายผมก็เลิกเรียนแล้ว  วันนี้โรงเรียนและวิทยาลัยต่างๆในเมืองเปิดพร้อมกันหมดครับ ของนายปีโป้ก็เหมือนกัน .. แต่ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เสียงมือถือ ตลอดจนใบหน้าโหดๆของเขา .. ผมก็ยังไม่ได้เจอเลย

     

     

    “ฮัลโหล ..” ผมกลั้นใจกดโทรศัพท์โทรไปหานายปีโป้อีกครั้ง

    “เออมึง กูว่าจะโทรหามึงพอดีเลย เลิกเรียนหรือยัง” อีกฝ่ายทักมาเสียงใส ผมแอบยิ้มในใจเล็กน้อย ที่นายปีโป้บอกว่าจะโทรหาผมพอดี จริงหรือไม่จริง

    “เลิกแล้ว นั่งอยู่หน้าโรงเรียน”

    “เออ เดี๋ยวกูไปรับ รออยู่นั่นละ”  สิ้นคำพูดนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป  ผมยิ้มรอคอยอย่างมีความหวัง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเป็นเอามากขนาดนี้ .. ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกรักผู้ชายคนนี้มากขึ้น มากขึ้นทุกวัน

     

     

    “รอนานมั๊ย” อีกคนถามมาพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่ผมอยากเห็นมาหลายวัน

    “ไม่นานเท่าไหร่ ดำขึ้นนะเนี่ย” ผมทักนายปีโป้ ที่หน้าดำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    “จริงเหรอวะ แล้วยังหล่อเหมือนเดิมป่ะ”

    “ไม่รู้สิ แล้วนี่จะมารับไปไหน”

    “ไปกินข้าวกัน ขึ้นมาสิ” นายปีโป้พูดใช้ผมขึ้นรถตาม และหลังจากนั้นรถก็เคลื่อนหน้าไปร้านข้าวที่นายปีโป้พาผมไป

     

     

     

    นายปีโป้พาผมมาร้านอาหารบรรยากาศร้านดีๆร้านหนึ่ง ที่ตกแต่งร้านด้วยสวนและน้ำตกดูเขียวขจี และอิงกับธรรมชาติ บรรยากาศดีเลยละครับ

     

    “ร้านสวยจัง” ผมพูดชมออกมา

    “มึงชอบเหรอ คราวหน้าจะพามากินบ่อยๆ” นายปีโป้บอกผมก่อนจะจับมือผมเดินตามไป ผมรู้สึกเขินเล็กน้อยที่โดนจับมือแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใด

     

    นายปีโป้จูงมือผมตรงเข้าไปในร้าน ผมคิดว่าเค้าคงจองโต๊ะไว้แล้ว พนักงานจึงไม่ได้เข้ามาถาม ผมเดินทะลุส่วนของกลางร้าน ซึ่งจะมีเวทีเล็กๆ เราเดินผ่านมันมาและทะลุกับหลังร้านซึ่งหลังร้านจะเป็นบ่อขนาดใหญ่ และมีร้านยื่นออกมา บรรยากาศหน้าร้านและในร้านว่าสวยแล้ว ข้างนอกนี้ผมว่าสวยกว่า ผมหงุดยืนดูบรรยากาศรอบๆเล็กน้อย  ก่อนที่นายปีโป้จะถึงมือผมให้เดินตามอีกครั้ง

     

     

    นายปีโป้จูงมือผมมาหยุดที่โต๊ะ โต๊ะหนึ่งที่มีคนนั่งอยู่แล้ว ก่อนที่จะปล่อยมือผมออก ทันทีที่คนที่นั่งอยู่นั้นหันมามองพวกผมสองคน คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะยิ้มให้กับพวกเราสองคน เขาเป็นเด็กหนุ่มน่ารักคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนายปีโป้ หน้าตาหล่อและดูดี ผิวพรรณขาวใสไม่เหมือนคนบ้านนอกอย่างพวกผม การแต่งตัวดูดี มีออร่าจนคิดว่าเป็นดารามาที่ร้านนี้

    “น้ำมนต์นี่ เบสท์ เพื่อนกู เบสท์นี่น้ำมนต์” นายปีโป้แนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน ก่อนที่ลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับคนที่ชื่อเบสท์นั้น

    “สวัสดีครับพี่เบสท์” ผมทักและยิ้มให้

    “ดีครับน้องน้ำมนต์ น่ารักกว่าที่พี่คิดนะเนี่ย” พี่เบสท์เพื่อนเก่านายปีโป้พูดกับผม ผมยิ้มให้ก่อนที่จะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ข้างๆนายปีโป้

    “น้องๆ เอาจานช้อนแก้วน้ำเพิ่มอีกชุดหนึ่ง” เสียงของนายปีโป้ตะโกนบอกพนักงาน ผมสังเกตดูอาหารและจานชามบนโต๊ะ พบว่าพร่องไปเยอะพอสมควร จานและช้อนตลอดจนแก้วน้ำของนายปีโป้ผ่านการกินมาพอสมควรแล้ว นั่นหมายความว่าก่อนที่จะไปรับผม เขาสองคนมานั่งกินกันก่อนแล้ว ..

    “น้องน้ำมนต์สั่งอะไรเพิ่มอีกมั๊ย เดี๋ยวพี่เอาเมนูให้” พี่เบสท์หันมาถามผม

    “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ น้ำมนต์ไม่ค่อยหิว” ผมบอกไป

    “แฟนใหม่มึงนี่น่ารักนะเว๊ย น่ารักกว่ากูอีก” พี่เบสท์หันไปคุยกับนายปีโป้

    “เอ๊ย อย่าเอาไปเทียบกัน ยังไงมันก็คนละคน” นายปีโป้พูดแย้งกับเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

     

    ยิ้มแบบนี้ .. ??

     

    “งั้นมึงบอกกูมา ใครน่ารักกว่า” พี่เบทส์ถามเล่นกับนายปีโป้

    “ก็บอกไงว่าอย่าถาม มันไม่เหมือนกัน คนละคน คนละเวลา” นายปีโป้ยังตอบไปพร้อมกับยิ้มๆ มือก็เขี่ยๆอาหารในจาน

    “นี่ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อน มึงคงไม่พูดแบบนี้สินะ” พี่เบสท์พูดแล้วเหล่ตามามองผมเป็นระยะ ผมได้แต่ยิ้มฝืนๆให้แกไป

    “อย่าพูดเลยมึง จานมาแล้ว มากินกันดีกว่า” นายปีโป้พูดขัด ก่อนที่จะเอาจานจากเด็กเสริฟมาให้ผม

    “อ่ะนี่ ทอดมันกุ้ง กูจำได้มึงชอบ” พี่เบสท์พูดพร้อมกับตักทอดมันกุ้งให้นายปีโป้ แต่ก็ยังเหลือบตามามองผม

    “มึงยังจำได้ด้วย”

    “จำได้สิ กูจำได้หมดแหละ”

    “อ่ะนี่ กูรู้ว่ามึงก็ชอบ” ส่วนนายปีโป้ก็ตักเอาทอดมันปลากลายให้พี่เบสท์เหมือนกัน

     

     

    ผมนั่งมองเค้าสองคนคุยกันไปมา เหมือนว่าตัวเองไร้ตัวตน เรื่องราวในอดีตของทั้งสองคนถูกขุดคุ้ยมาเยอะแยะมากมาย จนผมคิดว่า ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม ไม่มีอาหารชิ้นไหนได้เข้าไปในปากผม ไม่มีคำถามอะไรจากใคร ไม่มีความสนใจจากคนข้างกาย ไม่มีแม้เหลียวตามามองแววตาผม

     

     

    “เอ๊ย เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” เสียงนายปีโป้พูดขึ้น เพื่อตัดบทสนทนาที่ยาวเหยียดของทั้งสองคน

    “เออๆ กินแล้วก็ขี้ นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน” พี่เบสท์บอกไป

    “สัดนะมึง เสือกจำแต่เรื่องแย่ๆของกู”

    “ใครบอกว่าจำแต่เรื่องแย่ๆ กูจำได้ทุกเรื่องแหละ”  คำพูดแววตาของพี่เบสท์ทำเอาผมแทบสะอึก เช่นเดียวกับนายปีโป้ ที่ไปต่อไม่ถูก ก่อนจะยิ้มๆ ให้พี่เบสท์ และหันมายิ้มให้ผม สีหน้าลังเลว่าจะพูดอะไรเล็กน้อย ก่อนจะเดินหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป

     

     

     

    “เป็นไงบ้าง เป้นแฟนกับไอ้โป้” พี่เบสท์เริ่มบทสนทนากับผม ผมตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆก็เริ่มคำถามนี้

    “อ่า ก็ดีครับ” ผมตอบไปสั้นๆ

    “น้องนี่ไม่น่าจะเป็นสเป็กไอ้โป้ได้นะ อยู่จืดๆ ติสๆ น่าเบื่อๆยังไงก็ไม่รู้” พี่แกพูดโดยไม่ได้สนใจมองหน้าผม มือใช้ส้อมหมุนๆเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนจะเอาเข้าปาก

    “..” ผมไร้คำตอบจะพูดไป

    “ไอ้โป้มันบอกอะไรน้องบ้างละ บอกมั๊ยว่าสองสามวันนี้ไปไหนมาบ้าง มันคงไม่เล่าสินะ มันยังห้ามพี่บอกน้องเลย ตลกมันจริงๆ ดูดิตามรับส่งพี่ไปโน่นมานี่ จนวันนี้ก็ไม่ได้ไปเรียน จนาดเปิดเทอมวันแรกยังโดดเลย นี่ถ้าพี่เรียนกับมันด้วยนะ ไม่มีทางที่มันจะโดดเรียนหรอก นั่งตัวติดแจกับพี่ในห้องละ น้องสังเกตมั๊ยว่ามันดำขึ้น ก็เมื่อวานนะสิ ไปเล่นน้ำทะเลกับพี่มา มันขับมอไซค์พาพี่เที่ยวรอบหาด พูดแล้วคิดถึงตอนเด็กจริงๆ ตอนนั้นนะหลังเลิกเรียน มันจะปั่นจักรยานพาพี่เวียนรอบหาดทุกวันเลย ..” พี่เบสท์พูดมาซะยืดยาว โดยที่ผมไม่เข้าใจว่าจะพูดเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังทำไม

    “อันที่จริง พี่ก็ไม่ได้อยากจะกลับมาที่นี่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่กลับมาจัดการเรื่องบ้าน เรื่องที่ดินของคุณยาย แล้วบังเอิญมาเจอกับไอ้โป้เข้า ก็เลยระลึกความหลังกันนิดหน่อย” ผมสะอึกกับคำว่าระลึกความหลังที่พี่เบสท์พูดมา และสายตาที่ส่งตรงมามองผม ไม่มีความเป็นมิตรในสายตานั้น .. พี่เบสท์วางช้อนลง ก่อนจะเอาผ้าที่หน้าตักขึ้นมาซับปาก และมองมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้มที่อาบด้วยยาพิษ

     

     

     

    “พี่ว่า พี่อยากได้เค้าคืนแล้วละ .. ขอพี่กลับนะ”

    “เปร้ง !!!!!!!!!!!!!!!” เสียงแก้วที่อยู่ข้างมือผม ตกลงพื้นด้วยอาการตกใจของผม

    “โถๆๆ ขวัญอ่อนจริงๆเด็กน้อย” พี่เบสท์พูดปลอบผม

    “ไม่ต้องครับน้อง ค่อยเก็บทีเดียว พวกพี่จะกลับกันแล้ว” พี่เบสท์พูดห้ามพนักงานที่จะเข้ามาจัดการกับเศษแก้วที่อยู่บริเวณใต้โต๊ะ และใกล้เท้าผม

    “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ แล้วนี่เสร็จไอ้โป้มันยัง อย่ายอมให้มันทำอะไรเราง่ายๆละ ถ้ามันได้แล้วมันทิ้งเราแน่ พี่เตือนแล้วนะ ไอ้โป้มันสันดานเสีย ชอบฟันแล้วทิ้ง ตอนจีบๆนะ ชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้ แต่พอได้ละก็ ไม้นกอะไรมันไม่สนหรอก” คำพูดของพี่เบสท์ยังดังเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่สมองของผมไม่พร้อมกับการประมวลผลรับรู้ในครั้งนี้ น้ำตาเริ่มก่อตัวที่เบ้าตาเล็กน้อย สมองบอกตัวเองว่าห้ามไหลๆ อดทนไว้น้ำมนต์ จะร้องให้ใครก็ไม่รู้ที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมงเห็นไม่ได้

     

     

    น้ำมนต์คนที่เข้มแข็ง เย็นชา และทนได้กับทุกสิ่งอย่างจงกลับมา ..

     

     

     

    กลับมาสิ !!!

     

     

     

    “น้องน้ำมนต์ ไปไหน” ผมไม่อยู่ฟังเสียงร้องห้ามของใครแล้ว ผมลุกจากเก้าอี้นั้น จากโต๊ะมุมนั้น วิ่งออกมาจากร้านที่ผมชอบแรกเข้า แต่ตอนนี้มันตรงข้ามไปหมด

     

    “น้ำมนต์ มึงไปไหน” เสียงของใครสักคนที่ผมคุ้นเคยดี ร้องเรียกห้ามผม แต่ผมไม่อาจบอกขาตัวเองให้หยุดวิ่งได้ เช่นเดียวกันที่ไม่อาจห้ามน้ำตาที่กำลังไหลให้กับความอ่อนแอในตอนนี้ได้เช่นกัน

     

    ไหลมาเลย .. ไหลมันออกมา

     

    โง่จริงๆ เลยไอ้น้ำมนต์ รู้ทั้งรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง เห็นกับตา อดีตที่ผ่านมาเค้าเคยจริงจังอะไรกับใครไหม .. แล้วทำไมถึงคิดไปต่างๆนานา ว่าตัวเองจะเป็นคนแรก ที่เขาจะรักและหยุดที่เรา

     

     

    โน่นไง คนที่เค้ารักจริงๆ มาทวงแล้ว .. เห็นไหม

     

     

    “มึงจะไปไหน” แรงกระชาดแขนทำให้ผมหยุด และหันไปมองหน้าคนที่เข้ามากระชาก

    “ร้องไห้ทำไม มึงเป็นอะไร” นายปีโป้ถามผม เมื่อหน้าของผมหันไปให้นายปีโป้เห็น

    “ปล่อย” ผมบอกนายปีโป้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตา คนๆนี้ก็ไม่มีสิทธิ์เห็นน้ำตาผมอีกแล้วเหมือนกัน

    “มึงเป็นอะไร ทำไมต้องวิ่งออกมาแบบนี้ คนเค้าแตกตื่นหมดแล้ว ทำอะไรเหมือนเด็กอีกแล้วนะ”

    “ใช่สิ เรามันเด็ก เด็กไร้เดียงสา ที่นายจะหลอกยังไงก็ได้ หลอกว่ารัก หลอกว่าชอบ แต่สุดท้ายยังไงมันก็คือคำหลอกลวงอยู่ดี” ผมพูดไป น้ำตาที่กลั้นก็พังออกมา มือก็ปาดไปปาดมาอย่างกับที่ปัดน้ำผม

    “มึงใจเย็นๆ กูไม่ได้ด่าว่ามึงไร้เดียงสาอะไรเลยนะ แค่กูอยากให้มึงบอกกูว่าทำไมถึงร้อง ไม่ใช่หนีปัญหาแบบเด็กๆ”

    “ปล่อยเราเถอะนะ ปล่อยเราเถอะ” คำพูดที่บอกไปไม่ใช่คำสั่ง แต่มันคือคำอ้อนวอน

    “ไม่ กูไม่ปล่อย มึงบอกกูมา มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ” นายปีโป้พูดพร้อมกับมือที่บิดแรงขึ้น จนผมปวดไปหมด  ผมไม่อยากพูด อยากจะขอร้องอ้อนวอนอะไรอีกแล้ว คนในร้านกำลังมองมา พนักงานเจ้าของร้าน ตลอดคนผ่านไปผ่านมาก็ให้ความสนใจกับเด็กสองคนที่กำลังทะเลาะเรื่องอะไรก็ไม่รู้

     

    “กูว่าคุยตรงนี้ไม่รู้เรื่องแน่ มานี่ตามกูมา” นายปีโป้คงเห็นว่าคนมองเยอะ เค้าจึงดึงผมเดินตามไป  นายปีโป้พาผมมาที่รถ ก่อนจะจับผมขึ้นรถไปด้วยกัน แล้วตรงดิ่งมาที่หอของนายปีโป้

     

     

    “ปัง !!!!!!!” เสียงประตูถูกปิดลงดังลั้น พร้อมกับผมกับนายปีโป้ที่อยู่ในห้องเงียบๆ มีเพียงแค่เสียงสะอื้นของผม

    “มึงเป็นอะไร บอกกูหน่อยสิน้ำมนต์ อย่าเป็นแบบนี้ได้มั๊ย กูใจไม่ดีเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินมาจับมือผมที่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนเขานั่งบนพื้นในท่าคุกเข่า หน้ามองมาที่หน้าผมที่กำลังก้มอยู่

    “นายยังรักเค้าใช่มั๊ย”ผมถามไปด้วยเสียงสะอื้น

    “อะไร เค้าไหน?” น้ำเสียงจริงจัง หน้าครุ่นคิดของนายปีโป้โผล่มา

    “พี่เบสท์ไง” ผมบอกไปนายปีโป้ก้มหน้า ไม่สบตาผม ใจของผมลดแรงสั่น กลัวคำตอบที่จะได้จนไม่อยากรับรู้ อยากเอามืออุดหู อยากบอกอีกคนว่าไม่ต้องตอบแล้ว

     

    น้ำตาที่ว่ากลั้นอยู่แล้ว กลับไหลออกมาอีกครั้งเหมือนต้องการให้หมดสาย มือที่จับอยู่ค่อยๆปล่อยออกจนผมอยากจะดึงรั้งมาจับเอง หน้าที่เงยขึ้นมามองผมกับแววตาที่รู้สึกผิด

     

     

    ขอเถอะ .. ไม่ต้องบอกเราแล้ว ผมยกมือตัวเองขึ้นมาปิดปากตัวเอง กลั้นเสียงร้อง ตัวสั่นโยกด้วยอาการอัดอั้น น้ำตาไหลเต็มหน้าเต็มมือ

     

     

     

     

     

     

     

    “กูขอโทษ .. ”



















    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................


    ฝากกดไลท์แฟนเพจนักเขียนหลังเขาด้วยนะครับที่ https://www.facebook.com/pages/Lungkhao/262017157203925

    (เพื่อติดตามตอนพิเศษ บนสนทนาขำๆของตัวละครต่างๆ เรื่องราวน่ารักที่มีนอกเหนือในนิยายครับ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×