ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #32 : สุดท้ายหัวใจ .. ฉันเลือกเธอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      10
      16 ธ.ค. 54




    “เป็นแฟนกับกูได้มั้ยน้ำมนต์”


    ผมเอ่ยประโยคนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ขอคนตรงหน้าเป็นแฟน ครั้งแรกที่ทำให้เรื่องราวกลับตาลปัตรไปหมด แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า คนที่อยู่ใกล้ตอนนี้ไม่เหมือนคนก่อน คนๆนี้คือคนที่ทำให้ผมอุ่นใจ และอยากอยู่ใกล้ทุกครั้งเวลามีปัญหา คนที่ผมกำมือแน่น เพื่อบอกให้รู้ว่าคำพูดที่ผมพูดไปนั้น ผมจริงจังกับมัน และเหมือนจิตใต้สำนึกของผมบอกตัวเองว่า ถ้าครั้งนี้โดนปฏิเสธ ผมคงต้องกลับไปตั้งหลักอีกนาน ร่างกายที่อ่อนแอ เหมือนท้องฟ้าที่มีเมฆมากแบบนี้ กว่าจะรอให้เมฆเคลื่อนตัวผ่านพ้นไป ให้กลับมาสว่างอีกครั้ง คงต้องใช้เวลา


    “เป็นแฟนกับกูนะ กูชอบมึงจริงๆ” ผมพูดประโยคขอเป็นแฟนอีกครั้ง ก่อนที่ยกมือของมันให้สูงขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้นโลก อีกคนมองมาอย่างงงๆ ว่าผมมาไม้ไหน อารมณ์ไม่น่าจะโรแมนติก ผมก็จับยัดเข้าไปอย่างไม่สนใจรูปบท อย่างไม่สนใจสถานที่ สภาพแวดล้อม แต่ผมก็ลองมองๆ มันก็โรแมนติกไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกันนะเนี่ย

    “ถ้าเป็นแฟนแล้ว ต้องทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมบ้างละ” อีกคนถามมาอย่างเขินอาย บรรยากาศรอบข้างที่เป็นสีอึมครึม กลายเป็นสีชมพูอย่างฉับไว ผมรู้สึกได้ถึงก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าหัวใจผม ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

    “ก็ไม่มากหรอก แค่เจอกันบ่อยขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น นอนด้วยกันบ่อยขึ้น” ผมพูดด้วยใจเต้นระรัว ท่าทีดูช่างร้อนรน

    “เท่าที่ฟังมา ตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมงแล้วนะ” อีกคนขัดมาหน้าตาซื่อๆ

    “ใคร บอกว่าแค่ 24 ชั่วโมงละ ตลอดชีวิตเลยต่างหาก” คำพูดที่ไม่ได้ดูโรแมนติก ไม่รู้ไปลอกไดอาล็อกมาจากที่ไหนแห่งใดผม ก็ไม่ได้มีความสำคัญกับผมตอนนี้

    “เอาไงอ่ะมึง กูเขินจะบ้าตายแล้วนะเนี่ย มึงอย่าคิดนานดิ” ผมเร่งเร้ามัน

    “อย่า ว่าแต่นายเลย เราก็เขินนะ ก็คนมันไม่เคยนี่ จะให้ตอบว่ายังไงละ” อีกคนก็เขินจนเบือนหน้าหลบ ผมก็เข้าใจมันนะ ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีใครขอเป็นแฟน และไม่เคยตอบตกลง จะให้ตอบว่า ได้ ก็ดูจะใจง่าย แต่จะปฏิเสธดูจะไม่อยู่ในตัวเลือกในขณะนี้

    “ถ้าตกลง เอ่อ ...” เอาไงดีวะ

    “ถ้าตกลงไปดูหนังกัน !!” ผมบอกมัน ไม่รู้ว่ามันสมองจากส่วนไหนคิดขึ้นมาได้  มันมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มๆ คงคิดว่าไม้ไหนของมึงอีกเนี่ย




    “อืม ก็ดี อยากดูหนังเหมือนกัน”  คำตอบที่ออกมาจากปากคนปากชมพู ใบหน้าขาว ผมที่รวบไว้บนหัวแต่ก็มีไรผมหลุดออมากแซมตามหน้าผาก คอ รอยยิ้มที่ยิ้มให้เห็นฟันครบ 32 ซี่ ดั่งมีมนต์อะไรสั่งให้ผมยิ้มตามรอยยิ้มนั้นทันที พร้อมกับคว้าตัวมันมากอดไว้ อย่างดีใจสุดขีด

    “ขอบใจมึงมากนะ ขอบใจมึงจริงๆ” กอดมันไปพร้อมกับใจที่ไร้เมฆหม่นใดๆมาบังทัศนียภาพของหัวใจตัวเอง  ในวันที่ใจโคตรจะหม่นหมองแบบนี้ มีใครอีกคนมาช่วยขจัดเมฆร้ายๆไป ใจผมคงชื้นขึ้นมาดั่งสายฝนหล่นลงกลางทะเลทราย มันไม่ได้ทำให้ความร้อนความกระหายลดลง เพียงแค่เพิ่มหวังและกำลังใจให้คนที่เหือดแห้งความรัก กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น แค่เท่านั้น ..


    “ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเรือล่ม” อีกคนส่งเสียงขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่า ผมควรปล่อยกอดนั้น ก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปใหญ่ ผมรีบปล่อยแล้วเอามือทั้งสองข้างของมันมาจับไว้

    “มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ อย่าไปเล่นหูเล่นตากับใคร อย่าเที่ยวอ่อยใครไปทั่ว อย่าไปนั่งซ้อนท้ายมอไซค์ใคร อย่าทำให้กูโกรธ  อย่า ..”

    “เริ่มจะไม่อยากดูหนังละ ..” มันพูดขัดมาพร้อมกับรอยยิ้ม

    “เอ๊ย ไม่ได้ กูจองตั๋วแล้ว ยังไงมึงก็ต้องไปดูกับกู”

    “ก็ดูสิ ข้อห้ามอะไรเยอะแยะ ทำไมตอนถามตอนแรก ไม่เห็นมีพวกนี้เลยนี่” มันเริ่มโวยวาย

    “แล้วถ้ากูบอกมึงก่อน มึงจะยอมเป็นแฟนกูเหรอ”  ผมเริ่มเจ้าเล่ห์ตามแบบที่ตัวเองมีติดตัวมา

    “ขี้โกง”

    “ฮ่าๆๆ กูล้อมึงเล่น มึงจะเป็นยังไงก็เป็นไปเถอะ แค่มึงยังเป็นแฟนกู และยังอยู่ข้างกู มึงจะอ่อยใครให้มันตายด้วยเสน่ห์มึงก็ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็ได้แค่มอง แต่กูนั้นได้มาทั้งตัวและหัวใจ” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าทะลึ่งมองหุ่นของมันอีกครั้ง


    “อย่ามาทะลึ่งนะ จะไม่ไปดูหนังแล้วเหรอ”

    “เดี๋ยวดิ ปั่นเรือกันก่อน”

    “ก็ดีเหมือนกัน”


    บท สนทนาระหว่างผมกับมันผุดมาเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าตอนที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แค่มือที่จับกันนั้น รู้สึกพิเศษกว่าเดิมก็เท่านั้น  ผมรู้สึกว่าลืมเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นมาในวันนี้เกือบหมดสิ้น .. แต่มันก็คงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะยังไง เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ผมไม่ได้ทำให้มันจบ ..


    ผมแค่เลือกเดินหนีมันมา ..

    .

    .

    .

    .



    “มีอะไรกับกูสักครั้งได้มั้ย ??” 


    ประโยค ที่พูดมากจากสีหน้าและแววตาที่วิงวอนของไอ้โอ๊ต ทำให้ผมอึ้งทำตัวไม่ถูก ไม่มีเสียงใดๆที่หลุดออกจากปาก สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แสนอ่อน แทบจะไร้ซึ่งลม ผมล้มลงไปบนเตียงอย่างง่ายดายด้วยการผลักของคนตรงหน้า อีกคนล้มมาทับผมอย่างกับเก็บอาการความต้องการไม่ไหว กระดุมเสื้อของผมถูกปลดลงอย่างไว และดูว่าเป็นสิ่งกีดขวางที่คนข้างบนอยากดึงให้ขาดไปซะทุกชิ้น  ลิ้นที่หยาบกร้านวนเวียนที่หน้าอกของผมทั้งสองข้าง บ้างก็กัดกรามเข้าไปทำให้ผมรู้สึกเจ็บปนเสียวระบม ลิ้นและหน้าของมันขยับขึ้นมาข้างบน ไซร้ไปตามซอกหู ใบหู ช่วงคอ ก่อนที่มันจะยกตัวเองขึ้นและจัดการกับเสื้อของตัวเองจนเปลือยท่อนบนเหมือน กับผม ก่อนที่จะก้มลงมาจูบปากของผมอย่างดูดดื่ม ผมจำไม่ได้ว่าผมได้สนองกับริมฝีปากนั้นไหม แต่ผมแทบไม่รู้สึกอะไรกับคนตรงหน้า แทบหายใจไม่ออก ร่างกาย หัวใจ และทุกอย่างแทบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ จำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าพยายามย่ำยีทำร้ายคนที่มันเรียกว่า “เพื่อนรัก” ไปนานเท่าไหร่



    “กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง” เสียงเรียกเข้ามือถือยี่ห้อผลไม้ถูกกัดเหมือนเป็นมาตรฐานที่คนชอบใช้เหมือน กันจนเสียงอาจหลอนได้ดังขึ้นเตือนสติผม ให้ตัวเองกลับมามีสติอีกครั้ง เลยรู้ว่าอีกคนกำลังวุ่นวายกับส่วนล่างของตัวเองอย่างเหือดกระหาย ปานไม่เคยเจอ ไม่เคยพบเห็น ผมสะบัดศีรษะเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมา ก่อนที่จะใช้กำลังที่ขาพอจะมี ถีบคนตรงหน้าลงไป


    แรงของผมมีพอที่จะพาร่างใหญ่นั้นกระเด็นออกจากเตียงไปชนกับผนังห้อง


    “ผลั่ก” เสียงที่ดังบอกถึงการกระทบกันของร่างกายและกำแพง คนที่โดนถีบตัวม้วนด้วยความจุกอยู่พักหนึ่ง แต่สายตาก็มองมาที่ผมไม่ขาด ผมรีบดึงส่วนล่างของตัวเองให้เข้าสู่สภาพปกติ หยิบเอามือถือตัวเองมาดู


    “น้ำมนต์” ผมพูดชื่อคนที่โทรเข้ามา อย่างแหบพร่า หูตัวเองแทบไม่ได้ยินเสียงนั้น  ก่อนกดสไลด์มือถือจากซ้ายไปขวา เป็นการรับสาย

    “ฮัล โหล”  เสียงที่เพิ่งเรียกกลับมาได้เล็กน้อย คงทำให้ปลายสายตกใจใช่น้อย  บทสนทนาเล็กๆเริ่มต้นขึ้นภายในเวลาไม่ถึงนาที แค่อีกฝ่ายโทรมาถามแสดงถึงคามเป็นห่วงที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน มันทำให้สมอง หัวใจ และทุกส่วนของร่างกายของผม กลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง มันทำให้ทุกๆอย่างกลับมามีสติเหมือนเดิม  หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะแบบเดิม ลมหายใจเข้าออกคงที่ หันไปมองคนที่ยังนั่งอยู่ที่ผนังห้องด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอีกต่อไป ผมรีบคว้าเสื้อที่ถูกขว้างไปด้วยแรงปรารถนาของคนบางคนหล่นไปกองมุมหนึ่งของ ห้องมาใส่โดยไว ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องนั้น โดยไม่สนใจสภาพของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย


    น้ำตาลูกผู้ชาย ที่เสียเพราะเพื่อนนี่มันยากห้ามจะเก็บเอาไว้จริงๆ ผมไม่ได้เสียใจที่ผมพลาดพลั้งเสียท่าให้กับมัน แต่ผมเสียใจที่มันกล้าทำกับผมได้ลงคอ เสียใจที่มันกล้าพูดประโยคนั้นมาทำร้ายจิตใจของผมให้กระเจิดกระเจิง จนไม่มีแรงตอบโต้ เกลียดตัวเองที่ไม่มีสติยับยั้งอารมณ์ใคร่เพียงชั่ววูบของเพื่อนที่คบกันมา ที่รู้แทบทุกอย่างในชีวิต


    .

    .

    .

    .


    ก่อน จะออกจากสวนสาธารณะ ผมโทรบอกเด็กสองคนที่ผมรู้จัก และอยากพาไปให้น้ำมนต์รู้จักมาเจอกที่ร้านโรตี คงถึงเวลาแล้ว ที่เด็กสองคนนั้นที่ผมถูกชะตา และอยากให้รู้จักกัน ..



    “พี่ปีโป้ ทางนี้” มาถึงเสียงของน้องนัทก็ตะโกนเรียกผม ผมหันดูหน้าไอ้เป้ ที่ทำหน้าไม่พอใจที่แฟนมันร้องเรียกผมออกนอกหน้า

    “อยู่ทางโน้น น้ำมนต์” ผมสะกิดบอกอีกคน ที่กำลังวุ่นอยู่กับทรงผมบนหัวของตัวเอง

    “ปล่อยมันดีกว่า” ผมพูดพร้อมกับดึงยางที่หัวของมันออก

    “ไม่ได้สระมา”

    “ก็ไม่เห็นว่าจะเหม็นอะไรนี่” ผมพูดพร้อมกับดมผมของอีกคน

    “อืมๆ งั้นก็ตามใจนาย”


    ตอน นี้น้ำมนต์เลยเดินตามผมมาด้วยสภาพผมปล่อยสยาย ถ้ามองจากด้านหลังจะดูไม่ออกเลย ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่นั่นละ คือเสน่ห์ที่ผมชอบ


    “มากันนานยัง” ผมทักทั้งสองคนไป

    “นานแล้ว นัดไม่เป็นเวลา แล้วยังมาสายอีก ไม่ไหวๆๆ” ไอ้เป้ตัวแสบเหน็บผมตั้งแต่แรกเจอ

    “ยังไม่นานเลยพี่โป้ ไอ้เป้มันก็พูดไปนั่นแหละ” ไอ้นัทเลยแก้ต่างให้อีกที

    “แล้วพี่มากับใครอ่ะ” ไอ้นัทถามขึ้นอีกที เมื่อน้ำมนต์เดินมาถึงพอดี

    “นี่ พี่น้ำมนต์ แฟนพี่เอง” ผมแนะนำให้สองคนที่นั่งอยู่รู้จัก  ทั้งสองคนมองน้ำมนต์อย่างกับฉากแรกของหนังที่เปิดตัวนางเอกของเรื่อง ไอ้เป้กลืนน้ำลายลงคงดังเฮือก ส่วนไอ้นัทก็ยิ้มซะจนเห็นถึงฟันคุด


    “จะมองอีกนานมั้ยพวกมึง” ผมเรียกสติพวกมันคืนมา

    “คนเดียวกับวันนั้นเลยมึง” ไอ้นัทหันไปกระซิบกับไอ้เป้

    “น่ารักวะ ไม่น่าเป็นแฟนกับพี่ปีโป้เลยอ่ะ” ไอ้เป้แสดงความคิดเห็น

    “พวกมึงจะนินทาอะไรกู ก็ให้มันเบาๆหน่อย” ผมเรียกสติพวกมันอีกครั้ง ไอ้เด็กสองคนนี่นะ

    “น้ำมนต์นี่ชื่อเป้ นี่ชื่อนัท พวกมันสองคนเป็นแฟนกัน” ผมแนะนำให้น้ำมนต์รู้จัก น้ำมนต์ยิ้มให้เด็กสองคนนั้นเล้กน้อย

    “สวัสดีครับพี่น้ำมนต์” ไอ้เป้ยกมือขึ้นไหว้

    “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ เรียนม.ไหนกันเหรอ”

    “ม.สี่ครับ”

    “เอ๊ย ก็รุ่นเดียวกันดิ เราก็เรียนปวช.ปีหนึ่งเอง” น้ำมนต์บอกพวกมันสองคน ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า สามคนนี้รุ่นเดียวกันจริงๆ นี่ตกลงผมแก่สุด

    “เอ๊ย จริงเหรอครับ เป้น่าเจอน้ำมนต์ก่อนหน้านี้นะครับ”

    “ไอ้เป้ / ไอ้เป้ !!” เสียงของผมกับไอ้นัท ประสานขึ้นพร้อมกันอย่างกับรู้ว่ามันกำลังคิดอะไร น้ำมนต์หัวเราะให้กับท่าทีของสองคนนั้น




    ผม น้ำมนต์ ไอ้เป้ ไอ้นัท นั่งกินข้าวเย็นกันไปพักใหญ่ น้ำมนต์คุยถูกคอกับไอ้นัทมาก เพราะคุยไปคุยมา ทางกลับบ้านพวกมันสองคนกลับทางเดียวกัน  สามารถนั่งรถเมล์กลับทางเดียวกันได้ ของน้ำมนต์จะลงป้ายแรก แต่ของไอ้นัท จะลงป้ายสุดท้าย


    ส่วนผมก็คุยกับไอ้เป้บ้าง  แต่ติดที่ไอ้นี่มันกวนตีน  ถามอะไรไปมันก็ตอบมากวนตีน  จุดประสงค์จริงๆของผมเหรอครับ แค่อยากให้น้ำมนต์รู้สึกว่า ไม่ได้แปลกเลยที่ผู้ชายจะรักจะชอบกัน อย่างคู่ไอ้เป้กับไอ้นัท มันก็ไม่ได้รักกันง่ายๆเลย แต่พอมันได้รักกัน มันก็รักกันหนักแน่น ถึงจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา มันก็จับมือช่วยกันฝ่าฟัน อย่างเช่นกรณีที่น้องเดียวเข้าไปเป็นมือที่สามของคู่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีใครช่วยพวกมันได้ นอกจากความเข้มแข็ง และความเชื่อใจในความรักของพวกมันนั่นเอง ..


    เวลาแค่ประมาณ ชั่วโมงหนึ่ง ผมก็รับรู้ได้ว่าน้ำมนต์เข้าใจความรักแบบนี้มากขึ้น คนที่ไม่เคยมีแฟนแบบน้ำมนต์ คงลำบากใจที่ แฟนคนแรกก็กลายเป็นผู้ชายเหมือนตัวเอง คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับมัน และผมก็คิดว่าน้ำมนต์ต้องพยายามเข้าใจสภาวะที่แวดล้อมให้มากกว่านี้


    ทุก วันนี้เราต่างก็เข้าใจภายในหัวใจของตัวเอง ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเราจะรักกันจริง และหวังว่าจะใช้ชีวิตด้วยกัน สิ่งที่เราต้องเข้าใจนอกเหนือจากนั้น คือการวางตัวในสังคม ซึ่งมนุษย์เรามีสองวิธีในการศึกษาการวางตัว นั่นคือไม่เป็นแบบอย่าง ก็ต้องหาแบบอย่าง ผมคิดว่าน้ำมนต์คงไม่พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ผมก็เลยเลือกที่จะให้คนอื่นมาเป็นแบบอย่างให้กับคู่รักของผม


    ไอ้ เด็กสองคนนี้ก็ไม่ได้มีคู่ชีวิตที่ดีจนต้องยกโล่ให้ เพียงแค่มันมีมุมมองและวิธีการประคับประครองหัวใจของกันและกันให้มันไปตลอด ลอดฝั่ง .. ก็แค่นั้น



    “เป้ กับ นัทนี่น่ารักดีเนอะ” น้ำมนต์บอกกับผมขณะที่เราออกมาจากร้านนั่นแล้ว

    “ชอบละสิมึงอ่ะ” ผมแซวมัน

    “ก็ชอบนะ น้องเป้นี่หล่อ คมเข้ม ดูเท่ดีนะ”

    “นี่มึงชอบไอ้เป้มันเหรอ นี่มึงเพิ่งเป็นแฟนกูนะ”

    “ก็ใครมันเปิดทางให้เราละ”

    “ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้มึงนี่จับทางกูได้หมดละ กูไม่รู้ไปทางไหนดีแล้ว”

    “นายต้องการอะไรเหรอ ถึงให้เรามาเจอกับนัทเป้” มันถามผมมา

    “ไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก แค่อยากบอกว่า รักแบบเรา มันไม่ได้ผิดปกติ มันไม่ใช่เรื่องแปลก” ผมบอกมัน และหันไปยิ้มให้

    “ถ้า อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข  เพศมันก็เป็นแค่ตัวอักษร ความรักมันเรื่องของหัวใจ มันไม่ใช่เรื่องของตัวเลขและเรื่องของตัวอักษร  มึงเข้าใจที่กูพูดมั้ย ?”  ผมบอกมัน

    “อืม เราเข้าใจ” คำพูดว่าเข้าใจของมัน  สื่อสารทางวาจา และบอกผมทางกายด้วย มันเอามือของมันโอบเอวผมไว้หลวมๆ เพื่อให้ผมรู้ว่า มันเข้าใจที่ผมพูดดี ..




    ผมพาน้ำมนต์กลับมาห้องของผมก่อนที่จะไปส่งมันกลับบ้าน


    “ไหนบอกจะพาไปดูหนัง” อีกคนทักขึ้นอย่างไม่ได้จริงจังอะไร

    “ก็นี่ไง มาดูที่ห้องกู กูไม่ได้บอกนี่ว่าจะพาไปดูที่ไหน” ผมตอบแล้วยิ้มๆ

    “ขี้โกงตลอดเลยนะ”

    “ไม่ได้ขี้โกงนะ แค่มีทักษะในการพูดสูง”

    “กะล่อน”

    “ชมเหรอจ๊ะ ที่รัก” 



    เงียบ  เงียบเลยครับ เจอคำหวานไปคำเดียว  เหลือบตาไปมองนิดหน่อยก็เห็นแก้มมีเลือดฝอยแดงๆขึ้นเต็มหน้าละ เขินง่ายจริงวุ๊ย  น่ารักจริงๆเลย

    “ทำอะไรน่ะ” มันถามผมขณะที่ผมกำลังเขย่งเท้า มือก็ควานหาของบนตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

    “หาของนิดหน่อย” ผมหันไปตอบ พอดีกับที่มือไปปะกับกล่องที่ผมต้องการหาพอดี เลยออกแรงหยิบลงมา



    มัน เป็นกล่องลังสีน้ำตาลขนาดเล็ก ผมเอามือปัดฝุ่นออกเล็กน้อย คนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ถึงกับเอามือปิดจมูกเพราะกลัวฝุ่นเข้าไปแพร่เชื้อ ผมหันไปยิ้มให้กับท่าทางนั้นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกล่องนั้นออก


    “เฝือก ?” คนข้างๆพูดสิ่งที่เห็นในกล่อง

    “ใช่ เฝือก เฝือกที่กูต้องเข้า เพราะตามจีบใครบางคน” ผมพูดแล้วหันไปยิ้มกับมัน มือก็หยิบเฝือกสองซีกนั้นขึ้นมา ก่อนจะวางกล่องไว้บนพื้น และลากมันมานั่งด้วยกันบนเตียงกลางห้อง

    “แล้วจะเอามาดูทำไม ระลึกความหลังเหรอ” มันถามผมทีเล่นทีจริง

    “เปล่า กูแค่อยากรู้” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาไป

    “อยากรู้อะไร” มันก็ถามมา สีหน้างงๆ

    “อยาก รู้ว่าวันนั้นที่มึงเขียน มึงเขียนว่าอะไร” ผมถามออกไป มือก็ประกอบเฝือกสองซีกให้เป็นซีกเดียว  พยายามให้ตัวอักษรที่ถูกแยกออกจากกันด้วยสว่านอันแหลมคมของหมอ เข้ามาต่อติดด้วยกันอีกครั้ง เพื่อให้คำต่างๆ ประโยคต่างๆสมบูรณ์ขึ้น



    “อยากรู้ก็หาเอาเองสิ”  มันบอกผม

    “ไม่เอา กูหาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เจอ เจอก็ไม่แน่ใจ” ผมบอกมัน แขนสองข้างก็กระแทกใส่ตัวมันเชิงชี้เร็วๆ

    “คำนี้ .. มั้ง” มันชี้ไปที่คำว่า “ช่างไม่รู้เลย” คำที่ผมเคยคิดว่าเป็นมันเขียน



    แต่เวลาเปลี่ยน ความคิดของผมก็เปลี่ยน และผมเชื่อว่าไม่ใช่มัน ที่เขียนคำนี้


    “ไม่เอามั้ง เอาจริงๆ” ผมจริงจังมากขึ้น

    “แล้วทำไมไม่เชื่อว่าเราเขียนคำนี้ละ” มันถามขึ้นอย่างลองเชิง

    “ก็เพราะกูรู้ไง ว่าคนเขียนจริงๆคือใคร”

    “อืม เก่งดีนี่ แล้วทำไมแค่คำของเราเขียนถึงไม่รู้ละ”

    “ไม่รู้สิ กูหาไม่เจอ”

    “แล้วจริงจังขนาดนั้นเชียว” มันถามผม

    “ก็ นิดหน่อย กูเคยเห็นในหนัง ในการ์ตูน เขาชอบเขียนสารภาพความรู้สึกกัน ว่าคนที่เขียนรู้สึกอย่างไรกับคนที่เข้าเฝือก กูเลยอยากรู้ว่าตอนนั้น มึงรู้สึกยังไงกับกู”

    “แค่นั้น ?” เสียงของมันสูง อย่างกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

    “ก็เออดิ” ผมยืนยันมัน และออกแนวเร่งเร้าให้มันรีบบอก

    “นั้นก็แปลว่าคำๆนี้ คนเขียนก็ต้องการบอกอะไรนายสินะ” มันชี้ไปที่คำเดิม

    “เออ ตอนนี้กูรู้แล้ว กูไม่ต้องสืบว่าใครเขียน และไม่ต้องสืบความรู้สึกคนนั้นแล้ว แต่กูอยากรู้ความรู้สึกมึง” ผมบอกมัน

    “ถ้ารู้แล้ว อย่าเสียใจละ”

    “ทำไม มึงเขียนว่าอะไร” ผมเริ่มรู้สึกใจไม่ดี กับสิ่งที่มันพูด หรือผมจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากรู้ เก็บใส่กล่องแล้วพาไปทิ้งตอนนี้เลยดี


    ไม่ ทันแล้ว มันยกเฝือกออกจากมือผมไป พลิกๆหาที่มันเขียนอยู่สองสามครั้ง แล้วก็หยุดเฝือกไว้กับที่ มันคงเจอประโยคที่มันเขียนแล้วสินะ ผมปิดตาไม่อยากมองประโยคมากมายบนเฝือกนั้น  ใจเต้นสั่นอย่างกับมันจะขอผมเป็นแฟน


    “นี่ เราเขียนตรงนี้” มันส่งเสียงบอกผมว่ามันเจอแล้ว และมันคงจะชี้นิ้วรอให้ผมรออานแล้วด้วย


    ผม รีบเปิดตาขึ้นเล็กน้อย สายตามองไปที่นิ้วเรียวขาวของมันที่ชี้อยู่บนเฝือกสีขาว และตัวอักษรเล็กๆสีดำ  อ่านข้อความที่ผมเฝ้าคิดว่าต้องเป็นคำสารภาพรักหวานๆ  เป็นปมหนึ่งให้ผมกลับมาเห็น และบอกกับตัวเองได้ว่า มันก็ชอบผมมานานแล้วเหมือนกัน 



    มันคงจริงอย่างที่ผมเฝ้าคิด ถ้าประโยคข้างหน้ามันไม่ใช่ประโยคนี้













    “ปีปีโป้ ป่ะป่ะปีปีโป้  :p”







    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×