ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #30 : รักเขา , เรา .. เธอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.68K
      9
      16 ธ.ค. 54

    ถ้ารู้ว่าเมาจะน่ารักขนาดนี้นะ ..


    ไม่ต้องบอกก็รู้นะครับ ว่าผมหมายถึงใคร ก็ไอ้คนที่นั่งซบหลังผมซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับหอนี่ไง  ดีนะที่มันโทรบอกยายมันก่อน ว่าคงไม่กลับบ้าน ไม่งั้นผมต้องถ่อไปส่งทั้งที่เมาๆนี่แหละ


    “เมาเหรือเปล่า”  ทั้งๆที่รู้ว่ามันเมา แต่ผมก็ยังอยากจะถามมันเล่นๆอีกครับ ว่ามันจะตอบยังไง

    “เปล่า ไม่ได้เมาซะหน่อย” เสียงของมันแหบๆ เหมือนกับคนไม่ค่อยมีแรงจะพูดอยู่แล้ว

    “ไม่เมาแล้วทำไมเงียบละ”

    “นั่ง รถอยู่ จะให้พูดอะไรละ” หน้าของมันทาบลงกับหลังของผม แทบจะติดเป็นเนื้อเดียวกันเสียด้วยซ้ำ แล้วมือที่กอดเอวผมจนแน่นนั่นอีก  อยากให้หออยู่ที่ขนอมเหลือเกิน หรือผมจะขับกลับบ้านดี



    แต่อย่าดีกว่าครับ กว่าจะถึงน้ำมนต์คงสร่างเมา ผมเสียดายเวลาดีๆ



    ไม่ถึงห้านาที ผมก็ขับรถมาเรื่อยๆจนถึงหอของผม รถดับเครื่องเรียบร้อย แต่คนข้างหลังก็ยังไม่มีท่าทีจะลงจากรถ
    “เอ๊ยย ถึงแล้ว” ผมส่งสัญญาณบอก

    “อือ ออ” อีกคนส่งเสียงรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในท่าเดิม ผมเลยปล่อยให้มันนอนอยู่อย่างนั่นพักนึง เอี้ยวตัวเล็กน้อย เพื่อให้ผมได้เห็นหน้าคนที่กำลังนอนหลับใหลบนแผ่นหลังของผม


    ใบ หน้าของมันยังดูขาวใสเหมือนเดิม แสงไฟฟลูออเรสเซต์ที่สาดมาจากโรงจอดรถ ส่องมาเล็กน้อย เพื่อให้เห็นโครงหน้าของมันได้ชัดขึ้น ปากจู๋ที่ทำเหมือนแสดงความไม่พอใจ ดูแล้วน่าจับจูบเป็นบ้า  ผมของมันก็ยังถูกมัดรวบไว้แบบเดิม แต่ก็มีเส้นผมหลุดออกมาดูวุ่นวายเล็กน้อย ผมเอามือของตัวเองพยายามเอื้อมไปปัดไรผมนั้นออกเล็กน้อย มองหน้าที่แดงๆ จมูกที่ดูรั้นๆ ปากที่อมชมพูเพลิน จนอีกคนลืมตาแป๋วมามองผม


    “ถึงแล้วเหรอ” มันถามอย่างงงๆ

    “เออ ถึงนานแล้ว” ผมบอก มันเริ่มขยับตัวออกจากหลังผม และลงจากรถ

    “ทำไม ไม่ปลุก” มันพูดพร้อมกับเดินไปทางขึ้นหอ ผมนี่นะไม่ปลุก บ้าไปแล้ว และที่เดินนำไปนั่น เขินใช่ปะละ  ดูที่เดินเซ เดินไปถึงห้องให้ถีบสิ




    สุดท้ายผมก็ต้องช่วยประคองจนมาถึงห้องผมจนได้ มาถึงก็นอนลงบนเตียงเลยครับ


    “เมาง่ายนะเนี่ย” ผมพูดขณะที่กำลังถอดรองเท้า ถุงเท้าให้มัน  เกิดมายังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้เลยนะเนี่ย

    “เมา อารายยย        กินนิด  ......... เดียววว” คำพูดที่ลากยาวๆของมัน ผมต้องหยุดฟังก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วมาเช็ดให้มัน

    “เช็ดตัวหน่อยนะ จะได้นอนสบายๆ” ผมพูดพร้อมกับเช็ดหน้าให้มัน อีกมือก็แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตมันไปเรื่อย แล้วก็เช็ดลงต่ำมาเรื่อยๆ


    ให้ ตายเถอะ ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว มือไม้เริ่มสั่นเมื่อเห็นสัดส่วนของมันใกล้ๆ และได้สัมผัสแบบนี้ ตัวของมันขาวจริงๆครับ ขาวกว่าหน้าของมันทีว่าขาวแล้ว กล้ามหน้าอกที่ขึ้นเล็กน้อย พอให้รู้ว่าเป็นชายสามศอก หัวนมที่อมชมพูชูก้าน ไม่ได้บอดเหมือนกับของคนอื่นๆ หน้าท้องที่มีลูกกล้ามเล็กๆ บอกให้รู้ว่ายังสนใจร่างกายของตัวเอง โดยการออกกำลังกายบ้าง  ขนนำทางของมันขึ้นเล็กน้อย พลันให้อยากรู้ว่าข้างในจะเป็นเช่นไร


    ผม กลืนน้ำลายลงคอ อึกแล้วอึกเล่า เพื่อหวังระงับและหักห้ามใจตัวเอง มือจากที่เช็ดโดยผ้า ก็กลายเป็นใช้มือเปล่าลูบไล้ไปบนผิวขาวเนียนนั้น คนที่ตกเป็นเป้าสายตาของผมหลับใหลไปกับความเมา จนผมคิดว่าถ้าทำอะไร ก็คงไม่รู้สึกตัว ผมก้มหน้าลงเข้าใกล้หน้าของมันอย่างช้าๆ ขนตาของมันที่ยาวปานจะพันกันทั้งบนล่าง คิ้วหนาที่ทำให้โครงหน้าของมันดูสวย ปากที่อมชมพู ทุกสิ่งทุกอย่างบนใบหน้ามันดึงดูดให้ผมอยากทำกิจกรรมยามค่ำคืนของมันจริงๆ






    “ไม่ !!!” ผมพูดพร้อมกับถอนหน้าออกจากมันอย่างไว แล้วหันหลังให้กับร่างเล็กที่ปรารถนา

    “เรา จะทำร้ายน้ำมนต์เป็นครั้งที่สองไม่ได้” ผมบอกกับตัวเอง ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองหน้ามันอีกครั้ง ปีศาจในร่างกายก็บอกกับผมว่า “ถ้าไม่จัดการครั้งนี้ มันจะมีครั้งไหนอีก”  แต่เทวดาในตัวผมก็ออกมาบอกว่า “ถ้าเราทำให้น้ำมนต์เชื่อใจ ต่อไปเขาก็จะเป็นของเราทั้งร่างกายและหัวใจ” ปีศาจกับเทวดาทะเลาะไปมา จนผมปวดหัวตัวเอง



    “กูจะไม่ทำร้ายมึง” ผมบอกกับตัวเอง จนทำให้ฝ่ายปีศาจถูกหมัดซ้ายของเจ้าเทวดานอนหงายไป

    “แต่ กูขอทำร้ายตัวกูเองหน่อยนะ  กูไม่ไหวจริงๆ”  ผมพูดพร้อมกับรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ นั่งลงบนชักโครก เปิดประตูห้องน้ำมองคนที่นอนอยู่ พร้อมกับทำร้ายตัวเองไป ..

    นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสินะ .. เฮ้อออ ไอ้โป้เอ๊ยยยยย



    หลัง จากที่ทำร้ายตัวเองและจัดการอาบน้ำให้ตัวเองชุ่มชื่นเสร็จ ผมก็กลับมาจัดการกับหนุมน้อยที่หลับใหลอยู่บนเตียงอีกที ผมของมันตอนนี้ได้หลุดออกมาปล่อยผมสยายแล้ว คงเป็นมันที่ดึงยางรัดผมออกด้วยตัวมันเอง เพราะคงเจ็บหนังศีรษะ
    ผมใช้ มือตัวเองถอดกางเกงยีนส์เดฟรัดขาของมันออก ดีที่มันใส่บ็อกเซอร์มา ไม่งั้นผมว่าผมคงต้องทำร้ายตัวเองอีกรอบ แล้วเดินไปเปิดแอร์ และปิดไฟนอน


    “คืน นี้กูจะได้นอนกอดมึงทั้งคืนแล้วนะ  .. น้ำมนต์” ผมพูดกับตัวเอง พร้อมกับมองใบหน้านั้นอย่างสุขใจ ผมเดินขึ้นบนเตียง ดึงผ้านวมขึ้นห่มทั้งผมและมัน พร้อมกับลากร่างของมันมาอยู่ในอ้อมแขนของผม มันดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมแขนของผม ผมหอมแก้มมันเบาๆหนึ่งครั้ง วันนี้ได้หอมไปกี่ทีแล้ววะเนี่ย ทั้งตอนอยู่ร้าน และตอนนี้ อยากหอมทั้งวันทั้งคืนเลย แต่ก็ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานครับ ผมจึงรวบตัวนอนกอด และก็หลับใหลตามๆกันไป






    “นาย นาย” เสียงบางคนดังอยู่ข้างๆหูผม พร้อมกับมือที่สะกิดที่หน้า

    “นายปล่อยเราได้แล้ว” อีกประโยคถัดมา ผมพยายามลืมตาเพื่อมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด

    “ตื่นแล้วเหรอ” เมื่อรู้ว่าคือน้ำมนต์ ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย

    “ตื่นนานแล้ว ปล่อยเราได้แล้ว” อีกคนพูดพร้อมกับพยายามดิ้นให้ออกจากอ้อมกอดผม

    “ยังไม่อยากปล่อยเลย นอนต่อเถอะนะ อยากกอดอีก” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงอ้อนๆ ให้อีกคนเห็นใจ

    “ไม่เอาแล้ว ไม่นอนแล้ว อึดอัด” อีกคนพูดด้วยสีหน้ารำคาญ และออกแรงดิ้นมากขึ้น ผมก็ต้องออกแรงกอดมากขึ้น

    “แต่กูยังง่วงนี่” ผมบอก

    “แต่เราไม่ง่วงแล้ว ถ้าไม่ปล่อย เราต่อย”

    “เอามือทีไหนต่อย” ผมท้า ในเมื่อผมรวบมือรวบแขนไว้หมดแล้ว

    “ท้าใช่ไหม”  มันพูดพร้อมกับทำหน้าโกรธแค้น


    “โอ๊ย ยยยยยยยยยยยยยย” โดนแล้วครับ  มันแสบมาก ไม่มีมือ มันก็ใช้เข่า แล้วเข่ามันก็แทงเข้ามาที่เป้าของผมอย่างจัง ปีโป้น้อยที่ออกมาต้อนรับแสงยามเช้า โดนเข่ามหาภัยของน้ำมนต์ไปจังๆ คงเจ็บใช่ย่อย


    ด้วยความตกใจและเจ็บ ทำให้ผมปล่อยตัวมันไปอย่างอัตโนมัติ พอมันหลุดจากอ้อมกอดผมได้ ก็รีบลุกออกจากเตียง ไปยืนห่างผมทันที

    “สมน้ำหน้า” คนที่ทำร้ายร่างกายผม ยืนยิ้มอย่างสะใจ

    “ทำไมมึงใจร้ายกับกูนักวะ”

    “ใครกันแน่ที่ใจร้าย ให้นอนกอดทั้งคืนยังไม่พอใจอีก ได้คืบจะเอาศอกตลอด”

    “ให้นอนกอด ? แปลว่ามึง ..”

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อาบน้ำละ” มันขัดผมก่อนที่จะวิ่งเข้าห้องน้ำไป



    หมายความว่าอะไร หมายความว่าเต็มใจให้ผมนอนกอด ให้ผมหอมแก้มนะเหรอ .. เอ๊ยยย แค่คิดก็เขิน ลืมอาการเจ็บเป้าไปเลย

    “ยิ้มบ้าอะไร” อยู่ๆ มันก็เปิดประตูห้องน้ำมาเห็นท่าทีของผม

    “ไม่มีไร แล้วไม่อาบน้ำเหรอ” ผมแกล้งเก็บอาการ เพราะผมรู้ว่ามันก็กำลังเก็บอาการอยู่

    “ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” มันพูด

    “อยู่ในตู้ชั้นบน” ผมบอกพร้อมกับที่มันเดินไปหยิบ และเข้าห้องน้ำไปอีกที




    โอ๊ย ยยยยยยย ดีใจเว๊ยยย อย่างนี้ไม่เรียกว่าไม่มีใจก็ไม่ใช่แล้ว ใจหินยังไง ก็แพ้น้ำกร่อนอย่างนายปีโป้สินะ น้ำมนต์เอ๊ยเจอน้ำกรดเข้าไป ใจอ่อนเลยสินะ .. ผมนอนยิ้มอย่างนั้นอยู่คนเดียวไปอีกพักใหญ่ รู้งี้น่าทำมากกว่านอนกอดนะเนี่ย .. แต่ว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะ อย่างน้อยๆมันก็เชื่อใจผมแล้ว


    ผมกับมันอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ก็รีบพามันมาส่งที่วิทยาลัย เพื่อทำงานต่อในระหว่างที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านป้าตามสั่ง บทสนทนาเล็กๆของผมกับมันก็เริ่มขึ้น


    “นายยังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ” มันถามผม

    “ใครอ่ะ” ผมเงยหน้ามามองเล็กน้อย

    “คนเมื่อคืนอ่ะ” มันบอกใบ้ปริศนานี้ให้ผม

    “อ๋อ น้องจอยเหรอ” ผมเงยมามองมันเต็มๆ เมื่อนึกขึ้นได้

    “อืม คนนั้นแหละ”

    “เลิกนานแล้ว ทำไมเหรอ มึงหึงกูเหรอ” ผมถามลองใจ

    “เปล่าซะหน่อย แค่อยากรู้เฉยๆ” มันตอบพร้อมกับก้มหน้ากินข้าวต่อ

    “กูเลิกนานแล้ว เลิกตอนที่กูรู้ใจตัวเอง ว่ากูชอบมึง  ว่ากูจริงจังกับมึง และคิดว่าจะคบกับมึงคนเดียว” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “บอกเราทำไม” มันตอบมาน้ำเสียงอ้อมแอ้ม อย่างคนเขินอาย

    “ไม่ รู้สิ เผื่อมึงอยากรู้ กูบริสุทธิ์ใจ เมื่อก่อนกูอาจคบใครเป็นว่าเล่น ครั้งละคนสองคน แต่กับมึงกูจริงใจ กับคนอื่นอาจมีระยะเวลาในการคบ”

    “ช่วงโปรโมชั่นว่างั้น” มันขัดผม

    “มึง จะว่างั้นก็ได้ แต่แต่ละคนที่คบระยะการคบสั้นยาวก็อยู่ที่การทำตัวของแต่ละคน  ถึงยังไงก็ไม่มีใครที่กูต้องจีบนานเท่ามึง กว่าจะได้มาเป็นแฟนโคตรยากเข็ญ”

    “ใครบอกว่าเราเป็นแฟนนาย” มันขัดอีกครั้ง

    “เออ ยังไม่เป็นก็ไม่เป็น หลายเรื่องจังเลยนะมึงเนี่ย” ผมชักจะตามมันไม่ทันแล้ว วันนี้ทำไมถึงสงสัยอะไรแบบนี้ แล้วคำถามคำขัดแต่ละอย่าง จะดูจริงจังไปเปล่าเนี่ย

    “แต่สำหรับมึง กูไม่เคยวางแผน ไม่เคยคิดถึงระยะเวลา ไม่มองหาอนาคต” ผมจ้องตาแล้วบอกมัน มันทำสายตาสงสัยประมาณว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น

    “เพราะมึงเป็นคนพิเศษ กฎของกูจะยกเว้นสำหรับคนพิเศษซึ่งจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมึง” ผมตอบพร้อมกับยิ้มๆให้มัน

    “ดูหนังเยอะไปป่ะ” มันขัดผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันขัดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แก้มของมันแดงขึ้นนิดหน่อยจากมุกจีบของผม


    “มึงงงง เดี๋ยวถ้ากูกินเสร็จ แล้วทำอะไรน่าเกลียด มึงอย่าว่ากูนะเว๊ย”  ผมบอกมันอย่างกลัวมันจะว่า

    “ทำอะไรของนาย” มันถามด้วยอาการกลัวๆ

    “เวลากูกินข้าวอิ่มๆ กูชอบเรอวะ” ผมบอกมัน

    “เรอทัก ...”


    แค่นั้นละครับ  หน้าแดงทั้งหน้าเลย .. แหมๆๆ มุกเสี่ยวๆนี่มันก็ได้ผลกับน้ำมนต์เหมือนกันนะเนี่ย รู้งี้คัดมาเล่นนานแล้ว

    เอ๊ยๆๆ เขินด้วยคน




    หลัง จากที่ผมกินข้าวกับน้ำมนต์เสร็จก็ต้องกลับมาจัดการงานของตัวเองเหมือนกัน เพราะเท่าที่รู้ๆ คือผมไม่ค่อยได้เข้าเรียนกับคนอื่นมากนัก งานของผมก็เลยเยอะตาม แต่ก็ดีที่มีไอ้โอ๊ต คอยทำส่งให้บ้าง แต่นั่นละ ให้มันทำจนเคยตัว จนผมลืมไปแล้วเหมือนกัน ว่าเรียนอะไรไปบ้าง


    “ไงมึง เป็นไงถึงมาห้องกูได้” ไอ้โอ๊ตถามทันทีที่ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องมัน

    “คิดถึงมึงมั้ง” ผมตอบไปเล่นๆ มันหันมามองหน้าผมทันที ทำหน้าจริงจัง

    “กูล้อเล่น” ผมบอกมันไป

    “สัด อย่าพูดงี้ดิ กูใจหายหมด  แล้วมีอะไรตกลง” มันหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานมันต่อ ผมก็เดินไปนั่งบนเตียงนอนของมัน

    “มีงานอะไรที่กูยังไม่ได้ส่งบ้างวะ” ผมถามมัน

    “ไม่มีแล้วนี่ กูทำส่งให้มึงหมดแล้ว” มันพูดมา ทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามองผม ฟังมันพูดแล้วผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

    “ไอ้โอ๊ต” ผมเรียกชื่อมัน มันหันมามองผมเล็กน้อย

    “เรียกทำไม”




    “ที่มึงทำให้กูขนาดนี้ เป็นเพราะว่ามึงรักกูเหรอ” ผมถามออกไป

    “ถามทำไมวะ” มันพูดพร้อมกับหันกลับไปสนใจบนโต๊ะทำงานบนต่อ

    “กูอยากรู้”

    “รู้แล้วมีอะไรดีขึ้นเหรอ ถ้าไม่มีไรดีขึ้น ก็อย่ารู้มันเลย”

    “อืม คงจริงอย่างที่มึงพูด ในเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้น สู้ไม่รู้มันซะดีกว่า” ผมตอบคอตก รู้สึกยังไงก็อธิบายไม่ถูก จะบอกว่าดีใจก็ไม่ใช่ บอกว่าเสียใจก็ไม่เชิง

    “กูขอโทษวะ” ผมบอกมัน

    “กูว่าอย่าพูด ถึงมันเลย เอาเป็นว่าที่ทำให้มึงทุกอย่าง เพราะว่ามึงคือเพื่อนรักกู มึงคิดแค่นี้ มึงจะได้สบายใจ” มันพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

    “อืม ขอบใจมึงมาก”

    “หลัง จากนี้มึงก็อย่าลืมอ่านหนังสือเยอะๆละ เดี๋ยวพอครูส่งงานกลับ ก็ค่อยมาติวกับกูแล้วกัน” มันพูดบอกผม ผมมองหน้าของมันอย่างพินิจพิจารณา ชายหนุ่มหน้าเกลี้ยงเกลา อาจขอบตาคล้ำนิดหน่อยเพราะนอนดึกกินเหล้าเยอะ คิ้วที่หน้าเข้ม ทรงผมที่ไม่ยาวมาก เซ็ทเป็นทรงฮิตตามเทรนด์ได้อย่างลงตัว รูปร่างและหุ่นที่สันทัด ..


    “ทำไมมึงไม่หาแฟนวะ จะปล่อยให้ตัวเองโสดอีกนานเท่าไหร่กัน เสียดายความหล่อหมด” อย่างที่พูดนั่นแหละครับ ไอ้โอ๊ตนี่ไม่ใช่ขี้เหร่เลย สาวติดมันเพียบ

    “ยังไม่พร้อมวะ”  มันพูดพร้อมกับหลบตาผม  หันหลังไปสนใจที่โต๊ะ

    “ไม่พร้อมเหี้ยไรอีก  หล่อก็หล่อ เรียนก็เก่ง ที่บ้านก็โอเค พร้อมหมดแล้วนี่”



    “ใจกูไม่พร้อม”  มันให้คำตอบที่ทำให้ผมหยุดนิ่ง ไม่สามารถพูดอะไรต่ออีก

    “อืมมม” ผมพูดลากยาวไป


    “มึงเอานี่ไปอ่านนะเว๊ย กูทำสรุปไว้ ข้อสอบคงออกประมาณนี้” มันพูดพร้อมกับส่งสมุดจดเลคเชอร์ของมันมาให้ผม

    “แล้วมึงละ ไม่อ่านเหรอ” ผมรับแล้วถามมัน

    “กูค่อยอ่านวันใกล้ๆสอบ มึงสมองกลวง แถมอ่านช้า เอาไปอ่านก่อน”

    “สัด ด่ากู”

    “หรือไม่จริงละ”

    “เออ จริง กูมันหัวขี้เลื่อย อ่านช้า เข้าใจยาก ถ้าไม่มีมึงคงยังซ้ำชั้นอยู่ปีหนึ่ง”

    “กูดีขนาดนั้น แล้วทำไมไม่รักกูละ”



    เอ่อ .. จุกเลยครับ ไม่มีอะไรจะพูดต่อ วันนี้มันมาแปลกเลยครับ เมาก็ไม่ได้เมา หรือว่ายังแฮงค์จากเมื่อคืน ไม่น่าใช่นะครับ สายตาของไอ้โอ๊ตหันมามองผมด้วยสายตาที่จริงจัง และต้องการคำตอบจากประโยคคำถามนั้น

    “ก็มึงเป็นเพื่อนกูไง”

    “แล้วถ้ากูไม่ใช่เพื่อนละ” เอ๊ะ ผมว่ามันต้องยังเมาๆอยู่แน่ ถึงได้ใส่ไม่ยั้งขนาดนั้น มันลุกขึ้นยืน และเดินมายืนจ้องหน้าผม

    “ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนมึง มึงจะรักกูได้เหรอ”

    “กู ว่ามึงคงยังไม่หายเมา เราค่อยคุยกันดีกว่าไอ้โอ๊ต กูกลับก่อนละ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง หน้าของผมกับมันจึงเผชิญกันอย่างจัง แต่ผมก็เลือกเป็นฝ่ายหนีสายตานั้นก่อน

    “เดี่ยวสิ” มันเอามือทั้งสองข้างมาจับที่บ่าผม คำพูดห้ามปราม สายตาเว้าวอน ผมมองสายตานั้นอย่างทำตัวไม่ถูก



    “กู รักมึงนะไอ้โป้ รักมึงตั้งแต่วันแรกที่เจอ กูไม่เคยรักใครมาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยรู้สึกดีกับเหี้ยหน้าไหนทั้งนั้น ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตกู กูไม่เคยรู้สึกรักอะไรมัน กูแค่อยากให้มึงหึงกูบ้างเวลากูไปมีอะไรกับพวกมัน แต่มันก็เหมือนว่าทำร้ายตัวกูเอง”

    “ไอ้โอ๊ต กูว่ากูกับมึงคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ” ผมพูดขัด

    “ไม่ กูยังอยากบอกมึงอีก ว่ากูรู้สึกดีกับมึงยังไง  ว่ากูรักมึงเท่าไหร่” มันยังดื้อด้าน

    “เพื่อ อะไรละ มึงต้องการอะไรกันแน่ ถึงมึงจะพูดมาเยอะแยะมากมาย กูก็รักมึงไม่ได้อยู่ดี มึงคือเพื่อนกู ยังไงก็เพื่อน มึงไม่เข้าใจเหรอ ตอนนี้กูมีคนที่กูรักแล้ว แล้วมึงจะพูดพร่ำให้ตัวมึงเจ็บเองทำไม  มึงต้องการอะไรกันแน่ไอ้โอ๊ตตตตตต”  ผมตะโกนใส่หน้ามัน เพื่อหวังว่าจะเรียกสติมันกลับมาได้บ้าง  บรรยากาศในห้องอึมครึมแม้ว่าจะเปิดหน้าต่าง ลมเข้ามาได้ อากาศรอบกายกลับอบอ้าว เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้าของเราทั้งสอง  สายตาของไอ้โอ๊ตหลุบต่ำลง ก่อนจะหันมามองผมอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง และมุ่งมั่น แววตาของมันเต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความตั้งใจ จนผมตั้งตัวรับกับสิ่งนั้นแทบไม่ทัน










    “มีอะไรกับกูสักครั้งได้มั๊ย ??”











    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×