ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #29 : เมามาย .. ม้ายเมา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      14
      16 ธ.ค. 54

    มีหลายคนเข้ามาถามถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับนายปีโป้ ไม่ต้องมากหรอก แค่หญิงกับช้างน้อยสองคน ผมก็ให้คำตอบไม่ได้แล้ว

    จะ บอกว่าเขาอยู่ในฐานะอะไร ผมก็ให้คำจำกัดความไม่ถูกอยู่ดี เพราะผมยังรู้สึกเหมือมเดิม ยังอยากให้มันอยู่แบบนี้ แบบนี้แหละดีแล้ว ..เนอะ

    ผมเคยได้ยินมาว่า เวลาเราให้โอกาสใครสักคน เรากำลังให้โอกาสตัวเองไปด้วย .. คงจริงอย่างที่เคยได้ยินมา เพราะผมไม่ใช่แค่ให้โอกาสนายปีโป้ ในการกลับเข้ามาคุยพูดจา แต่ผมก็ให้โอกาสตัวเองในการเปิดใจ .. เปิดให้ใครอีกคนเข้ามา


    นาย ปีโป้ก็ยังเป็นนายปีโป้อยู่วันยังค่ำ ความเถื่อนในตัวมันไม่มีวันหายไปหรอก ยังชอบบังคับโน่นนี่ไปเรื่อย เค้าจะมารอกินข้าวกับผมทุกเช้า และก็จะมารอรับผมส่งกลับบ้านทุกค่ำ  แต่ไม่ค้างบ้านผม มันบอกว่ากลัวอดใจไมไหว จะปล้ำผมเอา ผมละส่ายหัวกับพฤติกรรมห่ามๆของมันจริงๆ



    “มึงว่ากูน่ารักขึ้นป่ะ” คนที่ผมพูดถึงถามขณะที่กินข้าวเช้าด้วยกัน ผมเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงๆ นี่มันจะอะไรของมันอีก

    “เฉยๆ” ผมตอบไป แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ

    “เหรอ แต่มึงน่ารักขึ้นนะ” นายปีโป้พูดมาด้วยหน้าตาเฉยๆ อย่างกับคำพูดนั้นเป็นแค่คำพูดลอยๆ

    “จริงเหรอ น่ารักขึ้นยังไง” ไอ้เราก็เขินเป็น แต่ก็อยากรู้ว่ามาไม้ไหน

    “เวลา มึงทำผมแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ แล้วดูดีวะ วันนี้กูขอนั่งเฝ้ามึงนะ” อีกฝ่ายพูดมาไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เหมือนบอกเล่า ว่าวันนี้จะขออยู่ด้วย


    ที่ จริงวันนี้เป็นวันหยุดครับ ผมเลยไม่ต้องแต่งชุดนักศึกษามา ไม่ต้องใส่เสื้อชอป แต่เลือกใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตพับแขน กับกางเกงยีนต์ตัวโปรด และก็ม้วนผมกลมๆไว้บนหัว ไม่อยากปล่อยให้รกรุงรังแค่นั้น  ..


    แต่ทำแล้วมันน่ารักจริงเหรอ


    “มึงอย่ามองกูแบบนั้นสิ” อีกคนบอก

    “ทำไมอีกละ”

    “ก็กูอยากจูบปากมึง”

    “ชักเยอะมากขึ้นทุกวันแล้วนะ ได้คืบจะเอาศอก”

    “ใครบอกเอาศอก กูจะเอามึงต่างหาก”

    “พอ เลย เราไม่คุยด้วยแล้ว และก็ไม่ต้องมานั่งเฝ้าด้วย มากวนเราเปล่าๆ จะไปเหล่สาวที่ไหนก็ไป” ผมบอกไปด้วยสีหน้าจริงจัง อีกฝ่ายแบะปากไม่พอใจ อย่างกับเด็กโดนดุ

    “ไล่กูอีกแล้วนะ ไปจริงแล้วจะเสียใจ” ดูๆที่พูดเข้า น่ารักตายละ




    แล้ว วันนั้นทั้งวันมันก็นั่งเฝ้าผมจริงๆครับ แต่ก็ไม่ได้นั่งเฉยๆนะครับ มันก็นั่งแซวคนอื่นไปทั่ว ยิ่งกับสาวๆนี่แซวใหญ่ คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เขินป็นธรรมดา


    วันนั้นผมเลิกทำงานไวหน่อย  และนายปีโป้ก็บอกว่าจะชวนเพื่อนๆไปกินเลี้ยงกัน เนื่องในโอกาสอะไรผมไม่รู้หรอก มันแค่บอกว่านานแล้วที่ไมได้กินกับเพื่อน และได้ชวนผม ช้างน้อยแล้วหญิงไปด้วย เห็นว่าเลิกงานไว และหญิงจำเป็นต้องไปกับพี่เอ็ม ผมเลยตามน้ำไปด้วย



    เรามาร้าน ที่ผมเคยมากับนายปีโป้คราวก่อน ครั้งที่นายปีโป้มาคุยกับพี่โอ๊ต ผมกับนายปีโป้มาหลังสุดละ เพราะนายปีโป้มัวแต่อาบน้ำแต่งตัว ไม่รู้จะหล่อไปถึงไหน


    “มาแล้วเว๊ยมาแล้ว คู่รักคู่ใหม่ วิ้วววววว” เสียงของพี่บ่าวแซวมาแต่ไกล ผมได้แต่เดินก้มหน้างุดๆไป ไม่ค่อยชอบคำนี้เท่าไหร่ หรือว่ายังไม่ชินก็ไม่รู้

    “ปากเสียไอ้บ่าว เดี๋ยวกูต่อยคว่ำเลย” นายปีโป้บอกออกไป สีหน้าจริงจัง ก่อนจะหันมามองหน้าผม มันคงรู้ว่าผมไม่ชอบที่ใครมาแซวแบบนี้ อีกอย่าง ผมกับนายปีโป้ก็ไม่ได้เป็นอะไรถึงขั้นนั้น

    “ขอนั่งด้วยสิ ช้างน้อย” ผมเลือกที่จะเดินไปแทรกนั่งข้างๆช้างน้อย แทนที่จะเดินตามไปนั่งข้างนายปีโป้ อย่างที่ใครๆวางแผนไว้ให้

    “ทำไมมานั่งเบียดชั้นละ” ช้างน้อยแอบบ่น

    “นั่งด้วยไม่ได้หรือไง” ผมดุไปนิดหน่อย ก่อนอีกคนจะนั่งเงียบ ตักกับแกล้มกินอย่างสบายใจ

    “น้องน้ำมนต์กินเหล้า ได้มั้ยครับ” พี่เอกหันมาถามผม

    “เอาโค้กให้น้ำมนต์” แต่คนตอบกลับเป็นนายปีโป้

    “น้ำมนต์กินได้ครับ” ผมบอกไปพร้อมกับยิ้มๆ ให้พี่เอก

    “ก็บอกให้กินโค้กไง” เสียงของคนชอบบังคับดังมาอีก

    “ก็เราอยากกินบ้างนี่ ไม่เมาหรอก” ผมบอกนายปีโป้ไป

    “โอ๊ย ยยย พี่ปีโป้ขา อย่าไปห้ามมันเลยคะ พวกหนูสามคนกินเป็นคะ เพราะเคยกินแก้เครียดกันบ่อยๆ เห็นพวกหนูเรียบร้อยแบบนี้ แต่ที่จริงพวกหนูคอแข็งนะคะ” ช้างน้อยพูดแทนผม ผมหันไปยิ้มให้เล็กน้อย


    “เออ รินเบาๆละ” นายปีโป้ยอมให้ผมกิน ก่อนจะหันไปสั่งพี่เอก


    อย่าง ที่บอกนั่นแหละครับ ผมไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอะไรมากนัก เพียงแค่ภาพลักษณ์ของผมอาจจะดูนิ่งๆ แต่จริงๆแล้วมันก็ต้องมีกันบ้างเรื่องแบบนี้ เรียนรู้ไว้เพื่อปรับตัว บางทีมันช่วยให้เรามีอารมณ์ศิลป์ มีความคิดอีกรูปแบบนึงเลยนะ


    ภาย ในวงเหล้าก็คุยกันสนุกดีครับ ส่วนมากจะเป็นพี่บ่าวที่ชวนๆเพื่อนๆคุย เล่าเรื่องโน่นนั่นนี่ ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละครับ ว่าเวลาพี่บ่าวแกพูดนี่จะออกสำเนียงทองแดงนิดหน่อย เพราะแกคงเป็นคนใต้แท้ๆเลยมั้ง แต่ก็เป็นเสน่ห์ของแกดีครับ แอบเห็นช้างน้อยจ้องพี่บ่าวตาไม่กระพริบเลย


    “จ้องใหญ่เชียวนะ” ผมเหน็บช้างน้อย

    “บ้า จ้องไรยะ” เจ้าตัวทำเขินกลบเกลื่อน

    “ชอบก็จีบสิ”

    “ชั้นก็กลัวตีนเป็นเหมือนกันนะยะ จะให้ชั้นเสี่ยงตายหรือไง” 

    “ฮ่าๆๆ” ผมอดขำกับคำพูดนั้นของช้างน้อยไม่ได้ ถึงพี่บ่าวจะอยู่คมใต้ แต่ก็มีเสน่ห์นะครับ และคารมนี้ไม่เป็นรองใครเลย ส่วนช้างน้อยนะเหรอ .. อย่าให้ผมบรรยายเลย



    “เมาหรือยัง” นายปีโป้ที่ไม่รู้ลุกมาจากที่นั่งข้างพี่โอ๊ตตอนแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆก็มากระซิบกระซาบข้างหูผม

    “ยังเลย  ไม่ต้องพูดใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ผมพูดพร้อมกับถอยห่าง

    “ไปนั่งข้างกูมั้ย” มันคือคำชวน หรือคำบังคับละนั่น

    “ไม่เอาอ่ะ อยากนั่งเป็นเพื่อนช้างน้อย” ผมบอกไป

    “จำไว้ จำไว้” นายปีโป้พูดทิ้งท้ายนิดหน่อย ก่อนเดินกลับไปนั่งที่เดิม ยกเหล้าเข้าปากอย่างกับมันเป็นน้ำดื่ม ผมลองทำดูบ้าง 


    อี๋ ... ขมชิบ  นี่พี่เอกชงเบาๆแล้วใช่มั้ยเนี่ย



    เรา กินไปกินมาสักพัก หญิงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะดึกแล้ว พี่เอ็มเลยต้องไปส่ง พอสองคนนั้นออกไป เสียงพูดถึงก็ดังตามมา ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมว่าพวกพี่ๆเค้าอิจฉากันมากกว่า เพราะสองคนนี้จะว่าไปก็พัฒนากันเร็วมาก หญิงที่ไม่ค่อยมีใครกล้ามาจีบ เพราะคนอื่นๆคิดว่าเป็นแฟนกับผม และเจ้าตัวก็ไม่ค่อยปฎิเสธซะด้วยสิ เธอให้เหตุผลว่า ยังไม่อยากให้ใครเข้ามา แต่พอพี่เอ็มรู้ว่าผมไม่ได้เป็นแฟนกับหญิง พี่แกเลยเข้ามาจีบ และหญิงเองก็คงชอบพอไม่เบา



    “พี่ปีโป้ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงผู้หญิงเรียกนายปีโป้ ทำเอาผมต้องเงยหน้ามามองเสียงนั้น หลังจากที่ก้มหน้ามองแก้วเหล้า และคิดอะไรอยู่คนเดียวพักใหญ่

    “น้องจอย” เสียงของนายปีโป้ทักผู้หญิงที่ผมก็คุ้นหน้าดี เพราะวันแรกที่เจอนายปีโป้ ผมก็เจอผู้หญิงคนนี้ด้วย

    “จำ ชื่อกันได้เหรอคะ นึกว่าจะลืมจอยไปแล้วนะเนี่ย ไม่เห็นจะโทรหาจอยบ้างเลย เสื้อผ้าก็ไม่เห็นไปเก็บคืน หรือว่ายังอยากจะไปหาจอยอยู่คะ ทำแบบนี้จอยมีความหวังนะ” เธอคงเมาเล็กน้อย ถึงกล้าพูดแบบนี้ และยังนั่งลงบนตักของนายปีโป้ด้วย ก่อนที่เอาแขนของนายปีโป้มาโอบไว้

    “พี่ ว่าน้องจอยเมาแล้วนะ กลับโต๊ะเถอะ” นายปีโป้พูดกับน้องจอย แต่สายตาก็เหลือบมามองผมบ้าง ผมเลยแกล้งหันไปทางอื่น พร้อมกับยกแก้วที่มองเล่นอยู่เมื่อครู่ ขึ้นมาซดซะ ...

    ทำไมรสชาติมันไม่ขมเหมือนตอนแรกแล้วนะ

    “ไม่เอาอ่า จอยอยากให้พี่ปีโป้ไปส่ง ไม่ใช่ส่งที่โต๊ะนะ ส่งกลับหอจอยด้วย” เธอพูดแล้วก็เอาหัวของเธอซุกลงที่หน้าอกของนายปีโป้


    โอ๊ยยย แล้วผมจะดูเขาพลอดรักกันทำไมเนี่ย ..


    “พี่เอก ชงให้ผมหน่อยสิ” ผมเลิกสนใจ เลยส่งแก้วให้พี่เอก พี่แกมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนจะรับแก้วและไปชงให้อีก

    “ใส่อีกดิพี่เอก แค่นั้นน้ำมนต์จะไปรู้สึกอะไร” ผมบอกพี่เอกพร้อมกับยิ้มๆให้ ก็ดูพี่แกใส่สิ อย่างกับให้ผมกินมิกซ์เพียว

    “ไอ้เอก ไม่ต้องเยอะ !!!” เสียงอีกคนดังมา ผมหันไปมองก็ยังเห็นเขาสองคนอยู่ในสภาพเดิม เลยรีบหันกลับมารับแก้วจากพี่เอกอย่างไว

    “น้องจอย พี่ว่าน้องกลับโต๊ะก่อนเถอะนะ รอให้น้องหายเมา แล้วเราค่อยคุยกัน” เสียงคนนั้นนั่นแหละ

    “ไม่ เอาอ่า พี่โป้บอกว่าจะคุย จะคุยกับจอยตั้งแต่วันบอกเลิกจอย จนวันนี้พี่ปีโป้ก็ยังไม่ได้คุยกับจอยเลย จอยรู้นะว่าพี่ก็ยังไม่มีคนใหม่ พี่รอจอยมาง้ออยู่ใช่มั๊ย นี่ไง จอยมาง้อแล้ว คืนดีกันนะ จอยขอโทษๆ” เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ยังพร่ำไม่หยุด คงมีแต่ผมที่ไม่ได้สนใจกับภาพนั้น แต่ก็ได้ยินเสียง

    “น้องจอย พี่โอ๊ตไปส่งนะครับ” เสียงพี่โอ๊ตพูดขึ้นบ้าง

    “ไม่เอา อย่ามายุ่ง !!”

    “เอ๊ะ จอย  พี่ว่าจะไม่ขึ้นเสียงกับเราแล้วนะ แต่อย่ามาทำตัวแบบนี้ได้มั๊ย มันไม่น่ารักเลย เราสองคนจบไปตั้งนานแล้วนะ เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันเถอะ” เสียงของนายปีโป้ดูจะหงุดหงิดมาก จนผมต้องหันกลับมาสนใจ

    “พี่โป้ อย่ามาทำเสียงดังให้จอยกลัวนะ จอยไม่กลัวหรอก จอยไม่ยอมเสียพี่ไปแน่ๆ ฮือๆ” เธอพูดพร้อมกับกอดพี่ปีโป้ร้องไห้

    “นังน้ำมนต์ จะนิ่งดูอยู่อีกนานมั๊ยยะ จะโดนแย่งอยู่แล้วนะ” ช้างน้อยกระซิบบอกผม ด้วยอาการกรึ่มๆ

    “ทำไมเหรอ ปล่อยเขาไปสิ เขาเป็นแฟนเก่ากันนี่” ผมว่าผมเข้าใจถูก

    “น้ำมนต์ !!!” ไม่ใช่เสียงช้างน้อยครับ แต่เป็นเสียงของนายปีโป้ ที่หันมาเรียกผม

    “ทำไม” ผมถามกลับไป ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกซบอกแล้วหันมามองผม

    “มานี่มา” นายปีโป้พูดด้วยสีหน้ายู่ยี่ พร้อมกับกวักมือให้ผมไปหา

    “ไม่ไป !!!” ผมพูดพร้อมกับยกแก้วในมือซดหมดแก้วอีกครั้ง  อี๋ .. ขมปี๋เลยครับ  พี่เอกแกล้งผมแน่ๆ

    “พี่ โป้อ่ะ ไปส่งจอยหน่อยสิ นะ น้า .. เพื่อนจอยกลับหมดแล้ว หรือว่าจะให้จอยไปนอนหอพี่ปีโป้อีกละ” ผู้หญิงคนนั้นเลิกสนใจผมและหันไปจ๊ะจ๋ากับนายปีโป้ต่อ  เลยหันไปสบตานายปีโป้ที่มองมาทางผม สายตาของเขาบ่งบอกอะไรหลายอย่างในนั้น ทั้งมีความดุ ไม่อยากให้ผมกินต่อ และก็ดูขำๆ ที่คงเห็นผมกรึ่มๆ แล้วไหนละท่าทางรำคาญผู้หญิงคนนั้น ไม่เห็นจะมีเลย แล้วนั่นอีก พอเห็นผมมองแล้วยิ้มกวนตีนนั่นอีก


    ตลกนักหรือไงฮะ ..


    ผม รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันช่างยั่วอารมณ์โมโหผม ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างทุลักทุเล เดินเข้าไปหานายปีโป้ อีกด้านนึง ที่ไม่ใช่ด้านผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ พยายามทรงตัวให้ตรง หน้านิ่งๆ  มองหน้าไอ้คนกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น


    “ยิ้มทำไม หา .. เมากัญชาหรือไง” ผมถามไป

    “มึงอ่ะเมาแล้ว มานี่มา”  มันพูดพร้อมกับดึงมือมาจับแขนผม พร้อมกับออกแรงดึงไปหามัน

    “ไม่เอาอ่ะ ปล่อยนะ” ผมก็ออกแรงสะบัดมือของนายปีโป้เช่นกัน

    “พี่ ปีโป้ จะไปลากมันมาทำไม” เสียงผู้หญิงคนนั้นโวยวายซะจนผมแสบแก้วหู ทำไมผู้หญิงที่รายล้อมนายปีโป้แต่ละคน ต้องนิสัยคล้ายๆกันหมดเลยเนี่ย  อ๋อ ใช่สิ นายปีโป้มันคงชอบ

    “จอยลงไปได้แล้ว พี่จะให้แฟนพี่นั่งตักพี่แล้ว” เสียงนายปีโป้บอกพูด

    “อะไรนะ คนนี้แฟนพี่ปีโป้เหรอ” เธอถาม

    “แอ ร๊ยยยยย ชั้นรำคาญแล้วนะ มานี่เลยนังหอย ออกมาจากตักของพี่ปีโป้เดี๋ยวนี้นะ” ยังไม่ทันที่นายปีโป้จะตอบอะไร เสียงของช้างน้อยที่กำลังเมาได้ที่ก็แปรดเสียงขึ้น พร้อมกับออกแรงดึงผู้หญิงคนนั้นพ้นตักนายปีโป้ไป

    “แกเรียกใครว่านังหอยยะ อีตุ๊ด”

    “กูนี่แหละที่เรียก อีนังหอยเปียก อย่ามาทำตัวกระหรี่แถวนี้ กลับซ่องหล่อนไปซะ”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดด นัง นัง”

    “หยุด !!! อย่าด่าชั้นนะ เดี๋ยวชั้นตกมันแล้วตบเธอดิ้นชักแหง็กตรงนี้  แล้วจะหาว่าช้างน้อยไม่เตือน”

    “พี่ บ่าวคะ  ช่วยช้างน้อยพากระหรี่กลับซ่องหน่อยได้มั้ยคะ พระ นางเค้าจะได้สวีทกัน”  ช้างน้อยปราบพิษของหอยเปียก เอ๊ยย ไม่ใช่สิ ผู้หญิงที่ชื่อจอยได้ ก็หันมาบอกให้พี่บ่าว ที่นั่งงงกับฝีมือของช้างน้อยไม่ต่างจากทุกคนที่นั่งอึ้งอยู่

    “อ่าๆ ครับๆ” พี่บ่าวพยักหน้าเงิบๆ ก่อนจะยกแก้วในมือซดหมด แล้วลุกขึ้นไปที่รถ

    “มา นี่มา ชั้นจะสงเคราะห์ด้วยการพาแกกลับซ่องฟรี โครงการส่งชะนีกลับถิ่น ไม่คิดเงิน ถ้าแกเหงารูนัก ชั้นจะเรียกชายฉกรรจ์สักสองสามโหลมาถลุงให้ และจำไว้นะ ว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนกับผัวเพื่อนชั้นอีก กว่าเค้าจะรักกันได้ ถ้าแต่งเป็นนิยายก็ปาไปครึ่งเรื่องแล้ว และถ้าเป็นนิยายจริงๆละก็ ตอนนี้คือตอนสุดท้ายที่หล่อนจะได้ออกในเรื่องนี้ อีชะนีร่านชาย” เสียงด่าของช้างน้อยค่อยๆค่อยๆหายไปพร้อมกับร่างของผู้หญิงคนนั้นที่โดนช้าง น้อยลากไป ทิ้งเอาไว้แค่ความสะใจของใครต่อใครหลายคน รวมทั้งผมด้วย




    “มา นี่มา” เสียงพร้อมกับแรงดึงจากคนบางคน ทำให้ผมเลิกสนใจภาพที่ช้างน้อยเรียกว่าส่งชะนีกลับถิ่นนั้น เพราะโดนนายปีโป้ดึงมานั่งตักเขาเรียบร้อยแล้ว

    “ปล่อย” เสียงผมบอก

    “ไม่เอาอ่ะ ถ้ามึงไม่นั่ง กูจะหาคนอื่นมานั่งอีก”

    “ก็ลองดูสิ”

    “เมาแล้วนะเนี่ย” อีกคนพูดพร้อมกับแขนที่โอบเอวผมไว้ คางก็ค่อยๆมาวางลงบนบ่าผม

    “ไหน ใครเมา ระดับน้ำมนต์แล้ว ไม่เมาหรอก”

    “ไม่เมาได้ไง หน้าแดงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมาหรือเขินกันแน่”

    “โอ๊ยยยยยยยย ไอ้โอ๊ต กูอยากกลับห้องแล้ววะ แม่งจีบกันไม่อายกูเลย” เสียงพี่เอกดังขัดขึ้นมาครับ

    “นั่นนะสิ ไม่เกรงใจกูเลยนะมึง” คำพูดของพี่โอ๊ตที่เหมือนไม่คิดอะไร แต่ผมก็รู้ว่ามันซ่อนอะไรในประโยคนั้น

    “เงียบไปเลยพวกมึง นานๆน้ำมนต์จะทำตัวน่ารักแบบนี้” เสียงคนที่กอดผมพูดด่าเพื่อน

    “ปล่อยได้แล้ว อายเพื่อนนาย” ผมบอกพร้อมกับพยายามออกแรงเล็กน้อย  .. แค่เล็กน้อยจริงๆนะ

    “ไม่ปล่อย อยากกอดนานๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับสูดดมเล่นๆที่ผมของผม

    “ผมหอมจัง  ขอหอมได้มั๊ย” 

    “หอม ดิ” คนบ้าอะไร ดมผมแล้วหอม นี่ขนาดผมไม่ได้สระมานะครับ ไม่งั้นผมคงไม่รวบผมแบบนี้หรอก วันนี้รีบๆด้วย เลยไม่อยากสระผม เพราะกว่าจะแห้ง สายกันพอดี








    “จ๊วบบบบ”
    “เอ๊ยยยยยยยยยยยย /เอาแล้วๆ”






    เสียงแรกคือเสียงคนหอมผม .. ผมในที่นี่คือสรรพนาม และบริเวณที่หอมคือแก้มของผม
    เสียงต่อมาเป็นเสียงตกใจของพี่โอ๊ต และตามมาด้วยเสียงพี่เอก
    นี่ผมซื่อหรือนายปีโป้มันเจ้าเล่ห์กันแน่เนี่ย  ???







    “แก้มมึงแดงกว่าเดิมเลยนะนั่น  สงสัยจะเมาจูบกูละ”






    หึหึ .. ไอ้เจ้าเล่ห์








    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×