ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่เลี้ยงสุดซ่าส์ ... ป๊ะป๋าสุดเฮี้ยว ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #50 : จะเวียนจะวน จะวุ่นจะวายให้ปวดหัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.72K
      31
      22 ต.ค. 54

    วันนี้อากาศมันร้อนหรือเพราะเข้าวัดกันแน่เนี่ย ผมถึงได้หัวดสียอารมณ์หงุดหงิดขนาดนี้ ก็จะไม่ให้หัวเสียได้ยังไง ก็ไอ้เท่ห์ ศัตรูตัวดีของผมมันลงทุนถ่อมาจากกรุงเทพ เพื่อมาเล่นแผนบ้าๆเพื่อจะเอาตัวเต้ไป งานนี้เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ติด ไม่รู้จะทำยังๆงดี ได้แต่ตั้งรับมือ เพราะตอนนี้ถ้าจะรุกก็มีแต่แพ้กับแพ้

    ผมอาสาขับรถมากจากอีกอำเภอเพื่อเข้ามาในเมือง อย่างน้ยๆขากลับ เต้กับคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกลับพร้อมผม และผมก็ต้องมีโอกาสทำคะแนนมากกว่านี้

    แต่พอมาถึงวัดไอ้เท่ห์มันกลับเร่งทำคะแนนอจนออกนอกหน้า จะไม่ให้ผมรู้ได้ไงก็ที่เดินตามเต้ไปเอาดอกไม้ ก็เพราะหวังจะคุยด้วย อย่างน้อยๆก็อยู่นอกสายตาคุณพ่อคุณแม่สินะ ร้ายกาจจริงๆ

    ผมเดินตามกลุ่มพวกของนายเต้เข้ามา   ไหว้พระข้างใน  อย่างน้อยๆก็ขอไหว้พระให้จิตใจสงบๆจะได้คิดการใหญ่กับเค้าบ้าง เฮ้อ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยบุญครั้งนี้ก็แล้วกันเว๊ย ...

    เพ่ครับเพ่ครับจู๋ๆผมก็ได้ยินเสียงเด็กคนนึงมาเรียก พร้อมกับแรงดึงชายเสื้อที่มุมเอว ก้มหน้าไปดูก็พบว่า

    ผมเดินเป็นเพื่อนเอามั๊ยคับจะใครที่ไหนก็ลูกของไอ้เท่ห์นั่นไง

    ไม่เป็นไร พี่เดินคนเดียวได้ผมตอบไปพร้อมกับเดินไปต่อ จะมาเดินเป็นเพื่อนทำไม ไอ้เด็กบ้า

    เดินคนเดียวเหงานะค๊าบบแหนะยังไม่เลิกอีก

    แล้วทำไมไม่ไปเดินกับพ่อเราละ ห๊าผมหันหลังไปถามอย่าสงสัย

    ก็ผมป็นห่วงพี่ เดินคนเดียวแบบนี้ เค้าเรียกอะไรนะ  หมาอะไรนะ หมาหัวเฒ่า ใช่ป่ะครับเอ้าเวรแล้วไอ้เด็กเปรต มาว่ากูเป็นหมาหัวเน่าได้ไง

    มึงว่าใครไอ้เด็กเวร มึงว่าใครหมาหัวเน่าผมเดินเข้าไปหาไอ้เด็กแสบนี้ครับ กล้าดียังไง สนิทก็ไม่สนิท

    เอ๊ย ๆ อะไรๆ ผู้ใหญ่อะไรจะรังแกเด็ก นิสัยไม่ดี อย่านะ อย่านะเอาแล้วไงครับ อยู่ๆมันก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เล่นเอาคนแถวนั้นหันมองผมเป็นเกรียว แถมยังซุบซิบนินทาอีก ร้ายจริงๆนไอ้เด็กคนนี้

    โอ๋ๆๆ ใครจะทำหนูลงละจ๊ะ หน้ารักจนาดนี้ มามะ มาเดินกับพี่มา มามะ เดินเป็นเพื่อนกันเนอะ มาเร็วมานาทีนี้ต้องตีหน้ารักเด็กสุดชีวิต ถึงไม่อยากเป็นนางสาวไทย แต่ก็จำใจเป็นเอานาทีนี้แหละ

     ฮ่าๆ เพ่เค้าเป็นเพ่ผมครับ น่ารักมั๊ยครับๆนั่นไงครับ ใครว่าผมเล่นละครเป็นคนเดียว ไอ้เด็กนี้ก็ไม่เบา มันยังหันหน้าไปบอกคนที่มุงดูผมกับมันอีก เอากับมันเข้าไป

    ชื่ออะไรแล้วนะเราผมถามขึ้นเมื่อจูงมือมันเดินผ่านคนกลุ่มที่มองเข้ามาในโบสถ์ไหว้พระ

    เจเจคับมันตอบมาหน้าแป้นเชียวครับ เอ๊ะ จะว่าไปมันก็น่ารักดีนิ ไม่น่ามีพิษมีภัย แต่ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นแผนไอ้เท่ห์ จะให้เด็กมาทำดีด้วย เพื่อจะให้ผมถอยนะเหรอ ฝันไปเหอะ



    เพ่ชื่อบอยใช่มั๊ยครับแล้วไอ้เด็กคนนี้ก็ถามชื่อผม

    อืม ใช่ผมก็ตอบกลับไป พร้อมไปหยิบธูปมาสามก้านแล้วจุดไฟ หันไปมองหน้าเด็กที่มีนามว่าเจเจ นั่งหันหน้ามามองผมทำตาละห้อย บอกในๆ ว่าของกูละ

    เออ รู้แล้วหน่า อ่าเอาไปผมเลยต้องยกอันนี้ให้มันไปก่อน ส่วนผมก็หยิบธูปมาจุดใหม่ ผมมองหาคนอื่นๆโดยรอบก็ไม่เห็น สงสัยจะขึ้นไปข้างบนกันหมดแล้ว  พ่อแม่มันไปไหนเนี่ย ทำไมทิ้งลูกไว้แบบนี้  ไม่ห่วงบ้างหรือไง หรือพวกมันตั้งใจจะฝากไว้กับผมเนี่ย ... บ้าจริง

    ขอให้ป้อเท่ห์มีความสุข  ไม่เหนื่อย ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้  ขอให้เพ่เต้หายไวๆ ขอให้อาเวย์ซื้อหุ่นยนต์ตัวใหม่ให้ ขอให้คุณตาคุณยายรักเจเจเยอะๆ ขอให้อาเกดครูแก้วซื้อขนมให้บ่อยๆด้วย ขอให้เพ่อ๊อฟขาวขึ้นๆ   ..... แล้วก็ เอ่ออออออ   เออใช่ ขอให้พี่บอยมีความสุขด้วย สาธุ 

    ผมถึงกับอึ้งไปพักใหญ่กับสิ่งที่ผมเรียกว่าไอ้เด็กเวรคนนี้อธิษฐานออกมาซะเสียงดัง จนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ความไร้เดียงสาและความน่ารักของเด็กคนนี้ทำเอาผมใจอ่อน อยากจะรู้จัก ขนาดผมไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในชีวิตของมันนะเนี่ย มันยังอธิฐานขอพรให้ผมด้วย และจะว่าไปถ้าฟังดีๆ แทบจะไม่มีขอให้ตัวเองเลย (ยกเว้นให้อาซื้อหุ่นยนต์ให้)

    เพ่บอยคับ เสียบให้เจเจหน่อย เพ่คับ  เพ่คับ !!! 

    เออ เรียกทำไมเสียงดัง แล้วมีไรผมถึงกับสะดุ้งเมื่อเด็กคนนี้เรียกผมซะเสียงดัง

     “ก็เพ่ไม่ได้ยินอ่า เสียบธูปให้เจเจหน่อยมันพูดพร้อมกับทำแววตาหน้าสงสารมาให้ผมอีกแล้ว เด็กบ้าเลยไมมึงขี้อ้อนจังวะ

     “เออ เอามาผมตอบกลับไปพร้อมกับรับธูปในมือของเจเจมาปักพร้อมกับของผม

    เพ่ยังไม่ขออะไรเลย จะปักแล้วเหรอคับแหนะ พอผมจะปัก มันก็ทักขึ้นมา

    ขอแล้วหน่า ยุ่งอะไรด้วยผมหันไปตอบพร้อมกับปักธูปทั้งหมดลงไป

    แล้วพี่ขออะไรเหรอ บอกเจเจด้วยดิพอผมลุกขึ้นมันก็ลุกตาม พร้อมกับดึงชายเสื้อถามผมใหญ่

    ไม่บอกเว๊ย ใครจะไปบอก เดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริงผมพูดไปพร้อมกับเดินนำเพื่อจะขึ้นบันไดไปบนพระธาตุ

    จริงเหรอคับ งั้นเจเจก็ไม่บอกเหมือนกัน ว่าเจเจขออะไร เดี๋ยวจะไม่เป็นจริงมันพูดพร้อมกับเดินนำหน้าผมไป และจะก้าวขึ้นบันได

    ไอ้เด็กบ้า ไม่บอกเค้าก็ได้ยินเกือบทั้งวัดแล้วผมพูดกับตัวเอง พร้อมกับส่ายหัวให้กับความกวนของเด็กคนนี้

    มานี้ เดี๋ยวชั้นจูง บันไดมันชัน เดี๋ยวตกเอาผมเดินตามมาทันเจเจที่กำลังจะขึ้นไปบนพระธาตุ ทางขึ้นชันเอาการ

    ผมพาไอ้เด็กน้อยตัวนี้เดินขึ้นพระธาตุมาครับ มันก็คุนคุยนี่เยอะแยะ ผมไม่ฟังอะไรหรอก เพราะเอาแต่ระวังกลัวเด็กตกลงไป ทีนี้เค้าได้ว่าผมตั้งใจฆ่าแน่ๆ ยิ่ไม่ถูกกับพ่อมันอยู่

    ขอบคุณคับเพ่บอยพอขึ้นมาถึงมันก็กล่าวขอบคุณผม ใช้ได้ ยังถือว่ามีมารยาท

    เออ ไม่เป็นไร ไปหาพ่อขอแกไป โน่นยืนอยู่โน่นผมตอบพร้อมกับชี้ไปทางพ่อของเจเจที่กำลังยืนมองวิวสบายใจ ไม่สนใจลูกชายของตัวเองจะเป็นตายร้ายดียังไง มันก็หันมามองผมพอดีครับ แล้วก็หันไปยิ้มให้ลูกของมัน ยัมีหน้ามายิ้มอีก

    เอ้า ทำไมไม่ไปหาพ่อละ โน้ยืนยิ้มบ้าอยู่ไม่เห็นเหรอผมเห็นแบบนั้นแล้วเริ่มหงุดหงิดครับ ไล่ไอ้เด็กบ้าคนนี้ให้ไปหาพ่อของมัน

    ไม่เอาอ่า ไปอยู่กับพ่อเดี๋ยวพ่อก็ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเพ่บอยอยู่ดี เจเจขี้เกียจวิ่งไปวิ่งมา อยู่เป็นเพื่อนเพ่บอยนี่แหละ ไปคับเพ่บอย ไปตีระฆังกันเด็กคนนี้มันพูดเหมือนจะบอกผม แต่ก็เหมือนมันจะบ่นพรึมพรำๆอยู่คนเดียวมากกว่า พูดเสร็จก็จูงมือลากผมไปด้วยแรงอันน้อยนิด พาผมไปตีระฆังที่อีกมุมนึงของลานพระธาตุนี้

    เพ่บอย เจเจขอเหรียญเหรียญนึงดิ จะได้เอามาเคาะระฆังพอเดินมาถึงมันก็หันมาทำหน้าละห้อยเหมือนที่เคยทำมาแล้วสองรอบให้ผมดูอีกที เพราะมันเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเอาเหรียญไปเคาะระฆังกันเลยอยากเอากับเค้าบ้าง แต่คงไม่มีเหรียญ หรือแน่ๆคงไม่มีตังค์ เพราะเด็กตัวแค่นี้คงยังใช้เงินไม่เป็น ... และต้องกลายเป็นผมอีกสินะ ที่ต้องให้มัน .... กูกลายเป็นผู้ปกครองมึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

    เอาไป แล้วไปขอพ่อมาคืนพี่ด้วยละผมหยิบเอาเหรียญสิบจากกระเป๋าตังค์ส่งให้มันไป

    จะไปขอป้อทำไมละคับ เดี๋ยวเจเจเค้าะเสร็จ เจเจก็คืนให้ก็ได้มันพูดกลับมาใส่ผม พร้อมทำหน้ามู่ คงหาว่าผมไม่รู้เรื่องสินะ

    นั่น เห็นมั๊ย เค้าเคาะเสร็จ เค้าทำอะไรกัน เค้าจะคว้างมันไปขึ้นบนยอดพระธาตุ เพื่อสิริมงคลของชีวิตผมจับไหล่มันพร้อมกับให้หันไปมองคนที่กำลังขว้างเหรียญขึ้นไบนยอดพระธาตุ มันมองแล้วพยักหน้างึกๆ

    โอเชคับ เดี๋ยวเจเจไปขอป้อเท่ห์มาคืนให้เจเจพูดเสร็จก็วิ่งไปเค้าระฆังตั้งแต่ลูกแรกไปเรื่อยๆ อันที่จิรงเงินแค่สิบไม่จำเป็นต้องคืนก็ได้หรอกครับ แต่มันเหมือนการทำบุญ ถ้าไม่คืนผม ผมก็ได้บุญอยู่คนเดียว แต่ถ้านำมาคืน อาจจะได้เท่าๆกับเงินตัวเองก็ได้ ... ไม่รู้สิ ผมคิดเช่นนี้

    ไงมึง เจเจกวนหรือเปล่าอยู่เต้ก็เข้ามาทักผมที่ยืนดูเด็กเจเจเคาะระฆังอย่างสนุกสนานครับ

    อ้าว ไอ้เต้ ไม่เท่าไหร่ว่ะ แต่ซนเอาการเลยผมตอบไปอย่างกับเป็นพี่เลี้ยงเจเจเลยครับ

    นี่ยังน้อยนะเว็ย เวลากูเลี้ยงที่ห้องนะเว๊ย ไม่ได้อยู่นิ่งเลย ขนาดที่แคบๆ ก็เล่นเอากูหอบทุกวันเต้ตอบผมมาครับ

    เออว่ะ กูว่าคงซนน่าดูผมพยักหน้าเห็นด้วย ตาก็ยังมองไอ้เด็กที่ผมกับเต้พูดถึงวิ่งเคาะระฆังไปมา

    เมื่อก่อนตอนที่เราโดดเรียนมาวัดพระธาตุมึงจำได้เปล่าวะ ที่มาวิ่งเคาะระฆังแข่งกันว่าของใครดังกว่าเต้พูดระลึกความหลังถึงครั้งวัยเยาว์ขึ้นครับ

    เออ ใช่ กูจำได้ ตอนนั้นมึงแพ้ขาดเลยนิไอ้เต้ผมพูดตอบ พร้อมกับโม้ข่มทับมัน

    มึงก็นะซะที่ไหนละ ไอ้กายต่างหากที่ดังสุดแล้วมันก็สวนกลับมา

    ก็ไอ้กายมันขี้โกง มันเล่นเอาเหรียญสิบเคาะนี่ มันก็ดังสุดนั่นแหละผมแย้งเต้กลับไปครับ

    เออๆ ใช่วะ แม่งมันเนียนมากเลยนะว่ามั๊ย จับกันเกือบไม่ได้ มันซ่อนเหรียญไว้ในมือโคตรเซียนอ่าเต้พูดตอบกลับมาครับ

    อืม ... เต้ตอบตอบเห็นด้วยพร้อมกับเรียกชื่อเต้ขึ้น

    หือ มีไรวะ เรียกซะเกือบทางการคงงั้นมั้งครับ เพราะปกติ ไม่ทางการคือมึง เกือยคือเต้ ถ้าทางการก็ เตชินทร์ สินะ

    มึงลืมไอ้กายยังว่ะผมถามมันออกไปครับ

    ยางงงเต้คิดอยู่นานกว่าจะตอบผมกลับมา

    หมายความว่ามึงยังรักมันอยู่เหรอผมถามมันกลับไปทันทีทันใด

    อืมมมมมันพยักหน้ากลับมาครับ                    

    เอ๊ย ไรของมึงวะ แล้วพ่อของไอ้เด็กบ้านั่นละผมพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางเด็กเจเจที่ก้มหอบเอามือจับเข่าอยู่

    เหอะๆ ที่กูบอกว่ายัง คือยังไม่ลืม จะลืมมันไปทำไมวะ คนเราคบกันมาตั้งนาน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และที่บอกว่ายังรัก ก็รักแบบเพื่อน เพื่อนที่เคยสนุกด้วยกัน ชีวิตมัธยมปลายด้วยกัน หรือมึงจะให้กูเกลียดมันวะ กูทำไม่ได้หรอก เรื่องมันไม่ได้ผิดที่มัน มันผิดที่กูไปชอบมัน เมื่อถึงเวลามึงจะรู้เว๊ย ว่าบางคนถ้าเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน ยังไงมันก็จะต้องเป็นเพื่อนกัน มึงจำคำกูไว้นะเต้ตอบผมมาในสิ่งที่ผมถาม และสิ่งที่ผมไม่ได้ถาม นั่นคือสิ่งที่เต้คิดกับตัวเอง และคงต้องการบอกกับผม ...

    สุดท้ายก็เพื่อนกันสินะผมพูดออกมาลอยๆ คิดถึงเพลงๆนั้นขึ้นจับใจ ... สุดท้ายก็คือเพื่อนกัน

    เออดิวะ กูไปหาครูแก้วก่อนแล้ว เดี๋ยวแม่กูบ่นอีก พวกนี้ก็เล่นบ้าอะไรไม่รู้ ไปตรงโน้นก่อนนะมึงเต้พูดพร้อมกับกอดบ่าผม และตบบ่าเบาๆก่อนเดินๆไปทางคุณพ่อคุณแม่ของเต้ และกลุ่มของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจผม

    เพ่บอยคับ ปาเหรียญขึ้นไปให้เจเจหน่อยดิ เจเจปายังไงก็ไม่ถึงบนนั้นเลยเจ้าเด็กที่ไม่ได้แบ่งฝ่ายว่าจะอยู่เหลือง หรือแดงคนนี้ แม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอีกฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของผม กำลังขอร้องสิ่งบางอย่างที่ดูจะเกินตัวเด็กเล็กๆคนนี้ทำได้อีกแล้ว ... ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะเนี่ย

     และผมก็ยังทำให้อีกครั้งนึง

    ขอบคุณครับเพ่บอยและนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่เด็กคนนี้จะมอบคืนให้กับผมได้ ....

    แค่คำขอบคุณและรอยยิ้ม ..

    ลูกบอยไปกันเถอะจ๊ะ ไปหาที่กินอาหารเที่ยงกัน แดดเริ่มแรงแล้ว ลงไปกันเถอะเสียงตะโกนของคุณแม่เต้ดังมาแต่ไกล เพื่อบอกผมว่า ถึงเวลาลงไปด้านล่างแล้ว

    ครับแม่ผมได้แต่ตอบกลับไปแบบสั้นๆ

     “ไปกันเจเจผมหันมามองเด็กเจเจ ที่เหมือนจะยืนมองหาเหรียญที่ผมโยนจึ้นไปให้ ว่ามันจะตกลงส่วนไหนของพระธาตุ

    ไม่มองหรอก ยังไงก็ไม่เห็น ไปเถอะผมพูดพร้อมกับจูงมือเจเจเดินมา

    เพ่บอยจะมีคนนำเอาตังค์นั้นไปใช้มั๊ยอ่า แล้วถ้าเค้าเอาไปจะบาปหรือเปล่าละ เออ แล้วเค้าจะขึ้นไปเอายังไงละครับ ตกลงมาเจ็บตายเลย ว่ามั๊ยเพ่บอย คงไม่มีใครกล้าขึ้นไปเอาหรอกนะครับ ... บลาๆๆๆและนั้นคือเสียงจากปากของเด็กเจเจที่ซักถามและตอบไปในตัว โดยไม่เว้นที่ให้ผมได้พูดอะไรเลย ... เอากับมันสินะ

    ผมพาเจเจลงมาถึงที่จอดรถพร้อมๆกับอีกกลุ่มที่รออยู่ สถานที่ต่อไปคงจะเป็นร้านอาหารแถวปากแม่น้ำปากพนังสินะ ... พวกผู้โดยสารรถตู้ต่างทยอยกันขึ้นรถกันทีละคนสองคน

    เจเจ มาเร็วครับ ไปกับพ่อมานายเท่ห์ที่รอขึ้นรถคนสุดท้ายหันมาเรียกเด็กเจเจให้ไปขึ้นรถตู้

     เด็กเจเจหันหน้ามามองผมพร้อมกับสายตาแบบเดิมอีกครั้ง ครั้งนี้จะอะไรอีกละ  แต่มันไม่พูดครับ ก้มหน้าก้มเดินช้าไปทางพ่อของมันที่กำลังรออยู่ 

     

     “ให้เจเจไปกับชั้นก็ได้ผมเป็นคนพูดประโยคนี้

    ชั้นจะได้มีเพื่อนคุยและเสริมอีกประโยค

    เด็กเจเจหันมายิ้มแป้น แล้ววิ่งมาที่รถผมอย่างดีใจ ผมหันไปมองหน้านายเท่ห์ที่มองลูกายตัวเองวิ่งมา พร้อมกับเผยรอยยิ้มให่กับผม

    งั้นผมฝากเจเจด้วยนะครับ ถ้าดื้อยังไงก็ดุด่าได้เลยและนั่นเป็นประโยคที่นายเท่ห์พูดมากับผม นี่คือคำพูดขอศัตรูเหรอ ... หรือว่าผมคิดว่าเค้าเป็นศัตรูผมแค่ฝ่ายเดียว ... หรือว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

    ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คงไม่ดื้อกว่าที่เห็นมากนักใช่มั๊ยผมตอบกลับนายเท่ห์ไป แล้วหันไปถามเด็กเจเจ นายเท่ห์ยิ้มกลับมาให้ผมอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถไป รอยยิ้มนั้นไม่ใช่การยิ้มเยาะเย้ย หรือยิ้มขำขัน แต่เป็นรอยยิ้มมิตรภาพที่ผมได้จากคนที่ผมเรียกว่าศัตรู ... 

    ป้อเดี๋ยว !!!!! แล้วเสียงเด็กเจเจก็พูดขัดขึ้น

    มีอะไรเหรอครับเจเจนายเท่ห์หันหลังกลับมาถามเจเจเช่นเดียวกับผมที่มองหน้าเด็กเจเจอย่างสงสัย

    เจเจขอตังค์สิบบาทสิ จะเอาคืนเพ่เค้า” ... 

    ผมถึงกับยิ้มออกมากับความไร้เดียงสาของเด็กคนนี้ และเช่นเดียวกับนายเท่ห์เช่นกัน  และรอยยิ้มของเราก็มาชนกันโดยไม่ตั้งใจ คงเป็นรอยยิ้มแรกที่เรามีให้กัน รอยยิ้มที่ลบคำว่าศัตรูให้กลายเป็นคำว่ามิตรภาพ .... ผมไม่รู้ว่าความบาดหมางครั้งนี้หายลงไปเพราะเด็กตัวแสบที่ชื่อว่าเจเจ หรือคำพูดของเต้เมื่อกี้กันแน่ .... แต่ถึงนาทีนี้ผมคงเข้าใจเต้แล้วว่า ทำไมถึงอยากใช้ชีวิตกับครอบครัวนี้ คงเป็นเพราะกามเทพตัวน้อยคนนี้สินะ ที่ทำให้โลกของคำว่าครอบครัวสมบูรณ์แบบ คำว่า คนรักมันดูยิ่งใหญ่มากกว่าคนสองคนจริงๆ ... ผมเพิ่งจะรู้นะเนี่ย และอีกคำที่ผมได้รู้คือคำว่า เพื่อนไม่ว่ายังไงความรักแบบเพื่อนมันไม่เคยหายไปเหมือนความรักแบบแฟน ... สิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน ใช่ว่าจะหมดไปก่อน  สิ่งที่เกิดขึ้นหลังก็ใช่ว่าจะอยู่ได้นาน ... 

     

     

     “สุดท้ายก็คือเพื่อนกัน ...



     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×