คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : ฉันหวง ฉันมาทวงของฉันคืน
ทันทีที่ผมวางสายจากนายเต้ ใจผมมันรู้สึกแป๋วๆยังไงไม่รู้ ทั้งที่พยายามเชื่อใจและไว้ใจนายเต้ ว่าไม่มีทางจะชอบนายบอยได้ แต่บางทีมันก็แอบคิดไม่ได้ และยิ่งนายบอยอีก ที่พยายามจะติดตัวนายเต้ซะแจเชียว นี่ขนาดเพิ่งจะกลับไปได้วันเดียวนายบอยก็อยู่ไม่ห่างนายเต้แบบนี้ ไอ้การกระทำนั่นอีก ดูก็รู้ว่าพยายามขัดขวางการคุณโทรศัพท์กับผม คิดแล้วเครียดเว๊ยยย
“ป้อเป็นไรอ่าคับ นั่งหน้ามุ่ยเชียว” เจเจเดินถือหุ่นยนต์ตัวใหม่เข้ามาถามผม
“เปล่าครับ พ่อเครียดนิดหน่อย” ผมตอบไปถึงอาการของตัวเอง
“เครียดเรื่องอะไรเหรอคับ บอกเจเจมั๊ย เดี๋ยวเจเจช่วยให้หายเครียด” ผมหันมองหน้าเจเจแล้วอมยิ้มออกมากับอาการเป็นห่วงเป็นใยของเจเจที่มีให้ผม
“ไม่เป็นไรครับ แป๊บเดียวเดี๋ยวพ่อก็หาย เจเจไปเล่นของเล่นต่อเถอะครับ” ยังไงผมก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้เจเจรู้ เจเจคงยังเด็กเกินไป
“เจเจไม่อยากเล่นแล้วอ่าคับ เจเจคิดถึงเพ่เต้ เจเจอยากเล่นกับเพ่เต้” เจเจพูดออกมาพร้อมท่างอแง เหมือนเด็กดื้ออยากได้ของเล่น แต่ของเล่นชิ้นนี้กลับมีชีวิตจิตใจซะงั้น
“พ่อก็คิดถึงเหมือนกันครับ คิดถึงมากๆซะด้วย” ผมพูดพร้อมมองไปตรงมุมระเบียง จำได้ว่าที่นั่นเป็นที่แรกที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกแปลกๆในวันนั้น จะคือความรู้รัก และคิดถึงมากมายในวันนี้ ...
ผมกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ โดยพาเจเจเข้ามานั่งเล่นด้วย ยังไงซะผมก็ต้องเคลียร์เรื่องงานที่เพิ่มเข้ามาโปรเจคใหญ่ให้ลุล่วงให้ได้ ... ใช่แล้วครับ ผมได้โปรเจคของเฮียล้งมา หลังจากคุยกับแกเป็นครั้งที่สาม ด้วยข้อเสนอที่สุดตัวของบริษัทผม แต่เมื่อแลกกับค่าตอบแทนที่จะได้รับก็สุดคุ้มเหมือนกัน
“บอสค่ะ จะให้อรลงประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงให้ใหม่มั๊ยค่ะ” คุณอรถามขึ้นเมื่อเอาแฟ้มมาให้ผมเซนต์เสร็จเรียบร้อย
“ไม่เป็นไร นายเต้ยังไม่ได้ลาออก เค้าแค่ขอพักงาน ทำไมต้องหาพี่เลี้ยง และอีกไม่กี่วัน เจเจก็เข้าโรงเรียนแล้ว อะไรหลายอย่างคงจะสะดวกขึ้น” ผมพูดตอบคุณอรไป พร้อมกับชายตาไปมองเจเจที่นั่งอยู่ตรงมุมรับแขก ในบางทีผมก็ว่าเด็กคนนี้ช่างอาภัพเหลือเกิน เกิดมาแม่ก็ตายเสีย พี่เลี้ยงกี่คนก็ไม่เคยอยู่ได้นาน แม้กระทั่งคนนี้ที่ผมคิดจะอยู่จนชั่วชีวิต กลับมาจากไปในตอนนี้ ... แต่ถึงอย่างไร ผมก็เชื่อว่า นายเต้ต้องกลับมาตามคำสัญญา ..
“ผมไม่มีอะไรแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ” ผมหันหน้ามาบอกคุณอร หลังจากมองเจเจไปซะนาน ..
“ค่ะ” คุณอรรับคำแล้วถือแฟ้มงานเดินออกไป .. ผมมองหลังคุณอรออกไปและคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเอานายเต้มาทำงานที่ออฟฟิศผมได้ก็คงจะดี อย่างน้อยแม่ของนายเต้จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าลูกชายมาทำงานเป็นพี่เลี้ยง เมื่อผมคิดได้ก็รีบเอาโทรศัพท์มาโทรหานายเต้ทันที ..
“อัลโหลนายเต้ ชั้นมีเรื่องจะบอกนาย” ผมพูดผ่านสายไปทันทีเมื่อปลายสายได้รับโทรศัพท์
“คุณนั่นเอง โทษทีครับ เต้นอนอยู่” แต่ปลายสายกลับไม่ใช่คนที่ผมต้องการคุย
“นายบอย” มันคือคู่แข่งของผมนั่นเอง
“ดีใจจังเลยครับ อย่างน้อยคุณก็ยังจำผมได้ คิดว่าลืมไปแล้วซะงั้น” มันยังไม่วายกวนส้นผมครับ
“ชั้นจะคุยกับนายเต้ ขอสายนายเต้หน่อย” ผมยังไม่วายอยากคุยกับเจ้าของโทรศัพท์ให้ได้
“เอ๊ะ คุณนี้ฟังภาษาคนไม่รู้หรือไง ผมบอกว่านายเต้เค้าหลับอยู่ ผมก็ ”เพิ่งตื่น” เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์คุณนี่แหละ” นายบอยบอกผมพร้อมพยายามยั้มกับคำว่าเพิ่งตื่นเพื่อให้ผมรู้ว่าทั้งสองนอนด้วยกันเมื่อคืน
“นายหมายความว่ายังไง” ทั้งๆที่ผมรู้ความหมายนัยนัยของนายบอยแล้ว แต่ก็อยากจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ..
“ชั้นก็หมายความอย่างที่นายคิดนั่นแหละ เมื่อคืนชั้นนอนค้างกับเต้มันที่นี่ ได้ยินชัดยังครับ คุณเท่ห์” นายบอยตอบกลับมาอย่างเสียงดังฟังชัด เล่นเอาผมตกใจกับคำพูดนั้น ..
“ใครโทรมาเหรอบอย” นั่นเสียงของนายเต้นี่ครับ ใช่แน่ๆ นายเต้ตื่นแล้ว
“นายเต้ตื่นแล้วใช่มั๊ย ชั้นขอคุยกับนายเต้หน่อย ได้ยินมั๊ย” ผมพูดกรอกสายไปเพื่อให้ปลายสายเอาโทรศัพท์ไปให้นายเต้
“อ๋อ คนโทรผิดนะเต้ ไม่รู้อะไร โทรมาแต่เช้า ไม่มีมารยาทจริงๆ ตึ๊ด ๆ ๆ” และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่นายบอยจะวางสายโทรศัพท์ผมไป และเมื่อผมลองพยายามโทรกลับไปอีกครั้งก็พบว่านายบอยได้ปิดเครื่องซะแล้ว
“ปัดโถ่เว๊ยยยย” ผมพูดพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดังลั่นห้อง เจเจถึงกับสะดุ้ง
“ป้อเป็นไร!!!” นั่นไงครับวิ่งมาตาตื่นเชียว
“ไม่มีอะไรหรอกเจเจ แค่โดนกัด เท่านั้นเอง” ผมตอบเจเจไป
“ไหนคับ ป้อโดนอะไรกัด เจ็บอะเปล่า เจเจเป่าให้มั๊ย” เจเจเดินข้ามาฟากที่ผมนั่งพร้อมจับเอามือผมขึ้นมาเป่าๆ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งสงสารเจเจครับ มัวแต่เป็นห่วงพ่อบ้าๆคนนี้อยูได้ ... เฮ้ออ
“หมากัดนะเจเจ ... หมาแย่งของซะด้วย” ผมตอบเจเจไป เจเจทำหน้างงพร้อมหันหน้ามองไปมา ประมาณว่าไหนละครับหมา ไม่เห็นมีหมาซะตัว และเหมือนจะรู้ว่าคงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเจเจคงไม่เข้าใจ ไอ้ตัวยุ่งของผมจึงเดินคอตกกลับไปเล่นของเล่นเหมือนเดิม ... เด็กก็งี้สินะครับ .
ผมนั่งคิดถึงเรื่องเมื่อครู่อีกที ... เมื่อคืนนายเต้นอนกับนายบอยเหรอ ในใจพยายามคิดว่าแค่เพื่อนนอนด้วยกันจะไปแคร์อะไร แต่คำพูดของนายบอยยิ่งทำให้ผมต้องคิดมากขึ้นอีก
.. “เอ๊ย เป็นไรวะมึง นั่งคอตกอย่างกะคนจับได้ว่าเมียมีชู้” เป็นเสียงเพื่อนรักของผมเองครับที่มาก่อกวนแต่เช้าเชียว
“เอ๊ย หรือว่าจริงวะ ดูทำหน้าเข้า” ไอ้นี่ยังไม่หยุดครับ จะหาเรื่องใช่มั๊ย
“อาเวย์ก็พูดไป เมียป้อเท่ห์ก็แม่จิ๊บ แม่จิ๊บตายไปนานแล้วจะมีชู้ได้ไง อาเวย์นี่ไม่รู้อะไรเลย หล่อเซ็ง” เป็นเสียงลูกรักของผมเองครับที่ตอบไอ้เวย์เพื่อนรักของผมไป
“แล้วใครบอกเจเจละครับ ว่าเมียพ่อเท่ห์เป็นคนนั้น” เอากับไอ้เวย์สิครับจะจับเท้าผมแกว่งไปให้เจอเสี้ยนหรือไงนี่ เจเจทำหน้างงใหญ่แล้ว
“หยุดเลยมึงไอ้เวย์ มาหากูทำไมแต่เช้า มาถึงก็หาเรื่องโดนตีนเลยนะมึงนี่” ถ้าผมไม่พูดอะไรออกไปบ้าง อาหลานสองคนนี้คงยังมีเรื่องคุยกันอีกยาวครับ
“กูก็แค่อยากมาดูหน้าคนโดนทิ้ง ว่าหน้าตาจะซีดเซียวห่อเหี่ยวขนาดไหน พอมาดูปุ๊บ ก็เป็นจริงอย่างที่คาดคิด แต่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะมากกว่าที่คาดการณ์” ดูมันครับ จะพูดอะไรให้งงทำไม
“ก็ใช่สิ ของมึงเพิ่งมานี่ แล้วนี่ไปไหนละ ไม่มาด้วยกันเหรอ” ผมถามถึงอ๊อฟครับ เพราะได้ข่าวว่ายังไม่กลับใต้ แล้วทำไมไม่มาด้วยกัน
“ออกไปหาเพื่อนนะ เดี๋ยวกลับมาตอนเที่ยงๆ นัดทานข้าวเที่ยงด้วยกัน กูเลยมาชวนมึงนี่ไง” ไอ้เวย์ตอบพร้อมกับชวนผมไปทานข้าวเที่ยงด้วย
“อืมดีเลย กูก็ว่าจะโทรไปชวนมึงกับอ๊อฟพอดี” ผมตอบรับไอ้เวย์ไป
“แล้วมึงละ เครียดเรื่องไรวะ หน้าตาไม่ยิ้มเอาซะเลย” ไอ้เวย์ถามผมจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะที่นั่งอยู่
“ก็เรื่องนายเต้ไง จะเรื่องใครซะอีกละ” ผมเงยหน้าตอบมันไปอย่างเสียอารมณ์
“ทำไมวะ น้องเต้จะไม่กลับมาเหรอ หรือว่ามีแฟนใหม่ซะแล้ว” ไม่คิดว่าไอ้เวย์มันจะตาทิพย์เหมือนกับแฟนมันนะครับเนี่ย เดาถูกเผ็งเลย ผมนั่นเหรอตอบไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าทำตาละห้อยให้มัน
“เอ๊ย จริงเหรอวะ ไมไวจังวะ เพิ่งกลับไปวันสองวันเอง” ไอ้เวย์ตกใจกับการพยักหน้าครั้งนี้ของผม เป็นเอามากนะมึง
“กูล้อเล่น แต่กูแค่กลัว กลัวว่านายเต้จะไม่ได้กลับมา และกลัวว่าไอ้บอยมันจะคาบนายเต้ไปรับประทานซะสิ” ผมตอบมันไปพร้อมกับหมุนเก้าอี้ไปทางขวามา 1 รอบ ซึ่งก็ไม่มีเหตุผลในการกระทำเช่นนี้
“มึงอย่าคิดมากเลยวะ กูว่าถ้าน้องเต้จะชอบไอ้บอยไรนั่น น้องเต้คงชอบมานานแล้ว มึงอย่าลืมนะว่า ต้นเหตุที่ทำให้มึงไอ้เจอกับน้องเต้ ก็เป็นเพราะไอ้บอยนั่น วันน้นถ้าไม่เกิดเหตุการนั้นขึ้น เรื่องราวต่างๆในชีวิตมึงก็คงไม่เป็นแบบนี้” ไอ้เวย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่หาได้น้อยครั้งนักจากปากของมัน ... แต่มันก็จริงจนผมต้องพยักหน้าตาม
“แล้วไงวะ ... มันก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้บอยมันจะไม่จ้องงาบนายเต้ซะหน่อย ชั้นไม่ได้กลัวนายเต้เลย แต่ชั้นกลัวไอ้บอยนั่น นี่เมื่อคืนเค้ายังนอนด้วยกันอีก”ผมตอบมันไป พูดถึงเรื่องนี้ก็หงุดหงิดขึ้นมาอีก
“อะไรนะ มันนอนกับน้องเต้นั้นเหรอ !!!”
“มึงจะตะโกนทำไมไอ้เวย์” ผมตกใจกับเสียงตะโกนของไอ้เวย์อย่างมากครับ เจเจเหรอครับไม่ต้องพูดถึงสะดุ้งอีกรอบ ก่อนจะตั้งตัวได้แล้ววิ่งมาที่พวกผม
“อะไรนะคับ อาเวย์ว่าใครนอนกับเพ่เต้เหรอคับ” เจเจครับ หูดีวิ่งแจ้นมาแต่ไกล ถามไอ้เวย์อย่างกับตัวเองเป็นแฟนของนายเต้
“ไม่มีอะไรหรอกลูก อาเวย์เค้าก็ตื่นตูมไปตามประสาหนุ่มวัยทอง” ผมรีบเคลียร์เจเจก่อนเลยครับ รายนี้หวงพี่เลี้ยงอย่างกับอะไรดี
“อ๋อ ใช่ครับอาเวย์ตื่นตูมครับ แต่ไม่ได้วัยทองอะไรเหมือนที่พ่อเท่ห์บอกนะครับ ... มึงนะไอ้เท่ห์ว่ากูวัยทอง กูก็วัยเดียวกับมึงนั่นแหละ ทำมาปากดี เจเจไปเล่นของเล่นต่อเถอะครับ” ไอ้เวย์รีบพูดแก้ตัว พร้อมกับเหน็บผมไปด้วย
“ก็มึงอ่า อย่าพูดอะไรมากไปสิ เจเจยิ่งสงสัยอะไรหลายต่อหลายเรื่องอยู่ อย่าลืมนะว่าลูกกูอ่าฉลาดเหมือนพ่อมัน” ผมเขยิบไปพูดใกล้ๆไอ้เวย์ครับ
“แหม ไม่ค่อยเลยนะมึง จะชมลูกเต็มๆก็ไม่ได้ ไม่วายวกเข้ามาชมตัวเอง แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ” ไอ้เวย์ถามผมกลับมาครับ
“ไม่รู้วะ กูตื้อไปหมดแล้ว” ผมตอบไปตามความรู้สึกตอนนี้ เพราะตอนนี้มันตื้อจริงๆ
“กูว่าต้องหาตัวช่วยแล้วละ” ไอ้เวย์ตอบมาพร้อมกับทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ยิ้มแบบมีเลสนัยมาทางผม .. อะไรของมันอีกเนี่ย .. ???
“อะไรนะ นอนด้วยกัน !!!” อ๊อฟตะโกนลั่นโต๊ะอีกครั้งเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังขณะมาทานอาหารเที่ยงกัน หันไปมองเจเจที่สะดุ้งตามเสียงดังเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่รู้ พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความระอา
“ทำไมผู้ใหญ่ชอบพูดเสียงดังกันด้วยเนี่ย เจเจละไม่เข้าใจ หล่อเซ็งจริงๆ” เจเจครับ บ่นขึ้นมานิดนึงก่อนจะจัดการกับข้าวผัดอเมริกันในจานต่อ
“พี่ขอโทษนะเจเจที่ทำให้ตกใจ ... แล้วเราจะเอาไงกันดีละครับ” อ๊อฟหันไปขอโทษเจเจ ก่อนที่จะหันหน้ามารวมหัวคุยกันสามคนต่อ
“นั่นสิอ๊อฟ ผมก็จะมาปรึกษาคุณนี่แหละ” ผมตอบไปพร้อมกับสีหน้าที่มีความหวังอย่างล้นเปรี่ยม
“แหม คุณเท่ห์ทำอย่างกะอ๊อฟเป็นคลินิคปรึกษาปัญหาครอบครัวไปได้ แต่เอาเหอะในเมื่อคุณเท่ห์เชื่อใจใช้บริการอ๊อฟฟี่ตาทิพย์แล้วละก็ อ๊อฟฟี่จะช่วยคิดช่วยทำให้เต็มที่ ขออย่าได้กังวลไป แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอคิดก่อนว่าจะเอายังไงกับไอ้นายบอยจอมตอแยให้หลุดออกจากห้วงโคจรของนายเต้เสน่ห์แรงของเราดี” ที่อ๊อฟพูดมา เล่นเอาผมขำกับฉายาของแต่ละคนไม่ได้ ...
ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกันหมดเพื่อให้อ๊อฟใช้ความคิด จนเจเจที่กินข้าวอยู่เสียงดังยังหันมาดู ก่อนจะหยุดทานเพราะไม่กล้าทานกลัวเสียงดัง ...
“โอ้มายบุดด้า ข้านึกออกแล้ว !!!” อ๊อฟตะโกนออกมาสุดตัวอีกครั้ง จนโต๊ะข้างๆหันมามอง ผมหันไปมองเจเจอีกครั้งว่าจะมีปฎิกิริยาอย่างไร แต่คราวนี้ผิดคาด เจเจกลับนิ่งไม่แสดงอาการอะไร
“เจเจชินแล้วละครับ ถ้าจะอยู่กับผู้ใหญ่ที่ใช้เสียงโหวกเหวกโวยวาย เจเจก็คงต้องทำตัวให้ชิน จะได้ไม่ต้องมาสะดุ้งตกใจ พี่เต้จะมีนิสัยเหมือนสามคนนี้มั๊ยนะ ไม่ไหวจริงๆ” เจเจพูดพร้อมกับตักไส้กรอกเข้าปากเล็กๆ ที่บ่นอุบอิบกับพฤติกรรมเราสามคน ... นี่จะแก่แดดไปไหนนะลูกผม เราสามคนเหรอครับ ได้แต่ตาค้างที่โดนเด็กด่า ... เฮ้ออ โตซะเปล่าจริงๆพวกเรา
“ว่าไงเหรอน้องอ๊อฟ เราจะจัดการยังไงเหรอ” ไอ้เวย์ถามขึ้นด้วยอาการอยากรู้วิธีการมากมาย
“ในเมื่อไอ้คุณบอยมันยังตามราวีไม่หยุด และยิ่งมันได้รู้ว่ายัยเต้เป็นแฟนกับคุณเท่ห์ มันก็คิดว่าตัวเองยังมีหวัง แถมยังจะเข้าทางแม่ซะด้วย งานนี้กะว่าจะได้ชัยไปแบบชิวๆ แต่พลาดซะแล้ว ไม่รู้จักผู้ช่วยพระเอกอย่างอ๊อฟฟี่คนนี้ ศึกคราวนี้เราต้องหาตัว” อ๊อฟพูดร่ายมาซะยาวเลยครับ จับใจความได้แค่ประโยคสุดท้ายเท่านั้นเอง
“ตัวช่วยอะไรเหรอน้องอ๊อฟ พี่เวย์งงไปหมดแล้ว” ไอ้เวย์ก็พร้อมจะถมในข้อที่สงสัยได้ตลอดเวลา และเช่นเดียวกัน ผมก็สงสัย ...
ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่ในคอนโดของผม ซึ่งเต็มไปด้วยแขกรับเชิญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผม เจเจ ไอ้เวย์ อ๊อฟ คุณเกด และครูแก้ว ซึ่งผมสงสัยว่าสองคนหลังเกี่ยวข้องกับแผนการณ์นี้อย่างไร และเราจะได้รู้พร้อมกันก็ตอนที่อ้อฟเฉลยนี่แหละครับ
“เอาละ มากันครบแล้ว งั้นเรามาเริ่มปฎิบัติการ หนามตำต้องเอาหนามออกันเถอะ” เหอะๆ นั่นชื่อปฎิบัติการเหรอครับ ชื่อแปลกๆจังเลย
“อะไรกันน้องอ๊อฟ เค้ามีแต่หนามย่อเอาหนามบ่ง นี่อะรของน้องอ๊อฟนี่” ไอ้เวย์ครับ ขัดแฟนมันได้ตลอดจริงๆ
“ไม่ผิดหรอก ในเมื่อมันกล้าเข้ามาตำย่ำยีจิตใจคุณเท่ห์และยัยเต้ เราก็ต้องเอามันออกไป หนามตำอย่าไปคิดว่าเป็นแค่เสี้ยน เพราะถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นหนอง เราต้องรีบเอาออกอย่างไว เข้าใจใช่มั๊ยทุกคน” อ๊อฟพูดพร้อมกับยกมือขึ้นอย่างฮีโร่ แล้วหันมาถามพวกเราอย่างสีหน้าเอาจริงเอาจัง เล่นเอาทุกคนในที่นี่ตกใจ พยักหน้าตามกันใหญ่
“คืออะไรกันค่ะเนี่ย เกดกับยัยแก้วงงไปหมดแล้ว” และแน่นอนสองสาวรับเชิญของเราก็งงไม่แพ้กัน ..
“คุณเกด คุณแก้ว งานครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจยัยเต้ที่ไม่ถือความคุณ คุณสองคนต้องทำให้สุดความสามมารถ เข้าใจมั๊ย” อ๊อฟพูดอย่างเอาจริงเอาจัง จนผมยังกลัวไปด้วย
“ค่ะ เข้าใจก็เข้าใจคะ” คุณเกดตอบมาอย่างเข้าใจ ... ???
“แล้วเจเจละคับ ช่วยไรได้บ้าง เจเจอยากช่วยเพ่เต้เขี่ยหนามออก เอ แต่แค่เขี่ยหนามออกทำไมต้องใช้หลายคนด้วยละครับเนี่ย” เจเจที่นั่งฟังอยู่นาน จับใจความไปถึงโน้นแล้วครับ โอ๋ๆๆ ลูกพ่อนะลูกพ่อ เวลาจะซื่อก็ซื่อเอาซื่อเอา...
“เจเจจ๊ะ หลานอยู่เฉยๆ งานนี้หนูรอเป็นฮีโร่อย่างเดียวก็พอ เพราะที่เหลือ ตัวประกอบทั้งหมดจะจัดการเอง”
อ๊อฟพูดบอกเจเจพร้อมกับเล่าแผนการณ์ต่างๆให้เราฟัง และแบ่งหน้าที่การทำงานให้แต่ละคนอย่างละเอียด ปฏิบัติการครั้งนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การปฏิวัตจริงๆ ล้าทำสำเร็จ แน่นอน ผมจะได้นายเต้กลับมา ไม่ใช่แค่ผมสิ ทุกคนต่างหาก และถ้าทำไม่สำเร็จ ก็เช่นเดียวกัน คือนายเต้จะต้องจากพวกเราไป นั่นคือสิ่งที่ท้าทายและรอคอยพวกเราอยู่ ..
“สถานีต่อไป ... นครศรีธรรมราช !!!!”
ความคิดเห็น