คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เป็นอะไร มันเป็นอะไร เธอเป็นใครไม่เห็นสำคัญ
ระยะเวลา 6 ชั่วโมงเศษๆ ทำให้ผมมาถึงเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ เมืองที่น่าจะเคยชินไปซะแล้วกับการมาทำงานที่นี่ ผมกับคุณอรเข้าที่พักในโรงแรมที่คุณอรเลขาของผมได้ทำการจองไว้ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย ตลอดการเดินทางผมเอาแต่คิดเรื่องที่ไอ้เวย์พูดตอนที่มันมาส่ง ซ้ำมาซ้ำไป
“มันจะเอาจริงเหรอว่ะเนี่ย”
.
.
.
.
“ไอ้เท่ห์ เอาไปกระเป๋าเมิง แม่งใบใหญ่ชิบหาย กะจะย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นหรือไง” เอาแล้วไงครับ ลับหลังพี่เลี้ยงผม ไอ้เวย์ที่แสนดี มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
“ไรว้า แล้วมึงไปเอาจากพี่เลี้ยงกูมาทำไม ให้มันยกเอามาให้ก็ได้” พวกเราสนทนากันระหว่างกำลังอยู่ในลิฟต์
“จะไปใช้น้องเค้าได้ไง มึงเห็นป่าวตัวเล็ก บอบบางซะอย่างนั้น” นั่นอ่ะนะบอบบาง
“งั้นมึงก็อย่าบน และอีกอย่าง นั่นพี่เลี้ยงกู กูจะใช้” เถียงกับมันนี่น่ารำคาญนะครับ
“แหมมมม เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง พี่เลี้ยงกู ทำไม ก็แค่พี่เลี้ยง ไม่ใช่เมียมึงซะหน่อย กูยุ่งไม่ได้หรือไงคนนี้” อึกก เอาแล้วไงครับ ความเป็นเสือไบมันกลับมาอีกแล้วไงละครับ
“เห็นว่ามึงจะเลิกแล้วไง ทำไมยังสนแบบนี้อยู่อีกเหรอ” อันที่จริงไม่ใช่ผมไม่รู้นะครับ เพื่อนกันตั้งนาน แต่มันก็ห่างเรื่องแบบนี้มานานแล้วครับ หลังๆเห็นเริ่มควงผู้หญิงแล้ว
“ก็คนนี้ กูถูกใจ ทำไมวะ กูจะลองจีบด้วย มึงห้ามหวงเด็ดขาด” มันจะเอาจริงเหรอว่ะเนี่ย
“ตามใจ๊ ... ถ้าจีบติด” เอ๊ะ แล้วผมจะไปท้ามันทำไมกันเนี่ย
“ฮ่าๆๆ อย่ามาท้าไอ้พ่อลูกติด แล้วจะรู้สึก ” ผมจะรู้สึกอะไรได้ละครับ แล้วผมจะรอดูครับ
เอ้ ... ทำไมผมต้องหัวเสียกับเรื่องนี้ด้วยนี่
.
.
.
.
ถ้ามันจะเอาจริง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว ....
....ไม่ใช่สิ .... ต้องเกี่ยวกับผมโดยตรง...
...ก็ไอ้เด็กนั่นมันพี่เลี้ยงผมนิ.....
เอ๊ยยย .... พี่เลี้ยงลูกผมต่างหาก
ผมไม่อยากให้ลูกผมสับสน
ใช่ๆๆ มันคือเหตุผล ไม่ให้เจเจสับสนในเรื่องนี้
“บอสค่ะ ถึงชั้นที่เราจองไว้แล้วค่ะ จะไม่ออกจากลิฟท์เหรอคะ ” คุณอรเรียกผมออกจากลิฟท์ โดยที่ตัวของเธอนั้นได้ออกไปรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“วันนี้บอสแปลกจังนะคะ อรเห็นเหม่อทั้งวันเชียว คิดถึงใครที่เมืองไทยรึเปล่าคะ” คุณอรคงแอบสังเกตอาการของผมตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาสินะ จะบอกเธอไปยังไงดีละทีนี้
“อ๋อ ... ผมเป็นห่วงลูกนิดหน่อยอ่าครับ แล้วก็กังวลเรื่องงานวันพรุ่งนี้ด้วย” ผมตอบความจริงครับ ทุกคนเชื่อไหม
“อ่อค่ะ ... งั้นวันนี้บอสพักผ่อนเยอะๆนะคะ พรุ่งนี้เรามีงานที่ต้องทำกันตั้งแต่เช้า อรเข้าห้องพักก่อนนะคะ” คุณอรย้ำงานผมในวันพรุ่งนี้อีกทีก่อนที่จะเดินเข้าห้องพักของเธอไป ส่วนผมอยู่ใกล้ๆ ห้องถัดไปนี่เองครับ
ผมเข้าห้องมา เอาสัมภาระเข้าตู้เสื้อผ้า ........... ว่าแต่โทรหาเจเจหน่อยดีกว่า
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ปลายสายพูดขึ้นมา ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดพี่เลี้ยงผมแน่ๆ
“อืมม ชั้นเอง แล้วเจเจละ” ถามหาลูกก่อนครับ
“อ๋อ เจเจนั่งเล่นกับคุณเวย์อยู่ครับ จะคุยกับเจเจมั๊ยครับ เดี๋ยวผมตามให้ เจเจครับ คุณพ่อโทรมา” อืมมม แล้วจะถามทำไมว่าจะคุยรึป่าว ทำไมไม่เรียกมาเลยละ เอ๊ะ ไอ้เวย์อยู่ด้วยเหรอ อะไรของมันวะเนี่ย
“ฮัลโหล ถึงแล้วเหรอคับป้อ” เจเจเสียงใสแจ้วมาตามสายเลยครับ
“ใช่ครับ พ่อถึงญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่หนาวมากเลย”
“หรอครับ พ่อหาอะไรอุ่นๆใส่ด้วยนะคับ อย่าไปหาใครมากอดละ ใส่ผ้าหนาๆไว้น้าคับ” แหนะ มีแอบหวงพ่อด้วย ร้ายไม่เบาเจเจ
“แล้วเจเจทานไรยังครับ พี่เต้ทำอะไรให้กินเหรอ” ไอ้พี่เลี้ยงมันจะดูแลลูกผมดีมั๊ยเนี่ย
“กิงแล้วคับ อาเวย์มารับเจเจกับพี่เต้ไปกิงเคเอฟซีมา อาเวย์เลี้ยงด้วย แถมยังพาเจเจซื้อของเล่งอีก เจเจได้ของเล่งใหม่ๆมาเพียบเลยคับ” อะไรกันนี่ ผมมาแค่วันเดียวเอง มันจะเอาใจไอ้เต้ เอ๊ยย ไม่สิ เอาใจเจเจขนาดนี้เลยเหรอ
“อ่อๆๆ อย่างงั้นเหรอลูก งั้นพ่อขอคุณกับอาเวย์หน่อยสิ” คุยกันซักหน่อยดีมั๊ย เพื่อนเวย์
“ได้ครับ เดี๋ยวเจเจเรียกให้ อาเวย์คับ ป้อจะคุยด้วย .... ป้อครับ ดูแลตะเองดีๆนะครับ แล้วรีบกลับมานะเจเจคิกถึง” เจเจเรียกไอ้เวย์เสร็จ ก็สั่งลาผมตามระเบียบ
“โอเคครับลูก ... ดูแลตัวเองด้วยนะ” ผมก็ตอบไปตามระเบียบเหมือนกัน
“อะไร ใครลูกมึง เจเจกับพี่เลี้ยงมึงอ่า กูดูแลเอง มีไรป๊ะ” นี่มันรับสายจากลูกผมเร็วขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ผมยังไม่ทันได้พูดลาลูกชายผมเลย แถมยังมาพูดข่มแบบนี้อีก
“มึงนี่นะ ไม่มีมารยาทเลย พ่อลูกเค้าคุยกันมาแย่งสายไปคุยซะงั้น” ขอบ่นๆครับ อย่างนี้ไม่ดีๆ
“อะไรของมึง เจเจส่งมาให้กู กูก็รับเอามาฟัง ผิดซะงั้น เออๆๆๆ ช่างมัน มึงมีไรกับกู ร้อยวันพันปีไปต่างประเทศก็ไม่เคยโทรหา วันนี้ต่อมอะไร ถึงอยากคุยกะกูล่ะ” อะไรกัน กูเป็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมจะคุยกับมึงไม่ได้
“ก็ไม่มีอะไร แค่จะถามว่าบ้านช่องไม่มีหรือไง ถึงได้มาอยู่ห้องกูนี่”
“โหห เดี๋ยวนี้มีหวง อะไรกันกูมาดูแลลูกมึงให้ น่าจะขอบใจนะ ไม่ใช่มาเสียดสี” นี่ผมเสียดสีมันเหรอครับเนี่ย
“เออๆๆๆ ขอบใจ ฝากลูกกูด้วยละ แค่นี้นะ เปลืองค่าโทรศัพท์” ต้องรีบชิ่งวางครับ เพราะรู้สึกว่าผมจะเป็นฝ่ายถูกรุกล้ำ
“ฝากแค่ลูกอย่างเดียวจริงเรอะ” แหนะ ยังมีย้อน อะไรของมันนี่
“เออออออออออออออ” แล้วผมก็ตัดสายเพื่อนยากของผมไป
“หงุดหงิดเว๊ยยยยยยย” ผมตะโกนออกมาเสียงดัง
“แล้วกูหงุดหงิดเรื่องอะไรวะ บ้ารึเปล่า อาบน้ำนอนดีกว่า” ผมบ่นพรึมพรำกับตัวเองถึงอาการคนหงุดหงิด แต่ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมจะหงุดหงิดอะไร เอาเป็นว่าอย่าไปคิดมากเลย
“ เฮ้อออออ” ขอถอนหายใจยาวๆหน่อยนะครับ
หลังจากวันนั้นผมก็มีเวลาคิดเรื่องบ้าๆในสมองน้อยลง เพราะต้องคุยงานกับลูกค้าทั้งวัน บางทีดิวงานกันกว่าจะเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืน นานๆทีถึงมีเวลาโทรไปหาไอ้ตัวเล็กที่เมืองไทย และอีกอย่างที่ผมพยายามลุยงานให้เต็มที่ก็เป็นเพราะว่า ...
“อรจัดการเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินวันกลับให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” ผมจะเลื่อนวันกลับครับ
“อ๋อ ครับ ขอบคุณมากครับอร” ผมตอบเธอไปในขณะที่เรากำลังนั่งรถตู้ไปประชุมกับลูกค้าในเช้าของวันที่ 3 ที่ญี่ปุ่น
“แล้วทำไมคราวนี้บอสถึงอยากกลับก่อนกำหนดละคะ” ไม่ผิดหรอกครับ ที่เธอจะสงสัย เพราะปกติเวลาที่ไปประชุมกันที่ต่างประเทศ หรือไปทำงานอะไรๆก็แล้วแต่ ผมจะกลับตามเวลาที่กำหนด หรือไม่ก็เลยไป เพราะงานบางงานยังไม่เคลียร์ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผมจะกลับก่อนกำหนดการที่วางไว้
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เป็นห่วงลูกชายอ่าครับ” ผมก็อธิบายตามความรู้สึกตอนนั้น
“แค่นั้นจริงๆเหรอค่ะ ไม่ได้เป็นห่วงคนอื่นนะ” เอ๊ะ หมายความว่าไงหว่า คุณอรไปรู้อะไรมาอีกเหรอ
“ผมไม่เข้าใจครับ คุณอรหมายความว่าอะไร”
“เปล่าค่ะ” เอ.... คุณอรนี่ชักแปลกๆนะ ผมจะไปห่วงใครได้ละ
วันนั้นทั้งวันผมพยายามคุยงานให้เสร็จภายในวันนั้นให้ได้ เพราะถ้าไม่เสร็จวันนี้ มันต้องยืดเยื้ออีกแน่ ลูกค้าก็ช่างเอาใจยากเหลือเกิน
ในช่วงพักของการประชุม ผมหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรไปที่ประเทศไทยเพื่อจะบอกถึงกำหนดการณ์ในการเลื่อนกลับ
“สวัสดีคับ เจเจพูดคับ ต้องการพูดกับใครคับ” ได้ยินเสียงนี้แล้วผมหายเหนื่อยเลยครับ
“สวัสดีครับ พ่อเท่ห์พูดครับ ต้องการคุยกับเจเจครับ” เล่นกับเจเจซักหน่อยจะได้อารมณ์ดีไปคุยงานต่อ
“อ้าว ป้อเองเหรอคับ ว่าไงคับ ไม่โทรมาหลายวันเลยนะ เจเจคิดถึง” ใครสั่งใครสอนให้อ้อนนี่ลูกชายผม
“ก็พ่อยุ่งตลอดเลยอ่ะครับ พ่อต้องรีบเคลียร์งานจะได้กลับไปหาเจเจเร็วๆไงครับ นี่วันศุกร์นี้พ่อก็จะกลับแล้ว” อธิบายให้เจ้าตัวแสบฟังหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจไปกันใหญ่
“จริงหยอคับ ป้อกลับมาเร็วจัง” เสียงของเจเจแสดงถึงความดีใจทำเอาผมแอบยิ้มไปกับอารมณ์นั้น
“แล้วนี่พี่เลี้ยงเจเจทำอะไรอยู่เหรอครับ” ขอถามถึงนิดนึง เดี๋ยวจะหาว่าไม่สนใจ
“เพ่เต้กำลังถูบ้านอยู่อ่ะครับ วันนี้เจเจช่วยเพ่เต้ทำความสะอาดบ้านด้วยนะครับป้อ” เอ๊ะ จะทำความสะอาดทำไม ก็ผมบอกแล้วว่าให้โทรเรียกแม่บ้านคอนโดมาทำความสะอาด
“เอ่อ เจเจเรียกเพ่เต้มาคุยกับพ่อหน่อยสิครับ” ขอคุยหน่อยแล้วกัน
“ได้คับ แต่ป้ออย่าดุเพ่เต้นะคับ เพ่เต้เค้าเหนื่อยๆอยู่” ตกลงเจเจลูกใครละเนี่ย
“ได้ครับ พ่อสัญญา” ต้องรับปากไปครับ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้คุยกับพี่เลี้ยงของเค้า
“สวัสดีครับ นายท่าน” เสียงแจ้วมาเชียว ท่าทางไม่เห็นจะเหนื่อยเหมือนกับที่เจเจบอก
“อืม เจเจบอกชั้นว่านายทำความสะอาดห้องเองเหรอ ก็ชั้นบอกไปในซองนั้นแล้วไงว่าให้โทรไปบอกแม่บ้านมาทำความสะอาด จะได้ไม่เหนื่อย” ก็จริงนะครับ ปกติผมจะจ้างแม่บ้านเค้าทำ อาจมีบ้างที่พี่เลี้ยงคนอื่นๆเค้าทำ แต่เค้าเป็นผู้หญิง เค้าอาจจะคุ้นกับการทำงานบ้าน แต่นี่ไม่ใช่...
“ก็เท่าที่ผมทราบ ปกติพี่เลี้ยงเจเจก็ทำส่วนนี้นี่ครับ อีกอย่างห้องก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากมาย แค่นี้ผมทำได้ครับ”
“อืม แล้วแต่นาย อย่ามาบ่นว่าเหนื่อยให้ชั้นได้ยินก็แล้วกัน” ต้องดักไว้ก่อนครับ มาบ่นว่าเหนื่อยแล้วลาออกนี่ ไม่ได้เลย
“โอเคครับ ผมไม่ลาออกง่ายๆหรอก” เหมือนรู้ความคิดเราไอ้พี่เลี้ยงคนนี้
“เออ แล้วชั้นจะบอกอีกว่า ชั้นกลับก่อนกำหนด คงไปถึงวันศุกร์ค่ำๆ” บอกเอาไว้ก่อนครับ เดี๋ยวไปถึงจะตกใจเอา
“เหรอครับ ดีจัง รีบๆกลับมาละครับ” เสียงนี่แสดงออกถึงความดีใจไม่แพ้เจเจเลย หรือผมคิดไปเอง
“ทำไม คิดถึงชั้นหรือไง” เอ๊ยยย ผมจะถามแบบนี้ทำไม
“คิดถึงสิครับ ....... คิดถึงของฝากอ่าครับ เจ้านายอย่าลืมเชียวละ” ดีนะครับ ที่มีต่อ ไม่งั้น.......
“ เออๆๆ ไม่ลืมหรอกหน่า ห่วงแต่ของนั่นแหละ” ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องหาเวลาไปซื้อของฝากมันสินะ
“คนก็ห่วงนะครับ เอ๊ยยย ฝนตก แค่นี้ก่อนนะครับ ผมตากผ้าทิ้งไว้ ขอไปเก็บผ้าก่อน เปียกหมดแล้ว ตี๊ด ตี๊ด ”
เอ๊ยยย ว่าอะไรนะ เอ้าๆๆๆ วางไปแล้ว
ที่ผมได้ยิน ...... ผมคงหูฝาดไป....ใช่มั๊ยครับ ????
ความคิดเห็น