คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : น้ำมนต์คนศิลป์ .. แน่นิ่งใจเย็น
ตอนที่ 2
“น้ำมนต์ หญิงรออยู่ที่ร้านป้าหน้าวิทยาลัยนะ” ผมเปิดอ่านข้อความที่เพื่อนสนิทของผมส่งมาให้ ต้องเรียกว่าเพื่อนสนิทถึงจะถูกครับ ถึงแม้ใครๆจะมองว่าผมกับหญิงเป็นแฟนกัน แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นอยู่ดี
ต้องแนะนำตัวกันก่อนครับ ผมชื่อ น้ำมนต์ เรียนอยู่วิทยาลัยศิลป์ สาขาวิจิตรศิลป์ ด้วยความที่เป็นคนชอบศิลปะแต่เด็ก และผมก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง สาขานี้จึงเป็นสาขาที่ผมชื่นชอบมาก ใครจะมองว่าอาร์ต ว่าอินดี้ ผมก็คงคิดตามเข้าว่าใช่ แต่ถ้าให้เลือกไปถกเถียง แย่งชิงอะไรกับใคร คงไม่ใช่เรื่องที่ผมชอบนัก
ผมนั่งรถสองแถวมากจากบ้านของผม ซึ่งอยู่นอนตัวเมืองไปไม่ไกลนัก นั่งรถครึ่งชั่วโมงก็ถึง และวันนี้น่าจะไปสายหน่อย เพราะว่าผมต้องช่วยอะไรที่บ้านนิดหน่อย พูดแล้วจะยาว ว่างๆ ค่อยเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับ
ผมลงจากรถจ่ายค่ารถสองแถว ก่อนที่จะมองไปที่ร้านป้าหน้าวิทยาลัย ก็เห็นหญิงกับช้างน้อย เพื่อนสนิททั้งสองของผมนั่งอยู่
“มาแล้วเหรอ ทำไมมาช้าจังเลยวันนี้” หญิงทักผม เมื่อผมเข้าไปถึงในร้าน
“พอดีช่วยงานยายอยู่ เลยออกมาสายนิดนึง” ผมบอกเธอไป
“แล้วกินอะไรยัง หญิงสั่งอาหารให้น้ำมนต์แล้วนะ”
“อืม ขอบใจหญิงมาก ที่จริงมนต์ไม่ค่อยหิวหรอก มนต์กินขนมยายมาแล้ว”
“ไม่ได้ ต้องกินข้าว เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาอีก”
“อ่าครับ ครับๆ ได้ครับแม่หญิง”
“อ่ะแฮ่มมม นี่พวกหล่อนสองคนลืมไปหรือเปล่าย่ะ ว่าชั้นก็นั่งอยู่ด้วย นั่งจีบกันอยู่ได้” เป็นเสียงยัยช้างน้อยครับ เพื่อนกึ่งชายกึ่งสาวของผมกับหญิง ที่พูดแทรกขึ้นมา
“อ้าวว ช้างน้อย” ผมแกล้งทำทักเธอ
“หยุดเลย น้ำมนต์ ไม่สนใจชั้น เดี๋ยวชั้นไม่รักแล้วนะ” ดูเธองอนครับ น่ารักตายละ
“โอ๋ๆๆ เดี๋ยวมนต์เลี้ยงน้ำ โอเคไหม”
“ไม่ต้องเอาของกินมายั่วชั้น ป้า !!! เอาชามะนาวแก้วนึง เก็บเงินที่น้ำมนต์นะ” ดูเธอครับ บอกว่าไม่ต้องเอาของกินมายั่ว สั่งก่อนผมอีก
“เอ๊ะ น้ำมนต์ หยิงว่าโต๊ะนั้นเค้ามองมาทางเราอยู่หรือเปล่า” หญิงทักผมครับ
“ไหนๆๆ สงสัยสนใจชั้น” ช้างน้อยพูดแล้วหันหลังกลับไป ทำให้โต๊ะที่กำลังมองมาทางพวกผม หันหน้ากลับไปอย่างฉันไว
“อ๋อ นั่นพี่เอ็มนี่ สงสัยจะแอบมองชั้น”
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เค้าคงมองหญิง หญิงออกจะน่ารักขนาดนั้น” ผมพูดบอกเธอ พร้อมกับชมเธอเล็กน้อย
“น้ำมนต์ก็พูดเข้า” หญิงพูดกับผมพร้อมกับเอามือตีที่หัวไหล่ผม กลบอาการเขินของตัวเอง
“แก เห็นเพื่อนของพี่เอ็มไหม น่ารักทุกคนเลย ชั้นเคยเห็นนะ คนนั้นอ่ะ ชื่อ โป้ มาวิทยาลัยเราบ่อยเชียวละ น่าร๊ากกกอ่ะ ชั้นชอบ” ช้างน้อยยังไม่หยุดพูดถึงโต๊ะนั้นครับ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แต่เมื่อช้างน้อยพูด ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองโต๊ะนั้นนิดหนึ่ง ทำให้ผมไปสบตาเข้ากับคนที่ช้างน้อยพูดถึง และเขาก็ยิ้มตอบมาให้ผม
“ว๊ายยยย เค้ายิ้มมาให้ชั้นด้วย”
“เหอะๆ คงงั้น” ผมไม่ได้ยิ้มตอบเขาหรืออะไร ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวที่หญิงสั่งไว้ให้ต่อไป
แต่ผมคิดผิดครับ ที่ไม่ยิ้มตอบอะไรเค้า เพราะตอนนี้เค้าคนนั้น เดินเข้ามาที่โต๊ะผมแล้ว
“ทำไมพี่ยิ้มให้ ถึงไม่ยิ้มตอบละครับ” คำถามที่ถามมาลอยๆ หากไม่ใช่คนที่ได้สบตาเมื่อครู่ คงไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร
“หนูเหรอค่ะ เมื่อกี้หนูก็ยิ้มให้พี่นี่คะ” ช้างน้อยออกหน้าแทนผม
“พี่หมายถึงน้องผู้ชายคนนี้ครับ” นายคนนี้พูดพร้อมกับปรายสายตามาที่ผม ทำเอาทั้งหญิงและช้างน้อยก็หันมองมาเป็นตาเดียว
“น้องชื่ออะไรครับ”
“หนูชื่อช้างน้อยค่ะ”
“พี่หมายถึงน้องคนนี้เหมือนกันครับ” นายคนนี้ยังมาทำตลกอยู่ที่โต๊ะผมไม่เลิก
“เพื่อนหนูชื่อ น้ำมนต์ ส่วนอีกคนชื่อหญิง แล้วพี่ละชื่ออะไร” เป็นช้างน้อยอีกเช่นเคยครับ ที่รับหน้าที่เป็นโฆสกประจำกลุ่มพวกผม เนื่องจากผมกับหญิงไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้านัก
“ชื่อน้ำมนต์เหรอ ชื่อน่ารักนะครับ พี่ชื่อปีโป้ครับ เป็นเพื่อนไอ้เอ็มมัน น้องรู้จักไหม” นายคนนี้ดูพูดเพราะเกินไป ไม่เหมาะกับเครื่องแบบที่ใส่อยู่ อีกทั้งหนวดเคราที่ขึ้นเล็มๆตามใบหน้าขาวใสของเขานั่นอีก
“รู้จักคะ พี่เอ็มเป็นขวัญใจช้างน้อยด้วย”
“อืม น้องช้างครับ พี่ขอคุยกับเพื่อนของน้องบ้างได้มั๊ย นั่งเงียบๆสักสองนาทีซิ !!!” ดูเหมือนเป็นประโยคขอร้องแบบเบาๆ ถ้าพี่เขาไม่เน้นเสียงสูงตรงประโยคท้ายๆ ให้เป็นประโยคคำสั่งเสีย
“พี่มีอะไรครับ ผมจะไปเรียนแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเก็บกระเป๋า หันหน้าไปบอกให้หญิงเก็บตามด้วย
“จะรีบไปไหนละ คุยกับพี่ก่อนไม่ได้เหรอ” พี่เขาดึงมือผมไว้ ก่อนที่จะถาม ผมสะบัดมือออกทันที
“เราไม่รู้จักกัน ไม่มีธุระอะไรต้องคุยกัน ขอโทษด้วยนะครับ” ผมพูดเสร็จก็เดินออกมาทันที ไม่ทันได้รอสองคนนั้นแต่อย่างใด
ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน เข้ามาทำตัวแบบนี้กับเราหมายความว่าอะไร และต้องการอะไร ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ผู้ชายที่เข้ามาทำตัวบอกที่มาที่ไปไม่ชัดเจนแบบนี้ ถ้าเข้ามาทำตัวแบบนี้กับหญิงก็ว่าไปอย่าง
“น้ำมนต์ รอหญิงด้วย” เสียงของหญิงเรียกตามมาข้างหลัง
“น้ำมนต์นี่เสน่ห์แรงจริงๆนะ”
“จะบ้าเหรอหญิง นั่นผู้ชายนะ มันคงบ้าอ่ะเราว่า”
“ไม่แปลกหรอกย่ะ เดี๋ยวนี้เทรนชายรักชายกำลังมาแรง แล้วผู้ชายหน้าสวยอย่างเธอก็กำลังเป็นที่นิยม” เสียงของยัยช้างน้อย คอยหลอกหลอนตามหลังมา
ผู้ชายหน้าสวย เป็นคำที่ผมได้ยินแล้วต้องเบือนหน้าหนีทุกที ไม่รู้ว่าได้แม่มาเยอะ หรือยังไงก็ตาม ผมถึงได้มีรูปหน้าเรียวได้รูปเหมือนผู้หญิง คิ้วที่ดูดกดำกำลังดี จมูกที่เข้ากับหน้า และริมฝีปากเล็กๆของผม ที่ลอกแบบแม่ผมมาเป๊ะๆ มันจึงทำให้ผมกลายเป็นผู้ชายหน้าสวยไปโดยปริยาย อีกทั้งทรงผมที่ไว้อีก ผมไว้ผมยาวพอประมาณ ถ้าบ่อยออกมาก็คงเกือบถึงต้นคอ แต่ผมเลือกที่จะมัดยางไว้ เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาทำงานศิลป์
“แต่เราว่าเขาน่ารักดีนะ” หญิงพูดเสริม
“ฮั่นแน๋ๆๆๆ หญิงเธอชอบเขาชิมิละ บอกชั้นมานะ เราจะได้ไม่ต้องแย่งกัน” สองคนนั้นยังคงคุยกันถึงเรื่องเด็กช่างกลคนนั้น
“บ้าเหรอช้างน้อย ชั้นเฉยๆหรอก”
“นี่ขนาดเฉยๆนะ เธอยังพูดถึง ปกติชั้นเห็นเธอเงียบตลอดเรื่องผู้ชงผู้ชาย”
ผมก็ปล่อยให้พวกเธอสองคนคุยกันตามประสาผู้หญิง ส่วนตัวเองก็ได้แต่คิดถึงโปรเจคงานศิลปะที่จะส่งตอนสิ้นเดือนนี้ ..
พวกเราสามคนนั่งทำงานอยู่ที่ในห้องจิตรกรรมอยู่พักใหญ่ ต่างคนก็ต่างใจจดใจจ่อกับงานที่ต้องทำส่ง ผมก็เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากผมเป็นคนหิวน้ำบ่อย และปกติก็จะพกน้ำดื่มมาด้วย แต่เมื่อตอนเที่ยง ผมกลับรีบหนีไอ้เด็กช่างคนนั้น จนลืมไปซื้อไปเลย ผมเลยต้องเดินออกมาซื้ออีกครั้ง
นี่เพราะว่าผมเข้าไปทำงานไม่นานนัก หรือว่าพวกนี้มันนั่งกันนานกันแน่เนี่ย เพราะผมออกมา ก็เห็นพวกกลุ่มเพื่อนๆของพี่เอ็ม และนายที่มาคุยกับผมยังนั่งอยู่ แต่ที่เห็นมากกว่าเดิม คือคนที่นั่งข้างนายคนที่ชื่อปีโป้ เป็นหญิงสาว น่าตาน่ารัก แต่งกายยูนิฟอร์มเป็นเด็กอาชีวะชื่อดัง นั่งข้าง โดยมีแขนของนายคนนั้นกอดอยู่ด้านหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสองคนคงไม่ใช่เพื่อน หรือคนรู้จักกันธรรมดา
และเขาคงเห็นผมเดินมา จึงรีบเอามือออก เล่นเอาผู้หญิงที่ถูกโอบกอด หน้าเสียขึ้นทันที ส่วนผมก็เลิกสนใจภาพนั้น เพราะไม่ได้อยากสนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“น้องน้ำมนต์มาซื้ออะไรเหรอครับ” เป็นเสียงพี่เอ็มที่ทักผมขึ้น
“อ๋อ มาซื้อน้ำครับ” เห็นแก่ที่แกเป็นรุ่นพี่ผม ผมจึงตอบแกไป พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นร้านป้า หยิบชาเขียวเพียวริคุ รสเก็กฮวยขาว ที่ผมซื้อกินเป็นประจำ ก่นอจะควักเหรียญในกระเป๋าเสื้อมาทำท่าจะให้ป้าเจ้าของร้าน
“ไม่ต้องทอนครับป้า” เสียงของนายปีโป้ ที่ให้แบงค์ยี่สิบกับป้าเขาไป จ่ายค่าน้ำแทนผม
“พี่จ่ายให้” นายปีโป้ พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
“นี่ครับป้า ค่าน้ำ” ผมทำเป็นเพิกเฉยกับการกระทำอวดร่ำอวดรวยนั้น ก่อนที่จะเอาเหรียญที่เตรียมไว้ให้ป้าไป
“ก็พ่อหนุ่มคนนี้เค้าจ่ายให้หนูน้ำมนต์แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วหนูจะจ่ายอีกทำไม” ป้าแกถามขึ้นอย่างสงสัย
“ผมไม่รู้จักเขาครับ” ผมตอบแล้วเลือกจะเดินออกมาทันที พร้อมกับเปิดขวดน้ำขึ้นดื่มทันทีจากขวด
“เดี๋ยวน้องน้ำมนต์” นายคนนั้นเรียกผม แต่ผมก็ยังทำเฉยไม่สนใจ เดินต่อเข้าวิทยาลัยต่อไป
“พี่โป้ จะไปตามเค้าทำไม จอยนั่งอยู่นี่นะ ทำตัวแบบนี้ จอยงอนแล้วนะ” เสียงของผู้หญิงที่ผมชมว่าน่ารักเมื่อครู่ ทำกริยาติดลบอย่างที่หนีเสียไม่ได้ ถ้าเธอเลือกจะนั่งแน่นิ่ง เธอคงมีชัยกับการกระทำครั้งนี้มากกว่า
“เอ๊ย ไม่ได้ยินหรือไง เรียกให้คุยด้วยอ่ะ” นายปีโป้คงถึงขีดสุดของการควบคุมอารมณ์ จึงดึงมือผมข้างที่ถือขวดน้ำ ด้วยที่ไม่ทันตั้งตัว ขวดน้ำผมเลยหล่นลงพื้นหกกระจาย ผมหันไปมองหน้าเค้าอย่างไม่พอใจ
“นายต้องการอะไร” ผมถามไปอย่างหงุดหงิดใจ เล่นเอาคนตรงหน้าหน้าเสียกับการกระทำนั้น
“ชั้นขอโทษ ชั้น ..”
“ไม่เป็นไร เราจะคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากคนแปลกหน้า ขอตัวนะ”
ไม่ได้เป็นผู้ดี ไม่ใช่คนพูดเพราะ เพียงแต่ไม่ชอบพูดคำหยาบ และไม่ชอบแสดงกิริยาเกรี้ยวกราดให้คนอื่นดูก็แค่นั้น
และผมคิดว่าประโยคที่พูดไป ก็พอจะตัดขาดความสัมพันธ์ได้เพียงพอ .. ทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นเลยก็ตาม
...........................................................................................................................................................
ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
...........................................................................................................................................................
ความคิดเห็น