ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    philoboy

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 เด็กปรัชญาหลงมิติ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 50



                Philosophy...หรือปรัชญา มาจากรากศัพท์ในภาษากรีกโบราณ ที่แปลว่า รักในปัญญา


    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของผู้ที่ชื่นชอบในวิชาปรัชญา...เรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

    ผู้รักในปัญญา


     

    ตอนที่1 เด็กปรัชญาหลงมิติ

                 อโยธยา มหานครแห่งความเจริญ ศูนย์รวมแห่งวิทยาการ เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้าและรางรถไฟนับสิบที่ดูเหมือนท่อใสๆพาดสูงเหนือพื้นดินหลายสิบเมตร  รถไฟหัวกระสุนไม่มีล้อ แล่นในหลอดด้วยความเร็วสูงเพราะแรงอัดอากาศภายในหลอด

                  รถไฟสีเงินขบวนหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมือง เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองดูผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เดินขวักไขว่บนถนนหนทางเบื้องล่าง ผ่านทางกระจกของรถไฟ

                 

                   ไซเฟอร์ เป็นเด็กหนุ่มสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำผึ้ง ท่าทางสงบเสงี่ยมและดูธรรมดาๆ

                  "วันนี้แล้วสินะ"เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองขณะพยายามบังคับให้มือของตัวเองหยุดสั่น  เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่เมืองหลวง แต่ที่ตื่นเต้นก็เพราะในวันนี้

    เป็นวันปฐมนิเทศ ของ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาปรัชญาโดยเฉพาะ

                    ไซเฟอร์ลงที่ชานชาลาแห่งหนึ่ง ตรงหน้ามีจอภาพขนาดใหญ่กำลังฉายหนังเรื่องอะไรซักอย่าง ที่กำลังดังมาก เกี่ยวกับไอ้หนุ่มจอมเวทย์และพรรคพวกเขาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกเป็นโขยง เขามองดูอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินต่อไป

                  ไซเฟอร์ชื่นชอบในวิชาปรัชญาแขนงต่างๆมาตั้งแต่เด็ก เขาคิดว่าทุกสิ่งล้วนมีเหตุผล ที่อธิบายได้ด้วยตรรกะและหลักทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า พวกเวทมนตร์ อาคม พลังเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่ภูติ ผี ปีศาจ ออกจะเป็นเรื่องหลอกเด็กที่เพ้อฝัน ถึงกระนั้นก็ยังมีคนที่เชื่อในอะไรพวกนั้น นั้นแหละคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

                   "ถ้าเดินตรงตามทางนี้ไปเรื่อยๆก็น่าจะเจอ…"ไซเฟอร์พูดกับตัวเอง หลังจากพลิกแผนที่ไปมาหลายต่อหลายรอบ ในที่สุดก็ดูเหมือนเขาจะหาทางไปมหาวิทยาลัยเจอแล้ว เด็กหนุ่มเดินตรงไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจร้านแผงลอยที่อยู่สองข้างทาง ทว่าก็หันไปเห็นร้านหนังสือร้านหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ

               

                   เจ้าของร้านเป็นคุณยายแก่ๆ แต่งตัวปอนๆ ร่างกายซูบผอมเหมือนคนอดมือกินมือ นั่งอยู่บนเสื่อลายผ้าถุง มีหนังสือมือสองกองอยู่รอบตัว

                   ไซเฟอร์รู้สึกสะดุดตาหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นหนังสือสีดำสนิท มีตัวหนังสือสีทอง เขียนด้วยอักษรแปลกๆที่เขาอ่านไม่ออก

               เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเป็นนิยาย

            "คุณยาย เล่มนี้เท่าไรฮะ"

            "เล่มนั้นไม่ขาย...ให้ฟรี"

               "ทำไมรึครับ"

               "เพราะมันเป็น หนังสือต้องสาป...ไม่มีใครอยากจะได้หรอก"

              "น่าสนุกดี...ขอเล่มนี้แหละฮะ"

              "ฮิๆ ไม่กลัวรึไอ้หนู"

              "ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ จะพิสูจน์ให้ดูว่าของแบบนั้นมันไม่มีหรอก"

              "ค่าหนังสือฮะ"เด็กหนุ่มควักแบงค์ร้อยออกมาหนึ่งใบก่อนจะเดินต่อไป หญิงชราหยิบมันขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มหายลับไปแล้วเธอจึงถอนหายใจออกมา

            "เฮ่อ..ก็บอกแล้วนี้ว่าให้ฟรี...เจ้าเด็กบ๊องเอ๊ย...ของขวัญวันเกิดมีใครเขาคิดตังกันนะ"

    "ช่างเถอะ...สุขสันต์วันเกิด..สิบเจ็ดปีแล้วสินะไซเฟอร์ "

            "...กาลครั้งหนึ่ง..นาน..มาแล้ว"ไซเฟอร์เปิดอ่านหนังสือนิยายเล่มนั้น มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้หนึ่งผู้ที่ได้รับพลังจากมังกรสีดำและต้องการตั้งตนเป็นใหญ่ เข้าต่อสู้กับพวกจอมเวทย์

    แม้แนวเรื่องจะเป็นเรื่องสไตล์ที่เขาไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธความสนุกของมันได้    

             เด็กหนุ่มเดินอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้ากำแพงอิฐสีน้ำตาลแดง หมอกลงหนาจนมองไม่เห็นรอบข้าง..ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สนใจตายังจับจ้องที่ตัวหนังสือ ขาก้าวไปข้างหน้า เดินตรงไป..ตรงไป...ตรงไป...

    จนทะลุกำแพงโดยที่ไม่รู้ตัว!!?

    ......................................

                "ถึงแล้วสินะ"ไซเฟอร์ละสายตาจากหนังสือ ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าประตูสีเงินที่มีลวดลายสวยงาม เหนือประตูมีป้ายสีขาวเขียนด้วยตัวอักษรสีแดงถูกติดเอาไว้ แต่สวนหนึ่งข้างป้ายขาดหายไปเหลือเพียงส่วนต้นที่เขียนว่า

      "งานปฐมนิเทศ…"

                 ถึงอย่างไรส่วนหลังของประโยคก็คงไม่พ้น ชื่อมหาวิทยาลัย  ไซเฟอร์จึงไม่ได้ใส่ใจกับมัน เขาเดินตรงเข้าประตูไป

                 "มาปฐมนิเทศเหรอน้อง"ยามเฝ้าประตู เอ่ยปากถาม เขาแต่งตัวด้วยชุกเกราะเหมือนพวกอัศวินในยุโรปยุคกลาง ไซเฟอร์กระตุกนิดนึงต้องที่โดนทัก แต่ก็ตอบกลับไป

                  "เอ่อ...ฮะ"

                "วันนี้ยังไม่ปฐมนิเทศนะน้อง...พอดีมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย...วันนี้เข้าไปพักที่หอก่อนล่ะกัน...อ้อ..ไปลงชื่อที่ตึกอำนวยการด้วย..เดินตรงไปนะ"

               "ขอบคุณฮะ"

              หลังจากที่ไซเฟอร์เดินไปแล้ว  ส่วนท้ายของป้ายที่ขาดไปกลับงอกออกมาเองอย่างหน้าอัศจรรย์ จนอ่านได้ความว่า

    "งานปฐมนิเทศ...โรงเรียนมหาเวทย์"

               ...โห...แต่ขนาดยามยังแต่งตัวซะขนาดนั้น...มีงานอะไรกันนะ...เด็กหนุ่มคิดในใจแต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของฝูงชน

                 ชายหญิงเจ็ดแปดคนกำลังลอยอยู่ในอากาศ พร้อมกับร่ายเวทย์ปล่อยลูกบอลแสงเข้าใส่กัน เมื่อบอลแสงชนกันก็ระเบิดตูมตาม เกิดแสงสว่างหลากสีสัน ผู้ชมที่ยืนดูต่างก็สงเสียงฮือฮากันใหญ่

               สงสัยเขากำลังโฆษณาหนังแน่เลย... ไซเฟอร์มองดูแล้วก็นึกถึงตัวอย่างภาพยนตร์ในโทรทัศน์ที่เขาเห็นตอนลงจากรถไฟ

                จะตื่นเต้นอะไรนักหนา...เป็นความคิดแวบเข้ามาในหัวของไซเฟอร์ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนรอบข้าง สำหรับเขาที่เกิดมาในโลกที่วิทยาศาตร์เจริญก้าวหน้า การใช้เครื่องต้านแรงโน้มถ่วงให้คนลอยได้ หรือการสร้างภาพสามมิติเสมือนจริง เพื่อให้ดูเหมือนกำลังใช้เวทย์มนคร์ต่อสู้กันจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

               เด็กหนุ่มเดินตรงไปตามทางโดยที่ไม่สนใจการแสดงปาหี่พวกนั้นอีก เขาเดินตรงตามทางไปเรื่อยๆจนเห็นตึกรูปทรงเหมือนเสาดอริกของกรีกโบราณ เขาเดินตรงเข้าไปข้างใน ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งทาเล็บอยู่ในเคาเตอร์ ผมสีดำถูกมัดรวบอย่างลวกๆ ดูแล้วท่าทางจะเป็นอาจารย์

           "เอ่อขอโทษครับ...ที่นี้ตึกอำนวยการสินะครับ"

               "ใช่จ๊ะ..เอ่อ..เธอคือ"หญิงสาวหันมามองไซเฟอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

           "..ไซเฟอร์ครับ...ไซเฟอร์ ฟิโลโซ่"เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย

               "เดี๋ยวนะ...อะเจอแล้ว...ไซเฟอร์ ฟิโลโซ่...นอนหอสี่ ห้องสามสองหนึ่ง"

           "ขอบคุณฮะ"

               "น่าแปลกเธอมาสมัครตอนนี้นะ"

           "ทำไมเหรอครับ"

              "ก็นานๆทีจะได้มีโอกาสดูการต่อสู้ของรุ่นพี่ทั้งที..."

             ...การต่อสู้...รุ่นพี่...ไอ้ปาหี่นั้นน่ะนะ...ไซเฟอร์คิดในใจ

             "แล้วทำไมต้องดูด้วยล่ะครับ"

             "...การดูพวกรุ่นพี่...จะได้เป็นการศึกษาเทคนิกการใช้เวทย์จากพวกเขาไงจ๊ะ...ก็พรุ่งนี้มันมีการทดสอบเวทย์ของนักเรียนใหม่เพื่อเลือกห้องเรียน"

               "เวทย์!?...เมื่อกี๊..บอกว่า…"

               "ใช่จ๊ะ..การทดสอบเวทย์...ก็ที่นี้คือโรงเรียนมหาเวทย์นี่จ๊ะ..ถ้าไม่ทำสอบด้วยเวทมนตร์ จะทดสอบด้วยอะไรล่ะ..."

                ไซเฟอร์วิ่งออกจากตึกไปในทันทีโดยที่ไม่รอให้อาจารย์สาวผู้จบ เขาวิ่งตรงไปเรื่อยๆ

    อย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะสะดุดก้อนหินล้มกลิ้ง เขาไม่ลุกขึ้นแต่กลับทิ้งตัวนอนกับพื้น ไซเฟอร์หลับตาลงและ เริ่มทำการสะกดจิตตัวเองในใจพูดแต่คำว่า ฝัน..ฝัน..ฝัน..ซ้ำไปซ้ำมา

                     เรากำลังฝันๆๆๆ...ใช่..มันเป็นแค่ฝันเท่านั้น...ตอนนี้เราต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยปรัชญาที่เราสอบติดสิ....

                ใช่....มันเป็นแค่ฝัน.....

              เขาพลิกตัวนอนหงายและลืมตา...ฟ้ามืดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าช่างดูงดงามในเวลาแบบนี้แต่มันกลับทำให้ไซเฟอร์ลุกขึ้นและตะโกนดังลั่น

            "ตูอยู่ที่ไหนวะเนี้ยยยย!?"

    เพราะแทนที่ดวงจันทร์จะมีดวงเดียว...มันดันมีสามดวงนี่สิ

             

    ........................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×