คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 เด็กปรัชญาหลงมิติ
Philosophy...หรือปรัชญา มาจากรากศัพท์ในภาษากรีกโบราณ ที่แปลว่า รักในปัญญา
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของผู้ที่ชื่นชอบในวิชาปรัชญา...เรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ผู้รักในปัญญา
ตอนที่1 เด็กปรัชญาหลงมิติ
อโยธยา มหานครแห่งความเจริญ ศูนย์รวมแห่งวิทยาการ เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้าและรางรถไฟนับสิบที่ดูเหมือนท่อใสๆพาดสูงเหนือพื้นดินหลายสิบเมตร รถไฟหัวกระสุนไม่มีล้อ แล่นในหลอดด้วยความเร็วสูงเพราะแรงอัดอากาศภายในหลอด
รถไฟสีเงินขบวนหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมือง เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองดูผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เดินขวักไขว่บนถนนหนทางเบื้องล่าง ผ่านทางกระจกของรถไฟ
ไซเฟอร์ เป็นเด็กหนุ่มสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำผึ้ง ท่าทางสงบเสงี่ยมและดูธรรมดาๆ
"วันนี้แล้วสินะ"เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองขณะพยายามบังคับให้มือของตัวเองหยุดสั่น เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่เมืองหลวง แต่ที่ตื่นเต้นก็เพราะในวันนี้
เป็นวันปฐมนิเทศ ของ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาปรัชญาโดยเฉพาะ
ไซเฟอร์ลงที่ชานชาลาแห่งหนึ่ง ตรงหน้ามีจอภาพขนาดใหญ่กำลังฉายหนังเรื่องอะไรซักอย่าง ที่กำลังดังมาก เกี่ยวกับไอ้หนุ่มจอมเวทย์และพรรคพวกเขาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกเป็นโขยง เขามองดูอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินต่อไป
ไซเฟอร์ชื่นชอบในวิชาปรัชญาแขนงต่างๆมาตั้งแต่เด็ก เขาคิดว่าทุกสิ่งล้วนมีเหตุผล ที่อธิบายได้ด้วยตรรกะและหลักทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า พวกเวทมนตร์ อาคม พลังเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่ภูติ ผี ปีศาจ ออกจะเป็นเรื่องหลอกเด็กที่เพ้อฝัน ถึงกระนั้นก็ยังมีคนที่เชื่อในอะไรพวกนั้น นั้นแหละคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
"ถ้าเดินตรงตามทางนี้ไปเรื่อยๆก็น่าจะเจอ
"ไซเฟอร์พูดกับตัวเอง หลังจากพลิกแผนที่ไปมาหลายต่อหลายรอบ ในที่สุดก็ดูเหมือนเขาจะหาทางไปมหาวิทยาลัยเจอแล้ว เด็กหนุ่มเดินตรงไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจร้านแผงลอยที่อยู่สองข้างทาง ทว่าก็หันไปเห็นร้านหนังสือร้านหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ
เจ้าของร้านเป็นคุณยายแก่ๆ แต่งตัวปอนๆ ร่างกายซูบผอมเหมือนคนอดมือกินมือ นั่งอยู่บนเสื่อลายผ้าถุง มีหนังสือมือสองกองอยู่รอบตัว
ไซเฟอร์รู้สึกสะดุดตาหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นหนังสือสีดำสนิท มีตัวหนังสือสีทอง เขียนด้วยอักษรแปลกๆที่เขาอ่านไม่ออก
เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเป็นนิยาย
"คุณยาย เล่มนี้เท่าไรฮะ"
"เล่มนั้นไม่ขาย...ให้ฟรี"
"ทำไมรึครับ"
"เพราะมันเป็น หนังสือต้องสาป...ไม่มีใครอยากจะได้หรอก"
"น่าสนุกดี...ขอเล่มนี้แหละฮะ"
"ฮิๆ ไม่กลัวรึไอ้หนู"
"ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ จะพิสูจน์ให้ดูว่าของแบบนั้นมันไม่มีหรอก"
"ค่าหนังสือฮะ"เด็กหนุ่มควักแบงค์ร้อยออกมาหนึ่งใบก่อนจะเดินต่อไป หญิงชราหยิบมันขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มหายลับไปแล้วเธอจึงถอนหายใจออกมา
"เฮ่อ..ก็บอกแล้วนี้ว่าให้ฟรี...เจ้าเด็กบ๊องเอ๊ย...ของขวัญวันเกิดมีใครเขาคิดตังกันนะ"
"ช่างเถอะ...สุขสันต์วันเกิด..สิบเจ็ดปีแล้วสินะไซเฟอร์ "
"...กาลครั้งหนึ่ง..นาน..มาแล้ว"ไซเฟอร์เปิดอ่านหนังสือนิยายเล่มนั้น มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้หนึ่งผู้ที่ได้รับพลังจากมังกรสีดำและต้องการตั้งตนเป็นใหญ่ เข้าต่อสู้กับพวกจอมเวทย์
แม้แนวเรื่องจะเป็นเรื่องสไตล์ที่เขาไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธความสนุกของมันได้
เด็กหนุ่มเดินอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้ากำแพงอิฐสีน้ำตาลแดง หมอกลงหนาจนมองไม่เห็นรอบข้าง..ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สนใจตายังจับจ้องที่ตัวหนังสือ ขาก้าวไปข้างหน้า เดินตรงไป..ตรงไป...ตรงไป...
จนทะลุกำแพงโดยที่ไม่รู้ตัว!!?
......................................
"ถึงแล้วสินะ"ไซเฟอร์ละสายตาจากหนังสือ ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าประตูสีเงินที่มีลวดลายสวยงาม เหนือประตูมีป้ายสีขาวเขียนด้วยตัวอักษรสีแดงถูกติดเอาไว้ แต่สวนหนึ่งข้างป้ายขาดหายไปเหลือเพียงส่วนต้นที่เขียนว่า
"งานปฐมนิเทศ
"
ถึงอย่างไรส่วนหลังของประโยคก็คงไม่พ้น ชื่อมหาวิทยาลัย ไซเฟอร์จึงไม่ได้ใส่ใจกับมัน เขาเดินตรงเข้าประตูไป
"มาปฐมนิเทศเหรอน้อง"ยามเฝ้าประตู เอ่ยปากถาม เขาแต่งตัวด้วยชุกเกราะเหมือนพวกอัศวินในยุโรปยุคกลาง ไซเฟอร์กระตุกนิดนึงต้องที่โดนทัก แต่ก็ตอบกลับไป
"เอ่อ...ฮะ"
"วันนี้ยังไม่ปฐมนิเทศนะน้อง...พอดีมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย...วันนี้เข้าไปพักที่หอก่อนล่ะกัน...อ้อ..ไปลงชื่อที่ตึกอำนวยการด้วย..เดินตรงไปนะ"
"ขอบคุณฮะ"
หลังจากที่ไซเฟอร์เดินไปแล้ว ส่วนท้ายของป้ายที่ขาดไปกลับงอกออกมาเองอย่างหน้าอัศจรรย์ จนอ่านได้ความว่า
"งานปฐมนิเทศ...โรงเรียนมหาเวทย์"
...โห...แต่ขนาดยามยังแต่งตัวซะขนาดนั้น...มีงานอะไรกันนะ...เด็กหนุ่มคิดในใจแต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของฝูงชน
ชายหญิงเจ็ดแปดคนกำลังลอยอยู่ในอากาศ พร้อมกับร่ายเวทย์ปล่อยลูกบอลแสงเข้าใส่กัน เมื่อบอลแสงชนกันก็ระเบิดตูมตาม เกิดแสงสว่างหลากสีสัน ผู้ชมที่ยืนดูต่างก็สงเสียงฮือฮากันใหญ่
สงสัยเขากำลังโฆษณาหนังแน่เลย... ไซเฟอร์มองดูแล้วก็นึกถึงตัวอย่างภาพยนตร์ในโทรทัศน์ที่เขาเห็นตอนลงจากรถไฟ
จะตื่นเต้นอะไรนักหนา...เป็นความคิดแวบเข้ามาในหัวของไซเฟอร์ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนรอบข้าง สำหรับเขาที่เกิดมาในโลกที่วิทยาศาตร์เจริญก้าวหน้า การใช้เครื่องต้านแรงโน้มถ่วงให้คนลอยได้ หรือการสร้างภาพสามมิติเสมือนจริง เพื่อให้ดูเหมือนกำลังใช้เวทย์มนคร์ต่อสู้กันจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เด็กหนุ่มเดินตรงไปตามทางโดยที่ไม่สนใจการแสดงปาหี่พวกนั้นอีก เขาเดินตรงตามทางไปเรื่อยๆจนเห็นตึกรูปทรงเหมือนเสาดอริกของกรีกโบราณ เขาเดินตรงเข้าไปข้างใน ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งทาเล็บอยู่ในเคาเตอร์ ผมสีดำถูกมัดรวบอย่างลวกๆ ดูแล้วท่าทางจะเป็นอาจารย์
"เอ่อขอโทษครับ...ที่นี้ตึกอำนวยการสินะครับ"
"ใช่จ๊ะ..เอ่อ..เธอคือ"หญิงสาวหันมามองไซเฟอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"..ไซเฟอร์ครับ...ไซเฟอร์ ฟิโลโซ่"เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย
"เดี๋ยวนะ...อะเจอแล้ว...ไซเฟอร์ ฟิโลโซ่...นอนหอสี่ ห้องสามสองหนึ่ง"
"ขอบคุณฮะ"
"น่าแปลกเธอมาสมัครตอนนี้นะ"
"ทำไมเหรอครับ"
"ก็นานๆทีจะได้มีโอกาสดูการต่อสู้ของรุ่นพี่ทั้งที..."
...การต่อสู้...รุ่นพี่...ไอ้ปาหี่นั้นน่ะนะ...ไซเฟอร์คิดในใจ
"แล้วทำไมต้องดูด้วยล่ะครับ"
"...การดูพวกรุ่นพี่...จะได้เป็นการศึกษาเทคนิกการใช้เวทย์จากพวกเขาไงจ๊ะ...ก็พรุ่งนี้มันมีการทดสอบเวทย์ของนักเรียนใหม่เพื่อเลือกห้องเรียน"
"เวทย์!?...เมื่อกี๊..บอกว่า
"
"ใช่จ๊ะ..การทดสอบเวทย์...ก็ที่นี้คือโรงเรียนมหาเวทย์นี่จ๊ะ..ถ้าไม่ทำสอบด้วยเวทมนตร์ จะทดสอบด้วยอะไรล่ะ..."
ไซเฟอร์วิ่งออกจากตึกไปในทันทีโดยที่ไม่รอให้อาจารย์สาวผู้จบ เขาวิ่งตรงไปเรื่อยๆ
อย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะสะดุดก้อนหินล้มกลิ้ง เขาไม่ลุกขึ้นแต่กลับทิ้งตัวนอนกับพื้น ไซเฟอร์หลับตาลงและ เริ่มทำการสะกดจิตตัวเองในใจพูดแต่คำว่า ฝัน..ฝัน..ฝัน..ซ้ำไปซ้ำมา
เรากำลังฝันๆๆๆ...ใช่..มันเป็นแค่ฝันเท่านั้น...ตอนนี้เราต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยปรัชญาที่เราสอบติดสิ....
ใช่....มันเป็นแค่ฝัน.....
เขาพลิกตัวนอนหงายและลืมตา...ฟ้ามืดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าช่างดูงดงามในเวลาแบบนี้แต่มันกลับทำให้ไซเฟอร์ลุกขึ้นและตะโกนดังลั่น
"ตูอยู่ที่ไหนวะเนี้ยยยย!?"
เพราะแทนที่ดวงจันทร์จะมีดวงเดียว...มันดันมีสามดวงนี่สิ
........................................................................
ความคิดเห็น