คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : After Midnight : 13
หลังจากที่คริสถูกชานยอลปฏิเสธที่จะแช่ออนเซ็นด้วยกันในตอนกลางวันแล้วขอเลื่อนมาเป็นเวลาหลังเที่ยงคืน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวซีดราวกับหิมะที่กำลังตกอยู่ในขณะนี้จึงมาแช่ออนเซ็นล่วงหน้ารออีกคนมาตามเวลาที่นัดเอาไว้
ดวงตาคมหลับพริ้ม แผ่นหลังกว้างพิงไว้กับหินขอบบ่อ อากาศที่หนาวเหน็บไม่ได้ทำให้ร่างกายท่อนบนที่โผล่พ้นน้ำร้อนๆขึ้นมานั้นมีความรู้สึกได้เลย แต่แล้วชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นเมื่อเมื่อรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของน้ำในบ่อออนเซ็น
“นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก” ชานยอลพูดขึ้นเมื่ออีกคนหันมอง
“ถ้ามาช้ากว่านี้อีกสักนิดก็อาจจะ” คริสบอกพร้อมกับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“จะว่าไปถึงแช่ออนเซ็นแล้วแต่มันก็ยังรู้สึกหนาว ผมว่านอนห่มผ้าอยู่บนบ้านอุ่นกว่ากันเยอะเลย” ร่างโปร่งบอกก่อนจะเลื่อนตัวลงจนน้ำถึงต้นคอ
“ถ้าจะหนาวขนาดนี้ผมว่ากลับไปนอนเถอะ” คริสกลั้นยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชานยอล
“ไม่ๆๆ แบบนี้แหละดีเลยร้อนสะใจเลยทีเดียว นี่ถ้าไม่กลัวร้อนหน้าจะดำลงไปแล้วนะเนี้ย” ชานยอลบอกพร้อมทำท่าเหมือนจะมุดหน้าลงไปในน้ำ
“ผมว่าผมพอจะช่วยได้นะ”
“อะไร?”
ซีนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน...หลังไมค์
………………………………………………………………..
ภายในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ สึนะที่วันนี้ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่โรงพยาบาลแต่กลับมานั่งหน้าเครียดอยู่คนที่ห้องรับแขก วันนี้เป็นวันที่เธอต้องการจะเคลียร์บางเรื่องให้กระจ่างและระหว่างนั้นคนที่เธอต้องการเจอก็เดินเข้ามาหาเธอพอดี
“วันนี้หยุดหรอพี่?”
“อือ” หญิงสาวตอบสั้นๆ
“เป็นอะไรเนี้ยดูเครียดๆ ทะเลาะกับพี่ซางะอีกแล้วหรอ?” เด็กหนุ่มถามก่อนจะทิ้งตัวนั่งลองข้างๆสึนะ
“เซฮุน...”
“ฮะ?” เด็กหนุ่มตอนรับพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นพี่สะใภ้ด้วยความแปลกใจ เพราะน้ำเสียงที่เรียกนั้นดูเครียดกว่าปกติ
“นี่อะไร?” สึนะถามพร้อมกับชูขวดแก้วเล็กๆขึ้นมาตรงหน้า
“พะ..พี่ ไปเอามันมาจากไหน” เซฮุนหน้าเสียทันทีที่เห็นขวดเล็กๆในมือสึนะ
“เอามาจากไหนไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือแกไปเอามันมาทำอะไร!!” ระดับเสียงของหญิงสาวเพิ่มขึ้นจนเซฮุนรู้สึกกลัว
“ผม..” เซฮุนก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ดวงตาที่ดุดันของสึนะทำให้เขาคิดทำแก้ตัวไม่ออก
“เมื่อไม่นานมานี่พี่เจอสารบางอย่างปนเปือนอยู่ในเลือดที่อยู่ในห้องเก็บเลือดที่บ้านคริส ซึ่งมันตรงกับสิ่งนี้...สิ่งที่พี่ไปเจอในกระเป๋าของแก ตอนนี้พี่ไม่ต้องการคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่พี่ต้องการคือ..แกทำแบบนี้ทำไม!!” สึนะเน้นเสียงพร้อมกับจ้องคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยสายตาแข็งกร้าวไร้ความใจดีอย่างที่เคยเป็น
“ผมขอโทษฮะ” เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเบา
“พี่ผิดหวังในตัวแกมากๆ ทำไมแกต้องทำแบบนี้ บอกเหตุผลมา!” ระดับเสียงของหญิงสาวลดลง แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความโกรธในน้ำเสียงนั้น
“คือ..เมื่อหลายปีก่อน ที่อาการพี่คริสเริ่มดีขึ้น...พี่ซางะบอกให้ผมเอายานี่ไปใส่ผสมกับเลือดที่พี่ต้องให้พี่คริส มันไม่ถึงกับทำให้อาการพี่เขาทรุดลง แต่มันจะทำให้โรคที่พี่คริสเป็นไม่หายขาด...ก็แค่นั้น” เมื่อพูดจบเซฮุนก็ก้มหน้าลงเช่นเดิม
“พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง! ฉันล่ะโคตรผิดหวังในตัวแกสองคนจริงๆ!!”
หญิงสาวพูดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกลับไปยังห้องของตัวเองทันที ปล่อยให้เซฮุนตบหน้าผากตัวเองไปฉาดใหญ่เพราะไม่สามารถหาคำอธิบายดีๆให้ผู้เป็นพี่สะใภ้ลดความโกรธลงได้เลย
เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นเลยและความจริงมันไม่ควรจะนำมาเป็นเหตุผลเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นไปตามที่เซฮุนบอกจริงๆ เพราะซางะรู้ว่าหากคริสอาการไม่ดีขึ้นคนที่นายอู๋ต้องไว้ใจให้ช่วยดูแลกิจการต่อต้องไม่พ้นเขาอย่างแน่นอน ซางะจึงให้ผู้เป็นน้องนำสารที่ว่าไปใส่ในเลือดที่สำรองไว้เพื่อคริสทำให้โรคที่คริสเป็นไม่หายขาดไปเสียทีและแม้ว่าเซฮุนเคยคิดที่จะปฏิเสธแต่ด้วยความที่เกรงใจพี่ชายและเห็นว่ามันไม่ได้ทำให้อาการของคริสแย่ลงเขาจึงเลือกทำสิ่งนี้เรื่อยมา
เซฮุนรู้ตัวดีว่าเขาทำผิดอย่างไม่หน้าให้อภัยเขากำลังรู้สึกว่าไม่มีใครไว้ใจเขาอีกแล้ว เด็กหนุ่มเดินฝ่าความหนาวออกมาจากบ้านอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ปัญหานี้เขาไม่สามารถปรึกษากับใครได้เลย แม้แต่จะพูดกับตัวเองเขายังรู้สึกละอายใจเพราะทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิด แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำเพียงแค่เชื่อฟังคนผิด...
“เฮ๊ย! เดินดูตาม้าตาเรือบ้างสิวะ!”
เสียงหนึ่งโวยวายขึ้นมาเมื่อโดนเซฮุนที่เดินล่องลอยจนไม่ทันได้มองอะไรชนเข้า ซึ่งเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นวัยรุ่นชายมากันประมาณสี่ถึงห้าคนท่าทางเอาเรื่องพอสมควร เซฮุนกลอกตาก่อนจะเดินออกมาอย่างรู้สึกเบื่อ แต่เมื่อก้าวเท้าออกมาไม่เท่าไหร่ร่างของเขาก็ถูกกระชากกลับไปที่เดิมอีกครั้ง
“เดินชนคนอื่นแล้วจะไม่คิดจะขอโทษกันเลยหรอ????” ชายคนเดิมถามพร้อมกับกระชากเสื้อของเซฮุนด้วยท่าทีหาเรื่อง
“ขอโทษ” เซฮุนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเพื่อตัดปัญหา
“เฮ๊อะ! มันไม่ง่ายแล้วว่ะ”
“อ่าว ตกลงจะเอาไงเนี้ย” เซฮุนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกหาเรื่องจึงถามออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาไงหรอ..”
ผวั๊ะ!!
หมัดหนักๆถูกกระแทกลงบนใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวจนร่างสูงโปร่งเซไปอีกทาง นิ้วเรียวค่อยๆแตะลงตรงมุมปากและเมื่อเซฮุนมองไปที่นิ้วของตัวเองก็พบว่ามีเลือดสีแดงสดติดมาด้วยมันทำให้เขารู้สึกโกรธมากจนพลั้งมือปล่อยหมัดใส่ชายคนนั้นโดยลืมดูว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว
เด็กหนุ่มร่างสูงไม่สามารถสู้กลุ่มวัยรุ่นชายพวกนั้นได้เลยและเมื่อมาบวกกับความรู้สึกแย่ๆที่ทำให้เขาต้องออกมาเจอเหตุการณ์นี้จึงทำให้เซฮุนต้องยอมแพ้แล้วพร้อมให้คนพวกนั้นรุมทำร้ายจนสาแก่ใจ
ตุบ!
หนึ่งในกลุ่มนั้นถูกฝ่าเท้าของใครบางคนยันเข้าไปเต็มแรงจนเซล้มกันระเนระนาดและเมื่อวัยรุ่นอันธพาลเหล่านั้นเห็นว่าเป็นใครก็ถึงกับหยุดชะงัก
“พวกแกนี่หน้าตาคุ้นๆนะ” หนุ่มร่างบางว่าพลางจ้องหน้าเด็กเหล่านั้นทีละคน
“คะ คุณคาชิยะ..พวกเรา..” หนึ่งในนั้นพูดติดๆขัดๆและไม่กล้าสบสายตาที่ที่แข็งกร่าวของลู่หาน
“อ๋อๆๆ ฉันจำได้ละ พวกแกเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนหนิ! เฮ๊อะ! เปิดเทอมนี้พ่อแม่พวกแกได้รับข่าวดีแน่ๆ ไป๊!!!”
ลู่หานตะคอกใส่กลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นเสียงดังลั่นและด้วยความเกรงกลัวเด็กกลุ่มนั้นจึงรีบหนีเตลิดกันไปคนละทิศคนละทางทันที
“เซฮุน จะไปไหน!”
ลู่หานเรียกคนที่กำลังพยายามจะลุกขึ้นหนี แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไรแถมยังพยายามที่จะหนีหน้าลู่หานทั้งๆที่เจ็บตัวจนแทบจะลุกขึ้นยืนไม่ได้
“นี่!!”
“โอ๊ย!” เซฮุนล้มลงอีกครั้งเมื่อลู่หานไปกระชากแขนเขาไว้หลังจากที่เขาพยายามจะหนีไป
“เจ็บแล้วยังจะทำเก่งอีก ไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนรุมกระทืบเอาเนี้ยห๊ะ” ลู่หานถามพลางพยุงร่างของเซฮุนให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“เซฮุน..” คนตัวเล็กกว่าเรียกเมื่อเห็นว่าเซฮุนไม่ยอมพูด
“ผมไม่เป็นไรแล้ว พี่กลับไปเถอะ” เซฮุนบอกพร้อมกับยกนิ้วเรียวยาวขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากริมฝีปาก
“มีอะไรหรือเปล่า?” ลู่หานถามอีกครั้ง เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายมีท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็ยังเป็นผม..เป็นคนไม่ดีอย่างที่พี่เคยมองนั่นแหละ” เซฮุนบอกก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น ปล่อยให้ลู่หานได้แต่อึ้งอยู่กับคำพูดนั้นอยู่เพียงลำพัง
ร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับความเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่ว่านั้นมันไม่ใช่ร่างกายที่เพิ่งโดนทำร้าย แต่หากเจ็บที่หัวใจ..เจ็บที่ไม่สามารถจะกลับไปเป็นคนดีในสายตาของลู่หานได้เลยและถึงแม้ตอนนี้ลู่หานจะยังไม่รู้ แต่เขาเชื่อความเรื่องนี้จะไม่เป็นความลับอย่างแน่นอน....
...................................................................
ท่ามกลางความหนาวเย็นชานยอลและไคพากันเดินย่ำไปบนถนนที่มีแต่หิมะสีขาวปกคลุมไปตลอดทาง ทั้งสองหนุ่มอาสาออกมาจ่ายตลาดให้กับแม่ครัวประจำบ้านและในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินกลับบ้านอยู่นั่นเอง ก็มีรถคันหรูขับมาจอดเทียบข้างๆ ทำให้ทั้งสองต้องหยุดเดินและมองคนที่กำลังเลื่อนกระจกรถลงมาทักทายพวกเขาทั้งสองคน
“นึกแล้วว่าต้องเป็นพวกคุณ ไปด้วยกันไหมพอดีผมจะแวะเข้าไปหาคริสพอดี” จื่อเทาบอกพร้อมกับถอดแว่นดำของตัวเองออก เผยให้เห็นดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาอย่างชัดเจน
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พอดีผมสองคนต้องแวะไปทำธุระต่อด้วยไม่ขอรบกวนคุณดีกว่า” ชานยอลบอกพร้อมยิ้มให้ตามมารยาท
“โอเค๊ งั้นเจอกันที่บ้านนะ”
จื่อเทาบอกก่อนจะขับรถออกไป ชานยอลและไคมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายและความจริงทั้งสองคนก็ไม่มีธุระที่อื่นตามที่บอกกับจื่อเทาไปด้วยซ้ำ แต่ที่ชานยอลบอกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากผูกมิตรกับคนอย่างจื่อเทานั่นเอง
“อันตรายยันหน้าตาจริงๆ” หนุ่มผิวเข้มบอกก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย
“นายจะบอกว่าเขาหน้าตาดีเป็นอันตรายต่อสาวๆสินะ ฮ่าๆๆๆ” ชานยอลพูดก่อนจะหัวเราะจนไอสีขาวออกมาจากปาก
“เปล่าซะหน่อยยยยย จะบอกว่าหน้าตามันบ่งบอกถึงความอันตราย ไม่ใช่หล่ออันตราย วู๊ว!!”
ทั้งสองคนเดินกันไปเล่นกันไปตลอดทางจนถึงบ้านและเมื่อทั้งสองคนเห็นรถที่จอดอยู่ตรงทางเข้าความร่าเริงที่มีมาตลอดทางก็หายไปทันที ชานยอลและไคนำของที่ซื้อมาทั้งหมดไปส่งให้แม่ครัวก่อนจะกลับขึ้นมาบนบ้านเพื่อกลับไปยังห้องของตัวเอง แต่ในระหว่างนั้นคริสและเทาก็เดินผ่านมาพอดี
เมื่อคริสและชานยอลเจอหน้ากัน ทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมายนอกจากยิ้มให้กันเล็กน้อย แต่ช่วงที่เขาทั้งสองคนเดินสวนทางกันนั้นนิ้วเรียวยาวของคริสก็แอบสัมผัสเข้ากับปลายนิ้วของชานยอล ต่างฝ่ายต่างแอบยิ้มกับการกระทำนี้ แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อคนที่เดินตามหลังมาพูดแซวขึ้นเบาๆ
“แหมมม มีแตะนงแตะนิ้ว โอ๊ยหนาว” ไคว่าก่อนจะเดินแซงหน้าชานยอลไป แต่ก็ไม่วายโดนเพื่อนร่างโปร่งเตะเข้าที่ขาเบาๆ
“เดี๋ยวเหอะ!” ชานยอลว่าพร้อมเตรียมจะวิ่งไล่เพื่อนตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมาเสียก่อน
“ฮัลโหลครับ..อ่าว เซฮุน......ได้สิๆ เดี๋ยวออกไป...โอเคๆ”
“มีอะไรหรอ?” ไคถามพร้อมกับเดินเข้ามาหาเพื่อนร่างโปร่งอีกครั้ง
“เซฮุนโทรมา บอกว่าอยู่ข้างนอกให้ออกไปหาหน่อย ฟังจากเสียงแล้วอาการหน้าเป็นห่วง” ชานยอลบอกพลางเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าอย่างเดิม
“มันแปลกๆนะนายคนนี้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะคุยด้วยมาวันนี้ให้ออกไปหา มันจะล่อเราไปฆ่าหรือเปล่าเนี้ย”
“นายนี่ท่าจะดูหนังเยอะนะ จะไปไหมเนี้ย?” ชานยอลถามพร้อมตั้งท่าเตรียมจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง
“ไปก็ได้” ไคบอกพร้อมกับเดินตามเพื่อนไปด้วยท่าทีเหมือนเด็กที่ถูกบังคับ
ไม่นานนักชานยอลและไคก็มาถึงที่ที่เซฮุนได้นัดเอาไว้ซึ่งการนัดเจอกันครั้งนี้ก็มีเรื่องให้ทั้งคู่ต้องตกใจกันถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือสภาพที่บอบช้ำของเซฮุน เรื่องที่สองคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องออกจากบ้านมาจนมีสภาพเช่นนี้
“งั้นที่ฉันเห็นนายออกมาจากบ้านพี่คริสวันนั้นก็...” ไคเว้นช่วงคำพูดไว้เพื่อรอเจ้าตัวเป็นคนเติมคำตอบที่ถูกต้องด้วยตัวเอง
“อือ..นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันทำ” เซฮุนบอกก่อนจะก้มหน้าลง
“ฉันว่านายควรบอกเรื่องนี้กับคริสด้วยตัวเองนะ มันคงทำให้เขาโกรธน้อยกว่าที่รู้จากปากคนอื่น” ชานยอลบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเห็นใจ
“ผมคงไม่กล้าบอกหรอก ตอนนี้ผมไม่กล้าแบกหน้าตัวเองไปเจอพี่เขาด้วยซ้ำ”
“ทีงี้ล่ะไม่กล้า” หนุ่มผิวเข้มว่าก่อนจะเงียบลงเพราะโดนชานยอลหยุดคำพูดไว้ด้วยสายตา
“เอางี้ เดี๋ยวฉันจะไปพูดเกริ่นๆกับเขาก็แล้วกัน ผลเป็นยังไงแล้วฉันจะบอก ส่วนตอนนี้ฉันว่านายกลับบ้านไปก่อนเถอะ อากาศก็หนาวแถมออกมาเจ็บตัวด้วยคนที่บ้านจะเป็นห่วงเอา” ชานยอลบอกก่อนจะถอดเสื้อแจ็กเก็ตส่งให้กับหนุ่มรุ่นน้อง
“ไม่อะ ผมไม่อยากกลับไปที่บ้านแล้ว”
“อ่าว ไม่กลับแล้วจะไปไหน จะรอหนาวตายอยู่ข้างนอกนี่หรือไง” ไคถามออกไปด้วยน้ำเสียงห้วน แต่ข้างในลึกๆก็แอบเป็นห่วงอีกคนอยู่เช่นเดียวกัน
“งั้นกลับไปกับพวกเรา ไปอยู่ที่โน้นสักพักฉันจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับคริสจนกว่าจะถึงเวลา แล้วก็คิดว่าพี่สึนะจะยังไม่พูดเหมือนกัน” ชานยอลยื่นข้อเสนอให้กับเซฮุน เพราะหากปล่อยให้อีกคนไปตามทางคงจะไม่รอดแน่ๆ
“เอาไง? ไปไหม เริ่มหนาวแล้วเนี้ย” หนุ่มผิวเข้มพูดเร่งให้อีกคนรีบตัดสินใจ
“อย่าคิดนานเลย ไปกันเถอะ” ชานยอลว่าก่อนจะดึงร่างของเซฮุนให้ลุกขึ้นเดินตามตัวเองกลับไปที่บ้านด้วยกัน
เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่สามารถตัดออกไปได้ ต่อจากนี้โรคของคริสอาจจะได้รับการรักษาได้อย่างเต็มร้อยเสียที ตอนนี้ได้แค่นับวันรอที่อาการของคริสจะดีขึ้นเพื่อจะได้กลับมาจัดการกับผู้ไม่ไหวดีเป็นลำดับต่อไป...
ความคิดเห็น