คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : After Midnight : 10
หลังจากที่ชานยอลได้มีโอกาสเจอกับจื่อเทาอีกครั้ง มันทำให้เขากระวนกระวายและพยายามหาทางเข้าไปคุยกับสึนะเป็นการส่วนตัว แต่โอกาสนั้นก็ไม่มีให้เขาเลยสักครั้งและวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ชานยอลจะต้องหาโอกาสคุยกับสึนะ เพราะช่วงเย็นวันนี้หญิงสาวจะเข้าไปที่บ้านของคริส เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนชานยอลจึงเรียบกลับมาที่บ้านทันที
“กลับมาแล้วครับ!”
“อ้าว ชานคุงกลับมาซะเร็วเชียวแล้วนั่นจะรีบวิ่งไปไหนน่ะ” ชิโอริตะโกนทักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มวิ่งผ่านหน้าไป
“อ๊ะ! พี่สึนะมาหรือยังครับ?” ชานยอลชะงักก่อนจะวิ่งกลับมาหาหญิงวัยกลางด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
“อ๋อ มาแล้วล่ะ แต่เห็นเดินเข้าไปที่บ้านคุณอากิระโน้นแน่ะ”หญิงวัยกลางบอกก่อนจะยิ้มให้ชานยอลด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวผมเอาของไปเก็บก่อนนะครับ” ร่างโปร่งบอกก่อนจะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรของเขานะเด็กคนนี้” ชิโอริว่าก่อนจะส่ายหัวเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
ในขณะที่คนภายในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลอู๋กำลังดำเนินชีวิตไปตามปกติ แต่ที่บ้านหลังเล็กของคริสก็มีสึนะที่กำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งเงียบๆ ดวงตาคมของหญิงสาวยืนจ้องเข็มเล่มเล็กที่หักเป็นสองท่อน ซึ่งก่อนหน้านั้นมันถูกเสียบไว้ที่บานพับประตูด้วยสภาพที่สมบูรณ์
สมองอันชาญฉลาดของสึนะกำลังคิดเป็นอย่างหนักว่าใครเป็นคนเปิดประตูห้องนี้และถ้าเธอหาคำตอบได้มันก็จะให้เธอหาตัวคนที่นำสารประหลาดที่เจอในเลือดที่ใช้รักษาคริสได้เช่นเดียวกันแต่เมื่อคิดและหาเหตุผลที่ดีให้กับตัวเองไม่ได้ มือเรียวบางจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาและกดเบอร์โทรหาใครอีกคนทันที
“ลู่หาน ยุ่งอยู่หรือเปล่า?” หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในสายทันทีที่ปลายสายมีการตอบรับ
“เพิ่งออกจากบริษัทฮะ พี่มีอะไรหรือเปล่า?”
“พอดีมีเรื่องจะถามนิดหน่อย ตรงนั้นสะดวกคุยหรือเปล่า”สึนะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตึงเครียดเล็กน้อย
“เอ่อ สักครู่นะพี่ พอดีผมกำลังจะขึ้นรถ.......โอเค ว่ามาเลย”ลู่หานบอกก่อนจะมีเสียงปิดประตูรถเข้ามาในสาย
“ก่อนที่คริสจะเข้าโรงพยาบาลกับตอนที่คริสอยู่โรงพยาบาลมีใครเข้าไปในห้องเก็บเลือดสำรองของคริสบ้างหรือเปล่า?”หญิงสาวถามไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเครียดมากกว่าเมื่อสักครู่
“ไม่หนิครับ ตอนที่เข้าไปเก็บของหลังจากที่โดนลอบทำร้ายก็ไม่เห็นมีใครเข้าไปยุ่ง”ลู่หานบอกและเริ่มสงสัยกับคำถามของสึนะขึ้นมาเล็กน้อย
“รีบกลับมานะ พี่จะรออยู่ที่บ้าน” สึนะบอกก่อนจะเดินออกไปจากหน้าห้องนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าพี่...”ลู่หานเริ่มรู้สึกไม่ดีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูคลุมเครือเหมือนมีอะไรของสึนะ
“กลับมาก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง”
“โอเคๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย!”ลู่หานบอกก่อนสึนะจะกดตัดสายไป
หลังจากวางสาย ผ่านไปพักใหญ่ๆลู่หานก็เข้ามาหาสึนะที่บ้านของคริส หญิงสาวยืนทำหน้าเครียดอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน แต่ก็ต้องปรับให้เป็นสีหน้าปกติเมื่อเห็นว่าลู่หานได้มาถึงแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าพี่?” ลู่หานรีบเปิดประเด็นอย่างไม่รีรอ
“ลู่หาน รู้ไหมว่าทำไมโรคของคริสถึงรักษาไม่หายสักที ทั้งๆที่มันควรจะหายไปตั้งนานแล้ว”สึนะรีบบอกอย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน
“เพราะ?” ร่างโปร่งถามสั้นๆด้วยความสงสัย
“เลือดที่พี่สำรองไว้ให้คริสใช้ในเวลาฉุกเฉินมันมีสารบางอย่าปนเปื้อนอยู่ และสารนั้นมันมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่มีประโยชน์ต่อการรักษา”
“แล้วมันไปอยู่ในเลือดพวกนั้นได้ยังไง!” คนหน้าหวานถามอย่างเดือดดาล
“ใจเย็นๆนะ พี่กำลังคิดอยู่ว่าจะเป็นใครได้บ้าง” หญิงสาวก้มหน้าต่ำอย่างใช้ความคิด
“แล้วพี่ไปทำเอาอีท่าไหนถึงได้รู้ว่ามีสารพวกนั้นอยู่ในเลือด” ลู่หานหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นมา
“วันนั้นพี่เข้าไปในห้องแล้วรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครไปหยิบไปจับของพวกนั้นอีกนอกจากพี่ พี่ก็เลยลองเอาเลือดบางส่วนกลับไปตรวจดู...แล้วก็เจอ”
“ปกติก็มีแต่คริสกับพี่ที่เข้าออกห้องนั้นบ่อยๆ นอกจากคริส พี่แล้วผม จะมีใครอีก หรือจะเป็น....”
“พี่สึนะ!!”
ยังไม่ทันที่ลู่หานจะได้เอ่ยชื่อคนที่เขาคิดไว้ออกมา เสียงของชานยอลก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งทั้งสองจำเป็นที่จะต้องหยุดคุยกันเอาไว้แค่นั้น
“อ่าว ชานยอลมีอะไรหรอ?” สึนะถามพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้กับคนร่างโปร่ง
“ผะ ผมนึกออกแล้ว! ผมนึกออกแล้วว่าคนที่ทำร้ายคริสวันนั้นคือใคร!!” ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงติดขัดเพราะทั้งเหนื่อยและตื่นเต้น
“ใคร!!” สึนะและลู่หานรีบถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ผมเคยเจอเขาที่นี่ ในวันที่ตระกูลหวางมาเยี่ยมคริส มันเป็นลูกน้องของคุณจื่อเทา!” ชานยอลพูดทั้งๆที่ยังคงเหนื่อยหอบจากการวิ่ง
“เฮ๊ย! ใช่หรอ? นายจำไม่ผิดคนแน่นะ?!” ลู่หานถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ชานยอลบอก
“ไม่ผิดแน่ๆ เพราะวันนั้นผมเดินชนมันเต็มๆ”
“ถึงว่าล่ะ วันประชุมจื่อเทายื่นข้อเสนอให้ผมขายหุ้นให้ส่วนของตระกูลเราให้กับมัน ที่แท้คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือมันนี่เอง!” ลู่หานบอกอย่างแค้นใจ
“เลว! เลวทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ!!” สึนะว่าก่อนจะทุบกำปั้นลงบนขอบระเบียงอย่างไม่กลัวเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“งั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เกี่ยวกับคุณซางะแล้วสินะครับ”ชานยอลบอกก่อนจะมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา เพราะเขาเองก็รู้มาว่าสึนะและลู่หานมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อซางะ
ทั้งสึนะและลู่หานได้แต่มองหน้ากันเอง เมื่อรู้ตัวว่าเขาใจซางะผิดไปเต็มๆ ความโกรธเคืองที่สึนะเคยมีให้กับซางะอย่างมากมายมหาศาลกลับลดฮวบลงในทันที ซึ่งลู่หานเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะเหตุการณ์ ใหญ่ๆที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่นานที่เขาเองก็ได้โทษใส่ซางะไปเต็มๆ
------------------------------------------------------------
“นับวันก็ยิ่งมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นทุกวัน คนที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง กลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่คนที่คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง กลับเกี่ยวไปเต็มๆ” ไคพูดด้วยความรู้สึกที่คาดไม่ถึงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบทำร้ายคริสจะเป็นจื่อเทา
“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านหุ้นส่วน ดีไม่ดีคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบฆ่าคุณอู๋อาจจะเป็นนายจื่อเทาอะไรนี่ด้วยก็ได้”ชานยอลบอกก่อนจะเด้งตัวจากเตียงนุ่มมานั่งคุยกับอีกคนอย่างจริงจัง
“อย่าว่าแต่คนอื่นคนไกลเลย คนใกล้ๆอย่างนายเซฮุนนี่ก็น่าสงสัยนะ”ไคพูดขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าชานยอล
“ยังไง?” ชานยอลรีบถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ว่าฉันจะคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่วันก่อนฉันเห็นนายคนนั้นเดินออกมาจากบ้านของพี่คริส ท่าทางมันดูมีพิรุธอะนายนั่นดูตกใจตอนเห็นฉัน คนเราถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องแสดงอาการแบบนั้นอะจริงไหม”
“อันนี้ก็น่าคิด แต่อย่างเซฮุนจะทำอะไรวะ แล้วดูเหมือนเขาจะเป็นคนคอยช่วยเหลือคริสอยู่ตลอดเลยนะ เขาดูสนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ”ชานยอลพูดออกตามที่ตัวเองคิด
“มันก็จริง แต่นายคิดดูสิ ถ้าเซฮุนน่าไว้ใจและไม่เคยทำอะไรต้องสงสัยแบบนี้จริงๆ ทำไมพี่ลู่หานต้องเกลียดเข้าเส้นขนาดนั้น” ไคยังคงมีข้อโต้แย้งออกมาให้ชานยอลได้คิดอยู่เรื่อยๆ
“เออวะ โอ๊ยยยย!! ยังไงกันวะเนี้ย ฉันว่านะกลับเกาหลีไปคงไปสอบเข้าหน่อยสืบสวนพิเศษได้สบายๆ เพราะอยู่ที่นี่มีเรื่องให้คิดให้สืบทู๊กกกวัน!!” ร่างโปร่งว่าก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงของตัวเองอย่างเดิม
“ฉันว่านะ นายจื่ออะไรนั่นต้องมีอะไรมาให้เราระทึกอีกแน่ๆ ตราบใดที่มันยังไม่ได้สิ่งที่มันต้องการ ฉันว่ามันไม่ยอมจบแค่นี้หรอก แล้วคนที่น่าเป็นห่วงรองจากพี่คริสก็คือพี่ลู่หาน เพราะตอนนี้พี่เขาต้องไปรับหน้าเรื่องธุรกิจเต็มๆ ถ้าพี่ลู่หานไม่ทำตามที่นายจื่อนั่นต้องการมันต้องเล่นงานพี่เขาแน่ๆ”ไคบอกสิ่งที่ตัวเองคาดการให้คนร่างโปร่งฟัง
“อืม...รายนั้นก็น่าเป็นห่วง ยิ่งไม่ค่อยยอมใครแบบนั้นด้วย แต่พี่เขารู้เรื่องนี้แล้วเขาอาจจะระวังตัวมากขึ้นก็ได้ พี่สึนะก็รู้ รายนี้อาจจะไปปรับความเข้าใจกับคุณซางะแล้วอาจจะหาทางช่วยเหลือกันก็ได้นะ”
“ถ้าเป็นงั้นได้ก็ดี ถ้าคนตระกูลนี้แกร่งและพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงซะผู้ร้ายก็ต้องตายตอนจบ” หนุ่มผิวเข้มบอกก่อนจะกระตุกคิ้วอย่างมั่นใจ
“แต่ถ้าไม่แกร่งนี่ฉันกลัวพระเอกจะตายก่อนผู้ร้ายน่ะสิ” ชานยอลว่าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเมื่อนึกถึงสภาพของคนที่ต้องมารับมือกับเรื่องนี้
“พระเอกเรื่องนี้ไม่ตายหรอก เพราะนายเอกแกร่ง!” ไคพูดขึ้นและแอบแซวชานยอลด้วยสายตา
“อะไรๆ พระเอกนายเอกอะไรของนาย เพ้อแล้ว ไปนอน!” ร่างโปร่งแกล้งเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายก่อนจะพลิกตัวหนีเพื่อนไปอีกทาง
“หู้ยย~ มาทำเสียงดังกลบเกลื่อน เขินก็บอก คนกันเองหน่า~โอ๊ะ!!”ร่างสูงโปร่งเซตอนเกือบตกจากเก้าอี้ เมื่อคนที่นอนหันหลังอยู่ในตอนแรกปาหมอนใบใหญ่ใส่เต็มแรง
“เงียบแล้วไปนอนซะนายคิม จงอิน!” ชานยอลลุกขึ้นมาว่าก่อนจะแย้งหมอนของตัวเองจากมือของอีกคน
“โอเค๊~~ วันนี้ไม่พูดแล้วก็ได้ เอาไว้พูดวันอื่นก็แล้วกัน อิอิ” ไคหัวเราะอย่างกวนๆแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงของตัวเองก่อนที่จะโดนชานยอลปาหมอนใส่อีกครั้ง
เมื่อห้องนอนของสองหนุ่มถูกความเงียบสงบเข้ามาปกคลุม บรรยากาศเย็นๆ เงียบๆเช่นนี้อาจจะทำให้ใครหลายๆคนหลับสบาย แต่หนึ่งในนั้นยังไม่มีชานยอลอย่างแน่นอน ตากลมยังคงเบิกกว้างอยู่เช่นเดิม แม้จะมองอะไรไม่เห็นเพราะความมืดมิดและสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้คงเปรียบได้เหมือนความคิด ชานยอลคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรให้คนในตระกูลอู๋อยู่รอดปลอยภัย แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ชานยอลกลับรู้สึกว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคริส เขาก็ต้องมีสิทธิ์เกี่ยวข้องด้วยเช่นเดียวกัน
เช้านี้เป็นอีกเช้าที่สองนักเรียนแลกเปลี่ยนต้องตื่นไปเรียน ชานยอลเดินออกมาจากห้องพักด้วยสภาพงัวเงียไม่พร้อมที่จะไปเรียนเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังยอมหลับตาเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเพื่อนร่างสูง
“เฮ๊ย ใครมาอีกวะน่ะ”หนุ่มผิวเข้มพูดขึ้นทำให้ชานยอลต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
“หือ? นั่นมันคุณหลี่เฟย แล้วนั่นก็....” ชานยอลเว้นวรรคประโยคเอาไว้แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ชายร่างสูงที่เห็นอยู่ไกลๆ
“นายคนนั้นคือเทาใช่ไหม?” ไคหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้าง
“อือ..คนนี้แหละ”
ชานยอลหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เขาพยายามมองหาลูกน้องของจื่อเทา คนที่ชานยอลเคยฝากแผลไว้กลางหลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองสักเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแม้เงา มันจึงยิ่งทำให้ชานยอลมั่นใจว่าเขาจำคนไม่ผิดอย่างแน่นอน
ทั้งสองคนทำตัวตามปกติ ร่างสูงโปร่งของทั้งคู่ยังคงเดินหน้าต่อไปสายตาแข็งกร้าวหลายคู่จับจ้องมาที่นักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสองคนและเขาทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อมีใครบางคนเรียกขึ้นมาซะก่อน
“ไค ชานยอล จะไปเรียนแล้วหรอ” ลู่หานทักก่อนจะเดินออกมาจากห้องรับแขกพร้อมกับแขกคนสำคัญ
“ครับ ว่าแต่วันนี้มีแขกตั้งแต่เช้าเลยนะครับเนี้ย”ไคพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อื้อ ทั้งสองคนก็ตั้งใจเรียนล่ะ ไว้เจอกันตอนเย็นนะ” ลู่หานพร้อมกับวางมือลงบนบ่ากว้างของไคเบาๆ เด็กหนุ่มทั้งสองได้แต่ยิ้มให้กับผู้เป็นรุ่นพี่ก่อนจะเดินออกไป
“ใครน่ะ?” จื่อเทาที่ยืนอยู่ห่างๆถามขึ้นหลังจากที่เด็กหนุ่มสองคนเดินออกไปแล้ว
“นักเรียนแลกเปลี่ยนของโรงเรียนในเครือน่ะ พอดีนากามูระเป็นโฮสต์ของพวกเขาก็เลยให้มาอยู่ที่นี่” ลู่หานบอกอีกคนไปด้วยน้ำเสียงเรียบ
“แล้วพวกเขามาจากไหนกันหรอ?” คนร่างสูงกว่ายังคงถามต่อ
“เกาหลีน่ะ”
“ชื่ออะไร?” จื่อเทายังคงซักถามไม่เลิก จนลู่หานเริ่มรู้สึกว่าคนตัวสูงชักจะให้ความสนใจกับสองนักเรียนแลกเปลี่ยนมากกเกินกว่าที่ควร
“คนผิวเข้มๆหน่อยชื่อคิมจงอิน ส่วนอีกคนชื่อปาร์คชานยอล ทำไม? มีอะไรหรือเปล่า”ลู่หานตามอย่างไม่ไว้ใจ
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากรู้เฉยๆ”จื่อเทาบอกก่อนจะเดินนำหน้าคนร่างบางออกไป
“ลู่หาน วันนี้ซางะจะมาที่นี่หรือเปล่า?”หลี่เฟยที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องรับแขกถามขึ้น
“จะไปรู้หรอผมไม่ใช่ญาติเขาซะหน่อย” ลู่หานบอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินตามจื่อเทาไป
“ฮึ๊ย! ถามหน่อยก็ไม่ได้!” หลี่เฟยกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียวแล้วค่อยเดินตามทั้งสองคนไปทีหลัง
------------------------------------------------------------------------
ทางด้านตระกูลทาคาชิ หลังจากที่สึนะรู้ความจริงมันก็ทำให้เธอพูดไม่ออกและเช้านี้ก็เช่นกัน แม้บรรยากาศรอบๆโต๊ะอาหารยามเช้าจะเงียบเช่นทุกวัน แต่วันนี้สึนะกลับอยากพูดอะไรบางอย่าง
“นี่...ฉันรู้แล้วนะว่าใครเป็นคนลอบทำร้ายคริส”
สองหนุ่มที่นั่งเงียบในตอนแรกรีบเงยหน้าขึ้นมามองสึนะพร้อมกันโดนมิได้นัดหมาย
“ใครอะพี่?” เซฮุนมองหน้าพี่ชายตัวเองก่อนจะหันไปถามสึนะ
“หนึ่งในผู้ถือหุ้นนั่นแหละ” สึนะว่าโดยที่สายตายังคงมองอาหารในจาน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นสองพี่น้องกำลังมองหน้าเธออย่างรอคำตอบสึนะจึงยอมพูดต่อ
“ตระกูลกิ๊กเก่าของพี่ชายแกน่ะ” สึนะว่าก่อนจะใช้ตะเกียบคีบอาหารอย่างเคืองๆเมื่อพูดถึงอีกฝ่าย
“หึ ตระกูลหวางสินะ...” ซางะพูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะโดนกำปั้นของน้องชายทุบเข้าที่ต้นแขนแกร่ง
“น่ะ! ยังจะพูดขึ้นมาอีก พูดงี้เท่ากับพี่ยอมรับว่าเป็นกิ๊กกับคุณหลี่เฟยจริงๆรู้มั๊ย!”
ซางะมองหน้าผู้เป็นภรรยาก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเผลอทำตาขว้างใส่เขาเมื่อพูดถึงเรื่องของคนตระกูลหวาง
“ไม่รู้ล่ะ ไปเคลียร์กันเองนะ ผมไปเรียนละ” เซฮุนบอกก่อนจะหยิบน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มแล้วรีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วคุณไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ซางะถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความรู้สึกโกรธแอบแฝง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาถูกสึนะปรักปรำว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบทำร้ายคริสด้วยซ้ำ
“ชานยอลบอก” สึนะตอบสั้นๆโดยไม่ได้มองหน้าอีกคน
“แล้วชานยอลเขาไปรู้มาจากไหน? เขาเห็นหรอ?”
“อือ เห็นตอนที่เข้าไปช่วยคริสน่ะ น้องมันจำได้ว่าเป็นลูกน้องของจื่อเทา”
“แล้วนี่คิดกันหรือยังว่าจะทำยังไงต่อไป” ชายหนุ่มถามโดนไม่ได้คิดประสงค์ร้ายแต่อย่างใด
“ยัง ยังคิดไม่ออกเลย” สึนะตอบด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มใจ
“พักบ้างเถอะคุณน่ะ ยังไม่หายดีเลยนะ” สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยมองไปยังหญิงสาวผู้เป้นภรรยา
“สบายเหอะ ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก” สึนะบอกอย่างอวดเก่ง
“เลิกเก่งแล้วให้ผมดูแลคุณซะทีเถอะ” ซางะว่าก่อนจะก้มหน้าลงแล้วหยิบน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มเพราะไม่กล้าที่จะสบตาอีกคน
“คุณ...ฉันขอโทษนะ” หญิงสาวขึ้นเบาๆ ส่งผลให้ซางะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เรื่องอะไร?” ซางะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ก็...เรื่องที่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนลอบทำร้ายคริสไง” หญิงสาวว่าพลางก้มหน้าต่ำอย่างรู้สึกผิด
ชายหนุ่มว่าก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนสึนะต้องหลบตาเมื่อรู้สึกว่าหัวใจกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเพราะรอยยิ้มและสายตาของซางะ ซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่รู้ว่าซางะทำธุรกิจผิดกฎหมาย
“ฉันไปโรงพยาบาลก่อนนะ วันนี้คริสจะกลับบ้านแล้ว”
“ให้ผมไปส่งนะ” ซางะเสนอตัว
“ไม่มีงานทำหรือไง?” หญิงสาวแกล้งพูดน้ำเสียงห้วน
“ก็คุณไม่ให้ทำ”
สึนะมองหน้าอีกคนตรงๆอีกครั้งเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาบอก เธอเข้าใจความหมายของประโยคนั้นดี เพราะเรื่องที่เธอห้ามไม่ให้ผู้เป็นสามีทำมันก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องและสิ่งที่เธอได้ยินก็ไม่น่าจะผิดไปจากสิ่งที่เธอคิดสักเท่าไหร่
“เอาไว้ให้ฉันรู้สึกเชื่อใจคุณให้เต็มร้อยก่อนก็แล้วกัน เมื่อถึงวันนั้นฉันจะขอให้คุณไปส่งฉันเอง” หญิงสาวบอกก่อนจะเตรียมลุกขึ้นจากโต๊ะ
“สึนะ!” ซางะเรียกขึ้นก่อนที่เธอจะเดินออกไป
“ว่า?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“ขอบคุณนะ” หนุ่มร่างสูงบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาผู้เป็นภรรยา
“เรื่อง?”
“วันนี้คุณพูดกับผมมากว่าทุกวัน” รอยยิ้มบนใบหน้าคมบ่งบอกว่าเขารู้สึกดีใจจริงๆ
“หึ ฉันไปล่ะ” ร่างบางบอกก่อนจะเดินออกไปแต่ไม่วายเผลอยิ้มออกมาเมื่อพ้นสายตาของอีกคน
ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าตลอดเวลามีคนแอบมองพวกเขาอยู่ ซึ่งคนๆนั้นก็คือผู้ที่ซางะและสึนะเรียกเขาว่าน้องชาย เซฮุนแอบหลบอยู่ที่มุมเสาโดยไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว เขายังไม่ได้ออกจากบ้านตั้งแต่แรกเพราะมัวแต่แอบฟังพี่ชายและพี่สะใภ้คุยกันและวันนี้จะเป็นวันนี้ที่เขารู้สึกสดชื่นที่สุดในรอบหลายปีที่อยู่ในบ้านหลังนี้
“ยิ้มอะไรกันค่ะนายน้อย ทำไมยังไม่ไปเรียนค่ะนี้” หญิงชราผู้เป็นแม่บ้านถามขึ้นเมื่อผ่านมาเห็นเด็กหนุ่มยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“เปล่าฮะ แค่คิดว่าผมคงกำลังจะมีหลานในเร็วๆนี้”
เซฮุนบอกก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้หญิงชรายืนงุนงงอยู่เพียงลำพัง
อาการของคริสดีขึ้นตามลำดับ แผลที่เกิดจากการโดนแสงแดดค่อยๆสมานและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จะมีปัญหาหน่อยก็แค่เขาไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงสองสามวันจึงจะตื่นขึ้นมาสักครั้ง
“พี่แน่ใจนะว่าอาการของเขาจะไม่ทรุดลงแล้ว” ลู่หานถามเพราะยังคงเป็นกังวลกับอาการของลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
“เอ๊ะ! ตาคนนี้ฉันเป็นหมอนะ เชื่อฉันสิ!” สึนะหันไปทำหน้าดุใส่คนข้างๆ
“ดุจริง! แล้วนี่อ่านอะไร?” ลู่หานถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือ ซึ่งมันคือกระดาษสีขาวสามสี่แผ่น
“ผลตรวจเลือดของนายอากิระน่ะสิ” สึนะตอบและสายตายังคงจดจ้องอยู่กับกระดาษที่มีแต่ศัพท์ทางการแพทย์
“แล้วมันเป็นไง ดีขึ้นหรือว่าแย่ลง?” ลู่หานยังคงซักถามสาวรุ่นพี่
“ไม่ชัวร์ว่ะ มันยังมีอะไรน่าสงสัยอยู่ เอาไว้ชัวร์แล้วพี่จะบอกอีกที” สึนะบอก แต่ใบหน้ายังคงแฝงไปด้วยความสงสัยในผลการตรวจเลือดของคริส
“หายเร็วๆเถอะ นี่เริ่มเหนื่อยกับงานแล้วเนี้ย อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะวุ่นวาย” ร่างโปร่งเริ่มหงุดหงิดเมื่อพูดถึงเรื่องงาน
“บ่น แค่นี้ทำเป็นบ่น นี่กำลังจะบอกว่านายถนัดใช้กำลังมากกว่าสมองสินะ” สึนะว่าพร้อมกระตุกยิ้มใส่หนุ่มรุ่นน้อง
“ก็คนมันไม่เก่งเรื่องแบบนี้นี่หว่า~”
“หึ แล้วเรื่องนายจื่อเทาอะไรนั่นเป็นไงบ้าง” หญิงสาววางกระดาษที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มคุยกับลู่หานอย่างจริงจัง
“นายนั่นน่ะหรอ เมื่อเช้ามันมาที่บ้านนะ และเหมือนยังพยายามพูดให้ผมขายหุ้นให้มันเหมือนเดิม” ลู่หานว่าก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อต้องพูดถึงบุคคลที่สาม
“หึ ตราบใดที่นายยังไม่ขายหุ้นให้มันนะ เชื่อพี่สินายต้องเห็นหน้ามันจนเอื้อม”
“ไม่ต้องพูดเผื่อถึงอนาคตหรอก แค่ตอนนี้ผมก็รู้สึกเหม็นขี้หน้ามันจะตายอยู่ละ แล้วยิ่งยัยพี่สาวนี่ โหย! น่าเบื่อ!” ลู่หานบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกรำคาญ
“ทำไม? ยัยนั่นมันทำอะไร” สึนะเลิกคิ้วถามเมื่อลู่หานพูดถึงคู่อริของตัวเอง
“หึ ก็ไม่มีอะไรมากเขาแค่ถามถึงสามีของพี่ก็แค่นั้นเอง~” ร่างโปร่งตอบพร้อมกับยิ้มกวนๆใส่หญิงสาวที่นั่งตีหน้าเข้มอยู่ตรงหน้า
“เฮ๊อะ! เลิกพูดถึงแม่นี่เถอะ ได้ยินแล้วอารมมณ์เสียสิบวัน!” สึนะว่าก่อนจะเก็บของเตรียมออกไปตรวจคนไข้
“เอ๊า! ถามเองโมโหเอง” ลู่หานยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยความสับสนเพราะตามอารมณ์ของอีกคนไม่ทัน
“ไปๆๆ กลับไปได้แล้วพี่จะไปทำงานต่อ เดี๋ยวเย็นนี้จะแวะเข้าไปหาที่บ้าน”
“อือๆ ก็ได้ถ้ามีอะไรจะโทรหานะ” ร่างโปร่งบอกพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมตัวกลับ
“ได้ ไว้เจอกัน”
หญิงสาวตบไหล่เล็กของลู่หานเบาๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นลำดับต่อไป
หลังจากที่เหนื่อยจากการเรียนมาทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านชานยอลก็ได้รับข่าวดีจากชิโอริเรื่องที่คริสได้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน ร่างโปร่งรีบตรงไปยังบ้านของคริสทันทีแต่เมื่อไปถึงก็พบว่าคริสยังคงหลับอยู่เขาจึงทำได้แค่มองร่างที่นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง
“ทำไมทำหน้าแบบนั่นล่ะ” ลู่หานถามเมื่อเห็นชานยอลมองคริสด้วยสายตาที่พยายามแอบซ่อนรู้สึกผิดหวังเอาไว้
“ผมแค่คิดว่าเขาจะหายดีแล้วซะอีก” ชานยอลตอบเสียงเบา
“เอาน่า ให้เวลาเขาสักพักเถอะ ให้เขาได้พักผ่อนไปก่อน” มือเรียวเล็กของลู่หานวางลงบนบ่าของชานยอลก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ
ร่างโปร่งหันไปพยักหน้าให้กับคนหน้าหวานอย่างเข้าใจก่อนจะหันกลับไปมองคริสอย่างเดิม ลู่หานรู้ดีว่าเวลานี้ชานยอลคงอยากอยู่กับคริสเพียงลำพังเขาจึงออกจากห้องไปปล่อยให้คนร่างโปร่งนั่งมองคนที่กำลังหลับต่อไป
เมื่อลู่หานออกจากห้องไปแล้ว ชานยอลค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปหาคริส มือเรียวบางเอือมไปกุมมือที่มือรอยช้ำของคริสเอาไว้ก่อนจะบีบมันเบาๆ เขาหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา นิ้วเรียวเกลี่ยไปบนหลังมือหนาอย่างแผ่วเบา แต่แล้วชานยอลก็ต้องรีบลืมตาขึ้นมาเมื่อเขารู้สึกว่ามีการตอบสนองจากคริส เขารู้สึกได้ถึงแรงบีบจากมือของคริส
“ชะ ชาน....ชานยอล”
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชานยอลเมื่อเขาได้ยินเสียงของคนที่นอนอยู่ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยคล้ายอาการของคนนอนละเมอ ชานยอลจับมือหนาไว้แน่นกว่าเดิม เขารู้สึกดีใจที่อีกคนรู้สึกตัว แต่สิ่งที่ทำให้เขาดีใจมากยิ่งกว่าก็คือ
คริสเรียกชื่อเขาเป็นคนแรก....
อย่าลืมเม้น+สกรีมเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าา อาริงาโตะะะะะ #อตมน
ความคิดเห็น