ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC:KrisYeol] AFTER MIDNIGHT

    ลำดับตอนที่ #10 : After Midnight : 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 723
      5
      5 ต.ค. 57

     
     AFTER MIDNIGHT : CHAPTER 9

     

    หลังจากวันที่เกิดเหตุการณ์บุกบ้านของตระกูลอู๋เพื่อลอบทำร้ายคริส ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์คริสก็ยังคงต้องอยู่ในห้องไอซียู เพราะอาการเลือดเป็นพิษ อาการของเขาเป็นตายเท่ากัน สภาพร่างกายแทบจะดูไม่ได้เพราะผิวหนังทั้งร่างกายได้แตกช้ำไปหมดทั้งตัว

     

    ร่างสูงโปร่งของชานยอลยืนเกาะประตูห้องไอซียูด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลยเสียด้วยซ้ำเพราะมัวแต่เป็นห่วงคนที่นอนอยู่ในห้องนั้น ทุกวันหลังเลิกเรียนเขาจะรีบตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาลเพียงเพราะหวังว่าจะได้รับข่าวดีว่าคริสฟื้นแล้ว แต่จนวันนี้ข่าวดีนั้นก็ยังไม่มาซะที

     

    ชานยอล..

     

    อ่าว เซฮุน มาเยี่ยมพี่สึนะหรอ?ชานยอลหันไปพูดกับคนที่เพิ่งเข้ามาทักทาย

     

    อือ ปล่อยไว้กับพี่ซางะไม่รู้ตอนนี้จะฆ่ากันตายหรือยังเด็กหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

     

    เอ๊า! ทำไมเป็นงั้นอะชานยอลถามอย่างไม่รู้

     

    เขาไม่ถูกกันอะดิ โอย พูดแล้วเซ็ง ไปก่อนนะไว้เจอกันเซฮุนบอกก่อนจะเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยปล่อยให้ชานยอลยืนงงอยู่เพียงลำพัง

     

    เซฮุนเดินไปตามทางเดินด้วยอารมณ์เรื่อยเปื่อย และเมื่อมาถึงห้องที่ต้องการเขาก็ส่งมือไปจับลูกประตูหมายจะเขาไปหาคนที่อยู่ในห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากข้างใน

     

    ผมบอกว่าผมไม่ได้ทำ!”

     

    ถ้าคุณไม่ได้ทำแล้วใครมันจะทำ?

     

    ผมจะไปรู้หรอ แต่ที่รู้ๆคือผมไม่ได้ทำแน่นอน!”เสียงชายหนุ่มต้องคงเถียงอีกคนอย่างหนักแน่น

     

    ฉันจะเชื่อคุณได้ไหม? คุณมีอะไรให้ฉันเชื่อได้บ้าง?คุณจะทำแบบนี้อีกนานแค่ไหน ต้องรอให้ฉันตายก่อนไหม?

     

    ผมจะบอกคุณยังไงดี ผมไม่ได้ทำ! ผมต้องอธิบายยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ทำ!” น้ำเสียงของซางะเริ่มเพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อยๆ

     

    คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากฟังคุณพูดแล้วสึนะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างไม่สนใจ

     

    ก็เป็นอย่างนี้ซะทุกที!” ซางะว่าก่อนจะออกไปด้วยอารมณ์โกรธเคือง ทำให้มาเจอเข้ากับเซฮุนที่ยืนฟังทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ที่หน้าประตู

     

    เซฮุน...ซางะผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องชายตัวเอง

     

    กลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมอยู่เองเซฮุนบอกก่อนซางะจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

     

    เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องที่สึนะกำลังนอนอยู่ เธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่และเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่วันแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว

     

    หน้าบูดอีกแล้วนะเซฮุนทักผู้เป็นพี่สะใภ้

     

    ก็พี่ชายเธอนั่นแหละหญิงสาวว่าก่อนจะค่อยพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่ง

     

    เชื่อเขาบ้างเถอะ บางทีอาจจะไม่ได้เป็นเขาก็ได้ พี่ลองคิดดูดิ พี่ซางะจะทำแบบนั้นทำไมทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าพี่อยู่ที่บ้านพี่คริส

     

    คำพูดของเซฮุนทำให้สึนะเริ่มคิด แต่อคติที่เธอมีต่อซางะทำให้หญิงสาวยังคงปักใจเชื่อความคิดของตัวเองว่าซางะเป็นคนสั่งให้ลูกน้องของตัวเองไปลอบทำร้ายคริส

     

    นี่พี่ไม่เชื่อผม?เซฮุนถามเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่เชื่อกับคำพูดของเขา

     

    มีหลักฐานหรอ?สึนะถามกลับไป

     

    เฮ้อ~ งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะ ผมไม่พูดแล้วเด็กหนุ่มว่าก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเตียงอย่างเหนื่อยใจ

     

    แล้วนี่คริสฟื้นหรือยัง?สึนะถามถึงรุ่นน้องอีกคนด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง

     

    หึ ยังเลย ยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลยเห็นหมอบอกว่าอาการยังห้าสิบห้าสิบ เพราะเลือดเป็นพิษสภาพนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่แค่ได้ยินนะยังรู้สึกกลัวเลย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมายังไม่เคยเห็นพี่คริสอาการหนักขนาดนี้

     

    อือ ขนาดพี่รักษาคริสมาตั้งนานยังไม่เคยเจอเคสหนักขนาดนี้เลยสึนะว่าด้วยสีหน้าเป็นกังวล

     

    แต่คงไม่เป็นไรหรอก กำลังใจเขาดีมีคนมาเฝ้าหน้าของไอซียูทุกวันเลยเซฮุนบอกขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาปอกผลไม้ที่ซื้อมาฝากหญิงสาว

     

    ชานยอลสินะสึนะพูดชื่ออกมาชนิดที่แทบไม่ต้องเดา

     

    อือ เมื่อกี้ตอนที่เดินเข้ามาก็เห็นอยู่หน้าห้องนั่นแหละ

     

    ก็ดี ของให้แรงใจนั้นช่วยให้คริสหายเร็วๆก็แล้วกันหญิงสาวว่าก่อนจะเอื้อมมือหยิบผลไม้ในจานไปกิน

     

    แต่ที่สำคัญคือ ตอนนี้น้องชายอีกคนของพี่อะโกรธพี่ซางะพาลมาจนถึงผมอะ เขาคิดเหมือนพี่เป๊ะ! ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตรงไหน ทั้งๆที่วันนั้นผมก็อยู่สู้กับพวกนั้นด้วยซ้ำเซฮุนว่าด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

     

    ต้นเหตุมันอยู่ที่พี่ชายแกทั้งนั้น ถ้าพี่แกไม่ทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรก ป่านนี้แกกับลู่หานยังรักกันหวานชื่นสึนะบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อๆเมื่อพูดถึงผู้เป็นสามี

     

    อีกนานแค่ไหนที่ผมต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องนี้ผมและพี่ซางะไม่ได้มีส่วนรู้เห็น

     

    อีกนานโขเลยแหละ

     

    หญิงสาวว่าพร้อมกับหยิบผลไม้ขึ้นมากินอย่างหน้าตาเฉย เซฮุนได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เหตุการณ์ลอบทำร้ายคริสครั้งนี้เขาไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ หากเป็นแผนของซางะอย่างเช่นทุกครั้งอย่างน้อยเขาจะรู้วันและเวลาและที่ซางะเคยทำไป ก็ไม่ได้หมายจะเอาชีวิตใคร แต่ทำไปแค่ขู่เท่านั้น แต่พักหลังๆมานี้มันรุนแรงขึ้นจนเซฮุนอดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นฝีมือของคนอื่น

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลชานยอลก็ได้แต่นั่งคิดถึงเรื่องเหตุการณ์ลอบทำร้ายคริสในครั้งนี้ เพราะเขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับคนที่ลากคริสออกมาจากห้อง แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร

     

    พี่คริสเป็นไงบ้าง?ไคที่เพิ่งเข้ามาในห้องถามขึ้น

     

    เหมือนเดิม ไม่มีอะไรคืบหน้าชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง

     

    อะไรกันวะเนี้ย ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นทุกวัน นี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามาเรียนหรือมารบกันแน่ไคว่าอย่างอารมณ์เสีย

     

    นายจะกลับหรอ?ชานยอลเงยหน้าขึ้นไปถามรูมเมทของตัวเอง

     

    ถ้าไป มันจะดูเหมือนฉันทิ้งคนที่บ้านนี้ป่าววะ พูดถึงเขาก็มีบุญคุณกับเราอยู่นะไคบอกอย่างคิดหนัก

     

    ฉันไม่อยากไปไหน อยากอยู่ไปจนครบกำหนด ไม่ก็อยู่จนกว่าอะไรๆมันจะดีขึ้นชานยอลว่าก่อนจะก้มห้นาลงอย่างเดิม

     

    นาย...รักเขาเข้าแล้วล่ะสิหนุ่มผิวเข้มพูดขึ้นทำให้ร่างโปร่งถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองอย่างรวดเร็ว

     

    อะไรของนาย!” ชานยอลแกล้งทำเป็นไม่รู้ความหมายของประโยคนั้น

     

    โธ่~ เขารู้กันหมดแล้วครับคุณ เป็นห่วงกันซะขนาดนั้นไคว่าก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนตัวเอง

     

    เซ้นส์ดีกันจริงๆเลย!” ชานยอลว่าก่อนจะลุกไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

     

    เอาน่า เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใครหรอกคนผิวเข้มว่าพร้อมกับกระตักคิ้วใส่ชานยอล

     

    เอาเวลาของนายไปอ่านหนังสือสอบเถอะ!!” ชานยอลว่าก่อนจะโยนหนังสือให้กับไค

     

    เขินนนนแซวนิดแซวหน่อยมีเขิน ขอให้อานุภาพแห่งรักส่งผลให้สอบได้ที่หนึ่งนะคร้าบ~” ไคบอกก่อนจะรีบวิ่งไปยังเตียงของตัวเองเพราะชานยอลหันมาส่งสายตาพิฆาตใส่เขา

     

    ห้องของเด็กหนุ่มทั้งสองเงียบไปอีกครั้ง ชานยอลก้มหน้าก้มตามองหนังสือ แต่สิ่งที่ผ่านตาไปนั้นไม่ได้เข้าไปถึงสมองเลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เข้าต้องการที่จะนึกให้ออกว่าคนที่เขาเห็นเมื่อวันนั้นเป็นใคร...

     

     

    ผ่านไปอีกครึ่งสัปดาห์ข่าวดีก็คืออาการของคริสดีขึ้น แต่ข่าวร้ายก็คือยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา สึนะสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักต่อที่บ้านได้ ตอนนี้จึงทำแค่เพียงติดตามดูอาการของคริสต่อไป

     

    เมื่อหัวหน้าใหญ่ของตระกูลไม่สามารถดูแลงานได้ ภาระอันยิ่งใหญ่จึงตกมาอยู่ที่ลู่หาน ซึ่งวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นส่วนทั้งหมดลู่หานจึงไปเข้าร่วมประชุมในฐานะตัวแทนของคริส ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรก ที่เขาต้องเป็นตัวแทนประธานกรรมการในการประชุม

     

    ตอนนี้ทุกท่านคงทราบแล้วว่าอากิระป่วยหนัก ผมคาชิยะในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของอากิระและหลานของอดีตประธานกรรมการจะขอเข้ามารับตำแหน่งแทนอากิระชั่วคราวฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับลู่หานบอกก่อนจะโค้งตัวให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่นั่งประจำที่อยู่เบื้องหน้า

     

    เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาผมขอเปิดประเด็นก่อนก็แล้วกันนะครับ ผมโอกาวะ เรียว อยากเรียนให้คุณคาชิยะทราบว่าตั้งแต่ท่านประธานอู๋เสียชีวิตไปหุ้นของทุกบริษัทในเครือเราก็ตกลงอย่างไม่น่าเชื่อ อยากทราบว่าทางท่านประธานคนใหม่ได้คิดแผ่นการจัดการกับปัญหาพวกนี้ไว้บ้างหรือยังครับ?

     

    หุ้นส่วนคนแรกลุกขึ้นแจ้งปัญหาให้ลู่หานรู้ก่อนจะนั่งลงเช่นเดิม ลู่หานพยักหน้ารับ แต่ในใจนี่เริ่มเป็นกังวลเพราะไม่คิดว่าจะเจอคำถามยากขนาดนี้ ลู่หานและคริสไม่เคยคุยกันเรื่องกิจการของตระกูล เพราะลู่หานไม่ค่อยอยากจะเอาตัวเองมาพัวพันกับเรื่องของธุรกิจ แม้เขาจะพอรู้เรื่องการบริหารงานอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ลู่หารถนัดสักเท่าไหร่

     

    เรื่องนี้...เรายังไม่ทันที่จะได้คุยกันเพราะอย่างที่รู้ๆกันคืออากิระ...ป่วยประโยคสุดท้ายลู่หานเหลือบสายตาไปมองซางะที่นั่งอยู่เกือบจะหลังสุด และชายหนุ่มเองก็มองลู่หานด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

     

    ผมว่าให้หุ้นส่วนที่มีประสบการณ์ท่านอื่นมาดูแลแทนคุณอากิระก่อนดีกว่าไหมครับ?ชายวัยกลางคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้ลู่หานหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์

     

    คุณชื่ออะไร?คนหน้าหวานถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบ

     

    ผมฮายาชิ เคนและถือหุ้นส่วนถึง 15%”ชายคนดังกล่าวแนะนำตัวพร้อมยิ้มให้ลู่หานอย่างเย่อหยิ่ง

     

    อืม..โอเคครับคุณเคนก็จริงอยู่ที่ผมไม่มีประสบการณ์ แต่ตอนที่ตระกูลอู๋เริ่มก่อตั้งกิจการ ตอนนั้นผมทราบมาว่าไม่มีใครเคยมีประสบการณ์มาก่อนนะ แต่เขาเลือกที่จะสั่งสมสิ่งที่คุณเรียกว่าประสบการณ์จนมันกลายเป็นธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ แล้ว...ถ้าผมไม่เริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่ผมจะมีประสบการณ์?

     

    ลู่หานพูดอย่างไม่ไว้หน้าจนอีกฝ่ายเผลอแสดงความโกรธเคืองออกมาเล็กน้อย แต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติในภายหลังก่อนที่หุ้นส่วนคนอื่นๆจะสังเกตเห็น ทางด้านซางะเองก็ได้แต่กระตุกยิ้มออกมาเมื่อเห็นลู่หานกำลังแสดงฤทธิ์ทั้งที่เพิ่งเข้าร่วมประชุมใหญ่เพียงครั้งแรก

     

    ถ้าไม่ไหวก็ขายหุ้นให้กับผมก่อนก็ได้นะครับ คุณอากิระพร้อมที่จะบริหารมันเมื่อไหร่ก็ค่อยมาซื้อคืนเสียงชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นและเมื่อลู่หานหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบว่าเป็นหุ้นส่วนจากตระกูลหวางนั่นเอง

     

    ไม่ต้องรอให้อากิระฟื้นหรอก เพราะผมเองก็บริหารได้ ถึงผมจะไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายแต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้อะไรเลยขอประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันลู่หานพูดอย่างสุภาพแต่ประโยคมันดูเหมือนคนหน้าหวานกำลังเหน็บแนมคนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาเข้ามาบริหารงาน

     

    เชิญคุณคาชิยะกล่าวเกี่ยวกับแผนงานได้เลยครับซางะบอกกับลู่หานโดยไม่สนใจประเด็นการคัดค้านของคนอื่นๆ

     

    ขอบคุณลู่หานพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่สายตากลับมองซางะอย่างไม่ไว้วางใจ

     

    การประชุมดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้หุ้นส่วนบางคนจะยังรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการที่ลู่หานจะเข้ามาเป็นผู้บริหารงานถึงแม้มันจะเป็นการชั่วคราว แต่ยังมีอีกหลายคนที่พยายามจะเสนอตัวเองเข้าไปบริหารแทน แต่ลู่หานจำเป็นต้องหนักแน่นกับคำปฏิเสธที่จะต้องบอกกับคนเหล่านั้นและเขาก็ทำมันได้ดี...

     

     

     

    หลังจากที่คริสถูกลอบทำร้าย คนในบ้านก็ตกอยู่ในสภาวะที่จะต้องดูแลตัวเอง  ไม่เว้นแม้แต่ชานยอลและไค ตอนนี้เขาต้องช่วยคนในบ้านดูแลแทบทุกอย่างจนกลายเป็นลูกหลานของคนในบ้านไปแล้ว

     

    อ๋อๆ...ครับป้า....โอเคเดี๋ยวผมเข้าไปดูให้ครับไคพูดกับคนในสายสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

     

    ป้าชิโอริหรอ?ชานยอลที่กำลังช่วยคนอื่นๆในบ้านยกของอยู่ถามขึ้น

     

    อือ ป้าเขาบอกให้ฉันเข้าไปเอาของที่บ้านพี่คริสน่ะไคบอกพร้อมกับเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม

     

    อ่อๆไปดิ มีอะไรให้ช่วยก็โทรเข้ามาก็แล้วกัน

     

    โอเคงั้นฉันไปก่อนนะคนผิวเข้มบอกก่อนจะเดินแยกตัวออกไป

     

    ร่างสูงโปร่งของไคเดินดุ่มๆไปบ้านอีกหลังอย่างรวดเร็ว เขาเดินอ้อมไปทางหลังบ้านเพื่อไปหยิบของที่ต้องการ เขาใช้เวลาหาของชิ้นนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบออกมาเมื่อเจอของที่ตัวเองต้องการ แต่เมื่อเดินกลับออกมาจนถึงหน้าบ้านก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเจอคนคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากบ้านของคริสและคนนั้นก็ดูตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เจอกับไค

     

    นายมาทำอะไรที่นี่...เซฮุนถามออกไป

     

    แล้วนายล่ะ มาทำอะไร?คนผิวเข้มถามย้อนกลับไป

     

    ฉัน....ฉันก็มาทำธุระของฉันน่ะสิ แล้วนายล่ะมาทำอะไรแถวนี้เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงมีพิรุธก่อนจะถามอีกคนกลับไป

     

    ฉันก็มีธุระของฉันเหมือนกัน ว่าแต่นายเหอะทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วย?ไคถามอย่างพยายามจับผิด

     

    ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ฉันเข้าออกบ้านหลังนี้มากี่ปีไม่เคยเห็นมีใครจะมาสงสัยอะไรอย่างนายเลยนะเซฮุนบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

     

    แต่ฉันสงสัยไคบอกด้วยท่าทีกวนๆ ทำให้เซฮุนยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม

     

    ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว เสียดายเวลา!” เซฮุนว่าก่อนจะเดินชนไหล่คนผิวเข้มไปโดยไม่สนใจ

     

    เอ๊า! ไอ้คนนี้หนิ!” ไคสบถกับตัวเองเบาๆ

     

    หนุ่มผิวเข้มยังไม่ละสายตาจากคนที่เพิ่งเดินชนเขาไป ท่าทีที่เซฮุนตกใจเมื่อตอนที่เจอกัน มันยิ่งทำให้ไครู้สึกได้ว่าเซฮุนกำลังมีบางอย่างปิดบังทุกคนอยู่ แต่เขายังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร....

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    วันนี้เป็นอีกวันที่ชานยอลต้องมาเรียนตามปกติ เรียนไปแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าบ้าง หนังสือเล่มหนาถูกวางกองไว้บนโต๊ะ มันอาจจะดูเหมือนคนร่างโปร่งกำลังตั้งใจเรียน แต่เบื้องหลังกองหนังสือนั้นนิ้วเรียวกำลังจิ้มโทรศัพท์ของตัวเองอย่างล่องลอยแต่อยู่ๆก็มีข้อความจากโปรแกรมแชทเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรู

     

    คริสฟื้นแล้ว

     

    ข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หัวใจของชานยอลทำงานเร็วมากกว่าปกติ เสียงของอาจารย์ประจำวิชาเริ่มไม่มีความหมายยิ่งกว่าเดิม ร่างโปร่งเริ่มกระสับกระส่ายและมองนาฬิกาบ่อยๆ ตอนนี้ชานยอลรู้สึกได้ว่าเวลามันเดินช้าลงจนเขาอยากจะวิ่งออกไปจากห้องเรียนเสียตั้งแต่ตอนนี้

     

    เมื่อเสียงสัญญาณดังบอกว่าเป็นเวลาเลิกเรียน ชานยอลรีบวิ่งออกจากห้องโดยไม่ทันที่จะได้บอกได้ลาเพื่อนร่วมห้องสักคำ ร่างโปร่งออกจากโรงเรียนแล้วเดินทางมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลทันที ทุกอย่างในตอนนี้ดูช้าและช่างน่าขัดใจไปหมด แม้รถแท็กซี่ที่ดูว่าจะเร็วที่สุดในการเดินทางแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันช้าอยู่ดี

     

    ทันทีที่รถแท็กซี่จอดเทียบริมฟุตบาทหน้าโรงพยาบาล ชานยอลรีบพุ่งตัวออกมาจากรถแล้วตรงไปยังอาคารผู้ป่วยที่คริสรักษาตัวอยู่ทันทีและเมื่อร่างโปร่งวิ่งมาถึงหน้าห้องไอซียูก็พบว่าคริสได้ถูกนำตัวออกไปยังห้องพักผู้ป่วยแล้ว ชานยอลจึงต้องวิ่งหน้าตั้งไปยังอีกห้องทันที

     

    ชานยอลๆ!” เสียงของบางคนตะโกนเรียกจนร่างโปร่งหยุดวิ่งแทบไม่ทัน

     

    พี่สึนะ คริสอยู่ไหนครับ?ชานยอลถามอย่างเหนื่อยหอบ

     

    อยู่ทางนี้ ตามพี่มาหญิงสาวที่ดูยังไม่ค่อยแข็งแรงมากบอกก่อนจะเดินนำร่างโปร่งไป

     

    ชานยอลเดินตามสึนะไปด้วยท่าทีที่ร้อนรน เขาอยากเจอคริสให้เร็วที่สุด ความห่วงใยเริ่มทำให้ชานยอลคิดไปต่างๆนานาว่าคริสจะเป็นอย่างไรและเมื่อมาถึงห้องผู้ป่วยพิเศษสึนะก็ทำการเปิดประตูห้องและใช้สิทธิ์ในการเป็นแพทย์อนุญาตให้ชานยอลเข้าไปในห้องได้

     

    เมื่อชานยอลเข้ามาภายในห้องก็พบว่าในห้องมีเตียงพร้อมคนไข้ที่นอนอยู่ สายระโยงรยางค์ถูกส่งไปยังคนที่กำลังนอนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือสายน้ำเกลือ ความเงียบภายในห้องทำให้เสียงเครื่องวัดชีพจรดังชัดเจน มันยังคงทำงานตามปกตินั่นคือสิ่งที่ทำให้ชานยอลรู้สึกโล่งใจ

     

    สภาพผิวหนังของคนที่นอนหลับตาอยู่ดูดีขึ้นกว่าวันแรกๆ ใบหน้าของคริสเหลือเพียงรอยช้ำเพียงเล็กน้อย แต่ลำตัวของคริสถูกคลุมไว้ด้วยผ้าห่มสีขาวสะอาดชานยอลจึงไม่สามรถเห็นได้ว่าผิวที่เคยแตกจนเป็นแผลเหวอะไปทั้งตัวตอนนี้จะเป็นอย่างไร จะเห็นบางก็ตรงช่วงไหล่ที่เป็นรอยห้อเลือดตัดกับผิวขาวซีดของคริส

     

    ชานยอลแทบจะกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพโดยรวมของคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เขาฝืนละสายตาออกมาก่อนจะหาเรื่องคุยกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆแทน

     

    เขารู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วครับ?

     

    ตั้งแต่รุ่งเช้าแล้ว แต่ที่พี่ไม่บอกเราก็เพราะกลัวว่าจะเกเรไม่ไปเรียนแล้วรีบแจ้นมาที่โรงพยาบาลแทนสึนะบอกก่อนจะพาร่างอันบอบบางนั้นไปนั่งพักบนโซฟาที่อยู่ตรงมุมห้อง

     

    ตอนนี้ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้วใช่ไหมครับ?ชานยอลยังคงกังวลเกี่ยวกับอาการของคริส

     

    อื้ม ถ้าไม่มีคนลากเขาออกไปเจอแดดข้างนอกนั้นนะสึนะว่าก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อย

     

    แล้วนี่พี่พอจะรู้เบาะแสบ้างหรือเปล่าว่าใครเป็นคนส่งคนไปลอบทำร้ายคริสชานยอลถามขึ้นด้วยความข้องใจ

     

    จริงๆ ในใจพี่มันก็มีอยู่แล้ว เพียงแค่ยังหาหลักฐานมามัดตัวเขายังไม่ได้แค่นั้นเองหญิงสาวบอกอย่างเคร่งขรึม

     

    ตอนที่ผมเข้าไปช่วยคริส ผมเห็นหน้าคนที่ทำนะ ผมรู้สึกคุ้นหน้าเขามากๆ แต่...ผมจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครชานยอลบอกอย่างขัดเคืองใจที่ตัวเองไม่สามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย

     

    คุ้นหรอ? หมายความว่านายเคยเจอหรือรู้จักคนๆนั้นมาก่อนน่ะหรอ?หญิงสาวทวนถามด้วยความแปลกใจ

     

    อาจจะไม่ถึงขั้นรู้จัก แต่ผมว่าผมเคยเห็นเขามาก่อนแน่ๆ

     

    โอเคๆ เอาเป็นว่าถ้านึกออกก็ค่อยมาบอกพี่อีกทีก็แล้วกัน อ๊ะ! ลู่หานโทรมาคงจะมาถึงกันแล้ว แป๊ปนึงนะชานยอลนะบอกก่อนจะกดรับโทรศัพท์ เธอพูดอยู่สองสามประโยคก่อนจะลุกขึ้นไปที่ประตู้ห้องแล้วเปิดมันออกอีกครั้ง

     

    ตุ้ยปู้ฉี่ ย่างหนี่เติ๋งจิ่วเลอ~ (ขอโทษที่ทำให้รอนาน)

     

    เสียงของลู่หานดังมาแต่ไกล สายตาของชานยอลที่กำลังจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียงรีบเปลี่ยนไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง แน่นอนว่าเขาเห็นลู่หาน แต่คนที่เดินตามหลังลู่หานมาทำให้ชานยอลต้องเบิกตากว้าง ภาษาจีนและหนุ่มเชื้อสายจีนที่เขาเห็นทำให้สิ่งที่ชานยอลพยายามตามหากลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง

     

    คนที่ร่างโปร่งเห็นและได้ฝากรอยแผลใหญ่ไว้ในวันที่เขาเข้ามาลอบทำร้ายคริส เขาเคยเจอคนๆนั้นจริงๆ ชานยอลได้มีโอกาสเจอชายคนนั้นในวันที่ หวาง จื่อเทาเขาไปเยี่ยมคริสที่บ้านนั่นเอง...

     

     



     

    เย้ ไม่มากไม่มาย อย่าลืมสกรีม+คอมเม้นเป็นกำลังให้มีแรงเขียนตอนต่อไปด้วยเด้อออออ #อตมน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×