คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Black Candy : 9
Chapter : 9
“พวกแกจะขนกันมาทำไมเยอะแยะเนี้ย”
หญิงสาวที่กำลังขับรถหันไปถามเพื่อนๆ ที่นั่งติดรถมาด้วย
“ก็ฉันอยากเห็นพี่ชายของยัยซอลลี่หนิ” ฮยอนอาบอกพร้อมกับยิ้มหวานจนตาหยี่
“แล้วมากันซะขนาดนี้แกจะให้พี่เขานั่งตรงไหน รถฉันไม่ใช่รถสิบล้อนะจะได้บรรทุกคนได้เป็นร้อยๆ”
“จะยากอะไรเดี๋ยวฉันนั่งบนตักพี่เขาเอาก็ได้ อิอิ” สองสาวที่นั่งอยู่เบาะหลังหัวเราะกันอยากชอบใจ
“นี่พวกเธอ จะทำอะไรถามพี่ฉันบ้างไหม?” ซอลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับเอี้ยวตัวมาถามเพื่อนทั้งสอง
“ทำไม! แกหวงหรือไงยะ!!” คริสตัลถามพร้อมกับล็อคคอซอลลี่ไว้กับเบาะรถ
“แกอย่าหวงไปเลยซอลลี่ เดี๋ยวฉันจะเป็นพี่สะใภ้ให้แกเอง อิอิ”
ทั้งสามคนเถียงกันไปตลอดทางจนคนขับรถต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่มีวันไหนที่มันจะสงบสุข แต่เพราะความวุ่นวายของเพื่อนทั้งสามนี่แหละที่ทำให้รู้สึกดีได้ตลอดเวลา ทำให้ชานยอลได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของผู้หญิงมากขึ้น ทำเห็นให้ว่านอกจากจะมีผู้หญิงแบบที่เคยเข้ามาหาเขา ก็ยังมีมุมน่ารักๆ ของผู้หญิงในแบบที่เขายังไม่เคยเห็น อีกด้วยเหมือนกัน
“พวกแกเข้าไปรับพี่เขาเถอะ เดี๋ยวฉันรออยู่ข้างนอก” ชานยอลบอกกับเพื่อนๆ ที่กำลังจะลงจากรถ
“ดี! จะได้หมดศัตรูไปอีกหนึ่ง!” คริสตัลเบ้ปากใส่เพื่อนร่างโปร่งก่อนจะกระโดดลงจากรถไป
“ยัยพวกนี้หนิ! เฮ้อ~ งั้นเธอรออยู่แถวนี้ก่อนนะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะออกมา”
ซอลลี่เอ็ดเพื่อนอีกสองคนก่อนจะหันมาบอกชานยอล
“โอเคๆ ถ้าออกมาแล้วหาฉันไม่เจอก็โทร.หาเอาก็แล้วกันนะ”
หลังจากสั่งการกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสามสาวก็เข้าไปรอพี่ชายของซอลลี่ในเกทกันทันที
เป็นอีกวันที่ชานยอลออกมาสูดบรรยากาศภายนอกหลังจากที่หมกตัวอยู่ที่หอพักเพราะเกิดอาการเบื่อโลกภายนอกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ จะหายเหงาบ้างก็ต่อเมื่อพวกเพื่อนๆ ยกแก๊งกันไปหาถึงหอพักและวันนี้ซอลลี่ก็ได้วานให้ชานยอลช่วยขับรถมารับพี่ชายของตัวเองที่สนามบินและได้ข่าวว่าจะมาอาจารย์ฝึกสอนที่มหาวิทยาลัยวิทยาลัยที่พวกเธอเรียนอยู่ด้วย แต่คงไม่มีโอกาสได้ฝึกสอนกับพวกเธอแน่ๆ เพราะเปิดเทอมนี้เด็กปี 4 ต้องออกไปฝึกงาน
หลังจากที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่บนรถมาสักพักชานยอลก็เริ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ เพราะตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเนื่องจากต้องตระเวนออกไปรับเพื่อนทั้งสามมาตั้งแต่เช้าก่อนจะเข้ามาที่สนามบิน เมื่อทนต่อไปไม่ไหวร่างโปร่งจึงจัดการล็อครถเพื่อออกไปหาอะไรมาเพิ่มพลังทันที
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่รวมไปกับมื้อเที่ยงเป็นที่เรียบร้อยร่างโปร่งก็เลือกที่จะเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับร้านขายของฝากที่เกี่ยวกับพวกขนมหวาน ลูกอม ลูกกวาดหลากสี ชานยอลหยุดมองอยู่หน้าร้านสักพักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
ลูกอมแคนดี้นานาชนิดถูกบรรจุไว้ในขวดโหลอย่างสวยงาม ยิ่งดูมันไปเรื่อยๆ ความเป็นเด็กก็เริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง สีสันที่สวยงามชวนให้อยากลิ้มลองรสชาติของมัน มือเรียวหยิบขวดแคนดี้สีสวยขึ้นมาพิจารณา ในใจกลับเริ่มหวาดกลัวกับของพวกนี้ เพราะหลังจากที่เขากลายเป็นผู้หญิง ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสได้ลิ้มลองก็มักจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอยู่เสมอและล่าสุดมันกำลังทำให้จิตใจของชานยอลปั่นป่วนอย่างไม่มีสาเหตุ
“พี่อันนี้เท่าไหร่ค่ะ?” หญิงสาวถามเจ้าของร้านพร้อมกับชูขวดโหลในมือ
“โซนนั้นลด 25% จากป้ายราคาท้ายขวดเลยค่ะ”
หลังจากที่หลงใหลไปกับสีสันของแคนดี้หลากสีไปพักใหญ่ๆ ร่างโปร่งก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกับลูกอมสีสวยอีกสองสามขวด
เพราะลูกอมที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นลูกอมจะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลับไปเป็นผู้ชายดังเดิม แม้จะไม่รู้ว่าลูกอมชนิดไหนที่จะทำให้เขาสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม แต่ชานยอลก็เลือกที่จะขอลองชิมมันไปเรื่อยๆ ต่อให้ฟันร่วงหมดปากก็ต้องยอม! เพราะถ้าหากปล่อยให้ตัวเองต้องรู้สึกอะไรแปลกๆ โดยหาที่มาไม่ได้แบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีต่อสุขภาพจิตแน่ๆ
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าหรูทำให้ชานยอลต้องรีบหยิบมันขึ้นมาดู เพราะเกรงว่าเพื่อนๆ คงจะเสร็จธุระกันแล้ว
แต่ผิดคาด! เมื่อหญิงสาวเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ!
“แม่!!!!!”
ร่างโปร่งกระวนกระวายไม่กล้ารับสายที่กำลังโทร.เข้ามา หนึ่งปีที่ผ่านมาทางบ้านไม่เคยโทร.มาหาเลย มีเพียงแค่แชทไลน์คุยกันบ้างและมันก็ดีกว่าการติดต่อกันด้วยการพูดคุยแบบนี้ ซึ่งการที่แม่เขาโทร.มาหาแบบนี้ทำให้ชานยอลอยากจะวิ่งไปรันเวย์ให้เครื่องบินชนเสียให้ตาย เพราะถ้าแม่รู้เรื่องที่เขาเป็นผู้หญิงมันคงจะไม่ดีแน่ เพราะเหตุผลมันไม่สามารถทำให้ใครเชื่อเขาได้และถ้าแม่เขามาเห็นเขาในตอนนี้ก็คงคิดได้แค่ว่าลูกตัวเองจิตใจวิปริตจนต้องไปแปลงเพศมาแน่ๆ
แต่สุดท้ายชานยอลก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือยอมรับสายผู้เป็นมารดาไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ครับแม่”
หญิงสาวทำตามสูตรเดิมกับที่เคยแกล้งคริส นั่นก็คือพยายามดัดเสียงให้แมนที่สุด
“ฮัลโหล! ชานยอล! นั่นชานยอลหรือเปล่าลูก?” เสียงปลายสายถามอย่างไม่แน่ใจ
“ฮะ..แม่ ผมเอง” บอกคนในสายไปด้วยใจที่เต้นแรง
“ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ ไม่สบายหรอ?”
“ครับช่วงนี้ไม่ค่อยสบายเสียงก็เลยเปลี่ยน แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ร่างโปร่งพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำไมแม่จะโทร.หาไม่ได้เลยหรือไง แกหายไปเป็นปีเสียงก็ไม่เคยได้ยินหน้าก็ไม่เคยได้เห็น บ้านช่องไม่ยอมกลับ พ่อกับแม่เป็นห่วงแกรู้ไหม!” คนในสายพูดออกมาเป็นชุด
“ช่วงนี้งานที่มหาลัยเยอะอะครับ แถมเปิดเทอมนี้ผมต้องฝึกงานอีกต่างหาก เอาไว้ผมพร้อมแล้วจะกลับไปหานะ” ชานยอลทำเสียงออดอ้อนให้คนในสายอารมเย็นลง
“แม่คิดถึงแกเป็นเหมือนกันนะลูกชายหายหน้าหายตาไปไม่ยอมกลับมามันน้อยใจรู้ไหม”
“โธ่แม่~~ ผมมาเรียนน้า”
“แล้วนี่ไม่สบายอยู่ใครจะดูแลแก ให้แม่ไปหาแกไหม?”
“ไม่ต้อง!!!!” ชานยอลถึงกลับตอบปฏิเสธไปทันควันเมื่อคนเป็นแม่บอกว่าจะมาหา
“เอ๊า! แม่จะไปหาแกบ้างไม่ได้หรือไง!!”
ร่างโปร่งถึงกับกุมขมับเพราะไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาห้ามไม่ให้คนเป็นแม่มา เพราะถ้าทุกคนมาเห็นเข้าในสภาพแบบนี้ รับรองได้ว่าถูกเฉดหัวออกจากกองมรดกแน่นอน
“คะ คือ....ตอนนี้ผมออกมาดูงานต่างจังหวัดอะแม่ ถ้าแม่มาคงไม่เจอผมหรอก แล้วที่สำคัญถ้าแม่มาแล้วใครจะดูกิจการล่ะ ไม่ต้องมาหรอกครับ นะๆ” หญิงสาวพยายามหว่านล้อมอีกคนอย่างเต็มที่
“แน่ใจนะ? ว่าไม่เป็นไร”
“คร้าบบบบ”
“งั้นก็ตามใจ แต่โทร.มาหากันบ้างหายไปนานเดี๋ยวแม่จะตัดชื่อแกออกจากพินัยกรรม” หญิงวัยกลางพูดขู่ลูกชาย
“โธ่แม่อะ!”
“ฮ่าๆๆ แค่นี้ก่อนนะเดี่ยวแม่จะไปดูงานต่อแล้ว แม่รักแกนะชานยอล”
“ครับ....ผมก็รักแม่นะครับ”
ร่างโปร่งยิ้มออกมาเมื่อก่อนที่สายจะถูกตัดไป ใจจริงก็อยากเจอครอบครัวใจจะขาด แต่ติดอยู่ตรงที่สภาพร่างกายยังไม่พร้อมที่จะให้ใครเห็น
เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสามหายไปนานและตัวเองก็ไม่มีที่จะให้ไปแล้วชานยอลจึงคิดที่จะไปหาเพื่อนทั้งสามแทน ร่างโปร่งมุ่งหน้าไปยังเกทของผู้โดยสารขาออกเพื่อไปสมทบกับเพื่อนๆ แต่ระหว่างทางก่อนจะถึงเกทกลับมีบ้างอย่างที่ทำให้ชานยอลชะลอการเดินให้ช้าลง
ผู้ชายร่างสูงสวมเสื้อแขนยาว มีหมวกไหมพรมสีดำที่สวมทับเส้นผมสีบลอนด์ทองพร้อมกับแว่นกันแดดราคาแพงที่ปิดบังใบหน้าคมเอาไว้
แต่ชานยอลจำเขาได้....จำได้ดี
คริส.......
ร่างที่สูงจนดูโดดเด่นเดินตรงมายังทางที่ชานยอลยืนอยู่ ทำให้หญิงสาวถึงกับก้าวขาเดินต่อไปไม่ได้ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ใจที่เต้นแรงทำให้ชานยอลเริ่มทำตัวไม่ถูก รอยยิ้มบางๆ เริ่มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหวานเมื่ออีกคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชานยอลมั่นใจว่าคริสต้องมองเห็นตัวเองแน่ๆ เพราะรอบบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่
แต่รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าก็ต้องหายไปพร้อมกับใจที่หล่นหาย เมื่อคนร่างสูงกลับเดินผ่านตัวเองไปโดยไม่มีคำทักทายใดๆ ทั้งสิ้น! และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ข้างๆ กายของคริสยังมีใครอีกคนเดินอยู่ข้างๆ กันอีกด้วย
ร่างโปร่งรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวความสับสนถาโถมเข้าใส่พร้อมความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าอย่างอธิบายไม่ถูก ถ้าหากเป็นอย่างเมื่อก่อน อย่างน้อยคริสก็ต้องยิ้มให้กับเขาเมื่อเห็นหน้า แต่ครั้งนี่กลับไม่มี แม้แต่จะหันมามองกันสักนิดก็ยังไม่มี!
ในขณะที่หญิงสาวกำลังตกอยู่กับความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชานยอลไม่ทันสังเกตว่าอีกคนหันมายกยิ้มให้อย่างเยือกเย็น....
“ยอลลี่!! ยอลลี่!!!! วิ่งเร็ว วิ่งๆๆๆ”
เสียงคริสตัลตะโกนมาตั้งแต่ไกลก่อนจะวิ่งเข้ามาคว้าแขนเพื่อนให้วิ่งตาม
“อะไรของแกเนี้ย!!!” ถึงจะงงแต่ก็ยังคงวิ่งตามเพื่อนไป
“พี่คริส! เมื่อกี้ฉันเห็นพี่คริส!!!”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่คริสตัลบอก ร่างโปร่งจึงฉุดตัวเพื่อนไว้ให้หยุดวิ่งทันที
“ไม่ต้องตามไปหรอก....” หญิงสาวพูดขึ้นอย่าแผ่วเบา
“แกไม่อยากตาม แกฉันอยากตาม มานี่เลย!!!”
ร่างเล็กออกแรกฉุดเพื่อน แต่ชานยอลก็ยังรั้งคริสตัลเอาไว้
“อย่าเลยเขามากับแฟน”
“แกรู้ได้ไงว่าเป็นแฟนเขา?” ร่างเล็กเอียงใบหน้าหวานเอียงถามคนตรงหน้า
“ไม่รู้....” ชานยอลก้มหน้าไม่สบตาเพื่อน
“อย่าอุปาทานไปเองเหมือนตอนใช้ 3G สิ!”
“แล้วแกจะไปยุ่งกับเขาทำไมห๊ะ!” ชานยอลตะเบงเสียงออกมาอย่างเหลืออด
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยวะ” คริสตัลถามเพื่อนด้วยสีหน้างงๆ
“ฉันไม่ชอบตานั่น!!!”
ชานยอลพูดเสียงดังชัดเจนจนเพื่อนต้องถอนหายใจออกมา
“คริสตัล เมื่อกี้แกวิ่งทำไม?” ฮยอนอาที่เพิ่งเดินมาคว้ามือเพื่อนมาถาม
“ก็เมื่อกี้ฉัน....”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไปคริสตัลก็ต้องหยุดคำพูดไว้เมื่อเห็นเพื่อนร่างโปร่งทำตาโตเป็นเชิงห้าม
“เปล่าไม่มีอะไรแค่เห็นยัยยอลลี่เดินมาพอดีเลยวิ่งเข้ามาหามัน”
ร่างโปร่งผ่อนสีหน้าลงเมื่อเพื่อนตอบไปอีกอย่าง
“เออแกๆๆ พี่ชายยัยซอลลี่มาแล้วโน้นๆๆ”
ทั้งสองหันไปมองตามที่ฮยอนอาชี้ให้ดูก็เห็นซอลลี่กำลังเดินมากับหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูสุขุมนุ่มลึก ท่าทางจะเป็นคนอบอุ่นใจดีเพราะดูจากการที่เขากำลังคุยเล่นกับซอลลี่แล้วน่ารักไม่ใช่น้อยและคนคนนั้นก็คือ....
“พี่ชางมินนนนนนน!!!”
คริสตัลตะโกนร้องออกมาก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายเพื่อนอย่างอย่างไม่อายคนรอบข้าง
“หนิ!! ยัยชะนีเผือกสงวนเวิร์บหน่อยสิยะ! มานี่เลย!”
ฮยอนอาดึงตัวคริสตัลออกมาจากหนุ่มร่างสูงที่ยิ้มให้อย่างใจดี
“เป็นไงกันบ้างสาวๆ ไม่เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนั่น.....”
ชายหนุ่มถามก่อนจะมองไปยังหญิงสาวร่างโปร่งที่ยืนเงียบอยู่คนเดียว
“คนนี้ชื่อยอลลี่ค่ะ เพื่อนใหม่เราเอง” น้องสาวของหนุ่มร่างสูงแนะนำเพื่อนของตัวเองให้รู้จัก
“สวัสดีครับน้องยอลลี่” ร่างสูงทักทายชานยอลที่ตอนนี้หน้าตาไม่น่าบอกบุญสักเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ พี่ชางมิน...ใช่ไหมค่ะ?” หน้าหวานยิ้มให้บางๆก่อนจะถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
รอยยิ้มที่อบอุ่นถูกส่งให้กับชานยอล
“เรียบร้อยใช่ไหม? งั้นไปที่รถกันเถอะ” ชานยอลตัดบทสนทนาก่อนจะหันไปถามเพื่อนๆ
“เรียบร้อยแล้ว กลับกันเถอะ” ซอลลี่บอกก่อนจะพาพี่ชายของตัวเองเดินนำหน้าไป
หลังจากไปกินข้าวเลี้ยงต้อนรับการมาของชางมินเป็นที่เรียบร้อย สารถีคนงามก็ตระเวนขับรถส่งเพื่อนถึงบ้านทีละคน เมื่อส่งเพื่อนครบเป็นที่เรียบร้อยก็มุ่งหน้ากลับหอพักของตัวเองทันที วันนี้ทำให้ชานยอลรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะขับรถมาทั้งวัน
ร่างโปร่งเดินไปตามโถงทางเดินของหอพักอย่างเหนื่อยหน่าย แต่เหนื่อยกายก็ไม่สำคัญเท่าเหนื่อยใจ ชานยอลยอมรับว่าการที่ถูกคริสเมินใส่ในวันนี้มันทำให้เขารู้สึกจี๊ดอยู่ไม่น้อย ยิ่งคิดถึงอีกคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มีความรู้สึกติดลบกับอีกคนมากเท่านั้น
“อย่าเจอกันอีกเลยนะ!”
หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะไขประตูเข้าห้องตัวเองไป
หญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ชานยอลเล็งตำแหน่งของเตียงก่อนจะโยนกระเป๋าของตัวเองออกไป มือเรียวควานหาสวิทช์บนฝาผนังห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะได้แตะสวิทช์ร่างโปร่งก็ถูกใครบางคนเข้ามาล็อคตัวเอาไว้จากด้านหลังซะก่อน!
“เฮ้ย!! แกเป็นใครวะ! ปล่อยนะโว้ยยยย!!”
ร่างโปร่งพยายามดิ้นให้หลุดจากการโดนล็อคตัวแต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เพราะอีกคนจะแรงเยอะกว่ามาก
“ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”
เมื่ออีกคนเปล่งเสียงออกมาทำร่างโปร่งถึงกับหยุดการกระทำทุกอย่างลง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มาผิดห้องหรือเปล่าคะ?” ชานยอลถามเสียงนิ่ง
“ถ้ากุญแจดอกนี้ไขประตูห้องเข้ามาได้ก็แสดงว่าถูกห้อง”
เสียงกุญแจที่เขาหยิบติดตัวไปด้วยหลังจากวันนั้นดังอยู่ข้างๆ ตัว พร้อมกับเสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างๆ หู
“ออกไป”
“ไม่เจอกันตั้งนานไม่คิดถึงกันหรอ หื้มมม?”
ร่างสูงเปลี่ยนจากการล็อคตัวเป็นการกอดร่างของหญิงสาวก่อนจะฝังจมูกโด้งลงบนแก้มของชานยอลเบาๆ
“ออกไปซะ” น้ำเสียงของชานยอลเย็นชาเสียจนน่ากลัว
“ไม่คิดถึงพี่จริงๆ หรอ” ร่างสูงยังคงทำน้ำเสียงอ้อนอีกคน
“ไม่!!!”
ชานยอลสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของอีกคนก่อนจะหมุนตัวกลับหลังหันเตะร่างสูงไปอย่างแรงจนอีกคนถึงกับลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีก! ออกไปได้แล้ว!!” ชานยอลตะคอกใส่อีกคน
“เก่งนักนะยอลลี่!” ร่างสูงกลั้นความเจ็บปวดไว้ก่อนจะลุกขึ้นมาดันตัวอีกคนจนติดผนังห้อง
“หึ เก่งไม่เก่งก็สายดำอ่ะนะ” ชานยอลยกยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เราจะคุยกันดีๆ สักครั้งไม่ได้หรือไงยอลลี่” อีกคนถามอย่างจริงจัง
“ไม่!! ไม่มีวัน!”
ฝ่ามือเล็กผลักหน้าอกของอีกคนออกไปก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟ
ทันทีที่ไฟในห้องสว่างขึ้นทำให้คนทั้งสองเห็นหน้ากันได้ชัดมากกว่าเดิม
หนึ่งปีที่คริสหายไป แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเว้นเพียงแต่สีผมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
แต่ในสายตาคริส ชานยอลดูเปลี่ยนไปหญิงสาวดูสวยกว่าเดิมมาก อาจเป็นเพราะการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน แต่การพูดการจาที่ชานยอลใช้พูดกับเขายังเหมือนเดิม
“ตกลงจะไม่ไปใช่ไหม? ได้! เดี๋ยวฉันไปเอง!!”
ร่างโปร่งคว้ากระเป๋าที่โยนทิ้งไว้บนเตียงก่อนจะเดินออกมาจากห้องโดยไม่หยุดตามเสียงเรียกของคริสเลย
ชานยอลขับรถออกไปอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับพยายามสร้างกำแพงขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองไม่ให้ยอมใจอ่อนกับผู้ชายคนนั้นเพราะคิดว่าอีกคนไม่ได้ประสงค์ดีกับตัวเองอย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์ตอนกลางวันมันยังติดตรึงอยู่ในใจและอีกอย่างคือ…..คริสกลับมาพร้อมกับใครอีกคน
ความคิดเห็น